สกาย แลนสันไม่สามารถพูดอะไรได้ แม้ว่าจะไม่พอใจเอลล่าก็ตาม ดังนั้นเธอจึงพูดกับอาเธอร์ด้วยรอยยิ้มว่า “นายน้อยอาเธอร์ เราควรไปกันต่อได้รึยัง? เธอกลับมาจากการค้นหาของล้ำค่าแล้ว และเรายังมือเปล่าอยู่เลย”ทว่าอาเธอร์แสร้งทำราวกับไม่ได้ยินที่เธอพูด เขาพูดกับเอลล่าอย่างยิ้มแย้มว่า “มาเถอะ เอลล่า ทำไมไม่เข้าร่วมกับเราและเข้าไปในป่าด้วยกันอีกสองสามวัน? หลังจากกลับมานี่เธอก็ไม่ได้มีธุระอะไรที่ไหนแล้วใช่ไหม? ถ้าเธอเข้าร่วมกับเราจะไม่ทำให้คุณปลอดภัยขึ้นหรือ? เราจะแบ่งปันสิ่งของที่เราได้รับกับเธออย่างเท่าเทียมกัน!”ชายร่างอ้วนที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้และรีบเตือนอาเธอร์ว่า “นั่นไม่เข้าท่าเลยนายน้อยอาเธอร์ เธอไม่ใช่สมาชิกของป้อมปราการของเรา ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังอยู่ในขั้นที่สี่ระดับเทพสูงสุด แม้ว่าทักษะยุทธของเธอจะค่อนข้างน่าประทับใจ แต่เธอจะแบ่งปันอะไรกับคุณอย่างเท่าเทียมกันได้อย่างไรในเมื่อเธอมีพลังยุทธเพียงแค่ขั้นที่สองของระดับเทพสูงสุดเท่านั้น”สีหน้าของอาเธอร์ชะงักงัน เขาพูด “เจ้าอ้วน นายพูดอะไรแบบนั้นได้ยังไง? นายไม่ได้อยู่ในขั้นที่สองของระดับเทพสูงสุดเหมือนเธองั้นเหรอ? ฉันเค
“ฮ่าฮ่า… ไปดูกันเถอะ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร เมื่อเราไปถึงที่นั่นเราก็จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเราก็ถือเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ และพวกเราทุกคนก็อยู่ในระดับเทพสูงสุด เราต้องกลัวอะไรอีก” อาเธอร์หัวเราะเสียงดังและดูไม่แยแสอะไรเท่าไหร่พวกเขาอยู่ในระดับเทพสูงสุดและถือว่าโดดเด่นในหมู่คนรุ่นเยาว์ พวกเขาสามารถเอาชนะผู้คนได้มากมายแม้ว่าเมื่อเทียบกับอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่แท้จริงแล้ว พวกเขาจะยังตามหลังคนเหล่านั้นอยู่เล็กน้อย แต่พวกเขาก็ยังสามารถเอาชนะพวกที่เยาว์วัยดว่าได้ 80% ถึง 90% เลยทีเดียวความกังวลก่อตัวในใจของเอลล่าเมื่อเธอได้ยินการสนทนาของพวกเขา หลังจากใคร่ครวญแล้ว เธอก็หันไปหาอาเธอร์และพรรคพวก “ฉันมาคิดดูแล้วนะนายน้อยอาเธอร์ ถึงฉันกลับบ้านไปฉันก็ไม่มีอะไรให้ทำ ฉันว่าฉันตามพวกคุณเข้าไปในป่าดีกว่า”คำตอบของเธอสร้างความยินดีให้กับอาเธอร์ผู้ซึ่งรู้สึกพอใจอยู่ลึกเมื่อคิดว่าเสน่ห์ของเขาเอาชนะใจเธอได้ นั่นเป็นเหตุผลที่เธอละทิ้งความเขินอายและเอ่ยปากออกมาอย่างกล้าหาญ“ไม่ใช่ปัญหา ฮ่า ๆ! ยิ่งไปกันเยอะ ๆ ก็ยิ่งสนุก ไปกันเถอะ!" อาเธอร์หัวเราะเสียงดัง เขาพอใจกับตัวเองมาก จากนั้นเขาก็คิดถึงวิธีท
