ในขณะที่เจอรัลด์มองยูล ซึ่งเพิ่งคุกเข่าต่อหน้าเขาด้วยความสงสัย ยูลจึงอธิบายว่า “ไม่เพียงแต่ท่านจะเป็นผู้มีพระคุณของทั้งผมและน้องสาวของผมแล้ว แต่ท่านยังเป็นผู้ที่มีความสามารถที่โดดเด่นอีกด้วย! จากที่กล่าวมา ผมจึงอยากขอให้ท่านช่วยมาปกป้อง และเป็นแขกผู้มีเกียรติของครอบครัวแควนท็อคครับ!” แม้ว่าแควนท็อคจะเป็นหนึ่งในครอบครัวลึกลับ แต่พวกเขาก็ยังไม่มีผู้อุปถัมภ์ในตอนนี้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงถูกขับออกจากเมืองเจนน่าในตอนแรก ยูลจำได้ว่าเขาเคยได้ยินว่ามีคนกลุ่มหนึ่งที่มีความสามารถเกินระดับของนักสู้ที่เก่งกาจทั่วไป และหลังจากได้เห็นทักษะของเจอรัลด์แล้ว เขาก็แน่ใจว่าอาจารย์ของเขาต้องเป็นหนึ่งในนั้น หากครอบครัวของเขามีคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาคอยให้การสนับสนุน ตระกูลแควนท็อคจะต้องแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม และก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วแน่นอน หากเขาโชคดี ข้อตกลงของเจอรัลด์จะนำการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ และเป็นผลดีมาสู่อนาคตของครอบครัวเขาอย่างแน่นอน เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะถามว่า “แขกผู้มีเกียรติงั้นเหรอ…?” “ความจริงแล้ว สิ่งที่ผมคาดหวังคือให้ท่านตกลงที่
ซีลอน ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างหน้า เริ่มสงสัยขึ้นมาทันที เมื่อเขาเห็นว่าเจอรัลด์อายุน้อยเพียงใด ท้ายที่สุด แม้ว่าลูกชายของเขาจะเรียกเจอรัลด์ว่า 'อาจารย์' ตลอดเวลา แต่ซีลอนก็มองชายหนุ่มคนนั้นเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากคนธรรมดาทั่วไปเท่านั้น ลูกชายของเขาอาจเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า…? แต่ถึงแม้ว่าซีลอนจะคิดเช่นนั้น แต่เขายังคงจับมือทักทายกับเจอรัลด์อย่างเป็นมิตรเพื่อแสดงความขอบคุณ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้พูดคุยกับเจอรัลด์ไม่นาน ซีลอน ซึ่งเป็นผู้อาวุโสของครอบครัว ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดูถูกเขาอยู่บ้างเล็กน้อย หลังจากที่ทุกคนทานอาหารเสร็จแล้ว ซีลอนก็พาเจอรัลด์ อาจารย์คนใหม่ของตระกูล และทุกคนไปเดินเล่นรอบคฤหาสน์ ในระหว่างมื้ออาหาร ซีลอนได้พูดถึงหินขนาดใหญ่ และแข็งแรงที่เรียกว่าเซคเทอไรท์ และเห็นได้ชัดว่าเขากระตือรือร้นที่จะแสดงมันให้ทุกคนได้เห็น เมื่อพวกเขาเดินมาถึงหินก้อนดังกล่าว ซีลอนก็หัวเราะออกมา ก่อนจะประกาศว่า “นี่คือ หินเซคเทอไรท์ที่ผมพูดถึง น้องชายเจอรัลด์! อย่างที่ผมบอก มันเป็นหินที่แข็งที่สุดในบรรดาสวรรค์และโลก! ด้วยเหตุนี้ ผมจึงนำมันติดตัวไปด้วยทุกที่ ไม่ว่าจะย้ายไปอยู
