แชร์

บทที่ 1753

ผู้เขียน: โมเนโต้
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
“คุณปู่ นี่มันเกี่ยวกับความเป็นความตายของมนุษย์เลยนะ! ยิ่งเราช้าคนจะยิ่งตายเยอะขึ้น! ถ้าเรายังชักช้าร่ำไร กว่าเราจะลงมือ ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะต้องตายอีกสักกี่คน!”

อาเธอร์ตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิมหลังจากที่ได้ยินสิ่งนี้ แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร

ถึงกระนั้น คูเปอร์ก็พูดต่อว่า “ต่อให้มีคนตายแล้วจะยังไงล่ะ? ฉันไม่อาจทำอะไรข้ามขั้นได้ ฉันต้องแจ้งเรื่องนี้ให้หัวหน้าป้อมปราการรู้ก่อนและจัดการกับเรื่องนี้ตามขั้นตอนที่เหมาะสม เข้าใจไหม? ถ้าเราไปแจ้งหัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่งโดยตรงโดยไม่แจ้งหัวหน้าป้อมปราการของเราก่อน ถ้าหัวหน้าป้อมปราการขุ่นเคืองใจจะทำยังไง? อีกอย่างพวกเขาเข้ากันไม่ใช่น้อย ๆ พวกเขาคงไม่ถูกกำจัดในเร็ว ๆ นี้หรอก! อีกทั้งผืนป่าก็กว้างใหญ่มาก พวกเขาต่างกระจัดกระจายไปทั่ว การจะพบพวกเขาก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย สมาชิกจากเผ่ากระหายเลือดที่เข้าไปในป่านั้นก็มีไม่มากนัก พวกเขาจะฆ่าพวกนั้นได้สักกี่คน!”

อาเธอร์และเฮนดริกพูดไม่ออก พวกเขาไม่คิดว่าคูเปอร์จะพูดแบบนี้ แต่อย่างไรตอนนี้พวกเขาก็ไม่มีทางทำอะไรได้อีก พวกเขาไม่มีพละกำลังมากพอ และไม่มีอำนาจในเรื่องที่ใหญ่เช่นนี้ พวกเขาทำได้เพียงรายง
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1754

    “ห้า…ห้าหมื่นถึงหกหมื่น?”น้ำเสียงของคีแรนดังขึ้นเล็กน้อย เขาสงสัยว่าตัวเองจะหูฝาดไป ถ้าสักแค่ห้าสิบถึงหกสิบหรือห้าร้อยถึงหกร้อยคน เขาก็คงไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร แถมนับจากเหตุการณ์นั้นก็ผ่านมานานมากแล้ว ตอนนั้นมีคนเข้ามาเพียงไม่กี่คน กองกำลังภาคีจึงไม่ได้สืบสวนเรื่องนั้น และแน่นอนว่าพวกเขาจะไม่สร้างความวุ่นวายใหญ่โตเกี่ยวกับมันด้วยแต่กับจำนวนห้าหมื่นถึงหกหมื่นคนนั้นมากเกินไป นอกจากนี้ หากคนเหล่านี้เข้ามาในพื้นที่นี้ พวกนั้นจะเก็บเกี่ยวหญ้าวิญญาณไปมากแค่ไหน? พวกเขาจะต้องสละทรัพยากรยุทธไปไม่น้อยเลย!ยิ่งกว่านั้น ทางเข้าก็ยังตั้งอยู่ในป่าใกล้กับกองทัพทั้งเก้า ป้าผืนดังกล่าวอาจเรียกได้ว่าเป็นสวนหลังบ้านของพวกเขา นอกเหนือจากสาวกจากเผ่ากระหายเลือดที่มาหาวัตถุดิบเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นครั้งคราว ผู้คนของกองทัพทั้งเก้าซึ่งอยู่ใกล้ป่ามากที่สุดจึงสะดวกที่จะไปที่นั่นที่สุดตอนนี้มีคนหลายหมื่นคนเข้าไปในป่าแล้ว ในชั่วพริบตาพวกเขาอาจจะใช้ทรัพยากรยุทธไปมากมาย คีแรนรู้สึกว่าหัวใจของเขารวดร้าว เมื่อนึกไปถึงจำนวนทรัพยากรยุทธที่ถูกพรากไป“หัวหน้าป้อมปราการ เราควรทำยังไงกับเรื่องนี้? เราไม่ได้เตร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1755

