เนื่องจากไทเรลเป็นปรมาจารย์ที่อยู่ในขั้นสุดท้ายของระดับเทพแท้จริง เขาจึงตรวจพบทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติเมื่อมีประกายดาบปรากฏขึ้นและหลีกเลี่ยงได้ในพริบตา รัศมีดาบกวาดผ่านเขาไปและตัดโค่นต้นไม้ เฟนด์เหาะลงมาจากเนินเขาที่เขาซ่อนตัวอยู่"นายเองงั้นเหรอ?" ไทเรลโกรธจัดจนเส้นเลือดบนหน้าขึ้นหน้าเมื่อเขาเห็นเฟนด์ “ช่างบังเอิญจริง ๆ ไอ้หนุ่ม นายมาพอดีตอนที่ฉันกำลังจะเล่นกับแฟนนายเลย ฮ่าๆ…! นี่มันโชคชะตาอะไรกัน!”“ทำไม…ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?” เฮเลน่ามองเฟนด์อย่างระมัดระวัง ผู้ชายคนนี้สังเกตเห็นพวกเขามานานแค่ไหนแล้ว แล้วทำไมเขาเพิ่งรีบออกมาในตอนนี้? “ฮ่าฮ่า…!” เฟนด์ยิ้มอย่างอึดอัดและพูดติดตลกว่า "ผมจะทำอะไรได้? ผมจะไม่ช่วยคุณได้เหรอในเมื่อเขาพูดว่าคุณเป็นแฟนของผม” นอกจากไม่กี่คนที่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขาในขณะนี้ คนอื่นส่วนใหญ่จะคิดว่าพวกเขาเป็นคู่รักจริง ๆ นั่นทำให้เฟนด์ไม่อาจปฏิเสธได้เฮเลน่าไม่อาจห้ามไม่ให้หน้าแดงไม่ได้เมื่อได้ยินแบบนั้น ขณะที่เธอกลอกตามองไปที่เฟนด์ "คุณมาที่นี่ทำไม? คุณอยากตายหรือไง? แม้แต่ฉันยังไม่สามารถเอาชนะเขาได้เลย ดังนั้นคุณก็คงสู้ไม่ได้เหมือนกัน!”เธอลั
เฟนด์พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วเบื้องหน้านายน้อยลำดับที่สองของตระกูลฮันท์และเหวี่ยงกำปั้นไปหาเขา'ผู้ชายคนนี้...หัวแข็งจริง ๆ ถึงได้กล้าสู้กับไทเรลในสถานการณ์ชี้เป็นชี้ตายแบบนี้!' เฮเลน่างุนงงเมื่อเห็นเฟนด์พุ่งตัวออกไปอย่างนั้น เธอแค่ใช้เฟนด์เป็นตัวล่อเพื่อกันไม่ให้นายน้อยฮันท์มากวนเธอ ทว่าไม่เพียงแต่เขาจะไม่เปิดโปงการโกหกของเธอ แต่เขายังออกมาช่วยเธอด้วย!'เขาคิดว่าฉันเป็นแฟนของเขาจริง ๆ หรือยังไง? เป็นเพราะฉันสวยและครั้งหนึ่งเราเคยจูบกันงั้นเหรอ?’ ความคิดที่ดูจะเป็นไปได้มากมายเริ่มผุดขึ้นมาในหัวของเฮเลน่า อย่างไรก็ตาม เธอและน้องสาวอีกสองคนของเธอต่างก็เป็นสาวงามชั้นหนึ่ง และใคร ๆ ก็วิงวอนอยากจะเป็นอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยหญิงสาวที่ตกทุกข์ได้ยากกันทั้งนั้น“อย่าโทษฉันล่ะ นายมันรนหาที่ตายเอง!” นายน้อยลำดับที่สองของตระกูลฮันท์ก็กำหมัดและใช้พลังฉีก่อนที่จะปะทะเข้ากับหมัดของเฟนด์ตูม!เสียงระเบิดที่น่าสะพรึงกลัวดังขึ้นเมื่อกำปั้นของพวกเขาปะทะกัน และคลื่นพลังงานอันรุนแรงก็กระจายออกมาหลังจากไทเรลยิ้มเยาะได้ครู่เดียว เขาก็ขมวดคิ้วทันที เขาคิดว่าหมัดของเขาจะทำให้เฟนด์กระเด็นออกไป แต่พลังที่พุ
