ผู้อาวุโสจากตระกูลคาเบลโล บินไปหาเฮเลน่าและยืนอยู่ข้างเธอ เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ “คุณหนูลำดับที่หนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับคนเหล่านี้ พวกเขาทรงพลังเกินไป!”เฮเลน่าพยักหน้า “ใช่ ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น คนหนุ่มสาวกลุ่มนี้เป็นปรมาจารย์ในระดับเทพสูงสุด และพวกเขาแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ ฉันสงสัยว่าพวกเขาอาจเป็นคนพื้นเมืองของที่นี่ มีเฉพาะคนจากพื้นที่นี้เท่านั้นที่สามารถบรรลุระดับเทพสูงสุดได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เนื่องจากพวกเขาสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่มากมายและทุกสิ่งที่มีอยู่ในพื้นที่นี้ได้!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นผู้อาวุโสรู้สึกหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด เขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะสงบสติอารมณ์และพูดกับเฮเลน่าว่า “ทำไมพวกเขาถึงเต็มใจมาช่วยเราล่ะ? พวกเขาช่วยเราเพราะเราถูกคู่ต่อสู้รังแกโดยเห็นว่าเราด้อยกว่าเขาหรือ? คนในนี้ไม่ได้ต่อต้านที่พวกเราเข้ามาในบริเวณนี้หรือ?”เฮเลน่าประหลาดใจไม่ต่างกัน เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ฉันก็ไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน ทำไมผู้คนจากพื้นที่นี้ถึงยินดีช่วยเรา?”ผู้อาวุโสมองเฮเลน่าอย่างใกล้ชิด และสีหน้าแปล
หญิงวัยกลางคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาพูดขึ้นด้วยความงุนงง “ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน คนที่เข้ามากับเรามาจากตระกูลลึกลับต่าง ๆ ไม่ก็เป็นสมาชิกของสี่ชนเผ่าโบราณ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสมาชิกของวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ตามเราเข้ามาในพื้นที่นี้ได้อย่างไร! แต่คนเหล่านี้มีระดับพลังยุทธสูงเช่นนี้ได้อย่างไรในเมื่อพวกเขายังเด็กกันอยู่? คุณรู้หรือไม่ว่าพวกเขามาจากตระกูลไหนไหน? พวกเขาเป็นอัจฉริยะจากชนเผ่าโบราณหรือเปล่า?”เฮเลน่าพูดไม่ออกในทันทีเมื่อสิ่งที่เธอกลัวที่สุดเกิดขึ้น ในขณะที่เธอตกอยู่ในห้วงความคิด เธอไม่สามารถปิดทุกคนได้ สิ่งเดียวที่เธอคิดได้คือการรีบนำคนอื่น ๆ จากไปแต่บางคนยังคงตั้งสมมติฐานต่อไป“คุณสองคนช่วยหยุดพูดจะได้ไหม?” เฮเลน่าโกรธจัดขณะจ้องมองสมาชิกสองคนจากตระกูลคาเบลโล เธอตำหนิพวกเขาในใจสำหรับความโง่เขลาและปากสว่างของพวกเขา มีความเป็นไปได้ว่าสิ่งที่พวกเขาพูดจะทำให้ทุกคนตายกันหมด“วิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์นี่หมายถึงอะไร? สี่ชนเผ่าโบราณและตระกูลลึกลับ? พวกคุณเข้ามาในพื้นที่นี้งั้นหรือ? พวกคุณมาจากไหนกัน?” อาเธอร์ขมวดคิ้วและทำหน้างุนงงสกายไม่พอใจกับความเอาใจใส่ของอาเธอร์มาตั้งแต่ไห
