“…นายเป็นใคร? ยาเอลส่งนายมาที่นี่หรือเปล่า?” แจสมินถามด้วยน้ำเสียงค่อนข้างน่าสงสัย แม้กลางคืนมาถึงแล้ว แต่แสงไฟหน้ารถทั้งหมดก็สว่างไสวพอให้คนเหล่านั้นในกลุ่มของแจสมินเห็นว่าบอดี้การ์ดที่ดูเคร่งขรึมนั้นน่าประทับใจเพียงใด ขณะที่พวกเขายืนอยู่ข้างหลังผู้นำของพวกเขา มันชัดเจนว่าบอดี้การ์ดเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนที่เข้มงวดมากที่สุดเท่านั้น และจากสิ่งที่แจสมินรู้ มีเพียงตระกูลใหญ่สองสามตระกูลเท่านั้นที่สามารถจ้างบอดี้การ์ดที่มีสมรรถภาพสูงเช่นนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ดึกมากขนาดนี้แล้วแต่คนที่มาถึงพร้อมกับความโอ่อ่าเช่นนี้ พวกเขาจะไม่ได้เป็นลูกน้องของยาเอลได้ยังไง? เมื่อรู้แบบนั้นจึงยิ่งทำให้ความวิตกกังวลของแจสมินและคนอื่น ๆ ขยายมากขึ้นเท่านั้น ขณะที่พวกเขายืนอยู่ใกล้กันและกันในการเตรียมพร้อมที่จะทั้งโจมตีและวิ่งไป “ฮึ่ม ยาเอลงั้นเหรอ? นั่นเป็นใครกัน?” ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้ายิ้มเยาะก่อนจะกล่าวเสริม “ผมได้รับคำสั่งมาจากเจ้านายของผมเพื่อให้พาคุณไปจากอันตราย คุณหนูเฟนเดอร์สัน ผมหวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือเพราะพวกเราไม่มีเวลาเหลือแล้วจริง ๆ มากับพวกเราเถอะ” “เจ้านายของนาย…เขาเป็นใคร?” แจส
หลังจากกล่าวไปแบบนั้น เจอรัลด์ก็ตบไหล่สเตลล่าเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้าให้คนขับรถ เมื่อเห็นแบบนั้น คนขับรถจึงเริ่มขับจากไปทันทีที่เจอรัลด์ปิดประตูรถ เมื่อสเตลล่าหันไปมองเจอรัลด์ผ่านหน้าต่างหลังของรถ มีสายฟ้าแลบบนท้องฟ้าเบื้องหลังเขา แม้เขาแทบจะไม่ได้ขยับไปจากจุดที่เขายืนอยู่ก่อนหน้านี้ แต่สเตลล่าก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบด้วยความกลัว ขณะที่เธอเห็นสีหน้าบนใบหน้าของเขาเสี้ยววินาทีเมื่อสายฟ้าแลบนั้น เป็นตอนนั้นเองที่สเตลล่ารู้ว่าเขาไม่ใช่เจอรัลด์ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยรู้จักอีกต่อไปแล้ว เจอรัลด์คนใหม่นี้น่ากลัวมาก ขณะที่เขาค่อยหายไปจากสายตาของเธอ ก็ได้ยินเสียงเสียงคำรามของฟ้าร้องดังขึ้นมา เมฆดำปกคลุมท้องฟ้าในยามค่ำคืนโดยสิ้นเชิง ไม่นานพายุฝนกระหน่ำก็ตามมาพร้อมกับลมแรงกรรโชกขนาดมหึมา เมื่อมีพายุเกิดขึ้นที่นี่แล้ว เจอรัลด์เองก็เริ่มทำการเคลื่อนไหวต่อไป… กลับไปยังคฤหาสน์ตระกูลชุยเลอร์ ตัวแทนหลาย ๆ คนจากทั้งตระกูลหลงและโมลเดลตอนนี้ต่างก็กำลังเฝ้ามองโนอาดุว่าลูกชายของเขาอยู่ “พวกมันทั้งหมดจัดการหนีไปได้ยังไงกัน ห๊ะ?! แกไม่เพียงแต่ล้มเหลวในการจับผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับไฟไหม้เท่านั้น แต่พวกเ