สกายโกรธมาก ด้วยพลังยุทธที่สูงส่งของเธอ เธอคิดจะมุ่งหน้าเข้าไปในป่าด้วยตัวเธอเองเพราะความโกรธ อย่างไรเสีย เธอก็อยู่ในขั้นที่สามของระดับเทพสูงสุด และพลังยุทธของเธอก็สูงกว่าเอลล่า เอลล่ายังกล้าที่จะเข้าไปในป่าคนเดียวเลย เธอเองก็กล้าที่จะทำเช่นนั้นไม่ต่างกันจากนั้นเธอก็นึกไปถึงว่าเอลล่าจอมเจ้าเล่ห์คนนี้จะหว่านเสน่ห์ใส่อาเธอร์ได้อย่างไรหากเธอเข้าไปในป่าเพียงลำพัง ขนาดสกายอยู่ด้วยอาเธอร์ก็ยังคล้อยตามเอลล่าได้ขนาดนี้ แล้วถ้าว่าเธอไม่อยู่ล่ะ?เธอกำหมัดแน่นแล้วพูดว่า “เอาล่ะ กลับกับเอลล่ากันเถอะ!”ทว่าสิ่งที่อาเธอร์และคนอื่น ๆ ไม่คาดคิดก็คือหลังจากส่งมอบสิ่งของที่เธอได้รับจากป่า เอลล่าก็ขอให้พวกรุ่นเยาว์จากตระกูลของเธออีกสามคนตามพวกเขาเข้าไปในป่าด้วย ซึ่งนั่นทำให้อาเธอร์ผิดหวังอย่างมากหากสมาชิกคนอื่น ๆ ในตระกูลลาวีนอยู่ด้วย มันจะไม่สะดวกสำหรับเขาที่จะทำอะไรกับเอลล่า ยิ่งไปกว่านั้น พี่ชายคนโตของเอลล่าก็มาร่วมเดินทางไปกับพวกเขาด้วย และเฮนดริก ลาวีนก็อยู่ในขั้นที่สี่ระดับเทพสูงสุด แม้ว่าเขาจะเพิ่งทะลวงมาได้ แต่พลังยุทธของเขาก็เกือบจะเทียบเท่ากับของอาเธอร์อาเธอร์และพรรคพวกเดินนำหน้า ขณะที่
เอลล่าเตือนเฮนดริกอย่างรวดเร็วเพราะเธอกลัวว่าคนที่เหลือจะสังเกตเห็นสีหน้าตกตะลึงของเขา “เฮนดริก พูดเบา ๆ อย่าให้คนอื่นได้ยินเรา ตอนนี้เราควรทำอย่างไร? ฉันก็หมดหนทางเหมือนกัน ฉันกลัวว่าอาเธอร์และคนอื่น ๆ จะเจอคนพวกนี้เข้า ฉันเลยตั้งใจซื้อเวลาให้พวกเขา ฉันขอให้พวกพี่มาเข้าร่วมกับเราก็เพราะเรื่องนี้… ฉันสัญญากับพวกเขาไปแล้วด้วยว่าจะไม่บอกคนอื่นว่าพวกเขาเข้ามาในพื้นที่นี้แล้ว แต่ตอนนี้ฉันไม่มีทางเลือก!”หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เฮนดริคก็ตั้งสมมติฐานว่า “แม่เจ้า เธอล้อเล่นหรือเปล่า? เธอโดนคนอื่นหลอกมาหรือเปล่า? ลองคิดดูสิ ผู้คนจากโลกข้างนอกนั้นจะมีระดับพลังยุทธที่สูงได้ยังไง? ฉันแน่ใจว่ายังไม่มีใครทะลวงเข้าสู่ระดับเทพสูงสุดได้หรอก จริงไหม? หากเป็นกรณีนี้แล้วพวกเขาจะช่วยเธอที่อยู่ในขั้นที่สองของระดับเทพสูงสุดได้ยังไง?”“จะเป็นไปได้ยังไง? ฉันเห็นกับตาว่าคนเหล่านั้นไม่ได้มีระดับพลังยุทธสูงนัก!” เอลล่าเริ่มขมวดคิ้ว เธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และพูดว่า “อีกอย่าง พวกเขาไม่มีป้ายของตระกูลไหนที่เราคุ้นเคย ดังนั้นพวกเขาต้องมาจากโลกข้างนอกนั่นไม่ใช่เหรอ? ป่าแห่งนี้ยังมีทักษะยุทธและของล้ำค่าอื่น ๆ อยู่