อาเธอร์ขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งขรึมนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และเขาไม่อยู่ในสถานะที่จะตัดสินใจอะไรได้เขาพูดขึ้นหลังจากเงียบอยู่พักหนึ่ง “นั่นเป็นจำนวนที่มาก และแม้ว่าพวกคุณหลายคนจะเสียชีวิตไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมากกว่าหลักร้อยหรือหลักพัน แต่ก็ยังถือว่ามีกันมากอยู่ดี ถ้ามีแค่พวกคุณ เราจะสามารถแจ้งหัวหน้าป้อมปราการและจะกระจายพวกคุณไปยังป้อมปราการทั้งเก้าแห่งได้ คนอื่นจะสังเกตเห็นได้ยาก เพราะเราจะบอกว่าพวกคุณจะมาร่วมงานกับเรา แต่วิธีนี้ใช้ไม่ได้กับพวกคุณหลายแสนคนหรอก”จากนั้นหลังจากที่เธอชั่งใจ สกายก็ดึงอาเธอร์ไปข้างหนึ่งทันทีเมื่อพวกเขาอยู่ห่างออกไประยะหนึ่ง สกายพูดกับอาเธอร์ว่า “นายน้อยอาเธอร์ ฉันคิดว่าเราควรฆ่าคนนับพันเหล่านี้ คนพวกนี้นี้บุกรุกเข้ามาและยังแย่งชิงทรัพยากรของเราไปอีก หลังจากที่เราฆ่าพวกเขาแล้ว เราก็สามารถนำทรัพยากรที่ได้รับมาจากพื้นที่นี้ด้วย เมื่อรวมกับทรัพยากรจากคนที่เราสังหารไปก่อนหน้า มันจะเป็นจำนวนที่มากพอสมควร ลองคิดดูสิ หลังจากอยู่ที่นี่นานกว่าสิบวันพวกเขาต้องรวบรวมสิ่งของมากมาย”ริมฝีปากของสกายกรีดเป็นรอยยิ้มก่อนที่เธอจะกล่าวเสริมว่า “หลังจากฆ่าพวกเขาแล้ว เราก็จะสา
“ฉันคิดว่าพวกคุณควรจะตามเรากลับไปที่ป้อมปราการของเรา เพราะเราไม่สามารถซ่อนเรื่องนี้ได้นานนัก เมื่อเรากลับไป เราจะตัดสินใจกันว่าจะทำอย่างไรต่อไปหลังจากที่คุณปู่ของฉันและหัวหน้าป้อมปราการคนอื่น ๆ ปรึกษากันแล้ว” อาเธอร์คิดถึงเรื่องนี้และพูดกับเฮเลน่าต่อไปว่า “อย่ากังวลไปเลย คุณหนูเฮเลน่า เราไม่ใช่สมาชิกของกองกำลังภาคี ดังนั้นการติดตามเรากลับไปที่กองทัพทั้งเก้านั้นจะเป็นผลดีกับพวกคุณมากกว่า หากมีใครคัดค้านการตัดสินใจของเรา ฉันพร้อมกับเฮนดริกและคนอื่น ๆ จะออกหน้าแทนคุณเอง!”“ขอบคุณ… ขอบคุณพวกคุณมาก!” ใบหน้าของเฮเลน่าเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ แม้ว่ามันไม่ได้ทำให้ความกังวลของเธอเกี่ยวกับที่อยู่ของพ่อและคนอื่น ๆ ลดลงเลยก็ตาม เธอคิดก่อนที่จะบอกอาเธอร์และคนอื่น ๆ ว่า “นายน้อยอาเธอร์ ฉันอยากจะแนะนำบางอย่าง คนเข้ามาในพื้นที่นี้กับฉัน มีน้องสาวสองคนและพ่อของฉันด้วย ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน และเราก็ขัดแย้งกับผู้คนจากท้องทะเลด้วย ตระกูลวู๊ดขัดแย้งกับตระกูลลาโกริโอ และตำหนักนภา ฉันกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา!”เฮเลน่ากัดริมฝีปากสีแดงสดใสก่อนจะพูดต่อ “ทำไมพวกคุณไม่กลับไปบอกปู่ของคุณแ
