เมื่อประตูหอคอยถูกเลื่อนลง เจอรัลด์ก็อดไม่ได้ที่จะมองสำรวจไปรอบ ๆ และพยายามรวบรวมสติและสมาธิของเขา อย่างไรก็ตาม ความมืดมิดทำให้เขามองอะไรไม่เห็นเลย... ขณะที่เจอรัลด์กำลังสงสัยว่าจะทำอย่างไรต่อไป ก็มีลำแสงปรากฏขึ้นจากหอคอย! เมื่อมันสว่างขึ้นเรื่อย ๆ แสงที่เจิดจ้านั้น ก็ชวนให้นึกถึงกองไฟที่โหมกระหน่ำ... อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากนั้นชายคนหนึ่งที่สวมชุดสีขาวก็เดินออกมาจากแสงสว่าง... เมื่อเห็นอย่างนั้น เจอรัลด์ก็ถามทันที “…แล้วคุณคือ?” “ฉันคือเทพเจ้าแห่งแอสตรอล ทราเวลเลอร์ ในทวีปไลคอม และที่เธอกำลังเห็นอยู่ในขณะนี้ คือวิญญาณบรรพกาลร่างสุดท้ายที่ฉันทิ้งไว้ในหอคอยเทวาลัย ฉันถูกเรียกโดยการมาถึงของเธอ!” วิญญาณบรรพกาลอธิบาย ขณะที่มันจ้องมองไปที่เจอรัลด์ “คุณคือเทพเจ้าแห่งแอสตรอล ทราเวลเลอร์งั้นเหรอ? และคุณหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าผมเป็นคนเรียกคุณออกมา?” เจอรัลด์ตอบด้วยความตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างกะทันหัน ประการหนึ่ง เขาไม่ได้คาดคิดว่าคนตรงหน้าจะเป็นวิญญาณบรรพกาลของเทพเจ้าแห่งแอสตรอล ทราเวลเลอร์… เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น เทพเจ้าแห่งแอสตรอล ทราเวลเลอร์ก็หัวเราะคิกคักและยื่นม
เขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องแปลกที่ชะตากรรมของโลกจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาอย่างไม่คาดคิดเช่นนี้ “…เอาล่ะ แต่… ทำไมต้องเป็นผมด้วยล่ะครับ?” เจอรัลด์ถาม “นั่นก็เป็นเพราะว่ามีเจตจำนงที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกายของเธอแต่โบราณมาแล้ว หากเธอพัฒนาเจตจำนงนั้นได้อย่างเหมาะสม เธอก็จะสามารถต้านทานมาสรัสได้อย่างแน่นอน! ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเป็นความหวังสุดท้ายของโลกอย่างแท้จริง!” เทพเจ้าแห่งแอสตรอล ทราเวลเลอร์ อธิบายด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่น เมื่อเห็นว่าคำพูดของเขาฟังดูสมเหตุสมผล เจอรัลด์จึงตอบว่า "...แล้วผมจะพัฒนาเจตจำนงนั้นได้อย่างไรล่ะครับ?" เมื่อได้ยินเช่นนั้น เทพเจ้าแห่งแอสตรอล ทราเวลเลอร์ ก็ประสานมือของเขาเข้าด้วยกัน ทันใดนั้น ม้วนคัมภีร์ม้วนหนึ่งก็ปรากฏขึ้น... หลังจากที่รับม้วนคัมภีร์มาแล้ว เจอรัลด์ก็สังเกตเห็นว่ามีช่องบางอย่างอยู่ในนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาต้องใช้บางอย่างสอดเข้าไปในช่องนั้นเพื่อเปิดม้วนคัมภีร์... “นั่นคือคัมภีร์แห่งดวงดาว… เธอจะต้องใช้อัญมณีมาปลดล็อก เพื่อค้นหาความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้น หลังจากนั้น เธอก็จะเริ่มพัฒนาเจตจำนงที่แฝงอยู่ในร่างกายของเธอได้ แต่จงรู้เอาไว้ว่ายัง