ไทเรลค่อนข้างพอใจกับสีหน้าประหลาดใจของเฟนด์รอยยิ้มน่ากลัวปรากฏขึ้นในขณะที่เขาเลิกคิ้วและเอ่ยปาก “เป็นไงล่ะ? กลัวเหรอ? ฮ่า ๆ…! ดูเหมือนว่านายจะมองสถานการณ์ออกแล้วสินะ เพราะนายเห็นว่าดาบของฉันเล่มนี้ไม่ธรรมดาล่ะสิ!”ไทเรล ยกดาบของเขาขึ้น ชี้ไปที่ทางเฟนด์ และประกาศอย่างแข็งกร้าวว่า “วันนี้ฉันจะตัดมือนายด้วยดาบเล่มนี้ และจะทำให้นายเจ็บปางตายทีเดียว!”‘เฮ้อ! แย่จริง... เฟนด์มีพลังการต่อสู้ที่ค่อนข้างดีและเป็นหนึ่งในหมู่อัจฉริยะ แต่ก็น่าเศร้าที่เห็นเขาคิดผิดที่ต่อต้านการตามล่านายน้อยลำดับที่สองอย่างนี้!” เฮเลน่าถอนหายใจในขณะที่เธอมองดาบและรู้สึกถึงความต่างเล็กน้อยจากมัน นายน้อยลำดับที่สองของตระกูลฮันท์ใช้ดาบอีกเล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นวัตถุดิบวิญญาณระดับล่างเมื่อเขาจัดการกับเธอ แต่จู่ ๆ เขาก็ดึงวัตถุดิบวิญญาณระดับกลางนี้ออกมาต่อสู้กับเฟนด์ดูเหมือนว่าเธอและเฟนด์จะหลังจนฝาเสียแล้ว‘ผู้ชายคนนี้มาช่วยฉันเพราะฉันเป็นพี่สาวของดาเนียลล่าหรือเปล่า?’ เฮเลน่าคิดอีกครั้งและยิ้มอย่างขมขื่น ผู้ชายคนนี้ดูมีเสน่ห์ ทว่าก็น่าเศร้าที่เขาจะต้องตายเพราะเป็นปฏิปักษ์กับนายน้อยฮันท์“จุ๊จุ๊จุ๊ นายดูมั่นใจมากทีเดี
หวือ! หวือ! หวือ!ใบไม้ที่เกิดจากการจับตัวเป็นกลุ่มของพลังฉีและรัศมีของดาบพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หลังจากครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่แล้วพวกเขาก็ทาบทับลงบนคลื่นพลังฉี ของ เฟนด์ ทีละคลื่นตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!เสียงระเบิดตามมาครั้งแล้วครั้งเล่า และเมื่อใบไม้ระเบิด คลื่นพลังฉีของเฟนด์ก็กระจัดกระจายออกไปในขณะที่มันบรรเทาการโจมตีของนายน้อยคนที่สองของตระกูลฮันต์ได้สำเร็จ"เ*รเอ๊ย!" เมื่อการโจมตีของเขาล้มเหลว ริมฝีปากของนายน้อยฮันท์กระตุกขณะที่สีหน้าของเขาหม่นลงเมื่อเห็น... เฟนด์หายไป ไม่เพียงแค่นั้น แม้แต่เฮเลน่าที่บาดเจ็บซึ่งยืนอยู่ข้างสนามขณะที่พวกเขาต่อสู้ก็หายไปเช่นกันเฟนด์ใช้คลื่นพลังฉีอันมหาศาลเพื่อเร่งและปิดกั้นการมองเห็นของนายน้อยตระกูลฮันท์ ในตอนที่มันซ้อนกันก่อนที่จะหลบหนีไปพร้อมกับเฮเลน่า“หมอนี่มันฉลาดเกินไป พอรู้ว่าเอาชนะฉันไม่ได้มันก็หนี ให้ตายเถอะ เขาคงต้องหวังว่าเราจะไม่เจอกันอีก ไม่งั้นฉันจะหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!” ไทเรลคำรามผ่านไรฟัน และกำหมัดแน่นด้วยความโกรธในขณะเดียวกัน…แขนของเฟนด์โอบรอบเอวเฮเลน่าจากด้านหลัง เฟนด์พุ่งออกจากการต่อสู้อย่างรวดเร็ว และเปลี่ยนทิศทางในบางครั้ง
