ชายคนก่อนพยักหน้าแล้วพูดว่า “ดังนั้นนักสู้ที่พวกเขาสูญเสียไปนั้นส่วนใหญ่เป็นคนในระดับกึ่งเทพ และพวกเขาสูญเสียนักสู้ในระดับเทพแท้จริงไปเพียงสองหรืออย่างมากที่สุดก็เพียงสามคนเท่านั้น นั่นเป็นเหตุผลที่พลังต่อสู้โดยรวมของพวกเขาไม่ลดลงมากนัก!” “แหม เราไม่ต้องกังวลมากเกินไปนักหรอก แม้ว่าเราจะมีนักสู้ในระดับเทพแท้จริงไม่มากนัก แต่จำนวนคนทั้งหมดของเราย่อมมากกว่าพวกเขาแน่ ยังไม่รวมว่าเกาะวายุมืดไม่ใช่สถานที่ธรรมดา พวกเราชาววิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่คิดจะเสี่ยงเข้าไปในเกาะวายุมืดมาก่อน พ่อของผมเคยบอกว่า ป่าแห่งนี้มีสัตว์อสูรที่ทรงพลังอยู่ และทักษะในการต่อสู้ของพวกมันก็สูงไปอีกขั้น พวกมันไม่ใช่สัตว์อสูรที่นักสู้ระดับเทพแท้จริงจะสามารถจัดการได้ง่าย ๆ” เจ้าวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ หัวเราะขณะที่เขาพูด “เราจะทำเช่นนี้ต่อไป แอบตามพวกเขาไปอย่างเงียบ ๆ ไม่ช้าเมื่อพวกเขาเริ่มแย่งชิงสมบัติกันเอง สมบัติเหล่านั้นก็น่าจะเป็นวัสดุและอุปกรณ์ที่จะทะลวงไปสู่ระดับเทพเจ้าสูงสุด เมื่อถึงเวลานั้น ผู้อาวุโสล็อคจะแจ้งให้เราทราบทันที!” สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้เฟนด์และพันธมิตรของเขาประสบกับความสูญ
กรร! เสียงคำรามที่น่าสะพรึงกลัวดังสะท้อนไปด้วย เสียงคำรามดังกว่าปกติและการต่อสู้ก็แสนรุนแรง ในครั้งนี้มีผู้ล้มตายไปมากกว่าหนึ่งพันคน และบาดเจ็บสาหัสอีกหลายพันคน “บัดซบเอ๊ย! ครั้งนี้การสูญเสียของเราหนักหนาเกินไป ทุกคนอ่อนล้าเกินกว่าจะต่อสู้ในสมรภูมิที่รุนแรงเช่นนี้ได้อีก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องคนที่ได้รับบาดเจ็บมาตั้งแต่การต่อสู้ครั้งก่อนยังไม่มีเวลาแม้แต่จะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บด้วยซ้ำ อีกอย่างสัตว์อสูรฝูงนี้ยังแข็งแกร่งและทรงพลังเป็นอย่างมาก! เราเสียกำลังพลไปไม่น้อยเลย!” มีบางคนที่เพียงแค่มองลงไปที่ซากศพบนพื้นก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา หากพวกเขามีเวลาพักผ่อนสักนิด จำนวนผู้บาดเจ็บและผู้ที่บาดเจ็บสาหัสจะไม่มากเช่นนี้แน่ “ทุกคน หนีเร็ว! สัตว์อสูรฝูงนี้น่าจะถูกเสียงของการต่อสู้ครั้งก่อนและกลิ่นคาวเลือดดึงดูดมา เราควรออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้และหาที่พักเสีย คนที่ได้รับบาดเจ็บควรใช้โอสถในการรักษาและเข้าฌานเพื่อให้หายจากอาการบาดเจ็บโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้น เราคงต้องเผชิญกับฝูงสัตว์อสูรไม่หยุดหย่อน และความสูญเสียของเราจะยิ่งมากไปกว่านี้!” เฟนด์ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่พักหนึ่งแล้วจึง
