“ฉันคิดว่าพวกคุณควรจะตามเรากลับไปที่ป้อมปราการของเรา เพราะเราไม่สามารถซ่อนเรื่องนี้ได้นานนัก เมื่อเรากลับไป เราจะตัดสินใจกันว่าจะทำอย่างไรต่อไปหลังจากที่คุณปู่ของฉันและหัวหน้าป้อมปราการคนอื่น ๆ ปรึกษากันแล้ว” อาเธอร์คิดถึงเรื่องนี้และพูดกับเฮเลน่าต่อไปว่า “อย่ากังวลไปเลย คุณหนูเฮเลน่า เราไม่ใช่สมาชิกของกองกำลังภาคี ดังนั้นการติดตามเรากลับไปที่กองทัพทั้งเก้านั้นจะเป็นผลดีกับพวกคุณมากกว่า หากมีใครคัดค้านการตัดสินใจของเรา ฉันพร้อมกับเฮนดริกและคนอื่น ๆ จะออกหน้าแทนคุณเอง!”“ขอบคุณ… ขอบคุณพวกคุณมาก!” ใบหน้าของเฮเลน่าเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ แม้ว่ามันไม่ได้ทำให้ความกังวลของเธอเกี่ยวกับที่อยู่ของพ่อและคนอื่น ๆ ลดลงเลยก็ตาม เธอคิดก่อนที่จะบอกอาเธอร์และคนอื่น ๆ ว่า “นายน้อยอาเธอร์ ฉันอยากจะแนะนำบางอย่าง คนเข้ามาในพื้นที่นี้กับฉัน มีน้องสาวสองคนและพ่อของฉันด้วย ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน และเราก็ขัดแย้งกับผู้คนจากท้องทะเลด้วย ตระกูลวู๊ดขัดแย้งกับตระกูลลาโกริโอ และตำหนักนภา ฉันกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา!”เฮเลน่ากัดริมฝีปากสีแดงสดใสก่อนจะพูดต่อ “ทำไมพวกคุณไม่กลับไปบอกปู่ของคุณแ
อาเธอร์ไม่ได้โง่ เขารู้ว่าเฮนดริกกำลังคิดหาข้อแก้ตัวที่จะส่งพวกเขาออกไป เพื่อที่เขาจะได้มีเวลาอยู่กับเฮเลน่าตามลำพังมากขึ้น เขาอาจคิดที่จะสร้างความประทับใจให้กับน้องสาวของเฮเลน่าด้วยเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาปฏิเสธคำแนะนำของเฮนดริกเขาตกตะลึงเล็กน้อยเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะพูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่แยแส “ไม่เป็นไรหรอก ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ไม่มีสมาชิกจากกองกำลังภาคีเข้ามาในพื้นที่นี้ช่วงนี้หรอก แล้วทำไมเราต้องกลัวด้วย? พวกเขาแทบจะไม่มาเหยียบที่นี่ และถ้าเราต้องส่งคนกลับไปเพื่อแจ้งคนที่เหลือคงไม่เข้าท่า ฉันคิดว่าสกายไปคนเดียวก็ยังได้ เราสามารถตามคุณเฮเลน่าไปค้นหาด้วยกันได้ ท้ายที่สุดแล้ว สัตว์อสูรบางตัวในบริเวณนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง และจะปลอดภัยกว่านี้หากมีคนอยู่กับพวกเขามากขึ้น!”สีหน้าของเฮเลน่าบิดเบี้ยวด้วยความหวาดกลัว สิ่งที่ผู้อาวุโสตระกูลคาเบลโลพูดถึงเธอดูเหมือนจะถูกต้อง ทั้งอาเธอร์และเฮนดริกพิจารณาสิ่งต่าง ๆ แทนเธอ ทำไมพวกเขาถึงรุกจีบรุนแรงนักนะ?สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนเหล่านี้เข้ามาช่วยเหลือและช่วยชีวิตทุกคน มันไม่ง่ายเลยที่เธอจะปฏิเสธความใจดีของพวกเขา ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงตอบรับด้วยรอย
