เซเลน่ามีทักษะยุทธต่ำ และทุกคนต่างก็กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเธอ แนชดีใจเมื่อได้เห็นเธอแต่ในขณะที่ทั้งสองกำลังเตรียมที่จะออกค้นหาสมาชิกคนอื่น ๆ ในตระกูลวู๊ด พวกเขาถูกคนสี่คนนี้พบเข้าโดยบังเอิญในบรรดาสี่คนนี้ หนึ่งในนั้นคือโจเอลจากตำหนักนภา ในขณะที่อีกคนคือแมทธิวจากวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ อีกสองคนเป็นปรมาจารย์ในขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงจากตำหนักนภา แนชไม่มีโอกาสเอาชนะพลังยุทธของคนทั้งสี่นี้รวมกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาอยู่กับเซเลน่า ผู้ซึ่งมีทักษะยุทธต่ำและรังแต่จะถ่วงเขาแนชมั่นใจว่าเขายังคงมีโอกาสหลบหนี หากเขาต้องเผชิญหน้ากับคนทั้งสี่ตามลำพัง แต่นับว่าเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะหลบหนีไปคนเดียวและทิ้งเซเลน่าไว้เบื้องหลัง“คุณพ่อ คนพวกนี้…คนพวกนี้แข็งแกร่งหรือเปล่า?” เซเลน่าไม่เคยพบโจเอลและคนอื่น ๆ เธอกังวลเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของแนช“พวกเขาแข็งแกร่งมาก มีปรมาจารย์สองคนที่อยู่ในขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริง ในขณะที่อีกสองคนเป็นปรมาจารย์ของตำหนักนภาและเจ้าวิหารของวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ ฉันเชื่อว่าเธอไม่ต้องการให้ฉันบอกเธอเกี่ยวกับทักษะยุทธของพวกเขา!” แนชพูดด้วยสีหน้
“คุณพ่อ คุณควรรีบไปได้แล้ว ถ้าไม่ไปตอนนี้ ฉันจะฆ่าตัวตาย!” เซเลน่ากัดฟันและตะโกนใส่แนช“ไม่มีทาง มีเหตุผลหน่อยสิ เธอคือฝ่ายที่ควรต้องไปเพราะฉันอายุปูนนี้แล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันถูกนังชั่วลิลลี่วางยาพิษ เมื่อตอนที่ฉันคิดว่าตัวเองกำลังจะตาย ฉันได้สัมผัสกับการมีชีวิตและความตายมาแล้ว ฉันไม่กลัวความตายหรอก แต่กับเธอน่ะมันไม่เหมือนกัน! เธอยังเด็กและยังต้องใช้ชีวิตไปกับเฟนด์อีกยาวไกล เธอต้องรอดเพื่อไคลี่! เข้าใจไหม?" แนชพูดกับเซเลน่า ในขณะที่เขาถือดาบและมองคนทั้งสี่ที่อยู่ข้างหน้าอย่างระแวดระวัง สีหน้าของเซเลน่าเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อไคลี่ เห็นได้ชัดว่าเธอเริ่มลังเล“แ*งเอ๊ย! มีคนเข้ามาเยอะจริง ๆ ด้วย! ที่นี่มีพวกมันตั้งหกคน!” ชายร่างกำยำศีรษะล้านบินมาจากป่าในเวลานี้โดยไม่มีใครคาดคิด เขามีค้อนขนาดใหญ่อยู่ในมือและมองดูผู้คนที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างโอหัง'พ่อ เซเลน่า?' เฟนด์รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นคนด้านล่างขณะที่เขาซ่อนตัวอยู่บนยอดไม้ เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าพ่อและเซเลน่าจะเผชิญหน้ากับแมทธิว โจเอลและคนของพวกเขา"คุณคือใคร?" โจเอลและคนอื่น ๆ ขมวดคิ้วเมื่อเห็นชายศีรษะล้าน รูปกายที่สง่
