"อะไรนะ? นายน้อย คุณแค่เล่น ๆ กับเธองั้นเหรอ? ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณขาดความรับผิดชอบเกินไปแล้ว นอกจากนั้น คุณหนู่ใหญ่ของตระกูลคาเบลโลยังสวยจริง ๆ และฉันคิดว่าเธอเหมาะกับคุณมาก!” ชายหนุ่มอีกคนจากตระกูลวู๊ดก็ตกใจเช่นกัน พวกเขาไม่คิดว่า เฟนด์เพียงแค่คบกับคุณหนูใหญ่ของตระกูลคาเบลโลโดยไม่แม้แต่จะคิดเรื่องแต่งงาน คุณหนูใหญ่ของตระกูลคาเบลโลคงจะเสียใจถ้าได้ยินเรื่องนี้คำพูดเหล่านั้นทำให้เฟนด์รู้สึกอึดอัดใจ และเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรหรือจะอธิบายตัวเองยังไง ถ้าตอนนี้เขาอธิบายออกไปแล้วคนพวกนี้พูดไปว่าพวกเขาเพียงแค่คบกันปลอม ๆ ทั้งนายน้อยของตระกูลฮันต์และนายใหญ่ฮันต์คงไม่พอใจแน่นอกจากนั้น ยังเป็นไปได้ที่สมาชิกคนอื่น ๆ ในตระกูลจะคิดว่า เฟนด์และเฮเลน่ากำลังเล่นตลกกับพวกเขา เพราะยังไงซะ ทั้งคู่ก็ยอมรับเรื่องนี้ก่อนที่จะเข้าป่าและเข้าร่วมการแข่งขันเฟนด์ รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีเขาโบกมือแล้วพูดว่า “ใครจะไปคิดถึงอนาคตไกลขนาดนั้นกัน? เรายังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่านิสัยของเราจะเข้ากันได้ไหม!”ยูลและเบธสบตากันเมื่อเห็นสีหน้ากังวลของเฟนด์ ในที่สุดพวกเธอก็รู้ว่า เฟนด์กับเฮเลน่าแค่แกล้งทำ อนิจจา เฟนด์คงทำได้เพ
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นทันทีเมื่อผู้หญิงคนหนึ่งเหาะเข้ามาหาเฟนด์เธอวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของเฟนด์ด้วยความตื่นเต้น ทันทีที่เธอเดินมาตรงหน้าเขา เธอก็กอดเขาพร้อมพึมพำว่า “เยี่ยมจริง ๆ! ในที่สุดฉันก็เจอคุณ! ฉันเป็นห่วงคุณมาก!”เฟนด์รู้สึกอึดอัดใจ เขาไม่คิดว่าดาเนียลล่าจะตื่นเต้นมากที่ได้พบเขา"อะไรกัน…?" ยูลกับคนอื่น ๆ มองด้วยความสับสนและตกตะลึง พวกเขาสองคนอ้าปากค้างจนกรามแทบจะถึงพื้นอย่างตกใจไม่ใช่คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลคาเบลโลที่เป็นแฟนของเฟนด์เหรอ? ทำไม ดาเนียลล่าถึงกระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของเฟนด์ทันทีที่เธอเดินมาอยู่ต่อหน้าเขา? หรือพวกเขาคิดผิด?“อะ อะแฮ่ม…! ดาเนียลล่า คุณ…” เฟนด์รีบเตือนเธออย่างรวดเร็วจากนั้นดาเนียลล่าก็เหลือบมองไปด้านข้างและหน้าแดงทันที ก่อนที่เธอจะเดินถอยหลังไปสองสามก้าว “อย่า...อย่าเข้าใจฉันผิดนะ ฉันตื่นเต้นเกินไป เพราะ... ฮ่าฮ่า...! เพราะว่านานมากแล้วที่ฉันไม่ได้เจอนายน้อยเฟนด์!”ทุกคนงุนงงกับคำอธิบายของเธอ ซึ่งฟังดูไม่น่าเชื่อถือเลย พวกเขาเพิ่งมาถึงที่นี่แค่วันเดียวเองไม่ใช่เหรอ? ทำไมหญิงสาวคนนี้ถึงบอกว่าเธอไม่ได้เจอเฟนด์มานานแล้ว?“ฮ่าฮ่า…! เราเข้าใจ เราเข้าใจแ