เมื่อรู้สึกถึงพลังอันมหาศาลที่พุ่งเข้าสู่น้ำอมฤตแห่งชีวิตของเขา เจอรัลด์จึงรีบนั่งลงบนพื้นและเริ่มนั่งสมาธิ หลังจากที่หลับตาลง เจอรัลด์ก็พยายามควบคุมพลังอันมหาศาลในร่างกายของเขาให้เสถียร... แต่เขาก็ต้องประหลาดใจที่เขาไม่สามารถควบคุมมันได้เลย! ด้วยความรู้สึกกังวลชั่วขณะ จู่ ๆ เจอรัลด์ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ 'เดี๋ยวก่อน ฉันมีแอปเปิลแห่งสวรรค์อีกหลายลูกไม่ใช่เหรอ?' เจอรัลด์หยิบแอปเปิลลูกหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บของของเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็กัดแอปเปิลไปหนึ่งคำ ทันใดนั้น ร่างกายของเขาก็รู้สึกเย็นและสดชื่นขึ้นมาทันที! สำหรับพลังที่เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ เขารู้สึกได้ว่ามันไม่ได้พลุ่งพล่านในร่างกายของเขาอีกต่อไปแล้ว… กล่าวอีกนัยหนึ่ง เจอรัลด์สามารถบรรลุจิตวิญญาณระดับเก้าของอาณาจักรแห่งนักปราชญ์ได้สำเร็จ! ในที่สุดเขาก็ก้าวเข้าสู่จิตวิญญาณระดับที่หนึ่งแห่งอาณาจักรอวตาร์แล้ว! ด้วยร่างกายของเขาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง เจอรัลด์สามารถสัมผัสได้ว่าเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก “ขอแสดงความยินดีที่เธอก้าวเข้าสู่อาณาจักรอวาตาร์ได้สำเร็จ เจอรัลด์ ตอนนี้เธอมีพลังที่จะเข้าสู่โหมดร่างเทพทำลายล้าง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ปรมาจารย์ทั้งสี่ก็หันไปมองคณบดีซุเมรุ ขณะที่เขาพยักหน้าตอบเจอรัลด์ “ตอนนี้เธอก็รู้ทุกอย่างแล้ว… นั่นก็หมายความว่าเธอเป็นคนที่ถูกลิขิตไว้จริง ๆ! เพราะฉะนั้นแล้ว เธอพร้อมที่จะรับภาระหน้าที่นั้นแล้วหรือยัง เจอรัลด์?” คณบดีถามขณะจ้องมองเจอรัลด์ด้วยสายตาที่มุ่งหวัง "พร้อมครับ! หลังจากที่ผมได้ใช้เวลาครุ่นคิดอยู่สักพัก ผมคิดว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการค้นหาอัญมณีเรืองแสงให้เจอ!” เจอรัลด์ตอบด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว เขาให้ความสำคัญกับเรื่องของอัญมณีเป็นอันดับแรก เนื่องจากเขาต้องใช้มันในการเปิดคัมภีร์แห่งดวงดาว หลังจากนั้น เจอรัลด์หวังว่าเขาจะสามารถพัฒนาเจตจำนงที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของเขาได้อย่างรวดเร็วเพื่อที่จะยืนหยัดต่อสู้กับมาสรัส เทพเจ้าปีศาจที่จะปรากฏตัวในอีกสามร้อยวันข้างหน้านี้ “เธอจะทำอะไรก็ได้ตามที่ใจเธอต้องการ แต่โปรดจำไว้ว่านาฬิกานั้นเดินอยู่ตลอดเวลา หากเธอไม่สามารถค้นหาอัญมณีได้ภายในเวลาสามร้อยวัน สิ่งเดียวที่รอโลกของเราอยู่ก็คือความพินาศ!” คณบดีซุเมรุเตือนเจอรัลด์ “ผมเข้าใจแล้วครับ ท่านอาจารย์! นอกจากนี้ เพื่อเร่งการค้นหาให้เร็วยิ่งขึ้น ผมกำลังคิด