“ขั้นที่สองของระดับเทพขั้นสูงสุด? แมทธิวทำไมเราไม่ร่วมมือกันต่อสู้กับเขากันล่ะ?” โจเอลคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และเสนอความเห็น “สู้กับเขาเหรอ? ไม่ไหวหรอก! ถึงอีกฝ่ายจะอยู่ในขั้นที่หนึ่งของเทพสูงสุดระดับหนึ่งเท่านั้น แต่ช่องว่างระหว่างระดับเทพแท้จริงกับระดับเทพสูงสุดนั้นห่างชั้นกันเกินไป! ต่อให้เราสามคนผนึกกำลังกัน ก็ไม่มีทางสู้เขาได้! ถึงจะมีแนชมาร่วมต่อสู้กับเราด้วย เราก็ยังเอาชนะเขาไม่ได้!” ใบหน้าของแมทธิวแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและมืดมน เขากัดฟันพูดเพียงไม่กี่คำ “ถ้าอย่างนั้นเราหนีกันดีกว่า!” หลังจากพูดจบ เขาหมุนตัวไปรอบ ๆ และบินออกไปทันที เขารีบออกจากที่เกิดเหตุไปสู่ท้องฟ้าอันไกลโพ้น “คิดจะหนีจากฉันไปงั้นเหรอ? มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก!” ชายศีรษะล้านบินตามแมทธิวไปทันที เขาอัดพลังฉีเข้าไปในค้อนยักษ์ ค้อนยักษ์ส่องประกายแวววาวราวกับเพชร และเขาเหวี่ยงค้อนออกไปในระยะไกล ในพริบตา พลังอันน่าสะพรึงกลัวของพลังฉีก็ถูกส่งออกไป พลังฉีนั้นมีสีทองจาง ๆ ตู้ม! แมทธิวซึ่งบินห่างออกไปหลายไมล์แล้ว ถูกการโจมตีนั้นทำลายและระเบิดในทันที "บ้าอะไรวะนั่น? เร็วเกินไปแล้ว!” เมื่อได้เห็นความเร็
“พี่ชายที่เคารพรักของผม ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย! ผมจะให้ทุกสิ่งที่ผมมีในแหวนยุทธ! ตกลงรึเปล่า?" โจเอลละล่ำละลักด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของเขาซีดเซียว หลังจากครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว เขาก็คุกเข่าลงบนพื้นต่อหน้าชายศีรษะล้าน และร้องขอความเมตตา น้ำเสียงของเขาฟังดูตื่นตระหนก “พี่ชายที่เคารพรักของผม มันไม่ง่ายเลยกว่าที่ผมจะมาถึงระดับพลังยุทธในปัจจุบันของตัวเอง และเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำให้คุณขุ่นเคือง แต่เรามาเพราะความอยากรู้อยากเห็นก็เท่านั้น เรากำลังพยายามค้นหาว่าจะมีนักสู้ที่แข็งแกร่งในระดับเทพสูงสุดหรือไม่ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร เราจะไปจากที่นี่ทันที ตกลงไหม? เราจะออกจากที่นี้ไปได้อย่างไรหรือ?” “ฮึ่ม! ออกไปจากที่นี่เหรอ? ตายที่นี่ไม่ดีกว่ารึ? อีกอย่าง ถ้าฉันอนุญาตให้นายออกไป ก็จะมีคนที่รู้เรื่องของที่นี่มากขึ้น!” ชายหัวล้านตะคอกอย่างเย็นชา เขายกค้อนยักษ์ขึ้นและเหวี่ยงไปทางโจเอลด้วยพลังฉี โจเอลพูดไม่ออกกับพฤติกรรมของชายศีรษะล้าน ในเวลาเดียวกัน ความกลัวก็วิ่งพล่านไปทั่วร่าง ทว่ามีบางอย่างผุดขึ้นในหัวของเขาอย่างรวดเร็วและดวงตาของเขาเป็นประกาย “เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน! ถ้าคุณปล่อยผมไป ผมจะบอกคุณ