อาเธอร์ไม่ได้โง่ เขารู้ว่าเฮนดริกกำลังคิดหาข้อแก้ตัวที่จะส่งพวกเขาออกไป เพื่อที่เขาจะได้มีเวลาอยู่กับเฮเลน่าตามลำพังมากขึ้น เขาอาจคิดที่จะสร้างความประทับใจให้กับน้องสาวของเฮเลน่าด้วยเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาปฏิเสธคำแนะนำของเฮนดริกเขาตกตะลึงเล็กน้อยเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะพูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่แยแส “ไม่เป็นไรหรอก ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ไม่มีสมาชิกจากกองกำลังภาคีเข้ามาในพื้นที่นี้ช่วงนี้หรอก แล้วทำไมเราต้องกลัวด้วย? พวกเขาแทบจะไม่มาเหยียบที่นี่ และถ้าเราต้องส่งคนกลับไปเพื่อแจ้งคนที่เหลือคงไม่เข้าท่า ฉันคิดว่าสกายไปคนเดียวก็ยังได้ เราสามารถตามคุณเฮเลน่าไปค้นหาด้วยกันได้ ท้ายที่สุดแล้ว สัตว์อสูรบางตัวในบริเวณนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง และจะปลอดภัยกว่านี้หากมีคนอยู่กับพวกเขามากขึ้น!”สีหน้าของเฮเลน่าบิดเบี้ยวด้วยความหวาดกลัว สิ่งที่ผู้อาวุโสตระกูลคาเบลโลพูดถึงเธอดูเหมือนจะถูกต้อง ทั้งอาเธอร์และเฮนดริกพิจารณาสิ่งต่าง ๆ แทนเธอ ทำไมพวกเขาถึงรุกจีบรุนแรงนักนะ?สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนเหล่านี้เข้ามาช่วยเหลือและช่วยชีวิตทุกคน มันไม่ง่ายเลยที่เธอจะปฏิเสธความใจดีของพวกเขา ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงตอบรับด้วยรอย
เนื่องจากทุกคนแนะนำตัวเองให้รู้จักกันแล้ว เฮเลน่าจึงรู้จักชื่อเอลล่าและคนอื่น ๆเอลล่ามีรูปร่างที่เล็กและมีดวงตาที่สวยงามสดใสคู่หนึ่ง เธอทำให้คนอื่นรู้สึกเป็นมิตรมาก“ฮ่าฮ่า… ทำไมคุณต้องขอบคุณฉันล่ะ? ฉันบังเอิญเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันก็เลยต้องบอกคุณ!” เอลล่าหัวเราะและพูดต่อ “เราไปกันเถอะ ดูเหมือนจะมีเสียงคนกำลังต่อสู้อยู่ข้างหน้า ไปดูกันว่าพวกเขาเป็นน้องสาวของคุณหรือเปล่า!”"ได้เลย!" เฮเลน่าพยักหน้า เธอรู้สึกอบอุ่นใจเล็กน้อยเมื่อนึกถึงการที่เธอได้พบกับกลุ่มคนหนุ่มสาวที่มีน้ำใจต่อเธอเช่นนี้ในระหว่างการเดินทางของพวกเขา อาเธอร์และคนอื่น ๆ กระตือรือร้นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าเฮเลน่าและคนอื่น ๆ จะถามอะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ของพื้นที่นี้ พวกเขาก็ตอบไปอย่างละเอียด ในขณะนี้เฟนด์และคนอื่น ๆ ได้รับหญ้าวิญญาณจำนวนหนึ่งมาตลอดทั้งวัน แน่นอนว่าพวกเขาพบกับฝูงชนที่จำนวนไม่น้อยจากกองกำลังจากดินแดนท้องทะเลในระหว่างวัน พวกเขาไม่ปล่อยคนเหล่านั้นรอดไปได้และฆ่าพวกเขาทั้งหมดทิ้งทันทีพวกเขายังได้เห็นศพของสมาชิกบางคนจากกองกำลังบนแผ่นดินใหญ่ในระหว่างการเดินทาง บางคนน่าจะเสียชีวิตระหว่างการต่อสู้กับสมาชิกของกอง
