"ใช่! เราไม่รู้ว่าป่านี้ใหญ่แค่ไหน ถ้าชายร่างกำยำกลับไปแจ้งข่าวว่ามีคนจากดัสเซียบุกเข้ามากันมาก ฉันเกรงว่าทุกคนที่เข้ามาในพื้นที่นี้ รวมถึงตระกูลวู๊ดของคุณจะถูกฆ่ากันหมด!”เมโลดี้มีสีหน้าเป็นกังวล เธอคิดและพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้น ทำไมคุณไม่ลองฆ่าชายร่างกำยำคนนั้นดูล่ะ? ถ้าที่นี่กลายเป็นสถานที่รกร้างเราก็จะปลอดภัย แถมคนของพวกเขาก็ไม่ค่อยให้ความสนใจกับที่นี้เท่าไหร่ มาดูกันว่าเราจะพยายามทะลวงเข้าสู่ระดับเทพสูงสุดก่อนใครได้ไหม?!”ปัง ปัง ปัง!ทันใดนั้นเอง เสียงต่อสู้ของผู้คนดังมาจากด้านล่างของภูเขา“เอาล่ะ ขอผมดูก่อนว่ามีวิธีที่ผมจะสามารถลอบโจมตีอีกฝ่ายเหมือนเมื่อกี้ได้ไหม หากทำได้ เราก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมาก!” เฟนด์คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้พวกเขาต้องเดือดร้อนแน่ หากชายร่างกำยำรู้เข้าว่ามีคนเข้ามาที่นี่มากมายและคงจะแจ้งให้หัวหน้าทราบถึงเรื่องนี้แน่นอนเฟนด์แน่ใจว่าที่นี่คงมีปรมาจารย์ในระดับทะลวงวิญญาณอยู่มาก และคงมีไม่กี่คนที่จะสามารถเอาชนะปรมาจารย์ในระดับเทพสูงสุดได้ ไม่ต้องพูดถึงระดับทวงวิญญาณด้วยซ้ำนอกเหนือจากนั้น ปฏิกิริยาตอบสนองของชายร่างผอมเองก็ช
ขณะที่อยู่ในถ้ำ เมโลดี้เริ่มรู้สึกเสียใจหลังจากที่เฟนด์จากไป ‘เฮ้อ… ฉันเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่าที่พูดให้เขาเสี่ยงชีวิตแบบนี้? แต่ฉันก็ต้องทำเพื่อให้ตำหนักเทพยดาของเราสงบสุขไปได้สักระยะ!'เมโลดี้รู้สึกผิดเล็กน้อยกับการกระทำของเธอ เพราะในความคิดของเธอ ความเป็นไปได้ที่เฟนด์จะชนะก็ไม่ได้มีสูง หากก่อนหน้านี้ชายศีรษะล้านไม่ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่ แต่ใช้พลังไปเพียง 1% เฟนด์ก็จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายในไม่ช้าเธอก็ส่ายหัวและปลอบใจตัวเอง “ไม่เป็นแบบนั้นหรอก แม้ว่าชายศีรษะล้านจะเป็นปรมาจารย์ในระดับเทพสูงสุด แต่เขาก็คงอยู่ในขั้นหนึ่งหรือขั้นสองของระดับเทพสูงสุดเท่านั้น เฟนด์ยังมีโอกาสชนะ อีกอย่างก่อนหน้านี้ฉันสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าของชายศีรษะล้าน แน่นอนว่าเขาไม่ใช้พลังเพียงส่วนน้อยภายใต้สถานการณ์เมื่อกี้ และอย่างน้อยที่สุดเขาก็ดูจะใช้พลังเกือบทั้งหมดของตัวเองอีกด้วย!”หลังจากพูดจบ เธอกัดริมฝีปากสีแดงเย้ายวนของตนและพึมพำว่า “เฟนด์ คุณต้องกลับมาอย่างมีชีวิตแน่นอน!” เฟนด์มาถึงสถานที่ที่เสียงต่อสู้ดังออกมาแล้วปัง!ขณะที่เขาซ่อนตัวอยู่บนยอดไม้ เขาบังเอิญเห็นเจ้าตำหนักนภาผู้ซึ่งอยู่ในขั้นสูงสุด