เนื่องจากทุกคนแนะนำตัวเองให้รู้จักกันแล้ว เฮเลน่าจึงรู้จักชื่อเอลล่าและคนอื่น ๆเอลล่ามีรูปร่างที่เล็กและมีดวงตาที่สวยงามสดใสคู่หนึ่ง เธอทำให้คนอื่นรู้สึกเป็นมิตรมาก“ฮ่าฮ่า… ทำไมคุณต้องขอบคุณฉันล่ะ? ฉันบังเอิญเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันก็เลยต้องบอกคุณ!” เอลล่าหัวเราะและพูดต่อ “เราไปกันเถอะ ดูเหมือนจะมีเสียงคนกำลังต่อสู้อยู่ข้างหน้า ไปดูกันว่าพวกเขาเป็นน้องสาวของคุณหรือเปล่า!”"ได้เลย!" เฮเลน่าพยักหน้า เธอรู้สึกอบอุ่นใจเล็กน้อยเมื่อนึกถึงการที่เธอได้พบกับกลุ่มคนหนุ่มสาวที่มีน้ำใจต่อเธอเช่นนี้ในระหว่างการเดินทางของพวกเขา อาเธอร์และคนอื่น ๆ กระตือรือร้นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าเฮเลน่าและคนอื่น ๆ จะถามอะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ของพื้นที่นี้ พวกเขาก็ตอบไปอย่างละเอียด ในขณะนี้เฟนด์และคนอื่น ๆ ได้รับหญ้าวิญญาณจำนวนหนึ่งมาตลอดทั้งวัน แน่นอนว่าพวกเขาพบกับฝูงชนที่จำนวนไม่น้อยจากกองกำลังจากดินแดนท้องทะเลในระหว่างวัน พวกเขาไม่ปล่อยคนเหล่านั้นรอดไปได้และฆ่าพวกเขาทั้งหมดทิ้งทันทีพวกเขายังได้เห็นศพของสมาชิกบางคนจากกองกำลังบนแผ่นดินใหญ่ในระหว่างการเดินทาง บางคนน่าจะเสียชีวิตระหว่างการต่อสู้กับสมาชิกของกอง
แน่นอนว่าการบ่มเพาะโอสถชั้นกลางระดับสามนั้นยากกว่ามากเมื่อเทียบกับยาเม็ดชั้นต้นระดับสามครั้งที่แล้วเฟนด์พยายามอยู่หลายครั้ง ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับรสชาติของความล้มเหลวขณะที่เขาบ่มเพาะโอสถมาตลอดทั้งคืน ระดับความสำเร็จของเขาก็ดีขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อวาน เขาเกือบทำสำเร็จในความพยายามครั้งแรกและล้มเหลวเมื่อเขากลั่นเม็ดยาเท่านั้น เฟนด์ไม่ใช่คนเดียวที่ผิดหวัง ทุกคนเองก็รู้สึกสงสารเขาเช่นกันเพราะส่วนผสมที่เสียไปทุกครั้งในทุกครั้งที่ล้มเหลวก็มากพอที่จะทำให้ทุกคนสลดใจ"ไม่เป็นไร! เราเห็นการพัฒนาการบางอย่างแล้ว ดังนั้นอย่าหักโหมมากเกินไป คุณอยู่ในขั้นตอนการฝึก แต่คุณก็พัฒนาขึ้นอย่างมาก!” เซเลน่าซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ รู้สึกใจเต้นแรงเมื่อเห็นหน้าผากของเฟนด์กอปรไปด้วยเหงื่อชุ่ม จากนั้นเธอก็พยายามให้ความมั่นใจกับเฟนด์“อย่ากังวลเลย ผมทำได้แน่ ทักษะยุทธของผมก็ดีขึ้น และความแข็งแกร่งทางจิตใจของผมก็พุ่งสูงขึ้นด้วย! ความเร็วของยาเม็ดระดับสามไม่ได้ส่งผลอะไรต่อระดับพลังยุทธในปัจจุบันของผมเลย เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากผลักดันพลังยุทธของผมอย่างช้า ๆ ตรงกันข้าม ถ้าผมสามารถฝึกบ่มเพาะโอสถชั้นกลางระดับสาม