เฟนด์ยิ้มและพูดกับดาเนียลล่า ว่า "ไม่ต้องห่วง ผม เฟนด์ วู๊ด ไม่เคยผิดสัญญา!”“ก็ได้ ไปกันเถอะ! ฉันจะเดินทางไปกับคุณ!” ดาเนียลล่าลารู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก ด้วยการพลิกฝ่ามือของเธอ เผยให้เห็นแผ่นป้ายสีดำสองอัน เธอส่งมอบมันให้เฟนด์ “ฮ่าฮ่า…! ฉันเพิ่งได้พวกนี้มาเมื่อวาน ตอนนี้มอบพวกมันให้คุณ!”"ให้ผม?" เฟนด์ตกใจมาก “คุณเป็นสมาชิกของตระกูลคาเบลโล มันคงดีกว่าถ้าคุณจะเก็บสิ่งนี้ไว้ให้พี่ใหญ่ของคุณ!”“ฉันเป็นสมาชิกของตระกูลคาเบลโล” ดาเนียลล่าลาหน้าแดงก่อนจะพูดต่อว่า “แต่ฉันก็เป็นคนของคุณด้วย คุณจะเป็นผู้ชายของฉันในอนาคต ดังนั้นฉันจึงต้องช่วยคุณ!”ความเอาใจใส่ของเธอทำให้เฟนด์ประทับใจ เขาจัดระเบียบของทุกอย่างและจับมือดาเนียลล่าขณะที่พวกเขาเหาะลงดาเนียลล่ากอดเฟนด์จากด้านหลังขณะที่พวกเขายืนลงบนพื้น จากนั้นเธอก็โน้มศีรษะไปทางด้านหลังของเฟนด์แล้วโค้งริมฝีปากเป็นรอยยิ้มหวานเฟนด์ไม่รู้เลยว่าเด็กสาวคนนี้จะเป็นคนเกาะติดได้ขนาดนี้ เขายิ้มอย่างกระอักกระอ่วนและพูดว่า “ไปกันเถอะ ไปค้นหาสมบัติต่อกัน หยุดเกาะผมได้แล้ว เราต้องมองหาแผ่นป้าย”"คุณจะกลัวอะไร? ฉันเป็นแฟนตัวจริงของคุณ ฉันสังเกตว่าถ้าฉันไม่ได้
เมื่อเผชิญกับคำเหน็บแนม เฟนด์ก็คว้าเอวของดาเนียลล่าเข้ามาแล้วดึงเธอมาแนบหน้าอก และก้มหน้าลงไปจูบที่ริมฝีปากสีแดงของเธอหัวใจของดาเนียลล่าเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งด้วยความงุนงง เธอประหลาดใจที่เฟนด์ตัดสินใจพิสูจน์ความสัมพันธ์ของพวกเขาในตอนนี้ด้วยวิธีที่เผด็จการเช่นนี้ เขาไม่กลัวคนเหล่านี้แพร่ข่าวเกี่ยวกับพวกเขาหรือ? พวกเขาควรทำอย่างไรเมื่อตระกูลฮันท์รู้เรื่องนี้?“นาย…” ลูกชายทั้งสามคนของตระกูลนอร์แมนชอบคุณหนูทั้งสามคนของตระกูลคาเบลโล เป้าหมายหลักในการโน้มน้าวใจของพวกเขาคือ ดาเนียลล่า เพราะเธอยังเด็กและดูแปลกเป็นพิเศษ พูดง่าย ๆ คือ เธอทำให้พวกเขาหลงใหลเฟนด์ทำให้ทั้งเฮเลน่าและดาเนียลล่าตกหลุมรักเขาได้ยังไง? พวกเขาปฏิเสธด้วยความอิจฉาริษยาที่พลุ่งพล่านในใจ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่พอใจที่ผู้หญิงที่พวกเขาตกหลุมรักถูกคนอื่นพรากไป“โอ้ วันนี้นายตายแน่ ไอ้หนุ่ม!” คอนลี่ นอร์แมนตะคอกออกมา“นายน้อย เรามาฆ่ามันด้วยกันไหม ในเมื่อพวกเรามีจำนวนมากกว่าคงเอาชนะมันได้อย่างง่ายดาย?” พวกลาโกริโอแนะนำคีธกับคนอื่น ๆ ทันทีเพราะพวกเขารู้สึกดีใจเมื่อได้ยินแบบนั้น“ฮ่าฮ่า… แค่พวกนายน่ะเหรอ?” เฟนด์หัวเราะและทำส
