“อั่ก!” เฮเลน่าถลาถอยหลังไป หลังจากที่เธออาเจียนเป็นเลือดใบหน้าของเธอซีดลง อนิจจา เธอสู้กับทอมไม่ได้ เธอไม่แม้แต่จะทันได้ปัดป้องในตอนที่เขาโจมตีเธอในระยะประชิดขณะที่เธอเกือบจะล้มลงกับพื้น ร่างสองร่างก็พุ่งเข้ามาหาเธออย่างว่องไว ร่างหนึ่งกอดเอวเธอไว้แล้วค่อย ๆ พามาลงมาที่พื้นผู้ชายที่อุ้มเธอเป็นคนแปลกหน้าและดูหล่อเหลามาก ต่างจากผู้ชายที่ดูบึกบึนอย่างเฟนด์ ผู้ชายคนนี้มีความหล่อแบบคนหน้าสวยเล็กน้อยมันทำให้เธอค่อนข้างจะใจเต้นในขณะที่เขารั้งเธอไว้กับร่างของเขาขณะที่เธอจ้องมองชายตรงหน้าด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีเล็กน้อย เฮเลน่าก็ตระหนักถึงสถานการณ์ของเธอและเตือนเขาอย่างเร่งด่วนว่า “ข… ขอบคุณที่ช่วยฉัน นายน้อย แต่พวกเขามีกันมากเกินไป และคุณคงสู้กับพวกเขาไม่ไหวหรอก หนีเร็วเข้า! สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ!”“ไม่… ไม่เป็นไร ให้ฉันช่วยคุณเถอะ!" เฮนดริกยิ้มอาย และเกาหัวอย่างเคอะเขิน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหญิงสาวผู้งดงามเช่นนี้ และมันทำให้เขารู้สึกงงงวยมากพอ ๆ กับที่เขารู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกเมื่อเห็นเธอได้รับบาดเจ็บ ตอนนั้นเองที่เขาพุ่งไปข้างหน้าและคว้าเธอไว้แนบกายอาเธอร์ซึ่งช
"โจมตีเลย!" พรรคพวกของทอมรีบโจมตีทันทีตามคำสั่งของเขาตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!เสียงผู้คนปะทะกันดังขึ้นอีกครั้ง“ฮ่าฮ่า… พวกคุณคงอยากจะตายมากสินะ จัดให้ตามที่ขอ !” เฮนดริกตระหนักว่าอาเธอร์ต้องการทำตัวเท่ต่อหน้าเฮเลน่า และเขาไม่อยากน้อยหน้า เขาซึ่งไม่เคยชอบที่จะเป็นจุดสนใจก็พุ่งไปหาทอม พลังฉีพุ่งออกมาจากกำปั้นของเขา และเขาก็เหวี่ยงกำปั้นใส่ทอมอย่างรุนแรง"ไอ้หมอนี่...!" ทอมแทบจะกระอักเลือดเมื่อเห็นอาเธอร์ลงมือก่อนที่เขาจะทันได้ตั้งตัว นอกจากนี้เขายังตระหนักว่าเฮนดริกเองก็ต้องการอวดฝีมือต่อหน้าสาวงามอีกด้วย ไม่เช่นนั้นเขาก็คงไม่ออกหน้าเช่นนี้ท่าทางของทอมดูตกตะลึงเมื่อเขานึกถึงบางสิ่ง 'ไม่ได้การแล้ว การโจมตีของเขารวดเร็วเหลือเชื่อ!'ทว่าเขาไม่มีเวลาได้ประเมินมันเนื่องจากกำปั้นของคู่ต่อสู้มาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา ขณะที่เขากำหมัดแน่น เขากระตุ้นพลังฉีในร่างกายอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเหวี่ยงเข้าหากำปั้นของเฮนดริกรอยยิ้มแปลก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฮนดริกราวกับว่าเขาคาดไว้ตั้งแต่เริ่มต้น เขาเอียงตัวเล็กน้อยและหมัดของเขาก็กระแทกเข้ากับหน้าอกของทอม“เป็น…เป็นไปไม่ได้!” ทอมไม่เคยคิดว่าคู่ต่อสู้ของเขา
