แม้แต่คีธที่มีระดับพลังยุทธสูงสุดและเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังรู้สึกหวาดกลัว รู้สึกเหมือนความตายกำลังมาเยือนพวกเขา ความรู้สึกนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และอีกเจ็ดคนที่เหลือต่างก็รู้สึกหวาดกลัวจนหน้าซีดไปหมด ความกลัวทำให้สายตาของพวกเขาพร่ามัว"ไม่ต้องห่วง เราชนะได้แน่นอน พวกเราหลายคนโจมตีพร้อมกัน เราจัดการเขาได้แน่!”คอนลี่กลัวมากจนเสียงสั่น แต่เขายังกำดาบแน่นและพยายามให้กำลังใจสหายของเขาปัง ปัง ปัง!การระเบิดที่น่ากลัวทำให้อากาศฉีกขาด ในวินาทีต่อมา การโจมตีจากอัจฉริยะลาโกริโอซึ่งอยู่ขั้นต้นของระดับเทพแท้จริงก็ถูกทำลายทั้งหมด“ฟิว!”คนพวกนั้นกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ใบหน้าบิดเบี้ยวเป็นหน้าผี“บ้าเอ๊ย การโจมตีของพวกเขาถูกทำลายอย่างง่ายดาย!”การโจมตีสองสามครั้งของพวกเขาถูกเฟนด์ทำลาย เห็นได้ชัดว่าการโจมตีจากคีธและคนที่เหลือคงอยู่ได้ไม่นาน ในชั่วพริบตา เม็ดเหงื่อก็เริ่มหยดลงมาจากหน้าผากของเขา“แย่แล้วพี่ใหญ่ ถอยกันเถอะ!”การโจมตีของโจชัวก็ถูกทำลายเช่นกัน รังสีดาบของเฟนด์พุ่งเข้าหาเขาอย่างไม่หยุดไม่หย่อน เขาหวาดกลัวมากจนเสียงสั่น“เวรเอ๊ย!”คีธกัดฟันแน่นและหมุนตัวเพื่อจากไปฟ
การโจมตีพุ่งออกไปเป็นวงโค้ง ตรงใส่หน้าอกของพี่น้องทำให้พวกเขาเสียชีวิตทันที“แข็ง…แข็งแกร่งเกินไปแแล้ว!”ดาเนียลล่าเบิกตากว้าง ผ่านไปหลายวินาทีก่อนที่เธอจะกลืนน้ำลายและพูดออกมาเฟนด์หยิบแหวนจอมยุทธจากร่างคนทั้งแปดและพริบตาก็ไปตรงหน้าดาเนียลล่า เขายิ้มให้เธอ “รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ ไม่งั้นคนอื่นอาจรู้ว่าผมฆ่าพวกเขา ถ้าพวกตระกูลนอร์แมนรู้เรื่องนี้ พวกเขาต้องสร้างปัญหาให้ตระกูลของเราอย่างแน่นอน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ลงมือในทันทีก็ตาม!”"โอเค!"ดาเนียลล่าพยักหน้าอย่างอ่อนโยนและจับมือเฟนด์ไว้ ทั้งคู่เหาะขึ้นและรีบออกไปจากสถานที่เกิดเหตุหลังจากนั้นสักพักพวกเขาก็หยุดลง เฟนด์หยิบแผ่นป้าย หญ้าวิญญาณ และของมีค่าอื่น ๆ ออกจากแหวนจอมยุทธพวกนั้น แล้วโยนมันทิ้งทันทีหลังจากที่เขาเอาของใส่ไว้ในแหวนจอมยุทธของตัวเอง ในใจของดาเนียลล่ารู้สึกอบอุ่น เฟนด์ฆ่าพวกนั้นทั้งหมดได้มันทำให้เธอประหลาดใจจริง ๆ เธอไม่คิดว่าผู้ชายดื้อด้านและหัวโบราณอย่างเขาจะมีช่วงเวลาที่น่ารักด้วยรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอขณะที่นึกถึงช่วงเวลานั้น หัวใจของเธอก็ค่อย ๆ เต้นแรงขึ้น"โอ้ จริงสิ เมื่อวานนี้ผมเจอพี่ใหญ่ของคุณด้ว