ชายศีรษะล้านหลบไปด้านข้าง จากนั้นเขาก็หันศีรษะกลับไปมองดูสิ่งที่อยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและตกตะลึง หากเขาไม่รู้สึกถึงอันตรายที่อยู่ข้างหลังและช้ากว่านี้แม้สักครึ่งนาที ร่างกายของเขาคงถูกแยกออกเป็นสองส่วนและเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน เลือดทะลักออกมาจากไหล่ และเพียงชั่วครู่ ใบหน้าของชายศีรษะล้านก็ซีดลง เขาหยิบโอสถห้ามเลือดออกมาและกลืนมันลงไปทันที เลือดของเขาออกช้าลง แต่ถึงกระนั้น อาการบาดเจ็บที่เฟนด์ทำให้เขานั้นก็นับว่าหนักหนามาก “ฟะ…เฟนด์!” โจเอลหายใจเข้าเฮือกใหญ่ขณะที่เขามองไปที่เฟนด์ ไม่นึกเลยว่าเฟนด์จะปรากฏตัวในขณะนี้และยังลอบโจมตีชายศีรษะล้านด้วย “เฟนด์!” เซเลน่าหันศีรษะไปมอง เขาคือเฟนด์นั่นเอง! ดวงตาของเธอเบิกโพลง ปลายจมูกของเธอขึ้นสี เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจและมีความสุข เมื่อครู่ที่ผ่านมา เธอยังคิดว่าเธอกับแนชกำลังจะตายและจะไม่ได้เจอเฟนด์อีก ทว่าเฟนด์ทำให้เธอต้องประหลาดใจไปกับการปรากฏตัวและยังลอบโจมตีชายศีรษะล้านร่างใหญ่คนนั้น ทั้งยังสร้างบาดแผลฉกรรจ์ให้กับเขา “เขาตอบสนองค่อนข้างเร็วว่าไหม? ผมใช้การโจมตีที่เร็วที่สุดของตัวเองแล้ว แต่เขากลับ
ชายศีรษะล้านสูญเสียแขนข้างหนึ่งไปทำให้เขาไม่สะดวกจะถือค้อนยักษ์เช่นนี้ ทว่าเขาก็ไม่อาจจะชะล่าใจได้ การโจมตีของค้อนยักษ์แทรกผ่านอากาศ ก่อนมุ่งตรงไปที่เฟนด์และให้ความรู้สึกกดดันอย่างมาก "ฮึ่ม!" เฟนด์ส่งเสียงในลำคออย่างเย็นชาขณะโจมตีออกไป เขากำดาบในมือแน่นและถ่ายพลังฉีเข้าไปฟาดฟันกับค้อนยักษ์ ฟุ่บ! ทันใดนั้น พลังฉีอันน่าสะพรึงกลัวก็พุ่งฟาดฟันค้อนยักษ์ของฝ่ายตรงข้ามอย่างแรง เสียงระเบิดดังอึกทึกขึ้นในขณะที่การโจมตีอันทรงพลังของทั้งสองปะทะกัน โจเอลยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้าง ๆ ด้วยความประหลาดใจ หัวใจของเขาแทบจะหล่นลงไปที่ตาตุ่ม หากเฟนด์ตัดหัวชายศีรษะล้านคนนี้ได้สำเร็จ เฟนด์คงจะไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน แม้ว่าชายศีรษะล้านจะทรงพลัง แต่ตอนนี้เขาก็ได้รับบาดเจ็บ เมื่อเทียบกับการโจมตีด้วยสองมือ การใช้มือเดียวเหวี่ยงค้อนใส่เฟนด์นั้นแตกต่างกันมาก นอกจากนี้ แม้ว่าเฟนด์จะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับชายศีรษะล้าน เขาก็ยังสามารถทำให้อีกฝ่ายช้าลงได้ นั่นจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเฟนด์ที่จะทำเช่นนั้น เพราะเขาเองก็เป็นนักสู้ที่ทรงพลัง หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ระดมพลังฉีของเขา และพุ่งตรงไปในระ