ทั้งสวนเต็มไปด้วยซากศพไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม! ราวกับว่าฉากสยองขวัญนั้นยังไมพอ ฝนที่ตกหนังก็ยังทำให้สวนมีน้ำขับที่เต็มไปด้วยของเหลวสีแดงเข้มอย่างน่าตะลึง… อาการการสั่นเทาด้วยความกลัวอย่างที่สุด แสงฟ้าแลบอีกครั้งจึงเป็นการบอกให้คนรับใช้คนนั้นทราบถึงใครบางคนที่อยู่ในสวน… สายตาของเขาปรับให้เข้ากับความมืดได้แล้วในตอนนี้ ดังนั้นเมื่อคนรับใช้หันไปมองคนที่ยืนอยู่กลางสวนพร้อมกับร่มในมือของเขา เขาก็ถึงกับสาบานว่าเขาเพิ่งได้เห็นปีศาจตัวเป็น ๆ ซะแล้ว ขณะนี้ปีศาจชายคนนั้นหันมามองเขา คนรับใช้ก็กลายเป็นแข็งทื่อด้วยความกลัวอยู่กับที่ ไม่สามารถแม้แต่จะขยับขาของเขาได้เลยด้วยซ้ำ แม้ว่าปีศาจตนนั้นที่มืออีกข้างล้วงไว้ในกระเป๋ากางเกงของเขา กำลังเดินมาหาเขาในตอนนี้ก็ตาม ความจริงแล้วเขากลัวมาก จนเขาไม่สามารถแม้แต่จะปล่อยเสียงร้องที่เบาที่สุดได้เลยด้วยซ้ำ หลังจากสิ่งที่ดูเหมือนจะชั่วกาลนาน คนรับใช้ก็รู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าคนที่น่าสยองขวัญคนนั้นก็ค่อนข้างมีใบหน้าที่หล่อเหลา อย่างไรก็ตามความประหลาดใจของเขากลายเป็นความกลัวอีกครั้ง ทันทีที่เขาตระหนักได้ว่าสายตาของคน ๆ นั้นดุร้ายเพียงใด สายตาของปีศ
ก่อนที่พวกเขาทั้งคู่จะทันได้โจมตี เจอรัลด์ก็หมุนเตะโดยเล็งไปที่หัวของพวกเขาทันทีที่พวกเขาเข้ามาใกล้พอ! ในชั่วเวลาสั้น ๆ นั้น ลูกน้องโมลเดลทั้งคู่สามารถรู้สึกว่าดวงตาของพวกเขาแทบจะถลนออกมาจากกะโหลกของพวกเขาอยู่แล้ว ขณะที่พวกเขาบินถลาไปยังท้ายห้อง ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ก็หมดสติไปแล้ว! “อะไรกัน?!” ทั้งเควนตินและเทรย์ตะโกนขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน สายตาของพวกเขาเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ ทั้งสองคนนั้นเป็นนักเรียนของตระกูลโมลเดล…พวกเขาล้มลงด้วยเพียงลูกเตะเดียวจริง ๆ หรือ? และก็มาจากเจอรัลด์ด้วย?! ถ้าพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาของพวกเขาเอง พวกเขาก็คงจะไม่เชื่อมันแน่ อย่างไรก็ตามทุกคนก็อยู่ที่นั่นกันเมื่อฉากนั้นเกิดขึ้น เจอรัลด์กลายมามีสมรรถภาพสูงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? “เช่นนั้นวันนี้มีโมลเดลแค่สี่คนเท่านั้นใช่ไหม? อืม ฉันคิดว่ามีแค่พวกนายสองคนเหลืออยู่เท่านั้น งั้นก็เข้ามาด้วยกันเลย!” เจอรัลด์กล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าของเขา “การ์ด! เข้ามาในนี้ เร็วเข้า!” โนอาสั่ง ขณะที่เขารู้สึกว่าเหงื่อกำลังไหลอาบหน้าผากของเขา อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเข้ามาเลย เมื่อโนอาหันกลับไปมองเจอรัลด์อี