ไม่นานหลังจากที่พวกเขาจากไป ผู้เข้าแข่งขันสองสามคนจากตระกูลนอร์แมนก็มาถึงที่เกิดเหตุที่มีการต่อสู้สีหน้าของพวกเขาทั้งหมดมืดลงเมื่อเห็นศพ"บัดซบ นายน้อยทั้งสามตามแล้ว เรา เราจะทำยังไงดี?ชายคนหนึ่งซึ่งอยู่ในขั้นต้นของระดับเทพแท้จริงขมวดคิ้วออกมา “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายน้อยคีธกับนายน้อยโจชัวซึ่งเป็นผู้สมัครที่ดีที่สุดที่จะได้เป็นผู้สืบทอดของตระกูล และพวกเขายังเป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดจากตระกูลของเรา เราอาจจะแพ้การแข่งขันนี้ก็ได้ เพราะพวกเขาตายแล้ว!”ชายอีกคนกลับรู้สึกดีใจแทนขณะที่เขายิ้มอย่างชั่วร้าย “มันเป็นการสูญเสียที่ใหญ่หลวงจริง ๆ แต่ตอนนี้ลูกชายทั้งสามของนายท่านเสียชีวิตแล้ว หมายความว่าเรามีหวังที่จะรับตำแหน่งผู้สืบทอดของตระกูล”ชายที่อยู่ในขั้นต้นของระดับเทพแท้จริงคนก่อนรู้สึกยินดีเมื่อได้ยินข่าวนี้ อัจฉริยะทั้งสามเสียชีวิตแล้ว ตอนนี้ระดับการฝึกฝนของพวกเขาก็อยู่ในอันดับต้น ๆ ของกลุ่มอัจฉริยะ พวกเขาทั้งหมดหวังว่าจะได้เป็นหัวหน้าตระกูลในอนาคตอย่างไรก็ตาม เขารีบควบคุมอาการดีใจของตัวเองไว้อย่างรวดเร็ว แล้วเขาก็บอกทุกคนว่า “แล้วใครรู้บ้างว่า คนที่ฆ่านายน้อยทั้งสามจากตระกูลข
“เฟนด์ ดูนี่สิ มีแผ่นป้ายอีกอันนึง!”ไม่นานดาเนียลล่าก็พบแผ่นป้ายสีดำอีกอันหนึ่งและหยิบมันขึ้นมา เธอเหาะไปยังที่ที่เฟนด์อยู่และนำมันไปให้เขา“คุณไม่กลัวว่าพ่อของคุณจะโกรธเหรอถ้ารู้เรื่องนี้?”เฟนด์ยิ้มอย่างขมขื่นและเก็บแผ่นป้ายนั้นไว้ พวกเขาทั้งคู่เหาะโดยมีระยะห่างระหว่างกัน ทำให้รัศมีการค้นหาของพวกเขากว้างขึ้น เห็นได้ชัดว่าความช่วยเหลือจากดาเนียลล่าทำให้เฟนด์หาแผ่นป้ายได้ง่ายขึ้น“ฉันไม่สนหรอกว่าเขาจะโกรธหรือเปล่า ฮึ่ม! อีกไม่นานคุณก็จะเป็นผู้ชายของฉันแล้ว ดังนั้นฉันจะติดตามคุณไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม!”ดาเนียลล่าส่งเสียงเย็นชา จากนั้นเธอก็พูดต่ออย่างเขินอายว่า “มันก็ไม่ผิดหนิ ถ้าฉันต้องการช่วยผู้ชายของฉันหาแผ่นป้ายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี!”ความอบอุ่นแผ่ซ่านในอกของเฟนด์ จากนั้นเขาก็คิดถึงเซเลน่าซึ่งยังอยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลวู๊ด เขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ผมไม่รู้เลยว่าจะสารภาพกับเซเลน่ายังไงดี ผมอยากรู้ว่าการฝึกฝนของเธอไปถึงไหนแล้ว เรายังเหลือเวลาที่นี่อีกยี่สิบวัน กว่าเราจะออกไปจากที่นี่ เธอคงบุกทะลวงเข้าสู่ระดับกึ่งเทพแล้วก็ได้!”“พี่เซเลน่าก็มาจากแดนมนุษย์ด้วยเหมือนกันใช่ไหม? เธอ