เมื่อได้ยินคำตอบของเจอรัลด์ ดวงตาของพวกแควนท็อคทั้งหมดก็เบิกกว้างทันทีด้วยความโกรธเกรี้ยว "นี่คุณ…!" ซีลอนคำราม ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัวยิ่งนัก “…ในเมื่อคุณพูดแบบนั้น ก็แสดงว่าคุณสามารถแยกหินได้ใช่หรือไม่ น้องเจอรัลด์? ถ้าเป็นเช่นนั้น โปรดช่วยเปิดโลกทัศน์ของเราให้กว้างขึ้นทีเถอะ…!” ชายชราอีกคนพูดเสริม ขณะที่เขาและทุกคนในกลุ่มกัดฟันด้วยความโกรธ "แน่นอนผมทำได้ ก็แค่ทำให้หินแตก มันจะไปยากอะไร?” เจอรัลด์ถามก่อนที่จะส่ายหัวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับเซคเทอไรท์คือ มันสามารถต้านฟ้าผ่าได้ เนื่องจากมันมีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกัน เพื่อความชัดเจนยิ่งขึ้น มีวัตถุทางจิตวิญญาณหลายอย่างที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติระหว่างสวรรค์และโลก จากที่กล่าวมา วุตถุเหล่านั้นจะมีความสามารถในการต้านทานตามองค์ประกอบที่มันได้รับมา ทั้งนี้ทั้งนั้น เวทมนตร์จะสามารถทำลายเซคเทอไรท์ได้ เนื่องจากมันมีพลังที่เหนือกว่าสายฟ้าทั่วไป!” เจอรัลด์อธิบาย “เจ้าเด็กโง่! แกกล้าโอ้อวดเรื่องไร้สาระอย่างศิลปะเวทมนตร์ได้อย่างไร้ยางอายยิ่งนัก!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งตอบโต้ เนื่องจากรับไม่ได้ในความ
ในขณะที่สมาชิกครอบครัวแควนท็อคกำลังคุกเข่าต่อหน้าเจอรัลด์ ชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเข้าร่วมในงานเทศกาลก็ปรากฏตัวต่อหน้าชายวัยกลางคน ในห้องทำงานของคฤหาสน์เลดเลอร์ “บอกพ่อมาสเต็ดสัน ความสัมพันธ์ของลูกกับลูกสาวคนโตของตระกูลแวดดี้เป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้?” ชายวัยกลางคนถาม “ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของผมแล้วครับ คุณพ่อ! ด้วยความที่ซีเรียลหลงใหลในตัวผมมาก แล้วมันจะมีปัญหาอะไรในการตามจีบเธออีกล่ะครับ!” สเต็ดสันตอบพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย “ฮ่าฮ่าฮ่า! ดีมาก สเต็ดสัน! เดิมทีพวกแวดดี้เองก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก และพลังที่หนุนหลังพวกเขาก็ไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด พ่อเชื่อว่าลูกจะสามารถจัดการกับทุกอย่างได้ และหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน เราจะสามารถใช้ความสัมพันธ์ของลูกกับกับตระกูลแวดดี้ เพื่อส่งให้เลดเลอร์ได้ก้าวไปสู่ชัยชนะในที่สุด! นอกจากนี้ ลูกควรจะเคร่งครัดเรื่องการฝึกฝนอยู่เสมอ เทศกาลใต้ดินจะจัดขึ้นในอีกสองวัน และครอบครัวของเราจะต้องได้รับตำแหน่งผู้ชนะในปีนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!” คุณเลดเลอร์สั่ง เมื่อได้ยินเช่นนั้น สเต็ดสันก็ตอบทันทีว่า “ครับพ่อ! แต่ว่า…" "…อืม? มีอะไรเหรอ?" คุณเลดเลอร์ถาม “เ
