เมื่อผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งพูดเช่นนี้ เอ็ดเวิร์ดก็ตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เขายอมรับว่ากองทัพทั้งเก้านั้นเป็นหนามยอกอกของพวกเขา และพวกเขาต้องการที่จะถอนรากถอนโคนกองทัพทั้งเก้ามานานแล้วก่อนหน้านี้พวกเขาวางแผนที่จะฆ่าผู้คนที่เข้ามาจากดินแดนรกร้างแบบซึ่ง ๆ หน้า และกองทัพทั้งเก้าจะต้องเข้าร่วมการต่อสู้อย่างแน่นอน เนื่องจากพวกเขาเป็นสมาชิกของกองกำลังปฏิภาคี พวกเขาจะออกมาสู้แน่ แม้ว่าจะเป็นแค่การแสดงก็ตามทีพวกเขาแอบแจ้งกองกำลังอื่น ๆ ที่เป็นสมาชิกของกองกำลังภาคีให้มาช่วยพวกเขาแล้ว นี่จะทำให้พวกเขามั่นใจได้ว่าจะสามารถกำจัดกองทัพทั้งเก้าได้อย่างไม่ยากเย็นดูจากเวลาแล้ว เขาประเมินว่าศิษย์จากเผ่าดาบราชันย์น่าจะกำลังมาถึงในไม่ช้า และเขาก็ต้องการรอนั้นก่อน ทว่าผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งและสมาชิกคนอื่น ๆ โกรธเพราะการตายของผู้อาวุโสลำดับที่สี่ ดูเหมือนว่านอกจากโจมตีกองทัพทั้งเก้าแล้ว เขาจะไม่มีทางเลือกอื่นอีก“อย่างนั้นก็ได้ แต่อย่างน้อยเราก็ต้องหาเหตุผลถูกไหม? มันคงไม่ดีเท่าไหร่แน่ ๆ หากเราไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น!” เอ็ดเวิร์ดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และพูดอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวด “เพราะอย่างไรเสีย เราก็เ
"ถูกต้อง! เราไม่เคยเห็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์เช่นนี้มาก่อน!” หลายคนเริ่มหัวเราะ“แน่นอนสิ นี่คือพี่ใหญ่ของผม!” แรนดัลล์ยังมีสีหน้าภาคภูมิใจในขณะที่เขาพูดอย่างมีความสุข “ในที่สุดผมก็ทะลวงเข้าสู่ขั้นที่หนึ่งในระดับเทพสูงสุดได้ น่าเสียดาย การจะไล่ตามพี่ชายของผมได้นั้นมันยากเกินไป ผมคิดว่าในช่วงชีวิตนี้คงเป็นไปไม่ได้!”"ถูกต้อง! ถ้านายน้อยเฟนด์ไม่มอบทักษะศิลปยุทธให้แก่เรา เราจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นที่หนึ่งระดับเทพสูงสุดได้อย่างไร?!” ผู้อาวุโสอีกคนของตระกูลแลงคาสเตอร์กล่าวอย่างมีความสุข อายุขัยของเขาหลังจากทะลวงเข้าสู่ขั้นที่หนึ่งในระดับเทพสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็นสองร้อยปีแล้ว อายุขัยที่เพิ่มขึ้นเช่นนี้เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างยิ่งสำหรับชายชราเช่นเขาซึ่งอยู่ในวัยเจ็ดสิบปีแล้วอีกทั้งหลังจากที่เขาทะลวงผ่านไปได้ เขาก็ดูอ่อนกว่าวัยขึ้นมาก“หากพวกคุณอยากตอบแทนน้ำใจ ในการต่อสู้ต่อไปก็ต้องสู้กันแบบสุดชีวิต เฟนด์กับคนอื่น ๆ กำลังซื้อเวลาให้เรา เพื่อให้เราได้ทะลวงได้เร็วขึ้นด้วยทรัพยากรเสริมพลังยุทธที่เราได้รับ เมื่อถึงเวลา ผมมั่นใจว่าเราไม่อาจหลบหนีจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ได้ และเราไม่รู้ว่าสมาชิกของ
