วอร์เรนกล่าวขณะที่เขากำลังลุกขึ้นยืน แจสมินเองก็ขมวดคิ้วขณะที่เธอเช็คดูห้องเก็บของ สายตาของเธอหยุดลง เมื่อเธอเห็นเห็นธูปสองสามดอกวางอยู่ใกล้มุมห้อง “พวกนั้นต้องเป็นเหตุผลที่ทำไมพวกเราถึงหลับลึกขนาดนี้แน่!” แจสมินกล่าว ขณะที่เธอชี้ไปยังการค้นพบของเธอ “เป็นงั้นเองสินะ! ถึงอย่างนั้นคนเหล่านั้นเป็นใครกัน…? ทำไมพวกเขาถึงไม่บอกพวกเราว่าพวกเขาเป็นใครหลังจากช่วยเหลือพวกเราล่ะ?” เมอาตอบกลับ ก่อนที่ใครก็ตามจะทันได้ตอบกลับ สมาชิกคนหนึ่งของกลุ่มที่กำลังสำรวจสถานที่อยู่แล้ว ก็ตะโกนขึ้นมา “เฮ้ มาตรงนี้สิ ฉันคิดว่าพวกเขาทิ้งบางอย่างไว้ให้เรา!” เมื่อได้ยินแบบนั้น ทุกจึงมาล้อมรอบกล่องใบหนึ่งที่มีข้อความอยู่บนนั้น ข้อความนั้นเองเขียนไว้ว่า ‘ถึง เมอา’ “เดาว่าพวกเราคงรู้แล้วว่าใครจะเปิดมัน” สมาชิกอีกคนของทีมพูด เมอาเองรู้สึกหวิว ๆ ด้วยความตื่นเต้น ขณะที่เธอคิดว่าภายในนั้นจะเป็นอะไร และเธอก็เห็นแวบ ๆ ว่าวอร์เรนที่มีสีหน้าที่น่าเกลียดอย่างมากบนใบหน้าของเขา เมื่อสังเกตเห็นว่าเธอกำลังมองมาที่เขา จากนั้นวอร์เรนจึงพูดเป็นนัยด้วยความโกรธในน้ำเสียงของเขา “เอาเลยเปิดดูมันได้แล้ว! ถ้าเธอไม่ฉันจะเ
และบางอย่างที่สำคัญก็คือ เมื่อรู้เป็นอย่างดีว่าตระกูลเฟนเดอร์สันเกือบจะถูกลบหายไปเพราะความสะเพร่าของเขา ไบรสันจึงจะรับผิดชอบกับเหตุการณ์นี้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม หลังจากเรื่องต่าง ๆ สงบลงเล็กน้อย ไบรสันก็คิดว่าพวกเขาเกือบจะถูกตระกูลผู้รับใช้กำจัดไปอย่างไร ถ้าเรื่องทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นได้ภายใต้กฏของเขา งั้นเขาก็ยอมรับว่าเขาเริ่มแก่และไม่น่าเชื่อถืออีกแล้ว ความจริงที่ว่าเขาไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือนั้นก็เป็นข้อพิสูจน์เพิ่มเติมว่าในที่สุดก็ถึงเวลาของการเปลี่ยนแปลงเสียที มันจึงอธิบายได้ว่าทำไมบรรยากาศของการประชุมของตระกูลเฟนเดอร์สันคราวนี้ถึงแตกต่างไปมาก ทุกคนก็ก้มหน้าลงกัน ขณะที่รอให้ไบรสันพูด การไอเพื่อทำลายความเงียบและให้ได้รับความสนใจของทุกคน ไบรสันกระแอมในลำคอก่อนจะพูดขึ้น “ฉัน…มีข่าวสำคัญมากที่จะประกาศในวันนี้… การประกาศนี้จะเป็นการตัดสินใจครั้งสุดท้ายที่ฉันจะทำในฐานะที่เป็นหัวหน้าของตระกูลนี้เช่นกัน!” เมื่อได้ยินแบบนั้น ทุกคนก็เงยหน้าของพวกเขาขึ้น ขณะที่พวกเขามองไปที่ชายชรา “ฟังให้ดี สำหรับหัวหน้าคนต่อไปของเฟนเดอร์สันจะเป็นแจสมิน! ฉันแก่มากเกินไปแล้วต