ไม่ว่าในกรณีใด ยาคอฟเชื่อในความเข้าใจและการรับรู้ของลูกสาวของเขา จากที่กล่าวมา เขามั่นใจว่าเธอจะไม่ตกหลุมรักผู้ชายอย่างเจอรัลด์อย่างแน่นอน “พ่อเข้าใจ… ไม่เป็นไรหรอก พ่อสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างลูกเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แต่พ่อก็หวังว่าลูกจะเข้าใจว่าในที่สุดลูกก็ต้องลงเอยด้วยการแต่งงานกับสเต็ด… เพราะเขาเป็นคนที่มีอนาคต! เมื่อเข้าใจแล้ว พ่อก็หวังว่าลูกจะเตรียมใจให้พร้อมสำหรับสิ่งนั้น…” ยาคอฟกล่าว เนื่องจากซีเรียลไม่มีท่าทีที่จะต่อต้านความคิดของเขา ยาคอฟจึงออกจากห้องไปอย่างสบายใจ หลังจากที่ซีเรียลเฝ้าดูพ่อของเธอเดินจากไป เธอก็รู้สึกใจสั่นขณะที่พึมพำว่า “…เจอรัลด์…” พ่อมาที่นี่เพื่อที่จะบอกเธอเรื่องนั้นเองเหรอ... ขณะที่เธอพึมพำชื่อของเขาด้วยความรู้สึกเสียดาย เธอแทบจะจินตนาการร่างของเขาในความคิดของเธอได้... อีกสองวันต่อมา เทศกาลใต้ดินก็ดำเนินไปตามกำหนดการณ์ ในวันนั้นเอง ครอบครัวที่มีชื่อเสียงและอิทธิพลจากทั่วทุกมุมโลกต่างมารวมตัวกันที่สถานที่จัดงาน แน่นอนว่ามีแขกจำนวนมากที่มาร่วมอย่างลับ ๆ หลังจากได้รับบัตรเชิญพิเศษ พวกเขาทุกคนเดินทางมาที่นี่ เนื่องจากพวกเขารู้ข้อมูลจากเทศ
ด้วยเหตุนี้ เจอรัลด์จึงตามซาเวอรี่ไป ขณะที่เธอเดินนำเขาไปที่ไหนสักแห่ง… แต่แล้วเขาก็ต้องรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าเธอต้องการให้เขาช่วยอุ้มนกแก้ว โดยปกติแล้ว นกแก้วจะรู้วิธีเลียนแบบคำพูดของมนุษย์ได้อย่างชัดเจน แต่นกแก้วตัวนี้กลับไม่พูดอะไรสักคำเมื่อมาถึงที่นั่นด้วยเหตุผลบางประการ เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่ายาโกรรอคก็กลัวเจอรัลด์ ซาเวอรี่จึงอนุมานได้ว่านกตัวนี้จะต้องหวาดกลัวเกินกว่าจะพูดต่อหน้าเจอรัลด์เช่นกัน! ด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงขอร้องให้เขาช่วยแบกมัน ด้วยความที่เขาไม่ต้องการให้ซาเวอรี่กวนใจเขาอีกต่อไป เจอรัลด์เพียงแค่ส่ายหัวกับความคิดของเธอ ก่อนที่จะตกลงช่วยเหลือเธอในที่สุด “ว่าแต่ ฉันไม่คิดเลยว่านายจะไปสนิทสนมกับพวกแควนท็อคแบบนั้น! ไม่ว่ายังไง ครั้งนี้ฉันต้องขอบคุณนายด้วยนะเจอรัลด์! แต่ที่ฉันเรียกนายมาก็ไม่ใช่เพราะนกแก้วตัวนี้อย่างเดียวหรอกนะ…” ซาเวอรี่พูดหลังจากที่ทั้งคู่ลงมายังพื้นที่จัดงานใต้ดิน "โอ้? เธอหมายความว่าอย่างไรเหรอ?" เจอรัลด์ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “นายอาจจะยังไม่รู้เรื่องนี้ แต่ตระกูลแควนท็อคกับตระกูลแวดดี้มีเรื่องผิดใจกันมาได้ระยะหนึ่งแล้ว… สิ่งที
แม้ว่ายาคอฟจะพึมพำกับตัวเองอย่างเป็นกังวล แต่แววตาของซีเรียลกลับเปล่งประกายไปด้วยความรู้สึกชื่นชม ขณะที่เธอมองไปที่สเต็ดสัน หลังจากได้เห็นการต่อสู้ทั้งหมดของเขาแล้ว เธอก็รู้สึกราวกับว่าในที่สุดเธอก็เห็นอะไรบางอย่างในตัวของชายคนนี้ ตามที่หมอดูทำนายไว้ สเต็ดสันมีทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง และไม่มีคนธรรมดาคนไหนเทียบเขาได้เลย... ในทางกลับกัน ซาเวอรี่กำลังมองเจอรัลด์ด้วยสายตาที่ดูถูกเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดว่า “แม้ว่าสเต็ดสันจะหยิ่งยโส แต่เขาก็ยังหล่อเหลาอย่างปฏิเสธไม่ได้! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมซีเรียลถึงตกหลุมรักเขา! ถึงฉันจะสงสัยว่านายคงจะรู้สึกอิจฉาที่ได้ยินฉันพูดอย่างนั้น! ท้ายที่สุด ฉันก็ค่อนข้างแน่ใจว่านายคงจะตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว! แต่น่าเศร้าที่สเต็ดสันมีทั้งความแข็งแกร่งและชื่อเสียงที่ยากจะหาใครเทียบได้! นายหมดโอกาสเสียแล้วเจอรัลด์!” เจอรัลด์เพียงแค่กระแอมพร้อมกับพยักหน้าเป็นการตอบสนอง ดูเหมือนเขาจะหมกมุ่นอยู่กับบางสิ่งบางอย่างตลอดเวลา เขาเฝ้าสังเกตการต่อสู้แต่ละครั้งอย่างใจจดใจจ่อ และสงสัยว่าจะมีใครที่แข็งแกร่งกว่าสเต็ดสันปรากฏตัวขึ้นหรือไม่ ท้ายที่สุดแล้ว นี่เป็นเทศ
“…เขาเป็นใครกัน…?!” หลายคนตะโกนด้วยความงุนงง ในขณะที่อีกหลายคนยังคงกรีดร้องอย่างหวาดผวา สเต็ดสันเองก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง ในขณะที่เขาสำรวจชายชราตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะพูดว่า “นี่… นี่แกเองเหรอ! แกยังไม่ตายอีกเหรอ คาร์ลอส?!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ยาคอฟก็เอามือกุมแก้มที่บวมของเขาทันที จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนและจ้องมองไปที่ชายชราก่อนจะพึมพำว่า “…คะ คาร์ลอส…? เจ้าแห่งความตาย…?!” แม้แต่ฟินเนแกน เลดเลอร์ ซึ่งเป็นหัวหน้าของตระกูลเลดเลอร์ ก็ยังต้องรีบยืนขึ้นทันทีเมื่อเขารู้ว่าชายชราคนนั้นเป็นใคร ฟินเนแกนหันขวับไปมองลูกชายอย่างประหม่า ก่อนจะตะโกนว่า “สะ สเต็ดสัน! ตรงนั้นอันตรายเกินไป! รีบถอยออกมา!" ซีเรียลเองก็มองไปที่สเต็ดสันอย่างเป็นกังวล เธอค่อนข้างจะเป็นห่วงความปลอดภัยของเขา “ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับพ่อ! ในเมื่อมันแสดงตัวออกมาแล้ว วันนี้ผมจะกำจัดไอ้วายร้ายที่เหี้ยมโหดให้สิ้นซาก!” สเต็ดสันตอบกลับ ขณะที่รอยยิ้มบาง ๆ เริ่มก่อตัวขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ที่ตอนนี้เขาได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง "ช่างน่าทึ่ง! น่าทึ่งเหลือเกิน! ฮ่าฮ่าฮ่า
พวกเขาได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วในตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่มีใครหรือรถคันอื่นใดอยู่รอบ ๆ เลยแม้แต่คันเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ยังอยู่ในรถเพียงลำพังด้วยนั่นหมายความว่าสถานการณ์ที่ผู้เฒ่าฟลินท์พบกับอุบัติเหตุนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่งในวิดีโอที่ได้จากกล้องวงจรปิดนั้นแสดงให้เห็นว่ารถของผู้เฒ่าฟลินท์ลื่นไถลและหลุดการควบคุมไปเองในทันทีเจอรัลด์และเรย์ได้รับการปล่อยตัวในช่วงบ่ายนั้นเองพวกเขานั่งแท็กซี่กลับไปที่สำนักงานระหว่างทางกลับ เรย์มองเจอรัลด์ด้วยสีหน้างุนงงอย่างหนักแล้วถามว่า “เจอรัลด์ คุณคิดเห็นยังไงกับการตายของผู้เฒ่าฟลินท์?เขาตายได้ยังไง?”ใบหน้าของเจอรัลด์เคร่งเครียดมาก เขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็มั่นใจว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดาแน่นอน“นี่หมายความว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดยังไม่ตายเหรอ?”