“ในที่สุดเขาก็ตายเสียที!” เมื่อมองไปที่ซากศพบนพื้น ในที่สุดเฟนด์ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก หากเฟนด์ไม่แอบโจมตีอีกฝ่ายและทำให้เขาบาดเจ็ลอย่างรุนแรงก่อนการต่อสู้ เขาเกรงว่าการจะฆ่าชายศีรษะล้านคนนี้ลงได้คงไม่ใช่เรื่องง่าย หลังจากถอดแหวนยุทธของชายศีรษะล้านแล้วเฟนด์ก็หันหลังกลับและเดินไปหาเซเลน่าซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่ง ทว่าในขณะที่เขาก้าวขาออกไป ชายศีรษะล้านก็ลืมตาขึ้น รูปกะโหลกสีดำลอยออกมาจากร่างของชายศีรษะล้านและพุ่งตรงไปที่เฟนด์ ร่างกายของชายศีรษะล้านดีดดิ้นเล็กน้อย ทว่ากลับดูไร้ชีวิตชีวาโดยสิ้นเชิง “เฟนด์ ระวัง!” ทั้งเซเลน่าและแนชต่างตกตะลึงเมื่อเห็นกะโหลกสีดำเล็ก ๆ นั้น พวกเขาตะโกนเตือนเฟนด์ด้วยความตื่นตระหนกในทันที เฟนด์ไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมองขยับตัวหลบในพริบตา หลังจากที่เขาเบี่ยงไปด้านข้าง กะโหลกสีดำก็พุ่งไปข้างหน้าเร็วขึ้นและในชั่วพริบตาเดียวมันก็ไปปรากฏตรงหน้าเซเลน่า ก่อนที่เซเลน่าจะทันได้รู้สึกตัว กะโหลกสีดำเล็ก ๆ ก็พุ่งเข้าใส่แก้มซ้ายของเธอ ดวงตาของเซเลน่าเบิกกว้าง “อะไรกัน?” เฟนด์ตกตะลึง เขาไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร เขามองย้อนกลับไปที่ชายศีรษะล้านที่นอนไร้
“มีวิธีแบบนั้นจริง ๆ เหรอ? ที่รัก คุณไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม?” เมื่อได้ยินคำพูดของเฟนด์ รอยยิ้มอันขมขื่นฉาบอยู่บนใบหน้าของเซเลน่า เธอกลัวว่าเฟนด์จะโกหกเพื่อปลอบใจเธอ "อื้ม มันมีวิธีแก้คำสาปอยู่ เราต้องสร้างโอสถเม็ดขั้นกลางระดับสี่เพื่อถอนคำสาป และ…และเราต้องการของล้ำค่าจากเผ่าผลึกเมฆา” เฟนด์ยิ้มแห้ง ๆ และเพื่อให้เซเลน่าเชื่อคำพูดของเขา เขาจึงยื่นหนังสือให้เซเลน่าดูเนื้อหาที่เขียนในหนังสือ “โอสถเม็ดขั้นกลางระดับสี่… เราสามารถหาของสิ่งนี้ได้ภายในหนึ่งปีเหรอ? ยังมีเผ่าเผ่าผลึกเมฆาอีก เราไม่เคยได้ยินชื่อเผ่านี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ! พวกเขาจะยอมยกของล้ำค่าให้มาช่วยเราได้ยังไง? อีกอย่างชนพื้นเมืองที่นี่ต่างก็อดใจรอจะฆ่าพวกเราที่บุกรุกที่ทางของพวกเขาแทบไม่ไหว พวกเขาจะช่วยพวกเราได้ยังไง?!” คิ้วของเซเลน่าขมวดเข้าหากัน หัวใจของหล่นวูบไป “ไม่ต้องกังวลที่รัก ตราบใดที่ยังมีหนทาง เราก็ยังมีความหวัง และเราควรพยายามให้ถึงที่สุด!” เฟนด์จับมือและพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ก็ได้ มาดูกันเถอะว่าในแหวนยุทธของชายศีรษะล้านมีอะไรอีกบ้าง?!” เซเลน่าผงกศีรษะ จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่แหวนยุทธและเตือนเฟนด์