ชารอนหันไปมองเฟนด์และหันมาพูดว่า "ฉันขอเพิ่มเป็น 120 ล้าน!” ฉันซื้อให้ปู่ของฉัน ช่วงนี้เหมือนเขาจะนอนไม่หลับ!""150 ล้าน!"ในขณะนั้นตระกูลรอยที่นิ่งเงียบมาตลอดได้ยกมือขึ้น เขาเน้นย้ำว่า “ฉันเพิ่มเป็น 150 ล้านเหรียญ!”“เจ้านายของตระกูลรอยก็จับตามองเพื่อที่จะเสนอราคาเช่นนี้!”“นี่มันสูงมาก!” เขามาจากครอบครัวชนชั้นสูงจริง ๆ ยอมจ่ายเงิน 150 ล้านเหรียญ เพื่อซื้อไข่มุกเรืองแสงนั่นจริงเหรอ? ราคานี้น่าจะสูงเท่ากับราคาเดิมของมัน!”"ผมไม่แน่ใจว่าจะมีคนอื่นมาต่อสู้เพื่อมันอีกหรือเปล่า"นักธุรกิจที่ร่ำรวยหลายคนถึงกับอึ้งไปตาม ๆ กันใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ราคาก็พุ่งสูงขึ้นจาก 10 ล้านเหรียญ เป็น 150 ล้านเหรียญเมื่อไมเคิลอยากจะเอาชนะใจเซเลน่า เขาต้องการที่จะมอบของขวัญราคาแพง ๆ ให้กับเธอ เธอจะได้กระโดดเข้ามาสู้อ้อมกอดของเขา เขากัดฟันลุกขึ้นยืนและพูดว่า “180 ล้าน!”"พระเจ้า!"ทางด้านเคนถึงกับตกใจกับการกระทําของเขา นายน้อยเคนถึงกับเอ่ยปากว่า “อย่าวู่วามอย่างนี้ นายน้อยไมเคิล ไข่มุกนี้ถึงแม้จะมีมูลค่ามาก แต่ 180 ล้านเหรียญ ก็เป็นราคาที่สูงเกินไป ฉันไม่อยากต่อสู้เพื่อมันอีก…”"นายรู้อะไรไหม? ฉ
พระเจ้า ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหม? จาก 200 ล้านเหรียญ กระโดดมาเป็น 300 ล้านเหรียญ ตอนนี้มันบ้ามากไปแล้ว”“นั่งคงไม่ใช่ความผิดพลาดใช่ไหม แม้ว่าเธอจะเพิ่มเงินเป็นร้อยล้านอย่างไม่ต้องลังเล แต่ก็ยังคงเป็นร้อยล้านเหรียญ แม้ว่าจะเป็นครอบครัวชนชั้นสูงที่ทำเช่นนั้น พวกเขาก็ยังคงต้องคิดอย่างหนักที่จะจ่ายเงินจำนวนมากมหาศาลขนาดนั้น!”“ใช่ บางที 210 ล้านเหรียญอาจเพียงพอที่จะชนะการประมูล? ได้ประหยัดเงิน 90 ล้านเหรียญ นั่นเป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่หรือ?”นักธุรกิจที่ร่ำรวย และครอบครัวชนชั้นสองจำนวนมาก ต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอนว่า ตระกูลรอยและอีกสี่ตระกูลใหญ่ และทิโมธีก็ยังไม่ได้ยื่นข้อเสนอ พวกเขาต่างตกใจกับผลที่เกิดขึ้นในขณะนี้สิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ผู้ที่ทำการประมูลไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเฟนด์“เฟนด์ นายแน่ใจนะว่าเป็นเงิน 300 ล้านเหรียญ นายได้ถามคนข้าง ๆ หรือยัง นายคงไม่ได้แค่ตะโกนมั่วซั่วใช่ไหม? ถ้านายตะโกนประมูลแล้วชนะในภายหลัง หากนายไม่มีเงินจ่าย นายไม่มีทางหนีได้หรอกนะ!” ไมเคิลบอกเฟนด์ในขณะที่ชี้ไปทางเขา เขาโกรธมาก ขณะที่เขายืนขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นเพื่อเรียกร้องอีกครั้ง หลังจ