เกือบจะในทันทีทันใดหลังจากนั้น ก็ได้ยินเสียงของแก้วไวน์และจานอาหารกระทบกันเสียงดัง เมื่อทุกคนหันไปมองว่าใครที่ทำให้เกิดเสียงอึกทึกนี้ขึ้นมา พวกเขาก็เห็นเบอร์ก โนอา และยาเอลต่างก็กำลังจับโต๊ะเอาไว้ ขณะที่พวกเขาตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรงด้วยความหวาดกลัว! พวกเขามีเหตุผลที่จะตกใจกลัวขนาดนี้ อย่าลืมว่าพวกเขาทั้งสามคนก็รู้ดีว่าโมลเดลมีกำลังมากกันเพียงใด แต่เจอรัลด์ก็เพิ่งจัดการพวกเขาทั้งสี่คนไป ต่อหน้าต่อตาของพวกเขานี้! ขณะที่เจอรัลด์ก้าวมาข้างหน้า เบอร์กก็ล้มลงกับพื้นทันที โดยตะโกนขึ้นมา “ด ได้โปรดอย่าฆ่าฉันเลย เจอรัลด์! ไว้ชีวิตฉันด้วย ได้โปรดเถอะ!” ผู้ชายร่างใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินสองร้อยปอนด์ และมีกล้ามเนื้อเป็นหมัดในเวลานี้กำลังหวาดกลัวมากจนน้ำมูกไหลลงมาจนถึงคางของเขาแล้ว “ไว้ชีวิตนายงั้นเหรอ? รู้บ้างไหมหกเดือนก่อนตอนที่ฉันหลบหนีมายังจังหวัดซอลฟอร์ด? ฉันมีพี่น้องมากกว่าสามสิบคน และตอนนี้ก็ไม่มีพวกเขาคนไหนที่ยังมีชีวิตอยู่เพราะคนของนาย พวกเขาทั้งหมดต่างก็เป็นเพื่อนของฉันจากเมย์เบอร์รี่! ทำไมนายไม่ไว้ชีวิตพวกเขาล่ะถ้างั้น?” เจอรัลด์พูดใจเย็นอย่างน่ากลัว ขณะที่เขาตบหัวของเบอร์กเบา
วอร์เรนกล่าวขณะที่เขากำลังลุกขึ้นยืน แจสมินเองก็ขมวดคิ้วขณะที่เธอเช็คดูห้องเก็บของ สายตาของเธอหยุดลง เมื่อเธอเห็นเห็นธูปสองสามดอกวางอยู่ใกล้มุมห้อง “พวกนั้นต้องเป็นเหตุผลที่ทำไมพวกเราถึงหลับลึกขนาดนี้แน่!” แจสมินกล่าว ขณะที่เธอชี้ไปยังการค้นพบของเธอ “เป็นงั้นเองสินะ! ถึงอย่างนั้นคนเหล่านั้นเป็นใครกัน…? ทำไมพวกเขาถึงไม่บอกพวกเราว่าพวกเขาเป็นใครหลังจากช่วยเหลือพวกเราล่ะ?” เมอาตอบกลับ ก่อนที่ใครก็ตามจะทันได้ตอบกลับ สมาชิกคนหนึ่งของกลุ่มที่กำลังสำรวจสถานที่อยู่แล้ว ก็ตะโกนขึ้นมา “เฮ้ มาตรงนี้สิ ฉันคิดว่าพวกเขาทิ้งบางอย่างไว้ให้เรา!” เมื่อได้ยินแบบนั้น ทุกจึงมาล้อมรอบกล่องใบหนึ่งที่มีข้อความอยู่บนนั้น ข้อความนั้นเองเขียนไว้ว่า ‘ถึง เมอา’ “เดาว่าพวกเราคงรู้แล้วว่าใครจะเปิดมัน” สมาชิกอีกคนของทีมพูด เมอาเองรู้สึกหวิว ๆ ด้วยความตื่นเต้น ขณะที่เธอคิดว่าภายในนั้นจะเป็นอะไร และเธอก็เห็นแวบ ๆ ว่าวอร์เรนที่มีสีหน้าที่น่าเกลียดอย่างมากบนใบหน้าของเขา เมื่อสังเกตเห็นว่าเธอกำลังมองมาที่เขา จากนั้นวอร์เรนจึงพูดเป็นนัยด้วยความโกรธในน้ำเสียงของเขา “เอาเลยเปิดดูมันได้แล้ว! ถ้าเธอไม่ฉันจะเ