ขณะที่พ่อบ้านไปเตรียมรถให้พร้อม มินดี้เองก็ยืนอยู่ตรงหน้าคฤหาสน์ของตระกูลชุยเลอร์ที่ยังเหลืออยู่แล้ว “ขอโทษนะคะ แต่คุณเห็นใครที่สวมหน้ากากบ้างไหม? เขาสูงประมาณเท่านี้ และเมื่อถอดหน้ากากออกมา เขามีแผลไหม้อย่างรุนแรงรอบ ๆ ดวงตาของเขา…” หญิงสาวคนหนึ่งถามผู้สัญจรไปมา ขณะที่เธอยกมือของเธอขึ้นเหนือหัวของเธอ เพื่อเลียนแบบว่าแซนเดอร์สันสูงแค่ไหน “…ไม่นะ ผมไม่เคยเห็น…?” ผู้ชายที่สับสนงุนงงคนนั้นตอบกลับ “แต่นั่นจะเป็นไปได้ยังไงกัน? เขาบอกพวกเราว่าเขาจะมาตามหาพวกเราแต่เขาก็ไม่มา! เขาไม่ได้อยู่ที่ยอร์คนอร์ท เมาน์เทน! เขาอาจจะไปที่ไหนล่ะ…? ฉันยังพยายามโทรหาสเตลล่าด้วยซ้ำ แต่ฉันก็ไม่สามารถติดต่อเธอได้เหมือนกัน! เมื่อฉันไปที่บ้านของเธอ มันก็ดูเหมือนว่าเธอย้ายออกไปแล้ว…เฮ้ คุณคิดว่าใครสามารถบอกได้บ้างว่าแซนเดอร์สันไปที่ไหน…?” มินดี้ถาม คนเดินผ่านคนนั้นเองก็ตกตะลึงที่รู้ว่าเธอยิงคำถามนั้นใส่เขาโดยตรง เมื่อมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นเขาก็ส่ายหัวของเขาก่อนจะวิ่งจากไป ช่างน่าเสียดายที่คนสวยเช่นนี้ฟังดูเหมือนคนวิกลจริตขนาดนี้ “นายหายไปที่ไหนกัน แซนเดอร์สัน…? นาย…นายพูดว่านายจะกลับมา…แล้วนายก็
ขณะที่ได้ยินเสียงไซเรนของรถพยาบาลดังแว่วมาจากระยะไกล มินดี้ก็พบว่าตัวเองค่อย ๆ หมดเสียสติไป “…แซน…เดอร์สัน…” ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มคนหนึ่งก็กำลังนั่งอยู่ในรถไฟด่วนก็จับหน้าอกของเขาไว้แน่นอย่างฉับพลัน ขณะที่เขาตัวสั่นขึ้นมา “เป็นอะไรไป?” หญิงสาวที่นั่งใกล้เขาถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง “…ไม่มีอะไร หัวใจของฉันรู้สึกแน่นขึ้นมากะทันหันน่ะ…ตอนนี้ความรู้สึกนั้นหายไปแล้ว ช่างแปลก…” ผู้ชายคนนั้นตอบกลับด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ บนใบหน้าของเขา จากนั้นเขาก็หันไปมองหญิงสาวคนนั้นก่อนจะพูดขึ้นมา “เมื่อเรื่องนี้พูดแล้ว เธอเอานี่ไป เมื่อเธอลงหลักปักฐานที่เมย์เบอร์รี่และได้งานทำที่นั่น พร้อมกับเงินในบัตรนี้ เธอก็จะสามารถใช้ชีวิตง่าย ๆ ไปตลอดชีวิตที่เหลือของเธอได้!” ขณะที่เขากล่าวไปแบบนั้น เขาก็ยื่นบัตรธนาคารให้หญิงสาวคนนั้น “ฉันไม่สามารถรับสิ่งนี้ไว้ เจอรัลด์! ตราบใดที่ฉันจัดการหางานได้ ชีวิตของฉันก็จะค่อนข้างจัดการได้ดีอยู่แล้ว! นาย ในทางกลับกัน นายจำเป็นต้องใช้เงินมากกว่าฉันอย่างแน่นอน!” หญิงสาวคนนั้นตอบกลับ ขณะที่เธอคืนบัตรนั้นให้เจอรัลด์ มันชัดเจนว่าหญิงสาวคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนาโอมิ
ไม่นานก่อนที่พวกเขาจะมาถึงที่สถานีรถไฟเมย์เบอร์รี่ หลังจากแอบใส่บัตรธนาคารไว้ในกระเป๋าเสื้อของเธอแล้ว เจอรัลด์จึงโบกรถแท็กซี่ให้เธอ เขาไม่ได้เป็นกังวลว่าเธอจะไม่สามารถใช้มัน เพราะเธอก็รู้อยู่แล้วว่ารหัสผ่านคืออะไร ตั้งแต่ย้อนกลับไปเมื่อพวกเขายังคงอยู่ในมหาวิทยาลัยกัน รหัสผ่านเองก็เป็นแค่วันเกิดของเขา “นายจะไม่มากับพวกเราเหรอ เจอรัลด์?” นาโอมิถาม ขณะที่เธอลดกระจกรถแท็กซี่ลง “ฉันจะอยู่ด้วยตัวเองตั้งแต่นี้ไป! ลาก่อน นาโอมิ!” เจอรัลด์ตอบกลับด้วยการโบกมือให้ขณะรถแท็กซี่เริ่มขับจากไป เธอยื่นหัวของเธอออกมาจากหน้าต่าง จากนั้นนาโอมิก็ตะโกนขึ้นมา “เจอรัลด์ ได้โปรด! ฉันไม่สนว่าพวกเราจะลงเอยด้วยการมีเงินมากมายหรือไม่! มาอยู่ด้วยกันและแต่งงานกันเถอะ! พวกเราจะหางานทำด้วยกันในเมืองเมย์เบอร์รี่ และจากที่นั่นพวกเราจะสามารถเลี้ยงตัวเองได้ดีในอนาคตได้! ฉันมั่นใจ! ถ้าเมย์เบอร์รี่ไม่ใช่ความชอบของนาย งั้น…งั้นก็ไปอยู่ชนบทกัน! พวกเราจะหาบ้านเล็ก ๆ สักหลังสำหรับพวกเราเอง…ตั้งหลักแหล่งกัน จากนั้นก็ใช้ชีวิตที่เหลือของเราอย่างพื้น ๆ และสบายใจ! นายได้ยินพวกนี้บ้างไหม?” “อะไรนะ? ฉันไม่ได้ยินเธอ! ยังไงซะ
ในขณะที่เขามาถึงล็อบบี้ของโรงพยาบาล หญิงสาวคนหนึ่งที่เพิ่งบังเอิญวิ่งมาทางเขาก็ดูเหมือนจะเสียการทรงตัว ขณะที่เธอข้อเท้าแพลง! ก่อนที่เธอจะล้มกระแทกพื้น อย่างไรก็ตามในพริบตาเดียว เจอรัลด์ก็จัดการจับเธอไว้ได้ทัน “โอ้มายก๊อด! นั่นช่างเป็นการรอดพ้นอย่างหวุดหวิด! ขอบคุณนะ คนหล่อ!” ผู้หญิงคนนั้นขอบคุณ ขณะที่เธอปัดผมให้เรียบทันที หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากเจอรัลด์ เมื่อมองไปที่เขา อย่างไรก็ตามเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าผู้ชายที่เพิ่งช่วยเธอจากโลกแห่งความเจ็บปวดนั้นรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อย แม้เขาดูลึกลับพอแล้วด้วยการสวมหน้ากากและหมวกแก๊ป แต่สายตาของเขาก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างแปลก ๆ ในขณะเดียวกัน นอกจากนี้ ชายหนุ่มเพียงตอบกลับด้วยการพยักหน้าเท่านั้นแทนที่จะพูดอะไรก็ตาม ขณะที่เธอสงสัยว่าเธอเคยพบเขามาก่อนหรือไม่ เจอรัลด์เองก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองเธอชั่วครู่เล็กน้อย ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็รู้ว่าเธอเป็นใคร “…พวกเรา…เคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า?” ผู้หญิงคนนั้นถามด้วยรอยยิ้ม ในการตอบสนอง เจอรัลด์ส่ายหัว “เข้าใจแล้ว… เอิ่ม ไม่ว่าจะยังไง ขอบคุณที่จับฉันไว้ทันนะคะ!” ผู้หญิงคนนั้นตอบกลับพร้อมกับหัว