ปัง! แต่ทันใดนั้นเอง เปลวไฟก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และระเบิดอยู่บนนั้นราวกับดอกไม้ไฟที่สวยงาม “พวกเขาเจอสมบัติแล้ว!” ในอีกด้านหนึ่ง สมาชิกของวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ รู้สึกตื่นเต้นและปิติเมื่อเห็นสัญญาณ "ลุยเลย! พวกนายต้องเอาสมบัตินั้นมาให้ฉัน เข้าใจไหม?” เจ้าวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ตะโกนสั่งคนของเขา เขาล่องหนและบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนมุ่งตรงไปยังทิศทางที่พลุไฟปรากฏขึ้น "คว้ามันมาให้ได้!" ผู้คนจำนวนเกือบสามแสนคนบินขึ้นสู่ท้องฟ้าและมุ่งตรงไปทางเฟนด์และพรรคพวก "อะไรวะนั่น?" เสียงโห่ร้องเซ็งแซ่ดังจากด้านหลังจนมาเข้าหูแนชและคนอื่น ๆ ใบหน้าของพวกเขาซีดเซียวราวกับศพ นั่นก็เพราะการถูกวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ลอบโจมตี และความขัดแย้งภายในระหว่างพันธมิตรกันนั้นมากเกินไปสำหรับพวกเขา พวกเขาทำตัวไม่ถูกกับสิ่งนี้ พวกเขามาส่วนที่ลึกที่สุดของป่าแล้ว พวกเขาจึงไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีคนแอบตามพวกเขามาถึงขนาดนี้ "พระเจ้า! พวกเขามีกำลังพลมากกว่าเราและเข้ามากระชั้นกับเรามาก! เ*รเอ๊ย! ดู ๆ แล้วไม่ถึง 2 นาทีพวกนั้นก็คงมาถึงที่นี่! แ*งเอ๊ย! เราถูกจับตามองมาตลอดเลยเหรอ?” ผู้อาวุโสจากตระกูลคาเบ
"โอ้พระเจ้า!" อเล็กซานเดอร์และคนอื่น ๆ หยุดการเคลื่อนไหวทันที พวกเขาได้ยินคำเตือนของเฟนด์และจึงเข้าใกล้ก้อนหินนั้นอย่างระมัดระวังโดยไม่พุ่งเข้าหามันอย่างหุนหันเหมือนคนอื่น ๆ แต่การได้ถือครองลูกบอลหินสีทองนั้นล่อตาล่อใจกว่าสิ่งอื่นใด ดวงตาแดงก่ำของพวกเขาจับจ้องที่หินราวกับว่ามันเป็นวัตถุที่สำคัญที่สุดในโลก ดังนั้นอเล็กซานเดอร์และคนของเขาจึงอยู่ด้านหลังคนกลุ่มแรกเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น พวกเขาอยู่ใกล้หินพอดู เมื่อเขาและคนของเขาเห็นว่าคนหลายร้อยคนที่นำหน้าถูกฆ่าตายอย่างไม่มีทางสู้ได้ภายในหนึ่งวินาที พวกเขาก็รู้สึกหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ สีหน้าของพวกเขาซีดเซียวไร้สี บางคนกลัวมากจนถอยห่างออกไปหลายร้อยเมตรทีเดียว พวกเขารักษาระยะห่างพอสมควรและจ้องมองภาพเบื้องหน้าความหวาดกลัว "พระเจ้า! ต้น…ต้นไม้โบราณนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว! นักสู้ที่แข็งแกร่งในระดับเทพแท้จริงหลายคนก็ตายไปง่าย ๆ แบบนั้น!” นักสู้บางคนที่มีความแข็งแกร่งในระดับกึ่งเทพจ้องมองไปที่ฉากนองเลือดตรงหน้าพวกเขาอย่างว่างเปล่า และทันใดนั้นพวกเขาก็ได้สติกลับคืนมา เดิมทีพวกเขามัวเมาไปกับสมบัติล้ำค่าเบื้องหน้า แต่เหตุการณ์เมื่อครู่ช่วยให้สร่