และบางอย่างที่สำคัญก็คือ เมื่อรู้เป็นอย่างดีว่าตระกูลเฟนเดอร์สันเกือบจะถูกลบหายไปเพราะความสะเพร่าของเขา ไบรสันจึงจะรับผิดชอบกับเหตุการณ์นี้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม หลังจากเรื่องต่าง ๆ สงบลงเล็กน้อย ไบรสันก็คิดว่าพวกเขาเกือบจะถูกตระกูลผู้รับใช้กำจัดไปอย่างไร ถ้าเรื่องทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นได้ภายใต้กฏของเขา งั้นเขาก็ยอมรับว่าเขาเริ่มแก่และไม่น่าเชื่อถืออีกแล้ว ความจริงที่ว่าเขาไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือนั้นก็เป็นข้อพิสูจน์เพิ่มเติมว่าในที่สุดก็ถึงเวลาของการเปลี่ยนแปลงเสียที มันจึงอธิบายได้ว่าทำไมบรรยากาศของการประชุมของตระกูลเฟนเดอร์สันคราวนี้ถึงแตกต่างไปมาก ทุกคนก็ก้มหน้าลงกัน ขณะที่รอให้ไบรสันพูด การไอเพื่อทำลายความเงียบและให้ได้รับความสนใจของทุกคน ไบรสันกระแอมในลำคอก่อนจะพูดขึ้น “ฉัน…มีข่าวสำคัญมากที่จะประกาศในวันนี้… การประกาศนี้จะเป็นการตัดสินใจครั้งสุดท้ายที่ฉันจะทำในฐานะที่เป็นหัวหน้าของตระกูลนี้เช่นกัน!” เมื่อได้ยินแบบนั้น ทุกคนก็เงยหน้าของพวกเขาขึ้น ขณะที่พวกเขามองไปที่ชายชรา “ฟังให้ดี สำหรับหัวหน้าคนต่อไปของเฟนเดอร์สันจะเป็นแจสมิน! ฉันแก่มากเกินไปแล้วต
ขณะที่พ่อบ้านไปเตรียมรถให้พร้อม มินดี้เองก็ยืนอยู่ตรงหน้าคฤหาสน์ของตระกูลชุยเลอร์ที่ยังเหลืออยู่แล้ว “ขอโทษนะคะ แต่คุณเห็นใครที่สวมหน้ากากบ้างไหม? เขาสูงประมาณเท่านี้ และเมื่อถอดหน้ากากออกมา เขามีแผลไหม้อย่างรุนแรงรอบ ๆ ดวงตาของเขา…” หญิงสาวคนหนึ่งถามผู้สัญจรไปมา ขณะที่เธอยกมือของเธอขึ้นเหนือหัวของเธอ เพื่อเลียนแบบว่าแซนเดอร์สันสูงแค่ไหน “…ไม่นะ ผมไม่เคยเห็น…?” ผู้ชายที่สับสนงุนงงคนนั้นตอบกลับ “แต่นั่นจะเป็นไปได้ยังไงกัน? เขาบอกพวกเราว่าเขาจะมาตามหาพวกเราแต่เขาก็ไม่มา! เขาไม่ได้อยู่ที่ยอร์คนอร์ท เมาน์เทน! เขาอาจจะไปที่ไหนล่ะ…? ฉันยังพยายามโทรหาสเตลล่าด้วยซ้ำ แต่ฉันก็ไม่สามารถติดต่อเธอได้เหมือนกัน! เมื่อฉันไปที่บ้านของเธอ มันก็ดูเหมือนว่าเธอย้ายออกไปแล้ว…เฮ้ คุณคิดว่าใครสามารถบอกได้บ้างว่าแซนเดอร์สันไปที่ไหน…?” มินดี้ถาม คนเดินผ่านคนนั้นเองก็ตกตะลึงที่รู้ว่าเธอยิงคำถามนั้นใส่เขาโดยตรง เมื่อมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นเขาก็ส่ายหัวของเขาก่อนจะวิ่งจากไป ช่างน่าเสียดายที่คนสวยเช่นนี้ฟังดูเหมือนคนวิกลจริตขนาดนี้ “นายหายไปที่ไหนกัน แซนเดอร์สัน…? นาย…นายพูดว่านายจะกลับมา…แล้วนายก็