“ไม่ต้องกังวล นายน้อยเฟนด์ เราจะพยายามให้ดีที่สุด!” แลนสล็อต และเวสตันรับโอสถจากเฟนด์ พวกเขาขอบคุณเฟนด์ก่อนจากไปจากนั้นเซเลน่าก็เดินเข้ามาหาเฟนด์ และพวกพ้องของเขาขณะที่เธอจูงมือไคลี่มา “คุณพ่อ คุณพ่อต้องกลับมาให้เร็วที่สุดนะคะ!”“ไม่ต้องห่วงหรอกลูก พวกพ่อจะรีบกลับ หนูต้องเชื่อฟังแม่และครูด้วย ลูกเข้าใจไหม? ตั้งใจเรียนและฝึกยุทธต่อไป!” เฟนด์จ้องมองไคลี่ที่น่าตาน่าชังสำหรับเขา และอดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะที่บอบบางของเธอด้วยความรัก“ค่ะ หนูจะฝึกยุทธอย่างหนักและเป็นปรมาจารย์เหมือนพ่อให้ได้!” ไคลี่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แม้จะยังเด็กแต่เธอก็ฉลาดอย่างเหลือเชื่อในตอนนั้นเองดาเนียลล่าเดินไปลูบเข้าที่แก้มอวบ ๆ ของไคลี่ด้วย ก่อนที่เธอจะพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานว่า “ไคลี่ น้าและคุณน้าเฮเลน่าจะไปร่วมงานแต่งงานกับพ่อของหนู แต่เราจะไม่กลับที่นี่ เราจะกลับบ้านของตัวเอง”ไคลี่หัวเสียเมื่อดาเนียลล่าบอกเรื่องนี้กับเธอ เธอพึมพำด้วยริมฝีปากยับยู่ “คุณน้าดาเนียลล่า ถ้าพวกคุณน้ากลับไปแล้วก็ไม่สนุกแล้วสิ หนูยังอยากเล่นกับพวกคุณอยู่เลย!”"เด็กดี ถ้ามีเวลาแล้วน้าจะมาเยี่ยมหนูแน่ แต่หนูต้องตั้งใจฝึกยุทธและพยายาม
"คุณพูดถูก แม้ว่าอีกฝ่ายอาจจะอิจฉาที่คุณมีสิ่งนี้ในครอบครอง แต่พวกเขาก็อาจกลัวพลังการต่อสู้ของคุณมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่คุณบรรลุเข้าสู่ขั้นสูงของระดับเทพแท้จริง พลังการต่อสู้ของคุณก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นอีก ฉันคิดว่าปรมาจารย์บางคนที่อยู่ในขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงก็สู้คุณไม่ได้หรอก!” หลังจากที่เธอได้ยินเรื่องนี้ เฮเลน่าก็พยักหน้าเห็นด้วย พวกเธอได้เห็นพลังการต่อสู้ของเฟนด์ มากับตาตัวเองแล้ว การที่คนจากตระกูลต่าง ๆ ถูกกำจัด ก็ดูเหมือนจะเป็นไปได้ที่จะเป็นฝีมือเฟนด์แน่นอนว่าการเดินทางของพวกเขาราบรื่นไม่มีอะไรติดขัด เช้าวันรุ่งขึ้น เฟนด์และคนอื่น ๆ ก็มองเห็นยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของตำหนักนภาอยู่เบื้องหน้าแล้ว“สวัสดี นายท่านวู๊ดไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!" ไม่ไกลนัก ดาบบินอีกเล่มหนึ่งพุ่งเข้าหาพวกเขา ขณะที่ผู้มาเยือนกล่าวทักทายแนชแนชรู้สึกยินดีเมื่อรู้ว่าเป็นดาบบินของตระกูลแลงคาสเตอร์ ตระกูลขุนนางชั้นสูงซึ่งเป็นพันธมิตรกัน เขาโบกมือให้แล้วตอบกลับไปว่า “ฮ่าฮ่า…! ไม่เจอกันนานเลย นายหญิงเชอร์ลี่ย์!”“พวกคุณมีกันน้อยเกินไปไม่ใช่หรือยังไง? ตระกูลวู๊ดส่งกันมาแค่สามคนเองเหรอ?” เชอร์ลี่ย์
