สิ่งที่เขาไม่คาดคิดคือรากของมันจะทะลุออกมาจากพื้นดินด้านล่างเขาในเวลานั้น รากนั้นแหลมเหมือนหอกและเร็วราวกับแสง พวกมันทะลุผ่านร่างของเขาจากด้านล่าง “พรวด!” ผู้อาวุโสของตระกูลซีเมเนสจ้องมองไปที่ร่างกายที่ถูกแทงทะลุของตัวเอง เลือดไหลออกมาจากปากของเขา เขามองไปที่ลูกหินแปลก ๆ ซึ่งอยู่ห่างจากเขาเพียงระยะสั้น ๆ เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนสิ้นลมหายใจ “นั่นมันบ้าอะไรกัน?! ผู้อาวุโสลำดับที่สอง…ผู้อาวุโสลำดับที่สองตายแล้ว!” หัวหน้าตระกูลซีเมเนสไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาเพิ่งเห็น ดวงตาของเขาเบิกกว้างพอ ๆ กับไข่ห่าน ใบหน้าของเขาซีดเผือด “จัดการพวกเขาซะ!” คนจากวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ในเวลานี้อยู่ไม่ไกลจากเฟนด์และพวกพ้อง พวกเขาเริ่มเปิดการโจมตี "ฆ่าพวกเขาให้หมด!" ทั้งสองฝ่ายเริ่มการต่อสู้ทันที มันอลหม่านวุ่นวาย เฟนด์เคลื่อนไหวไปหลายครั้งด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ ดาบที่ผนวกกับความเร็วสายฟ้าแหลมคมและทรงพลังมากขึ้น เพียงเหวี่ยงไม่กี่ครั้ง กิ่งไม้ที่อยู่ข้างหน้าเขาก็ถูกตัดออก ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ! อย่างไรก็ตาม ต้นไม้โบราณดูเหมือนจะมีสติปัญญา หลังจากรู้ถึงพลังและความแข็งแกร่งของเฟนด์ต้นไม้โบราณ
“ทุกคน อยู่รวมกันไว้ อย่าได้ตกใจ! มีคนที่อยู่ในระดับเทพแท้จริงเพียงไม่กี่คนเท่านั้น!” เฟนด์แจ้งข่าวออกไปเสียงดัง เมื่อเขาสังเกตเห็นว่ามีบางคนกำลังตื่นตระหนก หลังจากได้ยินเฟนด์พูดเช่นนั้น เหล่าพันธมิตรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และพวกเขาก็เริ่มรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว การต่อสู้ดำเนินไประยะหนึ่งและจำนวนผู้เสียชีวิตก็เพิ่มเป็นสองสามพันคน ในขณะที่อีกฝ่ายเสียชีวิตไปหลายพันคน หลังจากต่อสู้กับเฟนด์และพรรคพวกไปหลายนาที เจ้าวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ก็ตระหนักถึงปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มของเขาได้ แม้ว่าพวกเขาจะมีจำนวนมากกว่าอีกฝ่าย แต่เฟนด์และพวกพ้องของเขาก็มีนักสู้ในขั้นสูงและขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงมากกว่า! คนของเขาส่วนใหญ่อยู่ในระดับกึ่งเทพเท่านั้น จากนั้นเขาก็โบกมือ ชี้นำให้คนของเขาหยุดการโจมตี และปิดล้อมเฟนด์กับพวกพ้องเอาไว้ “พวกคุณจากแผ่นดินใหญ่ เหตุใดถึงกล้าบุกรุกเข้ามาในดินแดนท้องทะเลของเรา?! ที่แย่ไปกว่านั้นคือ การล่วงเข้ามาในเกาะวายุมืดเช่นนี้! พวกคุณอยากตายหรือ? สมบัติหรือหินอะไรก็ตามที่พวกคุณหามาได้ จงมอบมันมาให้เรา!” ผู้อาวุโสของวิหารใหญ่โตจากเกาะวายุมืดก้าวออกมาชี้ไปที