วินาทีต่อมา ความคิดอันบ้าบิ่นก็ผุดขึ้นในใจของเรย์เจอรัลด์รู้สึกว่าการคาดเดานี้เป็นไปได้น้อยมาก นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดตายไปต่อหน้าต่อตาเขาเอง แล้วเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?“เรากลับก่อนเถอะ บางทีมันอาจจะเป็นแค่อุบัติเหตุจริง ๆ ก็ได้!”เจอรัลด์บอก
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เจอรัลด์และเรย์ยังคงหลับอยู่ กริ่งที่ประตูก็ปลุกพวกเขาให้ตื่นเรย์เดินออกจากห้องไปที่ประตูในลักษณะกึ่งหลับกึ่งตื่นแล้วเปิดประตูออกเมื่อประตูถูกเปิดออก เขาก็ได้เห็นชายสองสามคนซึ่งกำลังสวมเครื่องแบบยืนอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นตราบนเครื่องแบบของพวกเขา พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้มาจากรัฐบาลกลาง“ขออภัย คุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ดและคุณเรย์ เลห์ตันอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาถามเรย์พยักหน้าและตอบว่า “ผมนี่แหละเรย์ มีอะไรเหรอ?""พาเขาออกไป!"เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเรย์ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็สั่งคนของเขา และทันใดนั้นเอง เจ้าหน้าที่อีกสองคนก็เข้ามาคว้าแขนของเรย์แล้วลากเขาออกไปข้างนอก"เฮ้ย! นี่มันอะไรกัน?!"เรย์ตะโกนทันทีความโกลาหลดังกล่าวทำให้เจอรัลด์ จูโน่ และโนริตื่นขึ้นพวกเขาออกจากห้องอย่างรวดเร็ว"คุณเป็นใคร?"เมื่อเจอรัลด์ออกมา เขาก็มองดูเจ้าหน้าที่พวกนั้นด้วยความประหลาดใจและเอ่ยถามขึ้น“คุณคงเป็นคุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ด เรากำลังสงสัยว่าคุณเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรม สารวัตรเลค หรือที่รู้จักกันในชื่อผู้เฒ่าฟลินท์ ดังนั้นเราต้องการนำคุณไปสอบ
ในเวลาเดียวกัน หมอกควันสีทมิฬของเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ล้อมรอบกายของชายชราเอาไว้หลังจากนั้นไม่นาน หมอกควันสีทมิฬดังกล่าวก็ดูดกลืนวิญญาณและพลังงานของชายชราไป ทำให้ชายกลายเป็นศพแห้งกรังเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกสิ่งนี้ทำให้เอ็มเบอร์ลอร์ดตระหนกเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้คาดหวังให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่คิดแล้วว่าชายชราจะมาสกัดกั้นการโจมตีจากเจอรัลด์แทนเขาแบบนี้“เอ็มเบอร์ลอร์ด คุณฆ่าคนบริสุทธิ์อีกแล้ว!”เจอรัลด์ตะโกนใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดด้วยความโกรธเมื่อพูดเช่นนั้น เจอรัลด์จึงตัดสินใจใช้ทักษะต้องห้ามของตัวเองเพื่อทำลายเอ็มเบอร์ลอร์ดให้สิ้นซากในขณะนี้เอ็มเบอร์ลอร์ดเสียสติไปแล้ว เขายืนนิ่งไม่ขยับ ราวกับสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองไป “วิชาทลายสหัสภพ!”