เควนตินจมอยู่กับความคิดของตัวเองตอนที่เขาอยู่ตัวคนเดียวมาตลอดช่วงสองสามวันที่ผ่านมามีไม่กี่คนที่สามารถฆ่าลูกชายของเขาได้ โดยเฉพาะคลาวด์ ฮันท์ลูกชายคนโตของเขาในตอนแรกเขาเชื่อว่าเฮเลน่าและเฟนด์มีส่วนในเรื่องนี้ร่วมกัน แต่เขารู้ดีว่า แม้ว่าเฮเลน่าจะมีระดับพลังยุทธอยู่ในระดับเดียวกับลูกชายคนโตของเขา แต่พลังการต่อสู้ของเธอก็ไม่ได้เหนือไปกว่าลูกชายคนโตของเขาอย่างแน่นอน ประกอบกับข้อเท็จจริงที่ว่า เฟนด์มีความสามารถในการต่อสู้ต่ำ ความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะเอาชนะลูกชายของเขาจึงมีไม่มากนักเมื่อเขาสังเกตเห็นอุปกรณ์วิญญาณระดับสูงสุดของเฟนด์ความสงสัยในตัวเขาก็กลับเข้ามาในหัวและทวีมากขึ้น ท้ายที่สุดแล้ว หากลูกชายของเขาไม่ได้รุกรานอัจฉริยะจากตระกูลอื่น ๆ พวกเขาคงไม่กล้าฆ่าลูกชายของเขาแม้ว่าจะเกิดการประทะกันขึ้นภายในป่านั้นก็ตามในทางกลับกัน เฟนด์และเฮเลน่ามีปัญหากับไทเรลก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มขึ้น หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในเขตการแข่งขัน พวกเขาต้องร่วมมือกันฆ่าไทเรลแน่ ในขณะที่คลาวด์อาจถูกฆ่าเพราะความเลินเล่อระหว่างการล้างแค้นให้พี่ชาย นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ว่าเฟนด์ และเฮเลน่ายังร่วมกันทำสิ่งชั่วร
เควนตินเป็นมิตรอย่างคาดไม่ถึง ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เขาชำเลืองมองทีแนชและพูดว่า “โอ้ คุณหมายความว่ายังไงที่บอกว่าคุณรู้สึกโล่งใจที่ได้ยินคำนี้จากปากผม? ตระกูลวู๊ดก็เหมือนกับตระกูลของเราและตระกูลชนชั้นสูงตระกูลอื่น ๆ เรามีตำแหน่งเดียวกันและสถานะของเราก็ไม่แตกต่างกันมากไม่ว่าจะสูงหรือต่ำ เมื่อก่อนตระกูลฮันต์อาจค่อนข้างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับตระกูลชั้นหนึ่งตระกูลอื่น ๆ แต่ในช่วงปลายปีมานี้ สิ่งเหล่านี้อาจเปลี่ยนไปแล้ว ผมว่าตระกูลวู๊ดกำลังก้าวหน้าไปได้ดีเลยทีเดียว!”แนชรู้ว่าชายคนนี้ไม่ได้หมายความตามที่เขาพูด ดังนั้นเขาจึงโบกมือปฏิเสธทันทีและพูดแทรกว่า “ไม่ ไม่ ไม่… ตระกูลฮันต์ของคุณไม่ถูกโค่นได้ง่าย ๆ หรอก ตำนานของพวกคุณไม่ใช่สิ่งที่เราจะเทียบได้ ยิ่งกว่านั้นตระกูลฮันต์ของคุณก็มีมรดกที่แสนมั่งคั่งอีกด้วย!”แนชมองไปข้างหน้าและพยายามที่จะเปลี่ยนบทสนทนา จากนั้นจึงพูดว่า “ดูนั่น เรามาถึงแล้ว… ตำหนักนภามีอาณาเขตที่ค่อนข้างใหญ่ มีลานกว้างและภูเขามากมายในบริเวณนี้ จุ๊ จุ๊! ที่นี่ยังอัดแน่นไปด้วยพลังฉีจำนวนมากและการได้ฝึกอบรมที่นี่ต้องได้รับผลดีอย่างแน่นอน เมื่อเทียบกับที่ที่
ทุกคนเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ หากทุกคนค้นพบวิธีที่จะบรรลุเข้าสู่ระดับเทพสูงสุดได้แน่นอนว่าคนแรกที่สามารถทะลวงเข้าสู่ระดับเทพสูงสุดได้คือคนที่โชคดีที่สุดตัวอย่างเช่น ผู้อาวุโสบางคนของตระกูลบางตระกูลที่บรรลุเข้าสู่ระดับเทพสูงสุดจะสามารถฆ่าหัวหน้าตระกูลและยึดตำแหน่งนั้นมาครองได้อย่างง่ายดายหากพวกเขาต้องการ“เอาล่ะ ไปกันเถอะ!” เควนตินอยู่ในห้วงความคิดที่ไม่ต่างกัน พวกเขาไม่อาจคาดเดาอนาคตของพวกเขาได้ เมื่อพูดจบเขาก็โบกมือให้ทุกคนบินตรงไปยังลานกว้างตรงกลางทันทีทุกคนสามารถเห็นได้จากระยะไกลว่าที่แห่งนั้นคราแน่นไปด้วยผู้คนที่ยืนอยู่มีเพียงไม่ไม่กี่ตระกูลเช่น ตระกูลแลงคาสเตอร์และตระกูลฮันท์ที่พาคนประมาณหนึ่งหรือสองโหลเพื่อมาร่วมงานแต่งงาน ในขณะที่บางตระกูลพาคนมามากว่าสองสามโหลเพื่อแสดงความยินดีกับเจ้าตำหนัก นภาหลังจากมอบของขวัญแล้ว แนชและคนอื่น ๆ ก็หาที่นั่งพักชั่วคราวเนื่องจากมีคนจำนวนมากเกินไปและผู้ที่ลงทะเบียนมอบของขวัญก็เสร็จภาระกิจของตนแล้ว เขาจึงไม่ต้องการทำตัวให้โดดเด่นเกินไปเพราะเพียงได้มาเข้าร่วมก็เพียงพอแล้ว เขาออกไป
ลิลลี่ชี้ออกไป และแม้ว่าในใจจะโกรธเกรี้ยวแต่ก็ยังเอ่ยอย่างยิ้มแย้มว่า “ที่รัก พวกเขาอยู่ที่นั่นไม่ใช่เหรอ? ผู้ชายคนนั้นต้องอายแน่เลย!”โจเอลยิ้มก่อนที่จะหันไปหาสมาชิกของวิหารแห่งทวยเทพและราชา และพูดว่า “ทุกคนทำตัวตามสบาย มื้อเย็นจะเริ่มในอีกไม่ช้า วันนี้ค่อนข้างวุ่นวาย และผมหวังว่าทุกคนจะยกโทษให้หากเราต้อนรับได้ไม่ทั่วถึง!”“ฮ่าฮ่า… ไปจัดการธุระของคุณเถอะ เจ้าบ่าวเฒ่า!” แฮร์รี่หัวเราะก่อนจะเดินนำคนของเขาไปด้านข้างจากนั้นโจเอลก็นำพวกพ้องเดินไปหาแนชโจเอลเดินเข้าไปหาแนชแล้วยิ้มให้ “นายท่านวู๊ด เราสองคนไม่ได้เจอกันมาเจ็ดหรือแปดปีได้แล้วใช่ไหม?”“เป็นเช่นนั้น เจ้าตำหนักโจเอล ยินดีด้วยนะครับ!" แนชยิ้มอย่างเคอะเขินในขณะที่เขาแสดงความเคารพด้วยมือของเขาคนรอบข้างค่อย ๆ หันมาทางพวกเขาทีละคน จากนั้นบรรยากาศก็ค่อนข้างอึมครึมขึ้น"จริงหรือ?" โจเอลดึงลิลลี่เข้ามาใกล้เขาและกอดเข้าที่เอวของเธอต่อหน้าแนชก่อนที่เขาจะพูดว่า “ผมได้ยินมาว่าสาวสวยคนนี้เคยเป็นภรรยาคนแรกของคุณมาก่อน เฮ้อ! ทำไมคุณไม่รู้วิธีถนอมบุปผางามอย่างเธอ? ฮ่า ๆ…! ในเมื่อคุณไม่รู้วิธีรักหยกถนอมบุปผา อย่างนั้นผมจะทำแทนคุณตั้งแต่บั