    ดังนั้นปัญหาใหญ่ที่เฮนดริกว่า จึงแทบไม่อยู่ในสายตาของคนเป็นพ่อเลย "ฟังนะพ่อ คนพวกนั้น… คนพวกที่มาจากดินแดนรกร้างได้เข้ามาที่นี่แล้ว! และพวกเขาก็แอบเข้ามากันกว่าแสนคน! เราได้เจอกับพวกเขาบางคนและได้พูดคุยกับพวกเขาด้วย อีกทั้ง…" เฮนดริกพรั่งพรูถึงสิ่งที่เขาพบเจอมาด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนดี "เดี๋ยว อะไรนะ กว่าแสนคน?” ไค พ่อของเฮนดริกรู้สึกทึ่งกับตัวเลขเมื่อได้ยิน แค่มีคนนอกเข้ามาที่นี่สักหมื่นคนมันก็คงจะวุ่นวายมากแล้ว นับประสาอะไรกับคนเรือนแสน! เมื่อไคตั้งสติได้หลังจากได้ยินข่าวที่น่าตกใจนี้ เขาจึงพูดขัดจังหวะเฮนดริกก่อนที่ลูกชายจะพูดจบประโยค “เฮนดริก นี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แล้วนะ ลูกควรจะพูดความจริงออกมา ลูกแน่ใจหรือว่าสิ่งที่ลูกพูดเป็นความจริง?” เอลล่าที่ยืนอยู่ข้างเฮนดริกก้าวไปข้างหน้าและช่วยยืนยันคำพูดของพี่ชาย “จริงสิพ่อ! พี่ไม่โกหกพ่อกับเรื่องแบบนี้หรอก! มันเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น! แถมในหมู่คนพวกนั้นยังมีอัจฉริยะมากพรสวรรค์ที่ชื่อเฟนด์อีก เขาเคยช่วยชีวิตฉันมาแล้ว! ฉันคิดว่าอย่างน้อยเขาก็น่าจะทะลวงถึงขั้นที่สองระดับเทพสูงสุด หรืออาจจะถึงขั้นที่ส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1756

    ในตอนนั้นทุกคนหันไปหาผู้อาวุโสคูเปอร์ ผู้อาวุโสคูเปอร์ยิ้มแล้วอธิบายต่อฝูงชนว่า “ท่านสุภาพบุรุษทั้งหลาย มีคนเข้ามาที่นี่ประมาณหกแสนคน ในจำนวนนี้เป็นคนจากแผ่นดินใหญ่สามถึงสี่แสนคน ในขณะที่อีกสองแสนคนที่เหลือมาจากดินแดนท้องทะเล ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าพวกเขาเข้ามาได้อย่างไร แต่ตอนนี้พวกเขาก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ยิ่งกว่านั้น พวกเขาเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ประมาณยี่สิบวันแล้ว ในช่วงยี่สิบวันที่ผ่านนี้ มีอัจฉริยะมากพรสวรรค์บางคนได้ทะลวงไปสู่ระดับเทพสูงสุดแล้ว” “พระเจ้า! พวกเขาอยู่ที่นี่มายี่สิบวันแล้วเหรอ? คนต่างถิ่นพวกนี้อยู่ที่นี่มาตั้งหลายวันแล้ว แต่เราเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง!” “ใช่ เราประมาทเกินไป! ผมคงจะยากที่เราจะสังเกตเห็นการปรากฏตัวของพวกเขา หากพวกเขาเข้าและออกจากป่าในช่วงเวลาสั้น ๆ” "ไม่หรอก เป็นไปไม่ได้ที่เราจะไม่รู้ตัว เพราะพวกเขาเข้ามากันหลายแสนคนและในหมู่พวกเขาก็มาจากชนเผ่าและตระกูลต่าง ๆ และพวกเขาก็ไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกันอีกด้วย ต้องมีความบาดหมางกันระหว่างชนเผ่าและตระกูลพวกนั้นแน่” ฝูงชนอ้าปากค้างทันทีที่ผู้อาวุโสคูเปอร์ทิ้งระเบิดอีกลูกออกมา เอลล่าฝืนยิ้มแหยและทำหน้าเหยเกเล็กน้อย ควา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1757