“…ฉันยินดีที่จะเข้าร่วมทีมกับคุณ เจอรัลด์! ฉันจะคอยติดตามคุณไปในทุก ๆ ที่!” โนริประกาศหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ผมด้วยครับคุณคลอฟอร์ด!” “เราทุกคนเต็มใจที่จะเข้าร่วมทีมกับคุณ!” เมื่อเห็นว่าโนริตอบรับเจอรัลด์แล้ว เซลิก ไซริล และเรย์ก็ตัดสินใจทำแบบเดียวกัน เมื่อได้ยินคำตอบที่กระตือรือร้นของพวกเขา เจอรัลด์ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประทับใจ หากจะให้พูดตามตรง เขาแอบคิดว่าคงไม่มีใครอยากจะไปกับเขา ท้ายที่สุด ทั้งสี่คนก็เพิ่งรู้จักเขาได้ไม่นาน เมื่อคำนึงถึงเรื่องนี้ เจอรัลด์จึงรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องที่มากเกินไปที่จะขอร้องให้ทุกคนไปเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเขา ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดเห็นพ้องต้องกันโดยไม่ต้องคิดอะไรมากมาย มันแสดงให้เจอรัลด์เห็นว่าพวกเขาเห็นเจอรัลด์เป็นเพื่อนอย่างแท้จริง ในความเป็นจริง มันยังแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไว้วางใจในตัวเจอรัลด์มากแค่ไหน “…ขอบคุณ…พวกคุณทุกคน แม้ว่าผมอยากจะอยากซาบซึ้งและตอบแทนน้ำใจของทุกคนในตอนนี้ แต่เราก็ไม่มีเวลามากนัก อย่างที่บอกไป พวกคุณรีบไปเก็บข้าวของเถอะ! เราจะออกเดินทางในอีกสองชั่วโมง!” เจอรัลด์ประกาศ เนื่องจากเวลาเป็นสิ่งที่มีค่า ยิ่งพวกเขาเก็บข้า
เซาท์ เวสท์แลนด์เป็นสถานที่ที่มหัศจรรย์อย่างน่าเหลือเชื่อ… ไม่มีใครคาดคิดว่าแม้กระทั่งแสงจันทร์ก็ยังสาดส่องเข้ามาไม่ถึงที่นี่! ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก! ถึงกระนั้น พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นได้ ด้วยเหตุนี้ เจอรัลด์และทุกคนจึงได้แต่นั่งอยู่ที่นั่นต่อไป ขณะที่พวกเขาจ้องมองไปที่ดวงจันทร์ที่สว่างไสวและสวยงาม... ในเวลาต่อมา เรย์ที่กำลังตรวจสอบพื้นที่บริเวณนั้นก็ตะโกนขึ้นมาว่า “…พี่คลอฟอร์ด มาทางนี้เร็วเข้า! มีแผ่นหินบางอย่างอยู่ตรงนี้!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์และอีกสามคนก็วิ่งไปหาเรย์ทันที ตามคำพูดของเขา ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดเห็นแผ่นศิลาจารึกแผ่นหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าพวกเขา... เจอรัลด์ใช้มือเช็ดฝุ่นหนาออกจากศิลาจารึกแผ่นนั้น และสังเกตเห็นว่ามีคำอยู่สองสามคำสลักไว้บนแผ่นศิลา เจอรัลด์หรี่ตาเพื่อมองดูมันใกล้ ๆ แล้วอ่านว่า “อสูรแห่งเซาท์ เวสแลนด์!” ทันทีที่เจอรัลด์อ่านข้อความนั้น เสียงคำรามที่โกรธเกรี้ยวและเสียดหูก็ดังมาจากด้านบน! ขณะที่เสียงคำรามยังคงดังก้องไปทั่วเซาท์ เวสแลนด์ ก็มีเสียงระเบิดดังตามมา! หลังจากนั้น ทุกคนก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจขณะที่ร่า