เจอรัลด์ตะโกนและขว้างดาบแอสตราบิซในมือใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดเมื่อดาบแทงเข้าไปในร่างของเอ็มเบอร์ลอร์ด มันก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาและกลืนกินเอ็มเบอร์ลอร์ดไปจนสิ้น“อ๊าก!”เอ็มเบอร์ลอร์ดกรีดร้องวินาทีต่อมา เอ็มเบอร์ลอร์ดก็กลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด เจอรัลด์ก็กวาดล้างเอ็มเบอร์ลอร์ดลงได้แล้วเจอรัลด์ล้างแค้นให้ชาวบ้านในหมู่บ้านฟ้าทมิฬได้แล้ว
ทั้งสามรีบมองออกไปข้างนอก ก่อนจะเห็นว่าชายชราออกจากบ้านไปตามลำพังโดยถือตะกร้าติดตัวไปด้วยขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังกระท่อมไม้ของยามิเล็ต เฟซเมื่อเห็นสิ่งนี้ ทั้งสามก็สบตากันพวกเขาพบว่ามันค่อนข้างแปลกที่ชายชราคิดจะถือตะกร้าออกไปกลางดึกเช่นนี้ นี่จะต้องมีความลับบางอย่างที่ไม่มีใครล่วงรู้ซ่อนอยู่เป็นแน่ไม่นานหลังจากนั้น เจอรัลด์และทั้งสองก็ออกจากบ้านและติดตามชายชราไปอย่างเงียบ ๆพวกเขาติดตามชายชราไปจนถึงกระท่อมไม้ จากนั้นพวกเขาเห็นเขาหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าเพื่อปลดล็อคประตูเมื่อประตูถูกปลดล็อค ชายชราผู้นั้นสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างระมัดระวัง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เขาก็ผลักประตูเปิดออกแล้วเดินเข้าไปอย่างมั่นใจเจอรัลด์และอีกสองคนก็เดินไปที่กระท่อมไม้ทันทีและยืนอยู่ตรงหน้ากระท่อมหลังนั้น“เจอรัลด์ ดูเหมือนว่าชายชรากำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับเรา เพราะเขามีกุญแจบ้านหลังนี้อยู่กับตัว!”เรย์กระซิบกับเจอรัลด์ตอนนี้พวกเขาตระหนักได้แล้วว่าชายชราไม่ใช่คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างที่คิด เขาต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเอ็มเบอร์ลอร์ดแน่“เรย์ ผู้เฒ่าฟลินท์ คุณสองคนไปซ่อนตัวก่อน เ
“เอ๋ นี่ก็ดึกแล้วนะ! ผมว่าคนที่คุณกำลังรออยู่คงไม่มาหรอก มาเถอะไปที่บ้านของผมและพักผ่อนกันจะดีกว่า!”ชายชราถอนหายใจและยื่นข้อเสนอให้ทั้งสามคนเมื่อผู้เฒ่าฟลินท์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หันกลับมาที่เจอรัลด์เพื่อสอบถามความคิดเห็นของเขาเจอรัลด์เห็นปฏิกิริยาของเขาและพยักหน้าอย่างช้า ๆเนื่องจากพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงไปพักผ่อนที่บ้านของชายชราเท่านั้นนอกจากนี้ ท้องฟ้ามืดสนิท และไม่ปลอดภัยเลย ไม่รู้เลยว่าข้างนอกนี่มีอะไรรอพวกเขาอยู่?หลังจากพูดคุยกัน เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็ติดตามชายชราออกจากกระท่อมไม้ไปชายชราพาเจอรัลด์และคนอื่น ๆ ไปที่บ้านของเขา บ้านของเขาดูไม่เก่าเท่าไหร่ ราวกับเพิ่งถูกซ่อมแซมใหม่ก่อนหน้านี้“ผู้เฒ่า หมู่บ้านนี้เหลือคุณอยู่เพียงคนเดียวหรือเปล่า?”เมื่อพวกเขาอยู่ในบ้านของชายชรา ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ถามอย่างสงสัย"หึหึ!" ชายชราหัวเราะเบา ๆ"ใช่ คนอื่น ๆ ย้ายไปอยู่ในเมืองกันหมด ที่นี่เลยเหลือแค่ฉันคนเดียว!”หลังจากที่เขาหัวเราะแล้วเขาก็ตอบ“แล้วทำไมคุณไม่ย้ายเข้าเมืองด้วยล่ะ? อยู่ในเมืองไม่สบายกว่าเหรอ?”ผู้เฒ่าฟลินท์ยังคงถามต่อไป“อนิจจา ผมมันไร้ญา