"ไม่มีทางน่า ทั้งฝูง?”ดาเนียลล่าสูดหายใจเข้าอย่างแรงหลังจากได้ยินสิ่งที่เฟนด์พูด สัตว์อสูรนั้นแข็งแกร่งด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว และพวกมันก็ยากที่จะเอาชนะได้ ไม่ต้องพูดถึงถ้าพวกมันมากันเป็นฝูงเลย"ไปกันเถอะ ยากเกินไปที่จะกำจัดพวกมัน มันเป็นฝูงหมาป่าที่มีหลายร้อยตัว ที่สำคัญไปกว่านั้น มีหมาป่าโตเต็มวัยสี่ถึงห้าตัวซึ่งแข็งแกร่งกว่าคนที่อยู่ในขั้นต้นของระดับเทพแท้จริงเสียอีก คงยากที่จะหนีไปได้เมื่อพวกมันล้อมพวกเราไว้!”วีนัสรู้สึกโมโหตอนที่เธอเหาะข้ามไป“นายน้อย พวกมันมีมากเกินไป พวกเราส่วนใหญ่ที่นี่เพิ่งอยู่ขั้นต้นของระดับเทพแท้จริง และมีไม่กี่คนที่เป็นปรมาจารย์ระดับเก้า เราไม่มีกำลังพอที่จะสู้กับฝูงหมาป่าอสูรนั่น ใครก็ตามที่ทำ คงอยากตายแน่!”เคย์ล่ารีบวิ่งไปรายงานให้เฟนด์ฟังด้วยความโมโหนับตั้งแต่ที่เฟนด์คัดเลือกเธอเข้ามาในตระกูลหลักของตระกูลวู๊ด เธอก็เติบโตจากปรมาจารย์ระดับเก้าสู่ขั้นต้นของระดับกึ่งเทพหลังจากการฝึกฝนมากมาย เธอมีพรสวรรค์ที่ดีจึงได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้แข่งขันของการแข่งขันนี้“ไม่จำเป็นต้องกลัวสัตว์อสูรที่อยู่ขั้นต้นของระดับกึ่งเทพ แต่มันคงจะเสียเวลาเปล่าหากเราต้องส
กรร!หมาป่าอสูรตัวอื่น ๆ ก็บินขึ้นด้วยเช่นกัน เขี้ยวและกรงเล็บของพวกมันบ่งบอกถึงความตาย"ดูนั่นสิ? พวกมันมีประมาณสามร้อยตัว แต่จริง ๆ มีเพียงห้าสิบหรือหกสิบตัวเท่านั้นซึ่งอย่างน้อยต้องอยู่ในระดับกึ่งเทพถึงจะสามารถบินได้ ที่สำคัญไปกว่านั้น พวกมันช้ากว่าเรา!”ภายใต้การควบคุมของเฟนด์ ดาบก็บินออกไปไกล หมาป่าอสูรห้าสิบตัวถูกทิ้งไว้ในฝุ่น"รวดเร็วมาก! อาวุธวิญญาณนี้อยู่ในระดับไหนเหรอ?”เมื่อเธอเห็นความเร็วของดาบบินที่พุ่งไป วีนัสก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมาด้วยความอยากรู้“พี่รอง นี่เป็นอาวุธวิญญาณระดับสุดยอด พลังยุทธของเฟนด์เพิ่มขึ้นอย่างมากด้วยดาบเล่มนี้ โดยพื้นฐานแล้ว พี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแม้ว่าจะมีพี่สิบคนก็ตาม!”ดาเนียลล่าอดไม่ได้ที่จะยกคางขึ้นเมื่อเธอพูดถึงเฟนด์ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความภูมิใจ“ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา?”วีนัสตกตะลึง “น้องพูดเกินจริงไปหรือเปล่าดาเนียลล่า พี่อยู่ขั้นกลางของระดับเทพแท้จริงแล้วนะ พี่แทบจะอยู่ยงคงกระพัน!” เธอพูดอย่างสงสัยว่า “แม้ว่าฉันคนเดียวจะเอาชนะเขาไม่ได้ แต่ฉันสิบคนคงสามารถเอาชนะเขาได้แน่นอน”"พี่พูดถูก!"ดาเนียลล่าพยักหน้าหลังจากที่คิดเรื่อง