ผู้อาวุโสจากตระกูลคาเบลโล บินไปหาเฮเลน่าและยืนอยู่ข้างเธอ เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ “คุณหนูลำดับที่หนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับคนเหล่านี้ พวกเขาทรงพลังเกินไป!”เฮเลน่าพยักหน้า “ใช่ ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น คนหนุ่มสาวกลุ่มนี้เป็นปรมาจารย์ในระดับเทพสูงสุด และพวกเขาแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ ฉันสงสัยว่าพวกเขาอาจเป็นคนพื้นเมืองของที่นี่ มีเฉพาะคนจากพื้นที่นี้เท่านั้นที่สามารถบรรลุระดับเทพสูงสุดได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เนื่องจากพวกเขาสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่มากมายและทุกสิ่งที่มีอยู่ในพื้นที่นี้ได้!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นผู้อาวุโสรู้สึกหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด เขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะสงบสติอารมณ์และพูดกับเฮเลน่าว่า “ทำไมพวกเขาถึงเต็มใจมาช่วยเราล่ะ? พวกเขาช่วยเราเพราะเราถูกคู่ต่อสู้รังแกโดยเห็นว่าเราด้อยกว่าเขาหรือ? คนในนี้ไม่ได้ต่อต้านที่พวกเราเข้ามาในบริเวณนี้หรือ?”เฮเลน่าประหลาดใจไม่ต่างกัน เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ฉันก็ไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน ทำไมผู้คนจากพื้นที่นี้ถึงยินดีช่วยเรา?”ผู้อาวุโสมองเฮเลน่าอย่างใกล้ชิด และสีหน้าแปล
หญิงวัยกลางคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาพูดขึ้นด้วยความงุนงง “ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน คนที่เข้ามากับเรามาจากตระกูลลึกลับต่าง ๆ ไม่ก็เป็นสมาชิกของสี่ชนเผ่าโบราณ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสมาชิกของวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ตามเราเข้ามาในพื้นที่นี้ได้อย่างไร! แต่คนเหล่านี้มีระดับพลังยุทธสูงเช่นนี้ได้อย่างไรในเมื่อพวกเขายังเด็กกันอยู่? คุณรู้หรือไม่ว่าพวกเขามาจากตระกูลไหนไหน? พวกเขาเป็นอัจฉริยะจากชนเผ่าโบราณหรือเปล่า?”เฮเลน่าพูดไม่ออกในทันทีเมื่อสิ่งที่เธอกลัวที่สุดเกิดขึ้น ในขณะที่เธอตกอยู่ในห้วงความคิด เธอไม่สามารถปิดทุกคนได้ สิ่งเดียวที่เธอคิดได้คือการรีบนำคนอื่น ๆ จากไปแต่บางคนยังคงตั้งสมมติฐานต่อไป“คุณสองคนช่วยหยุดพูดจะได้ไหม?” เฮเลน่าโกรธจัดขณะจ้องมองสมาชิกสองคนจากตระกูลคาเบลโล เธอตำหนิพวกเขาในใจสำหรับความโง่เขลาและปากสว่างของพวกเขา มีความเป็นไปได้ว่าสิ่งที่พวกเขาพูดจะทำให้ทุกคนตายกันหมด“วิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์นี่หมายถึงอะไร? สี่ชนเผ่าโบราณและตระกูลลึกลับ? พวกคุณเข้ามาในพื้นที่นี้งั้นหรือ? พวกคุณมาจากไหนกัน?” อาเธอร์ขมวดคิ้วและทำหน้างุนงงสกายไม่พอใจกับความเอาใจใส่ของอาเธอร์มาตั้งแต่ไห