“อะไรทำให้คนสามหาวอย่างแกคิดว่าเราไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน? พวกแกมันก็เป็นเพียงคนพเนจรจากหลายตระกูลมารวมกันเท่านั้น แม้ว่าเราเองจะมีคนจากเผ่าอื่นในดินแดนท้องทะเลนี้รวมอยู่ด้วยกัน แต่พวกเขาก็อยู่ในอาณัติของวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ และทำงานร่วมกับเราเสมอมา เราเปรียบเหมือนตระกูลใหญ่ ๆ ตระกูลหนึ่ง เช่นนั้นแล้ว แกคิดว่าฝ่ายไหนเป็นปึกแผ่นมากกว่ากัน? เราหรือพวกแก?” ผู้อาวุโสโมสลีย์แย้งและตอบโต้อย่างไม่พอใจ“นี่! ไอ้ส*รเลว คิดให้ดี ๆ นะ หากแกมอบลูกบอลหินให้เรา แกก็จะไม่ต้องตายเปล่า ถ้าไม่อย่างนั้น หึ แกจะสร้างปัญหาให้ตัวเอง!”หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เจ้าวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ ก็จงใจยุแยงคนในกลุ่มของเฟนด์และพันธมิตรของเขาโดยพูดว่า "ฟังนะ ตระกูลไหนไม่เกี่ยวข้องกับเด็กเหลือขอที่ถือครองหินสามารถออกไปจากที่แห่งนี้ได้ เราจะปล่อยแกไปเพราะยังไงพวกแกก็ยังไม่ได้สมบัติอะไรอยู่ดี พวกแกไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตไปกับเด็กส*รเลวนี่หรอก และแน่นอนว่าหากตระกูลของเด็กส*รเลวคนนี้จะทิ้งเขาไว้ที่นี่ ก็เอาเลยฉันก็จะปล่อยพวกแกไป!”“ใช่ ถูกต้อง ตระกูลอื่น ๆ จะออกจากที่นี่ก็ย่อมได้ ยังไงพวกคุณก็ไม่ได้รับของล้ำค่าอะไร
“ฮ่าฮ่าฮ่า! พ่อหนุ่ม ฉันเป็นมือขวาของเจ้าวิหาร! แกคิดว่าแกจะฆ่าฉันได้อย่างที่อยากงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะไอ้บ้า!” ผู้อาวุโสฮาร์ทแมนเย้ยหยันเฟนด์ มันจะไม่ตลกเหรอที่คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างเฟนด์จะทำให้เขาเสียหน้าได้? อย่าลืมว่าเฟนด์อายุน้อยกว่าเขามากเพราะเหตุนั้นไม่เพียงแต่เขาจะไม่กลัวเฟนด์เท่านั้น แต่เขายังดูแคลนที่เฟนด์ไร้เดียงสาอีกต่างหาก เขารู้สึกตื่นเต้นอยู่ในใจ ลูกบอลหินประหลาดนั่นอยู่ในมือของไอ้ส*รเลวนี่ ถ้าเขาสามารถฆ่าไอ้ส*รเลวคนนี้ลงและยึดแหวนยุทธของเขามาได้ บอลหินนั่นจะเป็นของเขา! ช่างเป็นโอกาสที่ดีอะไรเช่นนี้! หลังจากที่เขาฆ่าเฟนด์ก็จะไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเขายึดแหวนยุทธของเฟนด์ไป เพราะทุกคนจะชุลมุนไปกับการต่อสู้ ไม่มีใครว่างมาเฝ้าดูเขาในทุกย่างก้าว! และเขาเพียงแค่ต้องฆ่าเจ้าส*รเลวนี่ลง และเก็บแหวนยุทธของเขาไว้ แสร้งทำเป็นต่อสู้ไปอีกครู่หนึ่ง แล้วค่อยหลบหนีออกจากป่า จากนั้นจะค้นหาถ้ำลับ ๆ และศึกษาลูกบอลหินประหลาดนี้ให้จงได้ หากเขาโชคดีพอที่จะค้นพบวิธีการทะลวงไปยังระดับเทพสูงสุดจะดีแค่ไหน? และเพราะเหตุนั้นเขาจึงจะต้องทะลวงไปสู่ระดับเทพสูงสุดแล้วขึ้นเป็นเจ้าวิหารราชวงศ์ศักดิ