เฟนด์พูดไม่ออกอยู่ข้างใน เขายิ้มแหยะ ๆ แต่ไม่รับแผ่นป้ายมา “คุณหนูลำดับที่สองของตระกูลคาเบลโล ลืมเรื่องความสัมพันธ์ปัจจุบันของเราซะเถอะ ผมคงอึดอัดใจถ้าคุณมอบแผ่นป้ายให้ผม!”ชายอีกคนจากตระกูลคาเบลโลยิ้มหลังจากได้ยินเรื่องนี้ “คุณหนูลำดับที่สอง อย่าลืมว่าเขาเป็นแฟนของพี่สาวคุณ และอีกไม่นานเขาจะกลายเป็นพี่เขยของคุณ” เขาพูด “เฮ้ ไม่จำเป็นต้องให้แผ่นป้ายเขาหรอก เก็บมันไว้เถอะ!”"นั่นสิ ตอนนี้นายน้อยวู๊ดคบอยู่กับคุณหนูลำดับที่หนึ่ง ทำไมเขาต้องอยากเอาแผ่นป้ายไปจากคุณด้วยล่ะ?”หญิงสาวอีกคนจากตระกูลคาเบลโลก็ก้าวออกมาข้างหน้าเช่นกัน ความตื่นเต้นแผ่ซ่านไปทั่วสีหน้าของเธอ “ฮ่า ๆ นี่มันเยี่ยมไปเลย เราไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะถูกเขารังแกหรอกเพราะเขาอยู่ฝ่ายเรา!”วีนัสจ้องหญิงสาวด้วยสายตาร้ายกาจ จากนั้นเธอก็หันไปทางเฟนด์ “คุณเป็นคนปฏิเสธเรื่องนี้เอง ไม่ใช่เพราะฉันไม่เสนอให้คุณ ดังนั้นอย่าถือสาเลยถ้าฉันขอถอนคำพูด!”หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็พลิกฝ่ามือและเก็บแผ่นป้ายไว้คนหนุ่มสาวในตระกูลคาเบลโลต่างสบตากัน สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีหน้าแปลก ๆ อารมณ์ของคุณหนูลำดับที่สองคล้ายกับนายท่านของพวกเขาจริง ๆ
ดาเนียลล่าเม้มปากแล้วพูดกับเฟนด์ว่า “มันเริ่มมืดแล้ว ไปหาที่พักกันเถอะ!”เฟนด์พยักหน้าหงึกหงักและสำรวจป่าหลังจากนั้นไม่นาน เฟนด์ก็พบรอยแยกขนาดใหญ่ที่เห็นได้ง่ายบนพื้นผิวของหน้าผา มันคงใหญ่พอที่จะให้คนสองถึงสามคนค้างคืนที่นั่นได้“เราไม่สามารถหาถ้ำได้และการนอนบนต้นไม้คงอันตรายเกินไป มีรอยแยกบนหน้าผาตรงนั้น ทำไมเราไม่ค้างคืนที่นั่นล่ะ?”เฟนด์มองไปที่ดสาเนียลล่า ใช่ เธอเป็นคนสวย แต่เขาไม่รู้ว่าเธอจะพักได้ไหม เพราะเธอถูกเลี้ยงดูมาในตระกูลชนชั้นหนึ่งตั้งแต่ยังเด็ก"ได้สิ ไปกันเถอะ!"ดาเนียลล่าจับมือเฟนด์และยิ้ม “ฉันค้างคืนที่ไหนก็ได้ถ้าคุณอยู่กับฉัน ฉันมีความสุขที่มีคุณอยู่ข้าง ๆ!”ใบหน้าของเธอแดงก่ำหลังจากที่เธอพูดจบ“น่ารักจริง ๆ เลย!”เฟนด์ยิ้มอย่างขมขื่น ความไร้เดียงสาของดาเนียลล่าทำให้รู้สึกราวกับว่าพวกเขาเป็นรักแรกกันจริง ๆทั้งคู่เหาะตรงไปยังรอยแยกอย่างรวดเร็ว รอยแยกนั้นใหญ่พอที่จะทำให้พวกเขาทั้งคู่เข้าไปได้อย่างไรก็ตาม เฟนด์ไม่คิดว่าจะมีพื้นที่ขนาดใหญ่เช่นนี้อยู่ด้านหลังรอยแยก ซึ่งขยายออกไปไม่กี่สิบเมตร พื้นที่กว้างพอที่จะให้พวกเขาสองคนนั่งและพักผ่อนได้อย่างสบายบางทีค
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