แนชพยักหน้าด้วยความพึงพอใจก่อนที่จะพูดกับเฟนด์อย่างห่วงใยว่า “พ่อคิดว่าลูกควรพักผ่อนได้แล้วและค่อยไปฝึกบ่มเพาะโอสถต่อในวันพรุ่งนี้ พ่อว่าคืนพรุ่งนี้ลูกจะต้องประสบความสำเร็จแน่”“พ่อ ไม่ต้องกังวลเรื่องผมหรอก ไปพักผ่อนกันก่อนก็ได้ ทุกคนจะได้ฟื้นกำลังกันหน่อย ผมแค่ต้องพักสักครึ่งชั่วโมงเพื่อพักฟื้น ก่อนที่จะคำนวณสิ่งที่ผิดพลาดในการฝึกฝนของตัวเอง ผมรู้ว่าครั้งหน้าผมจะทำสำเร็จ ผมไม่เชื่อหรอกว่าผมจะไม่สามารถบ่มเพาะโอสถสำเร็จในคืนนี้ได้!” ในที่สุดเฟนด์ก็มีแววแห่งความหวังและรู้สึกค่อนข้างพอใจกับการบ่มเพาะโอสถในคืนนั้น เขาจะพักผ่อนในคืนนี้ได้อย่างไร?การบ่มเพาะเม็ดยาขึ้นอยู่กับจิตใจของคน ๆ หนึ่ง หากพวกเขามีจิตใจแน่วแน่ การบ่มเพาะก็จะราบรื่นมากขึ้นด้วยโอกาสที่เพิ่มขึ้นอย่างมากไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่จะโน้มน้าวเฟนด์อีกต่อไปเมื่อพวกเขาเห็นว่าเฟนด์แน่วแน่เพียงใด ดังนั้น คนอื่น ๆ จึงเริ่มฝึกตัวเองอย่างเงียบ ๆ ในบริเวณใกล้เคียงหลังจากพักได้ครู่หนึ่งเฟนด์ก็หยิบส่วนผสมชุดที่สามออกมา จากนั้นเขาหายใจออกจนหมดปอดก่อนที่จะเริ่มอุ่นหม้อหลอมยาของเขาและฝึกบ่มเพาะโมสถต่อไปเวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ประมาณหนึ่ง
เมื่อเฟนด์พูดเช่นนั้น แลนสล็อตก็ลุกขึ้นยืนช้า ๆ ด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจบนใบหน้าของเขา“ผู้อาวุโสลำดับที่สาม คุณทะลวงผ่านแล้วจริงหรือ?” เมื่อได้ยินว่าแลนสล็อตทะลวงผ่านไปได้ แนชก็ดีใจพอ ๆ กัน เขามองอีกฝ่ายอย่างคาดหวังและต้องการการยืนยันอีกครั้งจากปากของอีกฝ่ายว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่แลนสล็อตพยักหน้าขณะที่เขาพบกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวังของคนรอบกาย “มันไม่ง่ายเลย เพราะผมเคยล้มเหลวมาก่อน แต่สุดท้ายผมก็ทำสำเร็จในครั้งนี้ ถ้าผมทำได้ตั้งแต่ครั้งแรก ป่านนี้ผมคงอยู่ในขั้นที่สามของระดับเทพสูงสุดเหมือนพวกคุณแล้ว!”"คุณควรจะดีใจสิ! ทักษะยุทธของขั้นที่หนึ่งระดับเทพสูงสุดนั้นก็ดีพอแล้ว! คุณไม่รู้หรอกว่ามีกี่คนที่ต้องการก้าวไปสู่ระดับเทพสูงสุด ที่สำคัญกว่านั้น คุณจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงสองร้อยปีเพราะคุณได้ทะลวงเข้าสู่ระดับเทพสูงสุดได้แล้ว!” ผู้อาวุโสจากตระกูลคาเบลโลพูดด้วยความอิจฉา “เฮ้อ… มองมาที่ฉันสิ อายุขนาดนี้แต่กลับอยู่แค่ขั้นต้นของระดับเทพแท้จริงเท่านั้น ฉันไม่รู้ว่าฉันจะสามารถก้าวไปสู่ระดับเทพสูงสุดได้หรือไม่ในชั่วชีวิตนี้!”“ผมแน่ใจว่าคุณจะไปถึงจุดนั้น เพราะการฝึกฝนในพื้นที่นี้จะให้