ในครั้งนี้เฟนด์โจมตีได้รุนแรงกว่าครั้งก่อน เขาใช้กระบวนท่าดาบอัคนี"ไม่!"ผู้อาวุโสฮาร์ทแมนไม่กล้าประมาทอีกต่อไป เขาใช้กระบวนท่าที่ทรงพลังกว่าเดิมทันทีแต่ทักษะยุทธของเขาดูอ่อนแอและน่าสมเพชราวกับแมลงวัน กระบวนท่าเหล่านั้นไม่สามารถต้านทานการโจมตีของเฟนด์ได้แม้แต่น้อย ในขณะเดียวกัน ดาบอัคนีของเฟนด์ยังคงมีกำลังเหลืออยู่มาก และมันก็มุ่งตรงมาที่เขาผู้อาวุโสฮาร์ทแมนที่ไม่มีเวลาได้ร่ายกระบวนท่าที่สองได้ทัน เขาสร้างโล่พลังงานขึ้นมาป้องกันในทันทีแต่โล่ที่บางและไม่มั่นคงนั้นไม่อาจต้านทานการโจมตีที่น่ากลัวของอีกฝ่ายได้เลย มัเพียงเสี้ยววินาทีโล่นั้นก็ถูกทำลาย และการโจมตีก็พุ่งตรงเขาที่หน้าอกของเขา ส่งผลให้เขากระเด็นออกไปไกลหลายเมตรปัง!ผู้อาวุโสฮาร์ทแมนถลาไปด้านหลังราวกับว่าวป่านขาด ก่อนที่ร่างของเขาจะกระแทกลงกับพื้นอย่างแรงและกระอักเลือดออกมา เมื่อเขานอนชักเกร็งเช่นนั้นแล้วเขาก็สิ้นลม“ไม่มีทางน่า! ผู้อาวุโส…ผู้อาวุโสฮาร์ทแมน ตาย…ตายแล้ว…”นักสู้ที่อยู่ในระดับเทพแท้จริงหลายต่อหลายคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ และได้เห็นการเสียชีวิตที่น่าสยดสยองของผู้อาวุโสฮาร์ทแมนต่างพากันหวาดกลัวสุดขีด ความหวาด
“อะไรวะ นักสู้ระดับเทพแท้จริงที่อยู่เคียงข้างพวกนั้นมีพลังมากมายเกินไปแล้ว!”แมทธิว เจ้าวิหารแห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ มองดูเหตุการณ์แล้วหน้าตาเขาก็เปลี่ยนเป็นน่ากลัว ลาน่า วิลเลียม และอีธาน ถึงแม้พวกเขาอยู่เพียงขั้นแรกของระดับเทพแท้จริง แต่พละกำลังความแข็งแกร่งและพลังยุทธของพวกเขาก็เพียงพอที่จะเอาชนะบรรดานักสู้ระดับเทพแท้จริงขั้นเริ่มต้นทั้งหลาย! มันจึงยากที่จะจัดการสามคนนี้ ตู้ม!ในอีกด้านหนึ่ง เฟนด์สังหารผู้อาวุโสล็อคเป็นรายที่สิบในเวลาไม่นาน วิหารแห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์สูญเสียนักสู้ชั้นยอดที่แข็งแกร่งอีกคน“บ้าฉิบ! เราสูญเสียไปเกือบห้าหมื่นคนแล้ว อะไรวะเนี่ย?! การบาดเจ็บล้มตายของอีกฝ่ายไม่ถึงหมื่น! หากยังดําเนินไปเช่นนี้ อัตราการตายฝั่งเราก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น!”ผู้อาวุโสโมสลีย์ วิเคราะห์สถานการณ์ขณะนี้แล้วตระหนักว่าถึงแม้พวกเขาจะมีจํานวนมากกว่าหนึ่งแสนในตอนแรก แต่ช่องว่างก็แคบลงเรื่อย ๆ ข้อได้เปรียบของพวกเขาในการต่อสู้ครั้งนี้กําลังจางหายไปอย่างรวดเร็ว พวกเขายังสูญเสียนักสู้ที่แข็งแกร่งหลายคน เช่น ผู้อาวุโสฮาร์ทแมน และผู้อาวุโสล็อค สถานการณ์ของพวกเขาจะยิ่งเลวร้ายลงไปอีก