“หึหึ เรย์ อย่าลืมสิว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว เขาน่ากลัวกว่าผีเสียอีก กับอีกแค่สถานที่แบบนี้นายคิดว่าเขาจะกลัวเหรอ”เจอรัลด์หัวเราะและเตือนเรย์เมื่อเรย์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดสมเหตุสมผล “สำรวจกันตามสบายเลย ผมคงต้องไปก่อน!”ชายชราพูดกับทั้งสามคน“ได้เลย ผู้เฒ่า ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณมากเลย!"ผู้เฒ่าฟลินท์ขอบคุณชายชราผู้นั้นอย่างรวดเร็ว“ไม่เป็นไรหรอก!”ชายชราตอบพลางโบกมือหลังจากที่ชายชราผู้นั้นจากไป เจอรัลด์และอีกสองคนก็ยืนอยู่หน้ากระท่อมไม้ จ้องมองออกไปอย่างว่างเปล่าพวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำอะไร พวกเขาไม่อาจเข้าไปในกระท่อมได้ และไม่รู้ด้วยว่าจะเข้าไปเช่นไร“พี่เจอรัลด์ ผู้เฒ่าฟลินท์ ทีนี้เราจะทำยังไงดี? เปิดประตูออกไปเลยดีไหม?”เรย์มองไปที่เจอรัลด์และผู้เฒ่าฟลินท์แล้วถาม“ไม่ นั่นไร้สาระมาก เราบุกรุกเข้าไปไม่ได้!”ผู้เฒ่าฟลินท์ปรามเรย์ทันทีแม้ว่ายามิเล็ต เฟซจะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่กระท่อมหลังนี้ยังคงเป็นของเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจทำตามอำเภอใจได้“แล้วเราควรทำยังไง? เราไม่มีกุญแจ”เรย์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“เ
ไม่มีทางที่ข้อเท็จจริงทั้งสองนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญได้ เพราะฉะนั้นนั่นก็อาจหมายความได้ว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดกำลังซ่อนตัวอยู่ที่นั่น แต่เพราะนี้คือคำใบ้ที่เอ็มเบอร์ลอร์ทิ้งไว้ให้พวกเขา จึงเป็นไปได้ว่าแทนที่จะไปพบเขาที่นั่น พวกเขาจะออกค้นหาตำแหน่งของเหยื่อรายต่อไปแทน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าฟลินท์ก็สตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งไปทันที! พวกเขาจำเป็นต้องมุ่งหน้าไปที่บ้านของยามิเล็ต เฟซเดี๋ยวนี้! “คุณแน่ใจจริง ๆ เหรอว่า เอ็มเบอร์ลอร์ดจะซ่อนอยู่ที่นั่น พี่เจอรัลด์…?” เรย์ถามระหว่างทางไปที่นั่น เจอรัลด์ส่ายหน้าแล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “บอกตามตรง ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดเป็นคนจู้จี้จุกจิกและไม่เคยทำตามกฎเกณฑ์ ฉันเดาว่าเลขพวกนี้จะนำเราไปสู่เหยื่อรายต่อไป แต่ในการตามหาเหยื่อรายนั้น เราจะเข้าใกล้ที่กบดานของเอ็มเบอร์ลอร์ดอีกก้าวหนึ่งอย่างแน่นอน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เรย์ก็พยักหน้าเข้าใจ... หลังจากขับรถไปประมาณสี่สิบนาที ในที่สุดทั้งสามก็มาถึงบ้านคุณยายของเอ็มเบอร์ลอร์ด ยามิเล็ตอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ อันห่างไกล และไม่นานทั้งสามก็เดินอยู่ในถนนของหมู่บ้าน