เมื่อหรี่ตาของเขา ขณะที่เขามองชายหนุ่มคนนั้น ที่ค่อย ๆ เคลื่อนออกไปที่ละน้อย ตั้งแต่จรดเท้า จากนั้นเขาก็ตะโกนขึ้นมา “เฮ้นาย! หยุดอยู่ตรงนั้นก่อน!” เขาการยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ ขอทานหนุ่มคนนั้นหวาดกลัวมากจนเขาเริ่มตัวสั่นด้วยความตกใจกลัวทันที เขามีน้ำตาคลอเบ้าขณะที่เขาลดสายตาลงก่อนจะขอร้อง “ค ครับ…? ได้โปรดเถอะครับ คุณผู้ชาย…คุณช่วยเจียดเงินและอาหารให้ผมบ้างได้ไหม…? ผมขอร้องคุณ…” “…โยเอลเหรอ?” เจอรัลด์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเบา เมื่อได้ยินชื่อนั้น ขอทานคนนั้นจึงสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ขณะที่เขาเงยหน้าของเขาขึ้น ทันทีที่โยเอลมองเข้าไปในดวงตาของเจอรัลด์ ริมฝีปากของเขาก็เริ่มสั่นราวกับจะไม่มีวันพรุ่งนี้ “จ เจอรัลด์?” โยเอลถาม ขณะที่รู้สึกว่าน้ำตาของเขากำลังไหลอาบแก้ม เขาถอดหน้ากากออกด้วยความไม่เชื่อ เจอรัลด์จับไหล่ของโยเอลไว้ทันทีก่อนจะตอบกลับ “ใช่! ใช่ ผมเอง โยเอล!” “น้องชาย! งั้นนายก็ยังคงมีชีวิตอยู่สินะ!” โยเอลกล่าวขณะที่ไม้เท้าของเขาตกลงกับพื้น “ผมเอง…โยเอล…คุณลงเอยเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน…?” เจอรัลด์ถามด้วยความช็อก อย่าลืมว่าโยเอลเคยที่เขาเคยรู้จักนั้นมีเสน่ห์และร่ำรวยมากในตอ
ในทางกลับกัน เกสท์ถูกบอกกล่าวให้ยังคงอยู่ในจังหวัดซอลฟอร์ดด้วยกันกับผู้เชี่ยวชาญเจนคินสัน หลังจากการปฏิบัติการชุยเลอร์ทั้งหมดนั้น ท้ายที่สุดแล้ว เจอรัลด์ก็เห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่เกสท์จะติดตามเขามาจนถึงเมืองเมย์เบอร์รี่ นอกจากนี้ การที่เกสท์กลับบ้านไปอย่างปลอดภัยดี เจอรัลด์รู้ว่าเขาก็มีที่พักพิงที่เชื่อถือได้ในจังหวัดซอลฟอร์ด ซึ่งเขาสามารถล่าถอยไปได้หากสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามที่คาด เอาตามตรงมันก็เป็นที่พักพิงเดียวที่เขาเหลือ ถ้ามีช่วงเวลาที่ตระกูลเวสลีย์ถูกเปิดเผยขึ้นมา เจอรัลด์รู้ถึงความจริงว่าเขาจะไม่มีที่ไหนให้ขอหลบภัยได้ เมื่อโมลเดลตามกลิ่นเขาเจอ อย่าลืมว่าเขาก็ฆ่าโมลเดลสี่คนในตอนที่อยู่จังหวัดซอลฟอร์ด แม้เขามั่นใจว่าโมลเดลจะไม่ฆ่าเขาอย่างง่ายดายก็ตาม แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าตระกูลของพวกเขานั้นมีอำนาจอย่างมาก เจอรัลด์รู้เป็นอย่างดีว่าเขาไม่ควรคิดที่จะจัดการกับโมลเดลด้วยตัวเขาเองด้วยซ้ำ มันจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมตอนนี้เขาถึงพิจารณาอย่างรอบคอบในทุก ๆ การเคลื่อนไหวที่เขากำลังจะทำ หลังจากการจัดเตรียมการเดินทางของโยเอลเพื่อไปจังหวัดซอลฟอร์ด เจอรัลด์จึงมุ่งหน้าไปยังเมาน์เ