โจเอล คอลลินส์ทำให้แนชอับอายอย่างมากในขณะนั้น ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ให้เกียรติแนชและเพิกเฉยต่อความรู้สึกของเขาเท่านั้น แต่เขายังต้องการให้แนชอวยพรให้เขาและลิลลี่ในงานแต่งงานอีกต่างหากผู้คนที่จากตระกูลลึกลับรู้สึกไม่ต่างกันว่าโจเอลล้ำเส้นแนชมากเกินไป การที่แนชต้องมาร่วมงานแต่งงานนี้ก็เป็นเรื่องน่าละอายมากพอแล้ว แต่พวกเขายังจงใจทำให้เขาอับอายต่อหน้าสายตาของทุกคนที่พบเห็นหลังจากที่เขาไตร่ตรองอย่างถ้วนถี่แล้ว แนชก็ยิ้มและพูดว่า “อย่างนั้นผมก็ขอให้คุณทั้งคู่มีความสุข อายุยืนยาวร้อยปี! มีทายาทเร็ว ๆ!”ทันทีเมื่อแนชพูดถึงการมีลูกลิลลี่ก็นึกไปถึงลูกชายของเธอ มุมปากของเธอกระตุกหลายครั้ง และสีหน้าของเธอก็บูดบึ้งลงเล็กน้อย“ฮ่า ฮ่า! คุณนายเก้าได้ยินไหม? นายท่านวู๊ดอวยพรให้เรามีลูกกันเร็ว ๆ ผมว่าเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า เป็นไปได้ไหมที่ผมจะมีลูกในวัยชราขนาดนี้” โจเอลหัวเราะเสียงดังหลังจากที่เขาได้ยินเรื่องนี้ แม้ว่าเขาจะชะงักไปชั่วขณะ ก่อนที่จะกล่าวเสริมว่า “ผมค่อนข้างพอใจกับคำแสดงความยินดีของคุณ นายท่านวู๊ด แต่ผมไม่เห็นด้วยกับคำที่คุณว่า 'อายุยืนยันร้อยปี' ถ้าฉันค้นพบหนทางที่จะก้าวไปสู่ระดับเทพสู
ข้อมูลที่แนชบอกกับเฟนด์ทำให้ฝ่ายที่ฟังสับสน เขาเหลือบมองสตรีศักดิ์สิทธิ์จากที่ไกล ๆขณะที่เธอยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ความลึกลับและสูงส่งเปล่งประกายออกมาจากตัวเธอ เธอสวมชุดกระโปรงผ้าโปร่งสีขาว โดยมีผ้าคลุมสีขาวปิดที่ครึ่งล่างของใบหน้า ชุดสีขาวของเธอทำให้คนมองรู้สึกถึงความบริสุทธิ์อย่างยิ่งแม้ว่าจะมองเห็นเพียงดวงตากลมโต หน้าผาก และผมยาวสีเข้มที่ดูมีชีวิตชีวาของเธอ แต่คงไม่เป็นการกล่าวเกินจริงหากจะบอกว่าเธอมีความงามที่ไม่มีใครเลียนแบบได้น่าเสียดายที่ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของความงามนี้ และเธอจะไม่ได้แต่งงานไปตลอดชีวิต“ฮ่า ฮ่า… นี่เป็นกฎที่มีมานานของตำหนักเทพยดา” แนชหัวเราะขณะที่เขาอธิบายให้เฟนด์ฟัง “ยังมีตำนานกล่าวว่าตำหนักเทพยดามีมานับพันปีแล้ว และตำนานเดียวกันนั้นก็ยังเล่าอีกว่าผู้ก่อตั้งชนเผ่าโบราณชนเผ่านี้เป็นสตรีผู้มีความงามอันน่าอัศจรรย์ แต่มีชายคนหนึ่งทำให้เธอเจ็บช้ำแสนสาหัส ในตอนนั้นเองที่เธอได้ออกกฎว่าเจ้าตำหนักทุกคนในอนาคตจะต้องปกป้องพรหมจรรย์ของเธอไว้ เธอบอกว่าเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้การฝึกของเจ้าตำหนักได้รับผลกระทบ เพราะเธอจะไม่ถูกความรู้สึกรักใคร่มารบ