“พี่พูดถูกสุด ๆ พี่ใหญ่ ผู้หญิงคนนี้เป็นคนสวยที่หาได้ยาก คงน่าเสียดายที่จะฆ่าเธอแบบนั้น!”โจชัวยิ้มร้าย “นอกจากนี้ เราสามารถฆ่าใครก็ได้ที่เราต้องการในการแข่งขันนี้ ฮ่าฮ่า แม้แต่พ่อของดาเนียลล่าก็คงไม่กล้าทำอะไรเราหรอก ถ้าเราจะเล่นกับเธอสักหน่อยก่อนที่จะฆ่าเธอ!”คอนลี่พูดเสริมว่า “พี่ทั้งสองคนพูดถูก ดาเนียลล่าไม่ใช่แฟนของเฟนด์ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่เธอยังบริสุทธิ์อยู่ ฮ่า ๆ!""คุณพูดถูก!"อัจฉริยะอีกคนหนึ่งจากตระกูลนอร์แมนก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมาบนใบหน้าของเขาชายอีกสองคนจากตระกูลลาโกริโอก็ยิ้มชั่วร้ายด้วยเช่นกัน พวกเขาจ้องมองไปที่ดาเนียลล่าและกลืนน้ำลายยังไงซะ มันก็ยากที่จะหาคนที่สวยงามเช่นเธอ ผู้ชายหลายคนปรารถนาในตัวลูกสาวของตระกูลคาเบลโล และการได้ความบริสุทธิ์ของพวกเธอมาคงทำให้พวกเขามีสิทธิ์เอาไปโอ้อวดมากมายหญิงสาวสองคนจากตระกูลลาโกริโอพูดไม่ออกอยู่ในใจ พวกเธอเชื่อว่าผู้ชายทุกคนเป็นพวกวิปริตที่กลับไปเป็นมนุษย์ถ้ำเมื่อพวกเขาเห็นหญิงสาวสวย“ปัญญาอ่อน!”เฟนด์พูดไม่ออกจนถึงก่อนหน้านี้ เขาถืออาวุธวิญญาณระดับสุดยอด ไม่สำคัญว่ามันจะช่วยเพิ่มพลังในการต่อสู้ของเขาหรือไม่ อย่า
เพราะยังไงซะ พวกเขาทั้งแปดคนตรวหน้าเขาก็เป็นนักสู้ที่อยู่ในระดับเทพแท้จริง และมีสองคนอยู่ในขั้นกลางแล้ว พวกเขาน่าจะเป็นคนที่ยอดเยี่ยมในหมู่ผู้เข้าแข่งขันในวันนี้เฟนด์จะสามารถรับมือกับการโจมตีจากพวกเขาทั้งแปดด้วยตัวคนเดียวได้ไหม?แต่รอยยิ้มเล็ก ๆ ยังติดอยู่บนริมฝีปากของเขาแม้ในขณะที่เขาเผชิญหน้ากับพวกเขา เขากำดาบสีดำในมือแน่นแล้วค่อย ๆ ถ่ายเทพลังฉีผ่านรูเล็ก ๆ บนด้ามของดาบฮึ่ม!เมื่อพลังฉีไหลเข้าไป ดาบก็เริ่มส่งเสียงอย่างน่าสะพรึงกลัวออกมา คมดาบกระเพื่อม และออร่าของ เฟนด์ก็แข็งแกร่งขึ้น“ช่างเป็นออร่าที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้ ดาบนี่เพิ่มความสามารถในการต่อสู้ของเขา!”โจชัวสัมผัสได้ถึงบางสิ่งอย่างรวดเร็วและสีหน้าของเขาก็มืดลง“พี่ใหญ่ พี่บอกว่าดาบบินปกติจะไม่เพิ่มความสามารถในการต่อสู้ของผู้ถือดาบไม่ใช่เหรอ?”คอนลี่รู้สึกหวาดกลัวหลังจากที่เขารู้สึกถึงคลื่นพลังงาน เขารีบมองไปที่พี่ชายของเขาเพื่อขอความมั่นใจสีหน้าของคีธแข็งทื่อและขบกรามแน่น “ฉันพูดว่า 'ปกติ' บ้าเอ๊ย มีบางอย่างแตกต่างออกไปเกี่ยวกับดาบเล่มนั้น ออร่านั่นไม่ใช่อาวุธวิญญาณระดับสูง แต่เป็นอาวุธวิญญาณระดับสุดยอด!”"ว่าไงนะ