สิ่งที่เขาไม่คาดคิดคือรากของมันจะทะลุออกมาจากพื้นดินด้านล่างเขาในเวลานั้น รากนั้นแหลมเหมือนหอกและเร็วราวกับแสง พวกมันทะลุผ่านร่างของเขาจากด้านล่าง “พรวด!” ผู้อาวุโสของตระกูลซีเมเนสจ้องมองไปที่ร่างกายที่ถูกแทงทะลุของตัวเอง เลือดไหลออกมาจากปากของเขา เขามองไปที่ลูกหินแปลก ๆ ซึ่งอยู่ห่างจากเขาเพียงระยะสั้น ๆ เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนสิ้นลมหายใจ “นั่นมันบ้าอะไรกัน?! ผู้อาวุโสลำดับที่สอง…ผู้อาวุโสลำดับที่สองตายแล้ว!” หัวหน้าตระกูลซีเมเนสไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาเพิ่งเห็น ดวงตาของเขาเบิกกว้างพอ ๆ กับไข่ห่าน ใบหน้าของเขาซีดเผือด “จัดการพวกเขาซะ!” คนจากวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ในเวลานี้อยู่ไม่ไกลจากเฟนด์และพวกพ้อง พวกเขาเริ่มเปิดการโจมตี "ฆ่าพวกเขาให้หมด!" ทั้งสองฝ่ายเริ่มการต่อสู้ทันที มันอลหม่านวุ่นวาย เฟนด์เคลื่อนไหวไปหลายครั้งด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ ดาบที่ผนวกกับความเร็วสายฟ้าแหลมคมและทรงพลังมากขึ้น เพียงเหวี่ยงไม่กี่ครั้ง กิ่งไม้ที่อยู่ข้างหน้าเขาก็ถูกตัดออก ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ! อย่างไรก็ตาม ต้นไม้โบราณดูเหมือนจะมีสติปัญญา หลังจากรู้ถึงพลังและความแข็งแกร่งของเฟนด์ต้นไม้โบราณ
“ทุกคน อยู่รวมกันไว้ อย่าได้ตกใจ! มีคนที่อยู่ในระดับเทพแท้จริงเพียงไม่กี่คนเท่านั้น!” เฟนด์แจ้งข่าวออกไปเสียงดัง เมื่อเขาสังเกตเห็นว่ามีบางคนกำลังตื่นตระหนก หลังจากได้ยินเฟนด์พูดเช่นนั้น เหล่าพันธมิตรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และพวกเขาก็เริ่มรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว การต่อสู้ดำเนินไประยะหนึ่งและจำนวนผู้เสียชีวิตก็เพิ่มเป็นสองสามพันคน ในขณะที่อีกฝ่ายเสียชีวิตไปหลายพันคน หลังจากต่อสู้กับเฟนด์และพรรคพวกไปหลายนาที เจ้าวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ก็ตระหนักถึงปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มของเขาได้ แม้ว่าพวกเขาจะมีจำนวนมากกว่าอีกฝ่าย แต่เฟนด์และพวกพ้องของเขาก็มีนักสู้ในขั้นสูงและขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงมากกว่า! คนของเขาส่วนใหญ่อยู่ในระดับกึ่งเทพเท่านั้น จากนั้นเขาก็โบกมือ ชี้นำให้คนของเขาหยุดการโจมตี และปิดล้อมเฟนด์กับพวกพ้องเอาไว้ “พวกคุณจากแผ่นดินใหญ่ เหตุใดถึงกล้าบุกรุกเข้ามาในดินแดนท้องทะเลของเรา?! ที่แย่ไปกว่านั้นคือ การล่วงเข้ามาในเกาะวายุมืดเช่นนี้! พวกคุณอยากตายหรือ? สมบัติหรือหินอะไรก็ตามที่พวกคุณหามาได้ จงมอบมันมาให้เรา!” ผู้อาวุโสของวิหารใหญ่โตจากเกาะวายุมืดก้าวออกมาชี้ไปที