"สวัสดี? เจอรัลด์มีอะไรหรือเปล่า?” ผู้เฒ่าฟลินท์ถามจากอีกฟากหนึ่งของสาย “ผู้เฒ่าฟลินท์ ถึงผมจะรู้ว่าคุณไม่อาจยอมให้เราเข้าร่วมการสืบสวนได้ แต่ผมก็หวังว่าคุณจะสามารถช่วยเราได้ นั่นก็แปลว่าหากคุณต้องการคลี่คลายคดีและจับเอ็มเบอร์ลอร์ดให้ได้ ก็ช่วยตั้งใจฟังผมและเชื่อผมด้วย ทุกสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณต่อไปนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งทีเดียว!” เจอรัลด์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ทว่าในที่สุดเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาสามารถไว้ใจเจอรัลด์ได้ ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะเสี่ยงเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งเขาและเด็กหนุ่มต่างก็ต้องการให้คดีคลี่คลายลงและจับตัวเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ในท้ายที่สุด “…เอาล่ะ บอกมาว่าฉันจะช่วยยังไงได้บ้าง!” “มุ่งหน้าไปที่สำนักงานเขตเดี๋ยวนี้เลย ผมเองก็จะไปที่นั่นด้วยเช่นกัน แล้วเมื่อเราพบกันที่นั่นผมจะบอกข้อมูลเพิ่มเติมกับคุณทีหลัง!” เจอรัลด์ตอบก่อนจะวางสาย ครึ่งชั่วโมงต่อมาเรย์และเจอรัลด์ได้พบกับผู้เฒ่าฟลินท์ ณ สถานที่ที่พวกเขานัดกัน “เรามาทำอะไรที่นี่ เจอรัลด์…?” ผู้เฒ่าฟลินท์เอ่ยถามอย่างสับสน “ฟังนะ ผมต้องการให้คุณตรวจสอบประวัต
เมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เฒ่าฟลินท์ เจอรัลด์และเรย์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกผู้เฒ่าฟลินท์อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อยในขณะที่เขาถามอย่างงุนงงว่า “…พวกนายสองคนเองเหรอ? มาทำอะไรกันที่นี่? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?”หัวหน้าสารวัตรมีคำสั่งไม่ให้เขาติดต่อกับเจอรัลด์อีกต่อไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รับแจ้งว่าเจอรัลด์ไม่ได้รับอนุญาตให้มาช่วยในการสืบสวนอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่าฟลินท์จึงทำได้เพียงเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้น“เรามาตามหาเบาะแส!” เจอรัลด์ตอบ “ฟังนะ ฉันต้องขอโทษ ด้วย แต่นายสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้มายุ่งย่ามกับคดีนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นได้โปรดออกไปเสีย! ถ้านายกลับมาที่นี่อีกครั้ง เราก็จำเป็นต้องจับพวกนายกลับไปกับเราด้วย!” ผู้เฒ่าฟลินท์เตือน เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็ทำเพียงแค่พยักหน้า ด้วยความที่ไม่อยากสร้างเรื่องยุ่งยากให้แก่ตาเฒ่าคนนี้ เจอรัลด์จึงตอบกลับไปว่า “รับทราบ!” ขณะที่เขากำลังจะจากไปพร้อมกับเรย์ เขาก็ได้ยินเสียงผู้เฒ่าฟลินท์ตะโกนว่า "เดี๋ยวก่อน! ตอนที่อยู่ที่นี่นายได้พบเบาะแสอะไรบ้างหรือเปล่า? ถ้ามีล่ะก็ช่วยมอบมันให้เราด้วย!” เ