เซเลน่ามีทักษะยุทธต่ำ และทุกคนต่างก็กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเธอ แนชดีใจเมื่อได้เห็นเธอแต่ในขณะที่ทั้งสองกำลังเตรียมที่จะออกค้นหาสมาชิกคนอื่น ๆ ในตระกูลวู๊ด พวกเขาถูกคนสี่คนนี้พบเข้าโดยบังเอิญในบรรดาสี่คนนี้ หนึ่งในนั้นคือโจเอลจากตำหนักนภา ในขณะที่อีกคนคือแมทธิวจากวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ อีกสองคนเป็นปรมาจารย์ในขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงจากตำหนักนภา แนชไม่มีโอกาสเอาชนะพลังยุทธของคนทั้งสี่นี้รวมกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาอยู่กับเซเลน่า ผู้ซึ่งมีทักษะยุทธต่ำและรังแต่จะถ่วงเขาแนชมั่นใจว่าเขายังคงมีโอกาสหลบหนี หากเขาต้องเผชิญหน้ากับคนทั้งสี่ตามลำพัง แต่นับว่าเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะหลบหนีไปคนเดียวและทิ้งเซเลน่าไว้เบื้องหลัง“คุณพ่อ คนพวกนี้…คนพวกนี้แข็งแกร่งหรือเปล่า?” เซเลน่าไม่เคยพบโจเอลและคนอื่น ๆ เธอกังวลเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของแนช“พวกเขาแข็งแกร่งมาก มีปรมาจารย์สองคนที่อยู่ในขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริง ในขณะที่อีกสองคนเป็นปรมาจารย์ของตำหนักนภาและเจ้าวิหารของวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ ฉันเชื่อว่าเธอไม่ต้องการให้ฉันบอกเธอเกี่ยวกับทักษะยุทธของพวกเขา!” แนชพูดด้วยสีหน้
“คุณพ่อ คุณควรรีบไปได้แล้ว ถ้าไม่ไปตอนนี้ ฉันจะฆ่าตัวตาย!” เซเลน่ากัดฟันและตะโกนใส่แนช“ไม่มีทาง มีเหตุผลหน่อยสิ เธอคือฝ่ายที่ควรต้องไปเพราะฉันอายุปูนนี้แล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันถูกนังชั่วลิลลี่วางยาพิษ เมื่อตอนที่ฉันคิดว่าตัวเองกำลังจะตาย ฉันได้สัมผัสกับการมีชีวิตและความตายมาแล้ว ฉันไม่กลัวความตายหรอก แต่กับเธอน่ะมันไม่เหมือนกัน! เธอยังเด็กและยังต้องใช้ชีวิตไปกับเฟนด์อีกยาวไกล เธอต้องรอดเพื่อไคลี่! เข้าใจไหม?" แนชพูดกับเซเลน่า ในขณะที่เขาถือดาบและมองคนทั้งสี่ที่อยู่ข้างหน้าอย่างระแวดระวัง สีหน้าของเซเลน่าเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อไคลี่ เห็นได้ชัดว่าเธอเริ่มลังเล“แ*งเอ๊ย! มีคนเข้ามาเยอะจริง ๆ ด้วย! ที่นี่มีพวกมันตั้งหกคน!” ชายร่างกำยำศีรษะล้านบินมาจากป่าในเวลานี้โดยไม่มีใครคาดคิด เขามีค้อนขนาดใหญ่อยู่ในมือและมองดูผู้คนที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างโอหัง'พ่อ เซเลน่า?' เฟนด์รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นคนด้านล่างขณะที่เขาซ่อนตัวอยู่บนยอดไม้ เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าพ่อและเซเลน่าจะเผชิญหน้ากับแมทธิว โจเอลและคนของพวกเขา"คุณคือใคร?" โจเอลและคนอื่น ๆ ขมวดคิ้วเมื่อเห็นชายศีรษะล้าน รูปกายที่สง่