“นั่นเป็นไปไม่ได้ คุณรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังเฝ้าดูเราอยู่งั้นเหรอ?” คำกล่าวอ้างของเฟนด์ทำให้เฮเลน่าตกตะลึง เพราะเธอไม่รู้สึกถึงอะไรที่ผิดปกติสักนิด เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ของเฟนด์และ ไทเรลมากเกินไปหรือเปล่าหากเป็นอย่างนั้น เฟนด์ควรมุ่งเน้นไปที่การต่อสู้ของเขามากกว่านี้สิ ทำไมเขาจึงยังแยกออกว่ามีใครบางคนเพิ่มเข้ามาอีกเฟนด์สังเกตเห็นใบหน้าที่งุนงงของเฮเลน่า ขณะที่เขาพูดอย่างยิ้มแย้มว่า “ผมเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ และความแข็งแกร่งทางจิตใจของผมก็แข็งแกร่งกว่าของคุณมาก การรับรู้ต่อสิ่งรอบข้างของผมแข็งแกร่งกว่าของคุณ และผมรู้สึกได้ว่าลมหายใจของอีกฝ่ายถูกซ่อนไว้จนเกือบมิด สำหรับผมแล้วดูเหมือนว่าความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาก็ไม่ได้ต่ำเสียด้วยสิ”เฟนด์หยุดครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อ “นั่นคือเหตุผลที่ผมคิดว่าคงเป็นการดีที่สุดที่จะปล่อยนายน้อยฮันท์ไปในครั้งนี้”เฮเลน่าที่ไม่ค่อยพอใจตอบกลับด้วยความอึดอัด “คุณอยากพูดอะไรก็พูดเถอะ คุณพูดราวกับว่าหากคุณต่อสู้กับเขาต่อคุณจะเอาชนะเขาได้ ใครจะไปรู้ว่านายน้อยลำดับที่สองของตระกูลฮันท์ยังมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรอีกบ้าง? อีกอย่างเขามาจากตระก
เฮเลน่าก้มหน้าจนคางชิดอก ใบหน้าซีดเซียวในตอนแรกเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เธออายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีเธอข่มใจ ก่อนจ้องมองที่เฟนด์ “คุณไม่เข้าใจคำว่า 'เอาหูไปนา เอาตาไปไร่' เหรอ? มองฉันทำไม? คุณมันนิสัยเสียเหมือนพวกผู้ชายพวกนั้นนั่นแหละ!”นั่นทำให้เฟนด์ตกใจอย่างมาก เพียงคำเตือนเพราะความหวังดีจากเขาทำให้เขาถูกเข้าใจผิดไปเสียนี่เขาทุกข์ใจอย่างหนักเมื่อนึกไปถึงความลำบากที่เฮเลน่าต้องพบเจอมาตลอดสองวันนี้เขาแค่ยิ้ม "จริงเหรอ? ไม่ใช่คุณรึไงที่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่าผมเป็นแฟนคุณ? ในเมื่อเราคบกันแล้ว แถมคุณยังมอบความบริสุทธิ์ของคุณให้ผมมาแล้วอีกต่างหาก ทำไมคุณถึงยังเขินอายอยู่ล่ะ? บนถนนเมื่อวันก่อนคุณก็เป็นฝ่ายรุกเข้าหาผมก่อนไม่ใช่เหรอ”“นาย…” พฤติกรรมของเขาทำให้เฮเลน่าโกรธ เธอไม่คาดคิดว่าผู้ชายคนนี้จะทำตัวบุ่มบ่ามกับเธอเธอกลอกตาใส่เฟนด์ก่อนจะพูดว่า “ฉันแน่ใจว่าคุณรู้ว่าฉันพูดแบบนั้นเพราะฉันไม่มีทางเลือก เราก็ทำได้ก็แค่ยืดเวลาออกไป เพราะตอนนี้ทุกคนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราแล้ว คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก เราแค่ประกาศว่าเราเลิกกันแล้วก็พอ และฉันจะไม่ยุ่งกับคุณอีก”เฟนด์พูดไม่ออก “คุณจะไม่เกี่ยวข้