สิงโตยังคงคำรามอย่างต่อเนื่อง ขณะที่มันพุ่งตรงไปหาเจอรัลด์ จากนั้นมันก็กระโจนใส่เขาอย่างเต็มแรงด้วยน้ำหนักที่มหาศาลของมัน! แน่นอนว่าเจอรัลด์ไม่มีทางปล่อยให้มันมีโอกาสทำเช่นนั้นได้! เจอรัลด์ไถลเข้าไปใต้ท้องของสิงโตอย่างช่ำชอง โดยใช้ฝ่ามือตบเข้าที่ท้องของมัน มันถึงกับตกตะลึงทันที ก่อนที่ร่างของมันจะลอยกระเด็นออกไป! ขณะที่เขามองร่างของสิงโตที่กระเด็นออกไป เจอรัลด์ก็สรุปได้ว่าถึงแม้มันจะมีขนาดใหญ่ แต่ด้วยน้ำหนักตัวที่มหาศาลของมัน มันจึงไม่มีทางที่จะเทียบกับความเร็วของเจอรัลด์ได้ อย่างไรก็ตาม เจอรัลด์ไม่ได้มีเจตนาที่จะปลิดชีพมันแต่อย่างใด ตรงกันข้าม เขากำลังคิดที่จะฝึกฝนมัน ท้ายที่สุด เจอรัลด์เองก็คิดอยากจะมีสิงโตตัวใหญ่มาอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของเขา วินาทีที่ร่างของสิงโตกระแทกกับพื้น มันก็กลิ้งไปอีกสองสามตลบก่อนที่จะหยุดในที่สุด มันสลัดขนของมันขณะที่พยายามจะทรงตัว จากนั้นมันก็หันไปเผชิญหน้ากับเจอรัลด์ และจ้องมองเขาพร้อมกับคำรามอย่างดุเดือด แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์ร้าย แต่มันก็ไม่ได้โง่ มันตระหนักดีว่ามันไม่สามารถเอาชนะเจอรัลด์ได้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมมันจึงไม่กล้าโจมตีเขาอย่างบุ่ม
อย่างน้อยที่สุด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้ทั้งห้าคนตกตะลึง ใครจะไปคิดว่ามังกรเขียวตัวเล็ก ๆ จะแข็งแกร่งพอที่จะทำให้สิงโตตัวใหญ่ยอมจำนนได้! “มังกรตัวนั้นต้องมีเอกลักษณ์อันทรงเกียรติอย่างมาก! ไม่เช่นนั้น มันคงไม่สามารถข่มขู่สิงโตตัวนั้นได้แม้มันจะตัวเล็กมากก็ตาม!” เรย์พูด ขณะที่เขาเดินไปหาเจอรัลด์ หลังจากนั้น พวกเขาก็เฝ้าดูมังกรส่งเสียงร้องเล็ก ๆ ของมันออกมาก่อนที่จะบินกลับไปหาเจอรัลด์ จากนั้นมันก็จ้องมองเขาพร้อมกับโยกตัวไปมา เมื่อตระหนักว่ามันกำลังพยายามขออะไรบางอย่างจากเขา เจอรัลด์จึงเดาได้ไม่ยากว่ามันต้องการอะไร เจอรัลด์ส่ายหัวและพูดว่า "ฉันเข้าใจแล้ว แกต้องการแอปเปิลแห่งสวรรค์ใช่ไหม? เอาล่ะ ฉันจะให้แกหนึ่งอันนะ!” ด้วยเหตุนี้ เจอรัลด์จึงหยิบแอปเปิลแห่งสวรรค์หนึ่งผลออกมาจากแหวนเก็บของของเขา ก่อนที่จะมอบให้มังกรน้อย อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ามังกรจะไม่พอใจกับแอปเปิลเพียงลูกเดียว มันยังคงขยับตัวไปมาไม่หยุด จากนั้นมังกรก็สลับการจ้องมองระหว่างเจอรัลด์กับสิงโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อเข้าใจว่ามังกรต้องการให้เขามอบแอปเปิลแห่งสวรรค์ให้กับสิงโตด้วย เจอรัลด์จึงลังเลเล็กน้อย ถึงกระนั้นเขาก