อเล็กซานเดอร์เสนอความคิดของเขาดังกล่าวต่อหน้าฝูงชน “เป็นความคิดที่เยี่ยม! พวกเราทุกคนต้องขอบคุณเฟนด์ในครั้งนี้ ถ้าเป็นตามข้อตกลงที่เฟนด์ทําให้พวกเราก่อนเข้าป่าเราเห็นด้วย เราคงจะยุ่งเหยิงมาก ไม่สามัคคีเป็นหนึ่งเดียวขนาดนี้ และถ้าหากเราไม่สามัคคีกัน เราก็คงจะถูกคนเหล่านั้นชิงลูกบอลหินนั้นไป!”หัวหน้าตระกูลซีเมเนสค้อมศีรษะลงเป็นการตอบตกลง อย่างไรก็ตาม เขาไม่ลืมจะเตือนเฟนด์ว่า “คุณชายเฟนด์ ถ้าลูกบอลหินนี้เป็นหนทางสู่ระดับเทพเจ้าสูงสุดจริง ๆ และสามารถใช้ซ้ำได้อีก เราหวังว่าคุณชายเฟนด์จะไม่ลืมข้อตกลงของพวกเรา” สายตาของทุกคนหันไปหาเฟนด์ทันทีด้วยความกลัวว่าเฟนด์อาจจะเก็บมันไว้โดยไม่แบ่งปันตามข้อตกลงตอนนี้ ตระกูลวู๊ดเข้าใจถึงสถานการณ์โดยรวมอย่างลึกซึ้ง มีเพียงห้าคนเท่านั้นที่ไปถึงจุดสูงสุดของอาณาจักรเทพแท้จริง และเฟนด์อยู่ในอันดับต้น ๆ ของทั้งห้า ตัวเขานั้นสามารถต่อสู้และต้านคนหลายคนด้วยความแข็งแกร่งของจุดสูงสุดแห่งระดับเทพแท้จริง ดังนั้นความแข็งแกร่งโดยรวมและความสามารถในการต่อสู้ของตระกูลวู๊ดจึงเพิ่มขึ้นมากมายจนพวกเขาถึงกับเอาชนะตำหนักนภาได้ถ้าไม่ใช่ด้วยเหตุว่าตระกูลวู๊ดมีนักสู้ขั้นก
“ผู้อาวุโสโมสลีย์ แล้วตอนนี้ล่ะ? อีกฝ่ายคงไม่ส่งมอบลูกบอลหิน! พวกเขาสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมาก และ...และเราไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้! หึ! วุ่นวายอะไรอย่างนี้!”แมทธิวตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า และเขาไม่รู้ว่าจะทําอย่างไรต่อไป ในพริบตาเดียว เขาสูญเสียคนไปมากกว่าห้าหมื่นคน บวกกับผู้ที่เสียชีวิตก่อนการต่อสู้กับเฟนด์และกลุ่มต่าง ๆ ของเขา ตอนนี้เขาสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ที่แย่ไปกว่านั้น คนที่แข็งแกร่งอย่างผู้อาวุโสล็อค และผู้อาวุโสฮาร์ทแมนก็ถูกอีกฝ่ายสังหารไปด้วย เขาคิดอะไรไม่ออกเลยมืดแปดด้านจริง ๆ“เฮ้อ! เราไม่มีทางใดอีกแล้ว เราสูญเสียผู้ชายไปมากมายเหลือเกิน และผู้ที่รอดชีวิตจากการต่อสู้ที่โหดร้ายก็ได้รับบาดเจ็บ ถึงเราจะไล่ตามพวกเขาไปในตอนนี้ เราก็ไม่มีใครที่จะต่อกรกับพวกเขาได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าขวัญกําลังใจหรือจิตวิญญาณการต่อสู้ในหมู่พวกเราไม่มีแล้ว ดังนั้น ณ ตอนนี้ เราทำได้แค่เพียงยุติการโจมตีของเราไว้ชั่วคราว”ผู้อาวุโสโมสลีย์จ้องที่ฝูงชนอย่างว่างเปล่าและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ในที่สุด น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง “ชั่วคราวเหรอ? คุณหมายถึงอะไร? คุณกําลังบอกว่ายังมีหนทาง ความหวัง
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