เฮเลน่าค้นพบว่าไม่นานหลังจากที่เธอกินยาบาดแผลของเธอก็เริ่มหาย ความเร็วในการฟื้นตัวของเธอนั้นดีกว่ายาเม็ดจากตระกูลของเธอมาก และไม่มีแม้แต่รอยแผลเป็นให้เห็นด้วยซ้ำ“ตระกูลวูดส์มียารักษาดีขนาดนี้เชียวเหรอ? ดูเหมือนว่าตระกูลของคุณก็มีการศึกษาเรื่องนี้เป็นอย่างดีเหมือนกันนี่!” เฮเลน่าอุทาน เธอกำลังประเมินว่ายาเม็ดที่เฟนให้เธอนั้นทรงพลังเพียงใด“นี่ไม่ใช่ยาของตระกูลวู๊ด ผมฝึกเรื่องพวกนี้ตอนว่าง และผมก็ฝึกมามากพอสมควรแล้ว” เฟนด์ยิ้มอย่างเคอะเขินก่อนที่จะกล่าวเสริมว่า “ถ้าผมมีเวลา ผมจะสอนสมาชิกคนอื่น ๆ ในตระกูลวู๊ดด้วย พวกเขาจะได้ใช้ยารักษาโรคได้ดีขึ้นในอนาคต!”“ฉันไม่เคยคิดว่าคุณจะมีพรสวรรค์ขนาดนี้!” เฮเลน่ามองไปที่เฟนด์ด้วยความชื่นชม เธอต้องยอมรับว่าผู้ชายคนนี้ซึ่งเป็นแฟนของน้องสาวคนที่สามของเธอนั้นเป็นคนที่โดดเด่น นอกเหนือจากพรสวรรค์ของเขาแล้ว เขายังเป็นคนใจกว้างและค่อนข้างเป็นตัวของตัวเองอีกด้วยแม้ว่าจะเพียงเล็กน้อยแต่ความอิจฉาริษยาก็ผุดขึ้นภายในของเธอ เป็นไปได้อย่างไรที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยพบผู้ชายที่โดดเด่นเช่นนี้เลย?เป็นไปได้ไหมว่าการที่เธอได้พบกับเฟนด์จะสมบูรณ์แบบหากเขาไ
เฟนด์ ไม่เคยคิดที่จะตามจีบดาเนียลล่าเลยจนกระทั่งหลังจากที่เขาทั้งคู่เมามายเเละหลับไปด้วยกัน "เอาล่ะ ฉันจะเข้าไปเปลี่ยนชุดในถ้ำนั่น จำไว้ว่าอย่าแอบดูไม่งั้นจบไม่สวยเเน่” เฮเลน่าหันกลับมายิ้มก่อนจะเข้าไปในถ้ำไปเพียงลำพัง"ยัยนี่…" เฟนด์ยิ้มอย่างขมขื่นก่อนที่จะหยิบบุหรี่ออกมาและค่อย ๆ เพลิดเพลินไปกับมันที่ด้านนอกของถ้ำเขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะมีโอกาสได้เจอเฮเลน่าและนายน้อยคนที่สองตระกูลฮันท์ในวันแรกของการแข่งขันอย่างนี้ ทุกอย่างดูราวกับเป็นโชคชะตาทันใดนั้นเอง… “อ๊า!”เฟนด์ได้ยินเสียงโหวกเหวกของเฮเลน่าจากในถ้ำในขณะที่เขาสูบบุหรี่มวนที่สอง"แย่แล้ว เธอกำลังตกอยู่ในอันตราย!” เฟนด์ตกใจรีบวิ่งไปที่ถ้ำ“โฮก!” ขณะที่เขารีบวิ่งเข้าไปในถ้ำ เขาก็เห็นว่ามีเสือกำลังโจมตีเฮเลน่าเขาพลิกฝ่ามือแล้วดาบสีดำก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา เฟนด์โบกมือไปทางเสือวูบ!เฟนด์พุ่งไปข้างหน้า ก่อนรัศมีของดาบจะพุ่งไปตัดหัวเสือ เสือโคร่งตัวนั้นล่วงลงบนพื้นพร้อมกับเสียงที่ดังสนั่น ไร้ซึ่งลมหายใจ“สัตว์อสูรตัวนี้อยู่ในขั้นสูงสุดของระดับกึ่งเทพ ส่วนคุณ...” หลังจากที่เขาฆ่าสัตว์อสูรทิ้ง เฟนด์หันกลับไปมองเฮเลน่าที่ยืนอ
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