    ผู้อาวุโสจากป้อมปราการขมวดคิ้วเข้าหากันขณะที่เขาถอนหายใจด้วยความหมดหนทาง รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก "ผมเห็นด้วย พวกเขามีกันมากเกินไป! หากเรายืนหยัดขึ้นปกป้องพวกเขา เผ่ากระหายเลือดจะเข้ามาเล่นงานเราอย่างแน่นอน และหากเราต้องทำสงครามกับพวกเขา เราอาจต่อกรกับพวกเขาไม่ได้!” ผู้อาวุโสอีกคนพูดขึ้น เขาเคยชินกับชีวิตที่สุขสงบและไม่อยากต่อต้านเผ่ากระหายเลือด “อืม… เอาอย่างนี้ดีไหม?” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งครุ่นคิดก่อนจะขัดบทสนทนา “หัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่ง ผมมีความคิดหนึ่ง เราทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้ดีไหม? อย่างไรเสียนายน้อยอาเธอร์ก็บอกเฮเลน่า คาเบลโลและคนของเธอเพียงแค่ว่าเขาจะกลับมาคุยกับเรา และมีเพียงเฮเลน่าและพรรคพวกของเธอเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ อีกอย่างผมว่าป่านนี้พวกเขาน่าจะถูกสมาชิกของเผ่ากระหายเลือดฆ่าไปหมดแล้ว และเพราะพวกเขาตายไปแล้ว จึงไม่มีใครเป็นพยานจะมาปรักปรำเราได้! เราก็แค่แสร้งทำเป็นว่าเราไม่รู้ว่าพวกเขาเข้ามาที่นี่ อย่างนี้แล้วหากกองกำลังปฏิภาคีรู้เรื่องเข้า พวกเขาก็จะไม่ถือโทษเรา!” "เป็นความคิดที่ดีมาก! ช่างเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ! ตกลงตามนั้นแหละ แกล้งทำเป็นไม่รู้เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1758

    “จะมาทะเลาะกันทำไม? ผมขอให้ทุกคนมาหารือกัน ไม่ใช่ให้มาทะเลาะกัน!” หลังจากฟังมาพักหนึ่ง หัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่งก็ตำหนิขึ้น น้ำเสียงของเขาฟังดูเหลืออด เขาไม่คาดคิดว่าความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้จะแตกออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งไม่เห็นด้วยกับการช่วยเหลือคนนอก ขณะที่อีกฝั่งสนับสนุนการช่วยเหลือคนนอก ความเงียบเข้าครอบงำห้องประชุมทันทีที่ฝูงชนเห็นว่าหัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่งกำลังโกรธจัด หลังจากเงียบไปสองสามวินาที หัวหน้าป้อมปราการลาวีนก็ได้แสดงความคิดของเขาต่อหัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่ง “หัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่ง ผมคิดว่าหากเราอดกลั้นมานานเกินไป ความแข็งแกร่งและพลังโดยรวมในปัจจุบันของเราก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพวกเขาแต่อย่างใด ถ้าเราช่วยคนเหล่านั้น พวกเขาจะต้องมาอยู่ข้างเราอย่างแน่นอน! บางทีที่อาจจะกลายเป็นโอกาสที่เราจะก้ามขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงกว่านี้ เมื่อถึงเวลานั้น คุณไม่คิดว่าเผ่ากระหายเลือดก็จะต้องแสดงความเคารพต่อเราบ้างหรือ?” “หัวหน้าป้อมลาวีน คุณพูดเข้าท่า!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ทำงานให้กับหัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่งพยักหน้าเห็นด้วย “คนนอกพวกนั้นคงต้องรู้สึกอกสั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1759

    “ใช่ค่ะ หัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่ง ผู้ชายคนนั้นอาจจะทะลวงเข้าสู่ขั้นที่สองหรือสามของระดับเทพสูงสุดได้แล้วด้วย!” เอลล่าคิดแวบหนึ่งแล้วเอ่ยตอบ ออสตินจมสู่ห้วงความคิดอีกครั้ง ก่อนที่สุดท้ายเขาจะพูดขึ้นว่า “เอาอย่างนี้ดีไหม? ในความเห็นของผม เผ่ากระหายเลือดจะไม่เริ่มทำสงครามกับพวกเราแบบสุ่มสี่ส่มห้าหรอก หากเราและคนนอกร่วมกันต่อสู้กับพวกเขา ถึงพวกเขาจะชนะการต่อสู้แต่พวกเขาจะต้องเผชิญกับสูญเสียครั้งใหญ่เช่นกัน ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะพร้อมจะจ่ายค่าตอบแทนราคาสูงขนาดนี้ ดังนั้น ผมคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่เราจะแกล้งปิดตาข้างนึงได้!” “หัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่ง คุณหมายความว่าเราจะช่วยคนพวกนั้น?” เมื่ออาเธอร์ได้ยินคำพูดของออสติน จิตใจของเขาก็เบิกบานและเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น ออสตินพยักหน้ายืนยัน “ว่าก็ว่าเถอะ อย่างน้อยเราควรจะดึงอัจฉริยะมากความสามารถเหล่านั้นจากพวกคนนอกมา ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาจะต่อสู้กันเพื่อชิงสมบัติและทรัพยากรในป่าอย่างแน่นอน แถมสมาชิกของเผ่ากระหายเลือดก็จะตามล่าพวกเขาด้วย ดังนั้นพวกเขาจะสูญเสียคนไปไม่น้อยอย่างแน่นอน และเมื่อถึงเวลานั้นจะเหลือแค่นักสู้ที่แข็งแกร่งและมีค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1760