มุมปากของทิโมธีกระตุก ตอนแรกเขาคิดว่าจะสามารถชนะการประมูลได้ในราคา 320 ล้านเหรียญ แต่เขาไม่คิดว่า... เมื่อราคาขึ้นไปถึง 400 ล้านเหรียญ ไม่ว่าจะเป็น โรเบิร์ต, เกรย์สัน, ชารอน หรือคนอื่น ๆ ต่างก็นั่งลงทันที และไม่กล้าประมูลอีก เพราะตอนนี้ราคามันหรูหราเกินไป ถึงแม้ว่าทั้งสองจะต้องการก็ตาม แต่พวกเขากลับเลือกที่จะหยุดตรงนั้น"500 ล้าน!"อย่างไรก็ตาม เฟนด์ยิ้มอย่างใจเย็นอีกครั้ง โดยบอกว่า "เพื่อนของผมบอก 500 ล้าน!"ขนาดคนแก่บนเวทียังตื่นเต้นสุด ๆ เงินจํานวนดังกล่าวเป็นเงินที่ได้มาจากค่าคอมมิชชั่น ส่วนราคาดังกล่าวเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้คาดคิดเลยคราวนี้ทิโมธีไท่กล้าเสนอราคาอีก ในขณะที่เขานั่งอยู่คนเดีนวทำหน้าไม่สบอารมณ์"500 ล้าน ครั้งที่หนึ่ง! ถ้าไม่มีคนเสนอราคาเพิ่มไข่มุกก็จะตกไปอยู่ในมือของสาวสวยคนนั้น!""500 ล้าน ครั้งที่สอง!"ชายชรายิ้มแย้มอยู่บนเวที กําลังรอให้เคาะไม้ของเขาลง"เดี๋ยวก่อน!"ในตอนนั้น ทิโมธีติลุกขึ้นทันทีเขามองลาน่าตรง ๆ ว่า "ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าสาวสวยคนนี้อาจเป็นใคร? ไข่มุก 500 ล้านเหรียญ ไม่ได้มากเกินไป แต่ใครจะยื่นข้อเสนอแบบนี้ได้ถ้าไม่ได้เงินเป็นพันล้านเหรียญ
ได้ยินอย่างนั้น สายตาเจ้าเล่ห์ของนีลก็สว่างไสวขึ้น เขากล่าวว่า "สุนัขจิ้งจอกผู้เจ้าเล่ห์" เขายิ้มอย่างแยบยลที่มุมปากของเขา ในที่สุดคุณก็ได้ข้อมูลบางอย่างแล้ว! ไข่มุกเม็ดนั้นมีมูลค่า 500 ล้านเหรียญ ถ้าเราสามารถจับมันได้เราก็จะได้กําไรมหาศาล!""อ่า ใช่แล้ว!"บอดี้การ์ดหัวเราะคิกคักเมื่อทั้งคู่ก้าวเท้าใหญ่ออกไปทางด้านนอกนั้นพวกเขาเห็นคนยืนอยู่ที่หัวมุมของลานกว้างนั้น หนึ่งในนั้นมีชายที่สวมใส่เสื้อผ้าที่แล้วดูทะมัดทะแมง บางคนใส่เสื้อแขนกุด กล้ามแขนที่โชว์มันดูน่ากลัวมากนายน้อยนีลบอกว่า เป้าหมายหลักของเราในครั้งนี้คือชายหนุ่ม เขาบอกว่า แม้ภายนอกเขาจะดูเด็ก แต่จริง ๆ แล้วเขามีพลังมาก ถ้าไม่เก่งจริง เราคงไม่มารวมกลุ่มกันเยอะขนาดนี้" "หลังจากนี้อย่าได้อย่าประมาท พวกเขาอาจจะออกมาเร็ว ๆ นี้""ไม่ต้องห่วงนะ ทางฝั่งเรามีจำนวนมากกว่า เป้าหมายของเรามีแค่คนเดียว จริง ๆ แล้วเขาอาจจะรู้สึกกลัวเพราะมีคนมาจับเขาตั้งหลายคน นี่ยังไม่นับรวมว่าเรายังมีเข็มขัดสีดำอีกตั้งหลายเส้น!" ผู้ชายอ้วน ๆ หัวเราะคิกคัก "เท่าเทียม" ถึงแม้ว่าเราจะมี 60 คนที่นี่ แต่การต่อสู้โดยรวมของเราก็แกร่งมาก!"ชายร่างท้วมคน