อาเธอร์ขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งขรึมนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และเขาไม่อยู่ในสถานะที่จะตัดสินใจอะไรได้เขาพูดขึ้นหลังจากเงียบอยู่พักหนึ่ง “นั่นเป็นจำนวนที่มาก และแม้ว่าพวกคุณหลายคนจะเสียชีวิตไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมากกว่าหลักร้อยหรือหลักพัน แต่ก็ยังถือว่ามีกันมากอยู่ดี ถ้ามีแค่พวกคุณ เราจะสามารถแจ้งหัวหน้าป้อมปราการและจะกระจายพวกคุณไปยังป้อมปราการทั้งเก้าแห่งได้ คนอื่นจะสังเกตเห็นได้ยาก เพราะเราจะบอกว่าพวกคุณจะมาร่วมงานกับเรา แต่วิธีนี้ใช้ไม่ได้กับพวกคุณหลายแสนคนหรอก”จากนั้นหลังจากที่เธอชั่งใจ สกายก็ดึงอาเธอร์ไปข้างหนึ่งทันทีเมื่อพวกเขาอยู่ห่างออกไประยะหนึ่ง สกายพูดกับอาเธอร์ว่า “นายน้อยอาเธอร์ ฉันคิดว่าเราควรฆ่าคนนับพันเหล่านี้ คนพวกนี้นี้บุกรุกเข้ามาและยังแย่งชิงทรัพยากรของเราไปอีก หลังจากที่เราฆ่าพวกเขาแล้ว เราก็สามารถนำทรัพยากรที่ได้รับมาจากพื้นที่นี้ด้วย เมื่อรวมกับทรัพยากรจากคนที่เราสังหารไปก่อนหน้า มันจะเป็นจำนวนที่มากพอสมควร ลองคิดดูสิ หลังจากอยู่ที่นี่นานกว่าสิบวันพวกเขาต้องรวบรวมสิ่งของมากมาย”ริมฝีปากของสกายกรีดเป็นรอยยิ้มก่อนที่เธอจะกล่าวเสริมว่า “หลังจากฆ่าพวกเขาแล้ว เราก็จะสา
“ฉันคิดว่าพวกคุณควรจะตามเรากลับไปที่ป้อมปราการของเรา เพราะเราไม่สามารถซ่อนเรื่องนี้ได้นานนัก เมื่อเรากลับไป เราจะตัดสินใจกันว่าจะทำอย่างไรต่อไปหลังจากที่คุณปู่ของฉันและหัวหน้าป้อมปราการคนอื่น ๆ ปรึกษากันแล้ว” อาเธอร์คิดถึงเรื่องนี้และพูดกับเฮเลน่าต่อไปว่า “อย่ากังวลไปเลย คุณหนูเฮเลน่า เราไม่ใช่สมาชิกของกองกำลังภาคี ดังนั้นการติดตามเรากลับไปที่กองทัพทั้งเก้านั้นจะเป็นผลดีกับพวกคุณมากกว่า หากมีใครคัดค้านการตัดสินใจของเรา ฉันพร้อมกับเฮนดริกและคนอื่น ๆ จะออกหน้าแทนคุณเอง!”“ขอบคุณ… ขอบคุณพวกคุณมาก!” ใบหน้าของเฮเลน่าเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ แม้ว่ามันไม่ได้ทำให้ความกังวลของเธอเกี่ยวกับที่อยู่ของพ่อและคนอื่น ๆ ลดลงเลยก็ตาม เธอคิดก่อนที่จะบอกอาเธอร์และคนอื่น ๆ ว่า “นายน้อยอาเธอร์ ฉันอยากจะแนะนำบางอย่าง คนเข้ามาในพื้นที่นี้กับฉัน มีน้องสาวสองคนและพ่อของฉันด้วย ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน และเราก็ขัดแย้งกับผู้คนจากท้องทะเลด้วย ตระกูลวู๊ดขัดแย้งกับตระกูลลาโกริโอ และตำหนักนภา ฉันกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา!”เฮเลน่ากัดริมฝีปากสีแดงสดใสก่อนจะพูดต่อ “ทำไมพวกคุณไม่กลับไปบอกปู่ของคุณแ