แม้แต่คีธที่มีระดับพลังยุทธสูงสุดและเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังรู้สึกหวาดกลัว รู้สึกเหมือนความตายกำลังมาเยือนพวกเขา ความรู้สึกนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และอีกเจ็ดคนที่เหลือต่างก็รู้สึกหวาดกลัวจนหน้าซีดไปหมด ความกลัวทำให้สายตาของพวกเขาพร่ามัว"ไม่ต้องห่วง เราชนะได้แน่นอน พวกเราหลายคนโจมตีพร้อมกัน เราจัดการเขาได้แน่!”คอนลี่กลัวมากจนเสียงสั่น แต่เขายังกำดาบแน่นและพยายามให้กำลังใจสหายของเขาปัง ปัง ปัง!การระเบิดที่น่ากลัวทำให้อากาศฉีกขาด ในวินาทีต่อมา การโจมตีจากอัจฉริยะลาโกริโอซึ่งอยู่ขั้นต้นของระดับเทพแท้จริงก็ถูกทำลายทั้งหมด“ฟิว!”คนพวกนั้นกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ใบหน้าบิดเบี้ยวเป็นหน้าผี“บ้าเอ๊ย การโจมตีของพวกเขาถูกทำลายอย่างง่ายดาย!”การโจมตีสองสามครั้งของพวกเขาถูกเฟนด์ทำลาย เห็นได้ชัดว่าการโจมตีจากคีธและคนที่เหลือคงอยู่ได้ไม่นาน ในชั่วพริบตา เม็ดเหงื่อก็เริ่มหยดลงมาจากหน้าผากของเขา“แย่แล้วพี่ใหญ่ ถอยกันเถอะ!”การโจมตีของโจชัวก็ถูกทำลายเช่นกัน รังสีดาบของเฟนด์พุ่งเข้าหาเขาอย่างไม่หยุดไม่หย่อน เขาหวาดกลัวมากจนเสียงสั่น“เวรเอ๊ย!”คีธกัดฟันแน่นและหมุนตัวเพื่อจากไปฟ
การโจมตีพุ่งออกไปเป็นวงโค้ง ตรงใส่หน้าอกของพี่น้องทำให้พวกเขาเสียชีวิตทันที“แข็ง…แข็งแกร่งเกินไปแแล้ว!”ดาเนียลล่าเบิกตากว้าง ผ่านไปหลายวินาทีก่อนที่เธอจะกลืนน้ำลายและพูดออกมาเฟนด์หยิบแหวนจอมยุทธจากร่างคนทั้งแปดและพริบตาก็ไปตรงหน้าดาเนียลล่า เขายิ้มให้เธอ “รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ ไม่งั้นคนอื่นอาจรู้ว่าผมฆ่าพวกเขา ถ้าพวกตระกูลนอร์แมนรู้เรื่องนี้ พวกเขาต้องสร้างปัญหาให้ตระกูลของเราอย่างแน่นอน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ลงมือในทันทีก็ตาม!”"โอเค!"ดาเนียลล่าพยักหน้าอย่างอ่อนโยนและจับมือเฟนด์ไว้ ทั้งคู่เหาะขึ้นและรีบออกไปจากสถานที่เกิดเหตุหลังจากนั้นสักพักพวกเขาก็หยุดลง เฟนด์หยิบแผ่นป้าย หญ้าวิญญาณ และของมีค่าอื่น ๆ ออกจากแหวนจอมยุทธพวกนั้น แล้วโยนมันทิ้งทันทีหลังจากที่เขาเอาของใส่ไว้ในแหวนจอมยุทธของตัวเอง ในใจของดาเนียลล่ารู้สึกอบอุ่น เฟนด์ฆ่าพวกนั้นทั้งหมดได้มันทำให้เธอประหลาดใจจริง ๆ เธอไม่คิดว่าผู้ชายดื้อด้านและหัวโบราณอย่างเขาจะมีช่วงเวลาที่น่ารักด้วยรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอขณะที่นึกถึงช่วงเวลานั้น หัวใจของเธอก็ค่อย ๆ เต้นแรงขึ้น"โอ้ จริงสิ เมื่อวานนี้ผมเจอพี่ใหญ่ของคุณด้ว
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