“ขั้นที่สองของระดับเทพขั้นสูงสุด? แมทธิวทำไมเราไม่ร่วมมือกันต่อสู้กับเขากันล่ะ?” โจเอลคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และเสนอความเห็น “สู้กับเขาเหรอ? ไม่ไหวหรอก! ถึงอีกฝ่ายจะอยู่ในขั้นที่หนึ่งของเทพสูงสุดระดับหนึ่งเท่านั้น แต่ช่องว่างระหว่างระดับเทพแท้จริงกับระดับเทพสูงสุดนั้นห่างชั้นกันเกินไป! ต่อให้เราสามคนผนึกกำลังกัน ก็ไม่มีทางสู้เขาได้! ถึงจะมีแนชมาร่วมต่อสู้กับเราด้วย เราก็ยังเอาชนะเขาไม่ได้!” ใบหน้าของแมทธิวแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและมืดมน เขากัดฟันพูดเพียงไม่กี่คำ “ถ้าอย่างนั้นเราหนีกันดีกว่า!” หลังจากพูดจบ เขาหมุนตัวไปรอบ ๆ และบินออกไปทันที เขารีบออกจากที่เกิดเหตุไปสู่ท้องฟ้าอันไกลโพ้น “คิดจะหนีจากฉันไปงั้นเหรอ? มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก!” ชายศีรษะล้านบินตามแมทธิวไปทันที เขาอัดพลังฉีเข้าไปในค้อนยักษ์ ค้อนยักษ์ส่องประกายแวววาวราวกับเพชร และเขาเหวี่ยงค้อนออกไปในระยะไกล ในพริบตา พลังอันน่าสะพรึงกลัวของพลังฉีก็ถูกส่งออกไป พลังฉีนั้นมีสีทองจาง ๆ ตู้ม! แมทธิวซึ่งบินห่างออกไปหลายไมล์แล้ว ถูกการโจมตีนั้นทำลายและระเบิดในทันที "บ้าอะไรวะนั่น? เร็วเกินไปแล้ว!” เมื่อได้เห็นความเร็
“พี่ชายที่เคารพรักของผม ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย! ผมจะให้ทุกสิ่งที่ผมมีในแหวนยุทธ! ตกลงรึเปล่า?" โจเอลละล่ำละลักด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของเขาซีดเซียว หลังจากครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว เขาก็คุกเข่าลงบนพื้นต่อหน้าชายศีรษะล้าน และร้องขอความเมตตา น้ำเสียงของเขาฟังดูตื่นตระหนก “พี่ชายที่เคารพรักของผม มันไม่ง่ายเลยกว่าที่ผมจะมาถึงระดับพลังยุทธในปัจจุบันของตัวเอง และเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำให้คุณขุ่นเคือง แต่เรามาเพราะความอยากรู้อยากเห็นก็เท่านั้น เรากำลังพยายามค้นหาว่าจะมีนักสู้ที่แข็งแกร่งในระดับเทพสูงสุดหรือไม่ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร เราจะไปจากที่นี่ทันที ตกลงไหม? เราจะออกจากที่นี้ไปได้อย่างไรหรือ?” “ฮึ่ม! ออกไปจากที่นี่เหรอ? ตายที่นี่ไม่ดีกว่ารึ? อีกอย่าง ถ้าฉันอนุญาตให้นายออกไป ก็จะมีคนที่รู้เรื่องของที่นี่มากขึ้น!” ชายหัวล้านตะคอกอย่างเย็นชา เขายกค้อนยักษ์ขึ้นและเหวี่ยงไปทางโจเอลด้วยพลังฉี โจเอลพูดไม่ออกกับพฤติกรรมของชายศีรษะล้าน ในเวลาเดียวกัน ความกลัวก็วิ่งพล่านไปทั่วร่าง ทว่ามีบางอย่างผุดขึ้นในหัวของเขาอย่างรวดเร็วและดวงตาของเขาเป็นประกาย “เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน! ถ้าคุณปล่อยผมไป ผมจะบอกคุณ