“วิเศษไปเลย! พวกเขาปล่อยเราไปจริง ๆ เหรอ?” ผู้นำตระกูลลึกลับชั้นสามตื่นเต้นมากจนน้ำตารื้น พวกเขาจะไม่ถูกเผ่ากระหายเลือดตามล่าอีกต่อไปแม้ว่าเฟนด์และคนอื่น ๆ จะทะลวงผ่านแต่ละขั้นไปได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็มีผู้เสียชีวิตอยู่ไม่น้อยและพวกเขาก็เหลือกันอยู่ไม่กี่คน แม้ว่าจะมีสมาชิกในขั้นที่หนึ่งระดับเทพสูงสุดเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่อาจเทียบกับคู่ต่อสู้ของเผ่ากระหายเลือดได้ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าพลังยุทธของเฟนด์และของคนอื่น ๆ จะสูงเพียงใด แต่พวกเขาจะไม่มีวันเทียบเคียงกับปรมาจารย์ของเผ่ากระหายเลือดได้นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขารู้สึกราวกับถึงคราวฆาต หากการต่อสู้ยังดำเนินต่อไปเช่นนี้ และการเอาจะชีวิตให้รอดนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่พวกเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าสมาชิกของเผ่ากระหายเลือดจะล่าถอยไปตอนนี้“ประหลาดเสียจริง ทำไมพวกเขาทั้งหมดถึงล่าถอยออกไปได้?” อีธานขมวดคิ้ว เขางงกับสิ่งที่เกิดขึ้นแซมคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และพูดว่า “ไม่ว่าจะยังไง การล่าถอยไปเช่นนี้ก็ถือป็นเรื่องดี ใกล้จะถึงเวลาบ่ายแล้ว และหากเราผ่านช่วงบ่ายไปได้ พวกเขาก็จะไม่กลับมาตามล่าเราในตอนกลางคืนอีก ถึงกระนั้นเราทุกคนก็ควรเพิ่มระดับพลังยุท
"ถูกต้อง หากพวกคุณคิดจะไปจากที่นี่ก็ไปได้เลย และเรายังพร้อมอ้าแขนรับผู้ที่ต้องการอยู่ต่อด้วย แต่ถ้าพวกคุณเลือกที่จะจากไปตอนนี้ แล้วต้องเผชิญกับเผ่ากระเลือดในภายหลัง ก็อย่าโทษตระกูลวู๊ดของเราหากเราไม่ช่วยคุณ” โยลันดาพูดเสริม “นายน้อยเฟนด์มีแผนอยู่แล้ว ถึงได้ขอให้เรารอที่นี่ ถ้าพวกคุณอยากจะออกไปตอนนี้ เราก็จะไม่รั้งพวกคุณไว้!”"ถูกต้อง!" ผู้อาวุโสอีกคนของตระกูลวู๊ดกล่าวเสริม “ผู้อาวุโสโยลันดาพูดถูก หากท่านใดคิดจะแยกตัวออกไปตอนนี้ ก็เชิญได้เลย พูดกันตรง ๆ การที่พวกเรามีกันมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี และบางคนก็อาจเป็นตัวถ่วงของเราด้วย การที่คนน้อยลงน่าจะง่ายกับเรามากกว่า!”ทุกคนก้มหน้า ไม่มีใครกล้าออกไปหลังจากได้ฟังคำพูดของพวกเขาพวกเขาไม่ใช่คนโง่ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเฟนด์และคนอื่น ๆ พวกเขาก็คงจะรอดไปได้ยากแม้ว่าพวกเขาจะออกจากผืนป่านี้ไปแล้วก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าสมาชิกของเผ่ากระหายเลือดได้ส่งศิษย์มาคุ้มกันบริเวณป่าบ้างหรือไม่เมื่อสังเกตเห็นว่าไม่มีใครยืนกรานในเรื่องนั้นอีกต่อไป เฮเลน่าจึงเดินไปข้างหน้าและพูดอย่างยิ้มแย้มว่า “พวกเรา ตระกูลคาเบลโลจะไม่ไปไหนแน่นอ