อาเธอร์ไม่ได้โง่ เขารู้ว่าเฮนดริกกำลังคิดหาข้อแก้ตัวที่จะส่งพวกเขาออกไป เพื่อที่เขาจะได้มีเวลาอยู่กับเฮเลน่าตามลำพังมากขึ้น เขาอาจคิดที่จะสร้างความประทับใจให้กับน้องสาวของเฮเลน่าด้วยเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาปฏิเสธคำแนะนำของเฮนดริกเขาตกตะลึงเล็กน้อยเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะพูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่แยแส “ไม่เป็นไรหรอก ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ไม่มีสมาชิกจากกองกำลังภาคีเข้ามาในพื้นที่นี้ช่วงนี้หรอก แล้วทำไมเราต้องกลัวด้วย? พวกเขาแทบจะไม่มาเหยียบที่นี่ และถ้าเราต้องส่งคนกลับไปเพื่อแจ้งคนที่เหลือคงไม่เข้าท่า ฉันคิดว่าสกายไปคนเดียวก็ยังได้ เราสามารถตามคุณเฮเลน่าไปค้นหาด้วยกันได้ ท้ายที่สุดแล้ว สัตว์อสูรบางตัวในบริเวณนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง และจะปลอดภัยกว่านี้หากมีคนอยู่กับพวกเขามากขึ้น!”สีหน้าของเฮเลน่าบิดเบี้ยวด้วยความหวาดกลัว สิ่งที่ผู้อาวุโสตระกูลคาเบลโลพูดถึงเธอดูเหมือนจะถูกต้อง ทั้งอาเธอร์และเฮนดริกพิจารณาสิ่งต่าง ๆ แทนเธอ ทำไมพวกเขาถึงรุกจีบรุนแรงนักนะ?สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนเหล่านี้เข้ามาช่วยเหลือและช่วยชีวิตทุกคน มันไม่ง่ายเลยที่เธอจะปฏิเสธความใจดีของพวกเขา ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงตอบรับด้วยรอย
เนื่องจากทุกคนแนะนำตัวเองให้รู้จักกันแล้ว เฮเลน่าจึงรู้จักชื่อเอลล่าและคนอื่น ๆเอลล่ามีรูปร่างที่เล็กและมีดวงตาที่สวยงามสดใสคู่หนึ่ง เธอทำให้คนอื่นรู้สึกเป็นมิตรมาก“ฮ่าฮ่า… ทำไมคุณต้องขอบคุณฉันล่ะ? ฉันบังเอิญเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันก็เลยต้องบอกคุณ!” เอลล่าหัวเราะและพูดต่อ “เราไปกันเถอะ ดูเหมือนจะมีเสียงคนกำลังต่อสู้อยู่ข้างหน้า ไปดูกันว่าพวกเขาเป็นน้องสาวของคุณหรือเปล่า!”"ได้เลย!" เฮเลน่าพยักหน้า เธอรู้สึกอบอุ่นใจเล็กน้อยเมื่อนึกถึงการที่เธอได้พบกับกลุ่มคนหนุ่มสาวที่มีน้ำใจต่อเธอเช่นนี้ในระหว่างการเดินทางของพวกเขา อาเธอร์และคนอื่น ๆ กระตือรือร้นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าเฮเลน่าและคนอื่น ๆ จะถามอะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ของพื้นที่นี้ พวกเขาก็ตอบไปอย่างละเอียด ในขณะนี้เฟนด์และคนอื่น ๆ ได้รับหญ้าวิญญาณจำนวนหนึ่งมาตลอดทั้งวัน แน่นอนว่าพวกเขาพบกับฝูงชนที่จำนวนไม่น้อยจากกองกำลังจากดินแดนท้องทะเลในระหว่างวัน พวกเขาไม่ปล่อยคนเหล่านั้นรอดไปได้และฆ่าพวกเขาทั้งหมดทิ้งทันทีพวกเขายังได้เห็นศพของสมาชิกบางคนจากกองกำลังบนแผ่นดินใหญ่ในระหว่างการเดินทาง บางคนน่าจะเสียชีวิตระหว่างการต่อสู้กับสมาชิกของกอง