ชายศีรษะล้านหลบไปด้านข้าง จากนั้นเขาก็หันศีรษะกลับไปมองดูสิ่งที่อยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและตกตะลึง หากเขาไม่รู้สึกถึงอันตรายที่อยู่ข้างหลังและช้ากว่านี้แม้สักครึ่งนาที ร่างกายของเขาคงถูกแยกออกเป็นสองส่วนและเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน เลือดทะลักออกมาจากไหล่ และเพียงชั่วครู่ ใบหน้าของชายศีรษะล้านก็ซีดลง เขาหยิบโอสถห้ามเลือดออกมาและกลืนมันลงไปทันที เลือดของเขาออกช้าลง แต่ถึงกระนั้น อาการบาดเจ็บที่เฟนด์ทำให้เขานั้นก็นับว่าหนักหนามาก “ฟะ…เฟนด์!” โจเอลหายใจเข้าเฮือกใหญ่ขณะที่เขามองไปที่เฟนด์ ไม่นึกเลยว่าเฟนด์จะปรากฏตัวในขณะนี้และยังลอบโจมตีชายศีรษะล้านด้วย “เฟนด์!” เซเลน่าหันศีรษะไปมอง เขาคือเฟนด์นั่นเอง! ดวงตาของเธอเบิกโพลง ปลายจมูกของเธอขึ้นสี เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจและมีความสุข เมื่อครู่ที่ผ่านมา เธอยังคิดว่าเธอกับแนชกำลังจะตายและจะไม่ได้เจอเฟนด์อีก ทว่าเฟนด์ทำให้เธอต้องประหลาดใจไปกับการปรากฏตัวและยังลอบโจมตีชายศีรษะล้านร่างใหญ่คนนั้น ทั้งยังสร้างบาดแผลฉกรรจ์ให้กับเขา “เขาตอบสนองค่อนข้างเร็วว่าไหม? ผมใช้การโจมตีที่เร็วที่สุดของตัวเองแล้ว แต่เขากลับ
ชายศีรษะล้านสูญเสียแขนข้างหนึ่งไปทำให้เขาไม่สะดวกจะถือค้อนยักษ์เช่นนี้ ทว่าเขาก็ไม่อาจจะชะล่าใจได้ การโจมตีของค้อนยักษ์แทรกผ่านอากาศ ก่อนมุ่งตรงไปที่เฟนด์และให้ความรู้สึกกดดันอย่างมาก "ฮึ่ม!" เฟนด์ส่งเสียงในลำคออย่างเย็นชาขณะโจมตีออกไป เขากำดาบในมือแน่นและถ่ายพลังฉีเข้าไปฟาดฟันกับค้อนยักษ์ ฟุ่บ! ทันใดนั้น พลังฉีอันน่าสะพรึงกลัวก็พุ่งฟาดฟันค้อนยักษ์ของฝ่ายตรงข้ามอย่างแรง เสียงระเบิดดังอึกทึกขึ้นในขณะที่การโจมตีอันทรงพลังของทั้งสองปะทะกัน โจเอลยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้าง ๆ ด้วยความประหลาดใจ หัวใจของเขาแทบจะหล่นลงไปที่ตาตุ่ม หากเฟนด์ตัดหัวชายศีรษะล้านคนนี้ได้สำเร็จ เฟนด์คงจะไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน แม้ว่าชายศีรษะล้านจะทรงพลัง แต่ตอนนี้เขาก็ได้รับบาดเจ็บ เมื่อเทียบกับการโจมตีด้วยสองมือ การใช้มือเดียวเหวี่ยงค้อนใส่เฟนด์นั้นแตกต่างกันมาก นอกจากนี้ แม้ว่าเฟนด์จะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับชายศีรษะล้าน เขาก็ยังสามารถทำให้อีกฝ่ายช้าลงได้ นั่นจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเฟนด์ที่จะทำเช่นนั้น เพราะเขาเองก็เป็นนักสู้ที่ทรงพลัง หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ระดมพลังฉีของเขา และพุ่งตรงไปในระ