“เป็นไปได้ยังไง? นายน้อยเฟนด์สังหารผู้อาวุโสของเผ่ากระหายเลือดไปคนหนึ่งงั้นเหรอ? นั่นหมายความว่านายน้อยเฟนด์จะสามารถต่อสู้กับหัวหน้าเผ่าของพวกเขาได้งั้นหรือ” สมาชิกบางคนของตระกูลลึกลับรู้สึกตกใจอย่างมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้“เยี่ยมมาก! ตอนนี้เรามีปรมาจารย์อยู่กับเราหลายคน เมื่อรวมกับผู้ที่ทะลวงเข้าสู่ขั้นที่หนึ่งและขั้นที่สองระดับเทพสูงสุดของที่นี่ เราก็เป็นทีมที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง สมาชิกของเผ่ากระหายเลือดจะไม่ทำให้เราทุกข์ร้อนได้ง่ายนัก!” เฮเลน่ายิ้มอย่างมีความสุข ทุกคนรู้สึกโล่งใจและมั่นใจ เมื่อรู้ว่ามีหลายคนที่มีพลังยุทธสูง และเฟนด์ยังสามารถฆ่าผู้อาวุโสของเผ่ากระหายเลือดได้คนหนึ่งด้วย“พระเจ้า ผู้นำตระกูลของเรา… ผู้นำตระกูลของเราก็อยู่ในขั้นที่หกในระดับเทพสูงสุดเหมือนกันงั้นเหรอ?” สมาชิดตระกูลคาเบลโลล้วนรู้สึกยินดีกับเรื่องดังกล่าวนี้ และผู้อาวุโสหลายคนก็ถึงกับตัวสั่นขณะที่พวกเขาพูด พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าอเล็กซานเดอร์ คาเบลโล หัวหน้าตระกูลของพวกเขาจะทะลวงเข้าสู่ขั้นที่หกระดับเทพสูงสุดได้“ใช่ และต้องขอบคุณเฟนด์ ถ้าเขาไม่ให้ยาฉัน ฉันคงทะลวงไปเร็วขนาดนี้ไม่ได้หรอก! หากยาเหล่านี้ถูก
จากนั้น ออเรียลก็เรียกสมาชิกของตำหนักเทพยดา “คำนับเจ้าตำหนักคนใหม่ของทุกคน!”ตำหนักเทพยดาทั้งหมดซึ่งนำโดยผู้อาวุโสทำความเคารพอย่างกึกก้อง “ยินดีกับเจ้าตำหนักคนใหม่ในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งด้วย!”ในขณะเดียวกัน ออเรียลก็หยิบเอาสัญลักษณ์เจ้าตำหนักของเธอออกมาและส่งต่อให้เมโลดี้"เอาล่ะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันจะขอรับเสื้อคลุมของเจ้าตำหนักไปแล้วกัน” ในที่สุดเมโลดี้ก็พยักหน้ารับสัญลักษณ์นั้นไป “ทุกคนโปรดลุกขึ้นเถิด ต่อไปเราต้องฝึกฝนไปด้วยกันให้ดี แม้ว่าพื้นที่นี้จะเป็นสถานที่ที่ดีในการฝึก แต่ทุกคนก็ทราบดีว่ามีกองกำลังภาคีกำลังหมายหัวเราอยู่ และเราอาจเผชิญหน้ากับอันตรายที่มากขึ้นในอนาคตด้วย ไม่ว่าในตำหนักของเราจะเหลือกันมากน้อยขนาดไหน แต่ฉันก็หวังว่าทุกคนจะสามัคคีกันและร่วมแรงร่วมใจกัน!”ออเรียลยิ้มด้วยความพอใจเมื่อทุกคนยืนขึ้น “เจ้าตำหนักเมโลดี้ ตอนนี้เธอเป็นเจ้าตำหนักแล้ว ไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์ของเราอีกต่อไป ถอดผ้าคลุมออกเดี๋ยวนี้เลย”ใบหน้าของเมโลดี้ขึ้นสีชาดด้วยความเขินอาย ถึงกระนั้นเธอจะพยักหน้าก่อนจะค่อย ๆ ถอดผ้าคลุมที่เธอสวมมาหลายปีออกหลาย ๆ คนจากตระกูลอื่น ๆ ตั้งตารอที่จะได้เห็นรูป