“อะไรทำให้คนสามหาวอย่างแกคิดว่าเราไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน? พวกแกมันก็เป็นเพียงคนพเนจรจากหลายตระกูลมารวมกันเท่านั้น แม้ว่าเราเองจะมีคนจากเผ่าอื่นในดินแดนท้องทะเลนี้รวมอยู่ด้วยกัน แต่พวกเขาก็อยู่ในอาณัติของวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ และทำงานร่วมกับเราเสมอมา เราเปรียบเหมือนตระกูลใหญ่ ๆ ตระกูลหนึ่ง เช่นนั้นแล้ว แกคิดว่าฝ่ายไหนเป็นปึกแผ่นมากกว่ากัน? เราหรือพวกแก?” ผู้อาวุโสโมสลีย์แย้งและตอบโต้อย่างไม่พอใจ“นี่! ไอ้ส*รเลว คิดให้ดี ๆ นะ หากแกมอบลูกบอลหินให้เรา แกก็จะไม่ต้องตายเปล่า ถ้าไม่อย่างนั้น หึ แกจะสร้างปัญหาให้ตัวเอง!”หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เจ้าวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ ก็จงใจยุแยงคนในกลุ่มของเฟนด์และพันธมิตรของเขาโดยพูดว่า "ฟังนะ ตระกูลไหนไม่เกี่ยวข้องกับเด็กเหลือขอที่ถือครองหินสามารถออกไปจากที่แห่งนี้ได้ เราจะปล่อยแกไปเพราะยังไงพวกแกก็ยังไม่ได้สมบัติอะไรอยู่ดี พวกแกไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตไปกับเด็กส*รเลวนี่หรอก และแน่นอนว่าหากตระกูลของเด็กส*รเลวคนนี้จะทิ้งเขาไว้ที่นี่ ก็เอาเลยฉันก็จะปล่อยพวกแกไป!”“ใช่ ถูกต้อง ตระกูลอื่น ๆ จะออกจากที่นี่ก็ย่อมได้ ยังไงพวกคุณก็ไม่ได้รับของล้ำค่าอะไร
“ฮ่าฮ่าฮ่า! พ่อหนุ่ม ฉันเป็นมือขวาของเจ้าวิหาร! แกคิดว่าแกจะฆ่าฉันได้อย่างที่อยากงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะไอ้บ้า!” ผู้อาวุโสฮาร์ทแมนเย้ยหยันเฟนด์ มันจะไม่ตลกเหรอที่คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างเฟนด์จะทำให้เขาเสียหน้าได้? อย่าลืมว่าเฟนด์อายุน้อยกว่าเขามากเพราะเหตุนั้นไม่เพียงแต่เขาจะไม่กลัวเฟนด์เท่านั้น แต่เขายังดูแคลนที่เฟนด์ไร้เดียงสาอีกต่างหาก เขารู้สึกตื่นเต้นอยู่ในใจ ลูกบอลหินประหลาดนั่นอยู่ในมือของไอ้ส*รเลวนี่ ถ้าเขาสามารถฆ่าไอ้ส*รเลวคนนี้ลงและยึดแหวนยุทธของเขามาได้ บอลหินนั่นจะเป็นของเขา! ช่างเป็นโอกาสที่ดีอะไรเช่นนี้! หลังจากที่เขาฆ่าเฟนด์ก็จะไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเขายึดแหวนยุทธของเฟนด์ไป เพราะทุกคนจะชุลมุนไปกับการต่อสู้ ไม่มีใครว่างมาเฝ้าดูเขาในทุกย่างก้าว! และเขาเพียงแค่ต้องฆ่าเจ้าส*รเลวนี่ลง และเก็บแหวนยุทธของเขาไว้ แสร้งทำเป็นต่อสู้ไปอีกครู่หนึ่ง แล้วค่อยหลบหนีออกจากป่า จากนั้นจะค้นหาถ้ำลับ ๆ และศึกษาลูกบอลหินประหลาดนี้ให้จงได้ หากเขาโชคดีพอที่จะค้นพบวิธีการทะลวงไปยังระดับเทพสูงสุดจะดีแค่ไหน? และเพราะเหตุนั้นเขาจึงจะต้องทะลวงไปสู่ระดับเทพสูงสุดแล้วขึ้นเป็นเจ้าวิหารราชวงศ์ศักดิ