ไมเคิลกําลังคุยกับเคนเป็นการส่วนตัวในละแวกนั้น หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็สังเกตเห็นคนกลุ่มนั้น“ใช่ พวกเขาถูกรุมทันทีหลังจากออกมา จากที่ดูแล้วนั้น คนพวกนี้น่าจะมีคนจ้างมาเป็นการส่วนตัว โอ้ว เฟนด์กับผู้หญิงคนนั้นคงต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับปัญหาที่จะเกิดเร็ว ๆ นี้!”ไมเคิลพยักหน้าพร้อมกับการคาดเดา"เฮ้ พวกเขาอาจกําลังไล่ตามไข่มุกเรืองแสงนั่นก็ได้"เคนหัวเราะและมองโรเบิร์ตที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วพูดว่า "โรเบิร์ต เป็นคนทำหรือเปล่า ในการประมูลก่อนหน้านี้ เขาทําตัวกร่างมาก""นอกจากเขาแล้ว อาจเป็นไปได้ทิโมธีนั้นเป็นคนทำ ฉันรู้สึกได้ว่าทิโมธีไม่ใช่คนที่ชอบให้ใครทำอะไรข้ามหน้าข้ามตา!”ไมเคิลมองทิโมธีจากข้าง ๆไม่สําคัญว่า ณ วินาทีนั้นพวกเขาเป็นใคร เพราะทุกคนอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากสังเกตเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในละแวกนั้น พวกเขาจะไม่ไปในตอนนี้"เฮ้ สาวน้อย ไม่เลวเลยจริง ๆ ร่างกายของเธอนี่ ดูดีจริง ๆ นะ!"คนหัวล้านเดินนำหน้าเข้าไปหาลาน่า สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เขาพูดประโยคนี้ออกมาอย่างครึกครื้น แล้วเขาก็พูดว่า "คุณใส่หน้ากากทําไม ไม่เอาน่า ให้พี่ดูหน่อย เธอดูเป็นไงบ้างหนอ…?”ชายหัวล้านคนน
"พระเจ้า! คนหัวล้านคนนั้นบังเอิญเป็นสุดยอดนักเทควันโดสายดําขั้นที่หก!"“ใช่! ช่างน่าประทับใจจริง ๆ!"สองนักธุรกิจที่ร่ำรวยถึงกับตกใจทันทีเมื่อเห็นที่เกิดเหตุ“ตุบ!”น่าเสียดายที่วินาทีที่สอง ทุกคนต่างงงไปตาม ๆ กัน เพราะทั้งคู่เห็นลาน่าปล่อยข้อมือของเขาออกแล้วกําหมัดของเธอไว้ทันที และต่อยที่ต้นขาของผู้ชายคนนั้นทันทีแรงอันทรงพลังทําให้ชายหัวล้านคนนี้บินลอยอยู่เหนือพื้นดินห่างออกไปเกือบสองเมตรคนหัวล้านร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เมื่อเขาตกลงมากระแทกพื้น"ดูเหมือนว่าสายดำขั้นที่หกนั้นไม่ได้มีอะไรพิเศษมากไปกว่านี้”ลาน่าหัวเราะและไม่พอใจมาก"ผู้หญิงคนนั้นมีพลังขนาดนั้นจริงหรือ?"เขารู้สึกตกใจอีกครั้ง เมื่อมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น"โอ้ บ้าจริง เข้าไปกันให้หมดทุกคนเลย"คนหัวล้านกัดฟันให้แน่น พอเขาดันตัวเองลุกขึ้นมาจากพื้น เขาก็รู้ว่าผิวหนังบนฝ่ามือของเขาถูกขูดถลอกหมด ในเวลานี้เขารู้สึกอับอายอย่างยิ่งเมื่อถูกผู้มีอิทธิพลหลายคนจ้องมอง“อ๊า!”ชั่วพริบตาเดียว กลุ่มคนที่ถือท่อเหล็กก็วิ่งเข้ามาทันทีแน่นอน หนึ่งในนั้นก็มีคนที่เชี่ยวชาญเทควันโด้สายดําด้วย"ต้องการความช่วยเหลือไหม? ถ