    "พ่อ!"เอลล่าอยู่ไม่สุข เมื่อเธอนึกไปถึงการที่เฮเลน่าและเฟนด์เป็นคนดีเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาช่วยชีวิตเธอเอาไว้ จึงเป็นธรรมดาที่เธอจะต้องการให้ผู้คนในกองทัพทั้งเก้าช่วยเหลือเฟนด์และคนอื่น ๆ โดยเร็วที่สุดนั่นเป็นเหตุผลที่เธออดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าและดึงแขนเสื้อของไค ทั้งยังพยายามพูดเป็นนัยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนถึงกระนั้นไคก็ส่ายหน้าใส่ทั้งเธอและเฮนดริก “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับป้อมปราการของเรา และเกี่ยวข้องกับการอยู่รอดหรือการล่มสลายของกองทัพทั้งเก้า พ่อรู้ว่าชายหนุ่มที่ชื่อเฟนด์ช่วยชีวิตลูก เอลล่า และลูกเองก็ต้องการช่วยเขาในทันที แต่เราไม่อาจตัดสินใจเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ได้ด้วยตัวเอง เราต้องให้ทุกคนหารือเรื่องนี้และให้เสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยก่อนที่จะลงมือ!”เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้ ไคก็หยุดไปชั่วขณะก่อนที่จะพูดต่อ “เห็นได้ชัดว่าการตัดสินใจของหัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่งนั้นดีที่สุดสำหรับตอนนี้ ใคร ๆ ก็เห็นด้วย เราก็ต้องเห็นด้วยเหมือนกัน เข้าใจไหม? หากเฮเลน่าและคนอื่น ๆ ตายไปแล้ว ลูกจะต้องบอกว่าเรารีบรุดออกไปช่วยทันทีที่ได้ยินเสียงของการต่อสู้ในป่ารุนแรงขึ้น ลูกต้องอธิบายไปแบ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1761

    นอกจากนั้น ภายนอกกองทัพทั้งเก้าอาจดูคล้ายกองกำลังขนาดใหญ่ แต่แน่นอนว่าในแต่ละป้อมปราการย่อมมีหนทางที่ต่างกัน หากพวกเขาต้องการเริ่มการต่อสู้ขึ้นมาจริง ๆ สมาชิกของป้อมปราการบางแห่งอาจจะไม่ยอมทำตามทั้งหมดเพราะพวกเขากลัวว่าสมาชิกมากมายจะต้องตายดังนั้น ผู้ที่ต้องการมีชีวิตอยู่คงต้องพยายามอย่างเต็มที่ในการเพิ่มพลังยุทธและเพิ่มพลังในการต่อสู้ของทุกคน เช่นนั้นแล้วพวกเขาจึงจะสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันได้ต้องกล่าวว่าทักษะยุทธที่เฟนด์ได้รับในครั้งนี้เป็นทักษะที่ดีเป็นพิเศษ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ฝึกฝนในตอนกลางวัน แต่ลมปราณในร่างกายของเขาก็ยังเคลื่อนต่อไปได้ สิ่งนี้ช่วยให้เขาดูดซับพลังฉีจากบรรยากาศได้ ซึ่งจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นและทำให้พลังยุทธของเขาคงที่ ถ้าเขานั่งฝึกในเวลากลางคืนด้วยทักษะยุทธดังกล่าว จะต้องได้ผลที่ดีกว่านี้แน่นอน'จากสถานการณ์ปัจจุบัน ระดับของฉันจะคงที่อย่างสมบูรณ์ในอีกสองวันข้างหน้า เมื่อถึงตอนนั้น ฉันจะสามารถลองบ่มเพาะโอสถขั้นกลางระดับสามได้ และฉันก็จะไม่ต้องกลัวปรมาจารย์ที่อยู่ในระดับเทพสูงสุด’ เฟนด์แอบคิดและคาดหวังกับมันเล็กน้อย หากเขาไม่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29

บทล่าสุด

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2455

    ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2454

    ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2453

    เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2452

    พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2451

    “สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2450

    ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2449

    เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2448

    กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2447

    ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ

DMCA.com Protection Status