เฮนดริกรับรู้ถึงความหนักอึ้งของปัญหาในทันทีและดูกังวลเป็นอย่างมากเฮนดริกที่ตกใจตะคอกออกมา เอลล่ารีบปิดปากเขาในทันที “พูดเบา ๆ หน่อยสิพี่!”ในขณะนั้นเอง อาเธอร์และคนอื่น ๆ ที่เดินนำหน้าก็หยุดฝีเท้าอาเธอร์ค่อย ๆ หันหน้ามาและขมวดคิ้วถาม “เฮนดริค เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ? เกิดเรื่องใหญ่อะไร?”เฮนดริคเกาหัวด้วยความลำบากใจทันที "ไม่มีอะไร!"“ไม่ ดูจากสีหน้าของคุณแล้ว เห็นได้ชัดว่าคุณกำลังโกหก” อาเธอร์ขมวดคิ้วและค่อย ๆ เดินเข้าไปหาพวกเขา “เฮนดริก ฉันคิดว่าเป็นการดีที่สุดที่คุณจะพูดความจริง ไม่ช้าก็เร็วอย่างไรเราก็ต้องรู้เรื่องนี้!”เฮนดริกชำเลืองมองเอลล่าและลังเลอย่างเห็นได้ชัดเอลล่าขมวดคิ้วเช่นกัน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่ขณะที่เธอกัดฟัน เธอยิ้มออกมาอย่างเอียงอาย “มันไม่มีอะไรจริง ๆ ฉันบอกพี่ชายของฉันไปว่าสัตว์อสูรในป่าดูเหมือนจะค่อนข้างหงุดหงิดและเสียงคำรามก็ดูแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง!”จากนั้นอาเธอร์ก็พูดอย่างกระวนกระวายว่า “อ๋อ ฉันก็คิดว่ามีบางอย่างร้ายแรงเกิดขึ้นเสียอีก เห็นว่าเธอทั้งคู่ดูตกใจมาก สัตว์อสูรพวกนั้นไม่มีพลังยุทธสูงอะไรนัก สัตว์อสูรบางตัวทรงพลังมากเมื่อเที
“นายน้อยอาเธอร์ ผมคิดว่าเราควรค่อย ๆ ค้นหาสิ่งของล้ำค่าไปนะ ดังคำกล่าวที่ว่า ‘แมวตายเพราะความอยากรู้อยากเห็นของมัน’ มันไม่มีอะไรน่าดูหรอก!” เฮนดริกเสริมคำเอลล่า เพื่อพยายามปรามไม่ให้อาเธอร์ออกไปยังพื้นที่นั้นอย่างชัดเจน“ฮ่าฮ่า! นายน้อยเฮนดริก พอฉันได้ยินคุณพูดอย่างนั้นความอยากรู้อยากเห็นและความต้องการดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นก็ยิ่งสูงขึ้นอีก ทุกคนไปกันเถอะ! เราจะค้นหาสมบัติกันเมื่อเราบินไปที่นั่น ไปค้นหาให้ทั่ว ๆ เราอาจได้รับหญ้าวิญญาณระหว่างทางด้วยการทำเช่นนั้น!” อาเธอร์หัวเราะและโบกมือบินออกไปคนอื่น ๆ ก็บินกระจายกันออกไป พวกเขาเรียงแถวเป็นแนวขนานและบินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆชายหนุ่มที่มากับเอลล่าและคนอื่น ๆ เกาศีรษะขณะพูดกับเฮนดริก “ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน พี่เฮนดริก ป่ามันดูแตกต่างไปจากเดิมมากทีเดียว!”“เฮ้อ… มันต่าง… ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงเชียวล่ะ!” เฮนดริกไม่ต้องการอธิบายมากเกินไป เขาถอนหายใจและบินขึ้นไปให้ทันคนอื่น ๆ“พี่ชาย ฉันควรแอบนำทุกคนไปและไปสลายการต่อสู้ข้างหน้านั่นก่อนดีไหม?” เอลล่ากล่าวกับเฮนดริก หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วโดยไม่คาดคิด เฮนดริกส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มแห้ง