“พวกเขาวางแผนนี้มานานหรือยัง” แนชขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “คุณหมายความว่าตอนนี้เผ่ากระหายเลือดพร้อมที่จะโจมตีกองทัพทั้งเก้า?”เฟนด์พยักหน้า “ผมว่าน่าจะมีโอกาสเป็นเช่นนั้นสูง ตลอดสองสามวันที่ผ่านมานี้พวกเขาคงฆ่าคนของเราไปไม่น้อย เพราะดูเหมือนในตอนนี้ไม่ได้เกิดการปะทะกันขึ้นบ่อยนัก แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเราได้ช่วยเหลือผู้คนที่เผชิญหน้ากับพวกเขาไว้และในระหว่างทางก็ได้แจ้งให้ผู้คนมาซ่อนตัวกันที่นี่”ผู้อาวุโสจากตระกูลลึกลับชั้นสองที่พูดก่อนหน้านี้ยิ่งมีความสุขเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้นเขาพูดอย่างตื่นเต้นว่า “วิเศษจริง ๆ! ดีเลย นายน้อยเฟนด์ หากพวกเขาโจมตีกองทัพทั้งเก้า เราจะได้ใช้โอกาสนี้หลบหนี!”คนอีกสองสามคนพยักหน้าอย่างตื่นเต้นในโอกาสที่น่าจะเป็นไปได้ดังกล่าวแต่ไม่คิดเลยว่าสีหน้าของเฟนด์จะแข็งกร้าวขึ้น เขาเริ่มถามชายคนนั้นว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้น เราจะหนีไปไหนได้? ตามความเข้าใจของผม หากพวกเขารู้ว่าพวกเราเข้ามาในพื้นที่นี้อย่างมามากมายมหาศาล กองกำลังภาคีจะส่งพรรคพวกคนอื่น ๆ ของพวกเขามาตามล่าเราอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเอลล่า ลาวีนที่ผมได้พบก่อนหน้านี้บอกผมว่าพื้นที่นี้ไม่ได้ใหญ่โตเท่า
“ประการแรก เราจะสามารถฆ่าลูกศิษย์ของเผ่ากระหายเลือดได้ หากเราร่วมมือกับกองทัพทั้งเก้าและจะได้ล้างแค้นให้กับตัวพวกเราเอง ประการที่สอง พวกเขาจะเป็นหนี้บุญคุณเราจากการที่เราไปช่วยพวกเขากำจัดเผ่ากระหายเลือด ซึ่งเราจะได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังปฏิภาคีอีกด้วย ถูกต้องไหม? นี่ไม่ดีกว่าการเคลื่อนไหวโดยไม่มีจุดหมายหรอกหรือ?” เฟนด์อธิบายต่อฝูงชนโดยแจ้งให้พวกเขาทราบถึงความตั้งใจของตัวเอง “ถึงแม้ว่าเราจะไปช่วยพวกเขาแต่ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไปช่วยตอนนี้ ปล่อยให้พวกเขาสู้กันให้ลากเลือดไปก่อน เพราะยังไงซะ กองทัพทั้งเก้าก็ได้พักผ่อนอย่างสบายใจตลอดเวลาที่เพิกเฉยต่อเราก่อนหน้านี้นี่ ถูกไหมล่ะ?”"ถูกต้อง! เราไม่ต้องรีบรุดไปช่วยพวกเขาหรอก เราก็ต้องมีเวลาพักผ่อนอย่างสบายใจบ้างเหมือนกัน” วีนัสมีความสุขมากขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งนี้“ฮ่าฮ่า…ไปกันเถอะ ทุกคนออกจากที่นี่แล้วไปดูกันว่าระหว่างทางจะพบพรรคพวกของเราหรือไม่ เราจะรวบรวมคนของเราเข้าด้วยกัน และถ้าเราพบศิษย์ของเผ่ากระหายเลือดเมื่อไหร่ เราจะฆ่าพวกเขาทันที แน่นอนว่าเราจะฆ่าคนจากดินแดนท้องทะเลด้วยหากเราได้เจอพวกเขา ผู้คนจากดินแดนท้องทะเลเป็นศัตรูของเราเสมอมา ด