“ฮ่าฮ่า… ปัญหาไม่ได้อยู่ที่พวกเขาทำพลาด ใคร ๆ ก็ผิดพลาดได้ทั้งนั้น พวกเขาได้แต่โทษตัวเองอย่างโง่เขลา!” เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ตอนนั้นถึงตาเผ่านองเลือดของเราต้องส่งสมาชิกมาปกป้องพื้นที่นี้ พวกเขากำลังเลือกกันว่าใครในพวกเราจะต้องมาเป็นผู้พิทักษ์ในช่วงต้นปี ใครจะคิดว่าสองคนนั้นจะโดนมัดมือชกแบบนั้น!”ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มคนนี้กลับแข็งค้างในทันทีที่ที่เขาพูดจบ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาได้เห็นกลุ่มคนจำนวนมากกว่าพันคนอยู่ข้างหน้าพวกเขาเฟนด์และคนอื่น ๆ หยุดอยู่กับที่ และประหลาดใจพอ ๆ กันที่สังเกตเห็นอีกฝ่าย“ทำไมคนเยอะจัง?” ชายอ้วนฝั่งตรงข้ามขมวดคิ้วขณะที่เขามองเฟนด์และพรรคพวก ชายอ้วนพูดด้วยความงุนงง “แปลกจริง เราไม่เคยเห็นสัญลักษณ์พวกนั้นมาก่อน!”สมาชิกหญิงคนหนึ่งนึกถึงบางสิ่งและอุทานว่า “นี่ไม่ถูกต้อง… คนพวกนี้ไม่ใช่คนของที่นี่ พวกเขาอาจมาจากดินแดนรกร้าง!”อึ้ง! สมาชิกจากเผ่ากระหายเลือดอ้าปากค้าง และสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิดไปหรือไม่“นาย… นายน้อยเฟนด์แย่แล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นคนที่นี้!” อเล็กซานเดอร์มองดูเฟนด์อย่างเคร่งขรึมในทางกลับกัน เคนเนธกล่าวว่า “ทำไมเราต้องกลัวล่ะ? พว
“หยุดพวกเขาไว้!” เฟนด์ตกใจกับสิ่งที่โรวันพูด เขาส่งสัญญาณมือให้ทุกคนลงมือในทันทีวิ้ง วิ้ง วิ้ง!ตามคำสั่งของเฟนด์ คนอื่น ๆ บินออกไปดักสมาชิกหลายสิบคนของเผ่ากระหายเลือด รวมถึงโรวันเอาไว้โรวันและคนอื่น ๆ รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งนี้ “ดีจริง ดูเหมือนว่าพวกคุณเพิ่งจะเข้ามาจากข้างนอกเมื่อไม่นานมานี้ ไม่อย่างนั้นพวกคุณคงออกจากป่านี้กันไปหมดแล้ว ฮ่าฮ่า… พวกคุณกล้าดียังไงมาขวางพวกเรา ในเมื่อพวกคุณไม่กี่คนเพิ่งจะทะลวงเข้าสู่ขั้นที่หนึ่งของระดับเทพสูงสุด? พวกคุณคิดอะไนกันอยู่?”เฟนด์ยิ้มอย่างเย็นชา “พวกคุณเป็นแค่สมาชิกตัวเล็ก ๆ จากเผ่ากระหายเลือด หากคุณไม่ลองสู้กับเราสักตั้ง คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณ ยิ่งไปกว่านั้น หากเรายอมให้คนของคุณกลับไปแจ้งให้คนอื่นส่งปรมาจารย์ชั้นสูงมาที่นี่ พวกเราก็แย่น่ะสิ!”เจ้าอ้วนกำหมัดแน่น ก่อนก็พุ่งเข้าใส่พวกเขา จริง ๆ แล้วเขาอยู่ในขั้นที่สามของระดับเทพสูงสุด เขายิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า “พ่อหนุ่ม คุณเห็นนี่ไหม? พลังยุทธขั้นที่สามของระดับเทพสูงสุด คุณคิดว่าพวกคุณจะขวางพวกเราได้นานแค่ไหนกัน? ฉันอยู่ในขั้นที่สามของระดับเทพสูงสุด ใน