“ฮ่าฮ่า… มันยังเร็วเกินไป! เรามาคุยกันหลังจากที่เราฆ่าคนพวกนี้แล้วเถอะ!” ทอมหัวเราะเสียงดังและชี้ไปที่เฮเลน่าขณะที่เขาพูด “การจะปล่อยผู้หญิงคนนั้นตายแบบนี้มันมันน่าเสียดายออก ส่งเธอมาให้ผม ผู้หญิงคนนี้ดื้อจริง ๆ!”“ฮ่าฮ่า! ฉัน…เข้าใจสิ่งที่คุณหมายถึง!” ผู้อาวุโสหัวเราะคิกคักกับคำพูดของทอม จะปล่อยให้คนสวยเช่นนี้ที่จะตายไปแบบนั้นได้อย่างไร น่าเสียดายตายชักไม่ใช่แค่ทอมเท่านั้น แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังมีความคิดเช่นนั้นกับเฮเลน่า วืด!ด้วยเหตุนี้ ทอมจึงกะพริบตาให้เฮเลน่าขณะที่เขาฟันคนหลายคนภายในไม่กี่พริบตา “จุ๊ จุ๊ จุ๊! ใครจะไปรู้ว่าบนแผ่นดินใหญ่จะมีสาวงามเช่นนี้ด้วย ดูจากลักษณะแล้วคุณน่าจะอยู่ในวัยสามสิบ ฮ่าฮ่า… ผมชอบผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่อย่างคุณ!”เฮเลน่ายิ้มอย่างเย็นชาเมื่อสังเกตเห็นการแสดงออกที่เปิดหมดเปลือกของทอม “คุณไม่ได้ทำเช่นนี้เพราะคุณมีคนมากกว่าเหรอ? ถ้าวันนี้ฉันจะต้องตาย ฉันก็จะดึงคุณลงนรกไปพร้อมกับฉัน!”เธอกำดาบซึ่งเต็มไปด้วยพลังฉีสีทองอ่อน เรียวนิ้วกระชับรอบดาบขณะที่พูด จากนั้นเธอก็โบกดาบไปข้างหน้าอาเธอร์และคนอื่น ๆ มาถึงป่าใกล้ ๆ กันแล้ว พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในป่าและมองไปข
“คนเหล่านี้ไม่ใช่คนจากทั้งสองฝ่ายงั้นเหรอ?” เจ้าอ้วนขมวดคิ้ว แต่แล้วเขาก็ยิ้ม “เป็นไปไม่ได้หรอกพวกเขาย่อมมาจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างแน่นอน! ฝ่ายหนึ่งอาจเป็นสมาชิกของกองกำลังภาคี และอีกฝ่ายคงเป็นสมาชิกของกองกำลังปฏิภาคี เดาว่าเร็ว ๆ นี้คงจะมีความขัดแย้งกันเกิดขึ้นนั่นแหละ!”นั่นฟังดูสมเหตุสมผลสำหรับอาเธอร์เช่นกัน เขาพยักหน้าและพูดว่า “ฟังดูสมเหตุสมผลนะ เพราะทั้ง กองกำลังภาคี และกองกำลังปฏิภาคีต่างก็มีกองกำลังจำนวนมาก ถือว่าเข้าใจได้หากเราจะไม่สามารถจำรูปลักษณ์ของป้ายห้อยเอลของพวกเขาได้ แต่ฉันแน่ใจว่าฝ่ายหนึ่งคือกองกำลังภาคี ในขณะที่อีกฝ่ายเป็นสมาชิกของกองกำลังปฏิภาคี ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ย่อมเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ขึ้นได้”“ใช่ ใช่ ใช่… ฉันว่าต้องใช่แน่!” เอลล่าเห็นด้วยอย่างจริงจังและพยักหน้ารัว ๆ ราวลูกเจี๊ยบกำลังจิกข้าว เธอกลัวว่าอาเธอร์และคนอื่น ๆ จะรู้ว่าคนเหล่านี้มาจากดินแดนรกร้าง“ฉลาดมาก นายน้อยอาเธอร์ ผมว่ามันต้องใช่แน่ ๆ!” เฮนดริคยังเช็ดเหงื่อเย็น ๆ ของเขาด้วย แต่นั่นดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นเมื่อเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันค่อนข้างยากสำหรับคนปกติที่จะคิดถึงเรื่องนั้น และโลกที