ลาน่ายิ้มอย่างเลือดเย็นแล้วพูดว่า "ฉันไม่เชื่อเรื่องบังเอิญพวกนี้ พวกฉันเพิ่งจะออกมา แกก็บังเอิญมาอยู่ตรงนี้อย่างนั้นเหรอ? ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าถ้าเพิ่งมาทำไมถึงพาคนมาตั้งมากมายเป็นกลุ่ม”เขาพูดว่า "ตอนแรกเราตั้งใจจะสู้กับคนอื่น ๆ ก็เลยพาพวกมากัน แต่ในขณะที่เราผ่านที่นี่ เราสังเกตเห็นหน้าอกขนาดใหญ่ของเธอ กับก้นที่เด้งไปเด้งมา อดไม่ได้ที่อยากจะเล่นกับเธอ ก็แค่นั้น!”ชายหัวล้าน พูดต่อไปบริเวณใกล้ ๆ กันก็โล่งใจเมื่อนีลและบอดี้การ์ดของเขาได้ยินคําแก้ตัวนี้ โชคดีที่ชายหัวล้านนั้นฉลาดพอที่จะสร้างข้ออ้างขึ้นมาแทนการหักหลังได้“อ๊ากก!”อย่างไรก็ตามในวินาทีต่อมา ลาน่า ก็เหยียบหลังมือชายคนนั้นทันที เธอพูดด้วยน้ำเสียงต่ำน่ากลัว "ฉันไม่ให้แกสารภาพหรอกหรือ? ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่เชื่อเรื่องบังเอิญที่พวกแกมาปรากฏตัวหลังจากงานประมูลเสร็จสิ้น”"ฉัน-ฉันบอกไปแล้วว่าเป็นความจริง!"ชายหัวล้านกัดฟันยืนกรานกับคำโกหกของเขาสีหน้าของหลายคนเริ่มเลือนลางเมื่อได้เห็นความเหี้ยมโหดไร้ความเมตตาปราณีของลาน่า ถึงแม้ว่าเธอจะมีเสน่ห์ แต่ผู้ชายคนไหนจะกล้าควบคุมเธอเคนและบอดี้การ์ดของเขาเริ่มรู้สึกวิตกกังวลอีกครั้ง
“ไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่านายน้อยนีลเป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง!”เคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งนั้นขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ทำไมนีลถึงทำอย่างนั้น?”"ฉันไม่เคยได้ยินว่านีลมีความแค้นกับเฟนด์มาก่อน อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ตามจีบเซเลน่าด้วยใช่ไหม”“จากสิ่งที่เห็น ความน่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือ ไข่มุกเรืองแสง! เขาไม่ต้องการที่จะใช้เงินกับมัน เขาถึงได้ไปหาคนมาเพื่อที่จะปล้น แต่เขาคงไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะมีกำลังมากขนาดนี้!”ไมเคิลเริ่มคาดเดา พวกเขาไม่ได้โง่ เห็นได้ชัดว่านีลเป็นคนทำ เมื่อชายหัวล้านชี้ตรงมาที่เขาแทนที่จะเป็นคนอื่น"ฉันเริ่มไม่แน่ใจว่านีลนั้นจะเสี่ยงแค่ไหน ในเมื่อตัวตนของเธอยังคงเป็นปริศนา!”ในทางกลับกันเกรย์สันกลับหัวเราะอย่างเย็นชาชารอนรู้สึกทึ่งเป็นอย่างมาก เธอจ้องมองไปที่เฟนด์เพียงเท่านั้นเธอไม่สามารถรั้งตัวเองได้อีกต่อไป เธอเดินเข้าไปหาเขาพร้อมกับคนรับใช้ข้าง ๆ เธอสองสามคน และถามเฟนด์ว่า “ไฮ สุดหล่อ นายคือเฟนด์ใช่ไหม? ฉันขอแอดวีแชทนายได้ไหม?”เฟนด์รู้สึกอึดอัดใจ ขณะที่เขาตอบว่า "ขอโทษฉันไม่ได้เป็นคนประเภทนั้น!""อ้อ นายโปรดปรานผู้หญิงที่ร่ำรวยเงินทองเท่านั้นใช่ไหม?”"แค่บอกฉันมา เธอให
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