แน่นอนว่าการบ่มเพาะโอสถชั้นกลางระดับสามนั้นยากกว่ามากเมื่อเทียบกับยาเม็ดชั้นต้นระดับสามครั้งที่แล้วเฟนด์พยายามอยู่หลายครั้ง ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับรสชาติของความล้มเหลวขณะที่เขาบ่มเพาะโอสถมาตลอดทั้งคืน ระดับความสำเร็จของเขาก็ดีขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อวาน เขาเกือบทำสำเร็จในความพยายามครั้งแรกและล้มเหลวเมื่อเขากลั่นเม็ดยาเท่านั้น เฟนด์ไม่ใช่คนเดียวที่ผิดหวัง ทุกคนเองก็รู้สึกสงสารเขาเช่นกันเพราะส่วนผสมที่เสียไปทุกครั้งในทุกครั้งที่ล้มเหลวก็มากพอที่จะทำให้ทุกคนสลดใจ"ไม่เป็นไร! เราเห็นการพัฒนาการบางอย่างแล้ว ดังนั้นอย่าหักโหมมากเกินไป คุณอยู่ในขั้นตอนการฝึก แต่คุณก็พัฒนาขึ้นอย่างมาก!” เซเลน่าซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ รู้สึกใจเต้นแรงเมื่อเห็นหน้าผากของเฟนด์กอปรไปด้วยเหงื่อชุ่ม จากนั้นเธอก็พยายามให้ความมั่นใจกับเฟนด์“อย่ากังวลเลย ผมทำได้แน่ ทักษะยุทธของผมก็ดีขึ้น และความแข็งแกร่งทางจิตใจของผมก็พุ่งสูงขึ้นด้วย! ความเร็วของยาเม็ดระดับสามไม่ได้ส่งผลอะไรต่อระดับพลังยุทธในปัจจุบันของผมเลย เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากผลักดันพลังยุทธของผมอย่างช้า ๆ ตรงกันข้าม ถ้าผมสามารถฝึกบ่มเพาะโอสถชั้นกลางระดับสาม
แนชพยักหน้าด้วยความพึงพอใจก่อนที่จะพูดกับเฟนด์อย่างห่วงใยว่า “พ่อคิดว่าลูกควรพักผ่อนได้แล้วและค่อยไปฝึกบ่มเพาะโอสถต่อในวันพรุ่งนี้ พ่อว่าคืนพรุ่งนี้ลูกจะต้องประสบความสำเร็จแน่”“พ่อ ไม่ต้องกังวลเรื่องผมหรอก ไปพักผ่อนกันก่อนก็ได้ ทุกคนจะได้ฟื้นกำลังกันหน่อย ผมแค่ต้องพักสักครึ่งชั่วโมงเพื่อพักฟื้น ก่อนที่จะคำนวณสิ่งที่ผิดพลาดในการฝึกฝนของตัวเอง ผมรู้ว่าครั้งหน้าผมจะทำสำเร็จ ผมไม่เชื่อหรอกว่าผมจะไม่สามารถบ่มเพาะโอสถสำเร็จในคืนนี้ได้!” ในที่สุดเฟนด์ก็มีแววแห่งความหวังและรู้สึกค่อนข้างพอใจกับการบ่มเพาะโอสถในคืนนั้น เขาจะพักผ่อนในคืนนี้ได้อย่างไร?การบ่มเพาะเม็ดยาขึ้นอยู่กับจิตใจของคน ๆ หนึ่ง หากพวกเขามีจิตใจแน่วแน่ การบ่มเพาะก็จะราบรื่นมากขึ้นด้วยโอกาสที่เพิ่มขึ้นอย่างมากไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่จะโน้มน้าวเฟนด์อีกต่อไปเมื่อพวกเขาเห็นว่าเฟนด์แน่วแน่เพียงใด ดังนั้น คนอื่น ๆ จึงเริ่มฝึกตัวเองอย่างเงียบ ๆ ในบริเวณใกล้เคียงหลังจากพักได้ครู่หนึ่งเฟนด์ก็หยิบส่วนผสมชุดที่สามออกมา จากนั้นเขาหายใจออกจนหมดปอดก่อนที่จะเริ่มอุ่นหม้อหลอมยาของเขาและฝึกบ่มเพาะโมสถต่อไปเวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ประมาณหนึ่ง