เจอรัลด์เองก็ขมวดคิ้วกับปฏิกิริยาของอีวอนเช่นกัน จากสิ่งที่เขาสัมผัสได้ การฝึกฝนของอีวอนไม่ได้อยู่ในขั้นที่สูงขนาดนั้น และเจอรัลด์ก็ค่อนข้างจะมั่นใจว่าเขาจะสามารถจัดการกับอีวอนได้อย่างง่ายดาย แม้จะรู้เช่นนั้น แต่ความมั่นใจอันล้นเหลือของอีวอนกลับทำให้เจอรัลด์รู้สึกประหม่าเล็กน้อย มันทำให้เจอรัลด์สงสัยว่าเขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาอสูรกายทั้งเจ็ดจริงหรือไม่ เจอรัลด์สลัดความคิดนั้นออกจาหัว จากนั้นเขาก็ตอบอย่างเย็นชาว่า “ฉันเดาว่าฉันคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจัดการกับแกก่อนสินะ ฉันจะได้ไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่แกอาจจะก่อขึ้นอีกในอนาคต!” หลังจากนั้น เจอรัลด์ก็ตวัดนิ้วไปที่อีวอนเล็กน้อย โดยไม่ใช้กำลังภายในของเขาเลย แม้ว่าเขาจะทำเพียงเพื่อกระตุ้นให้เด็กหนุ่มขยับเขยื้อน เพื่อที่เขาจะได้วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของอีวอนได้ แต่เขาก็ต้องประหลาดใจที่เห็นอีวอนสะบัดนิ้วกลับมาที่เขาเช่นกัน ขณะที่เจอรัลด์กำลังมองอีวอนด้วยความอยากรู้อยากเห็น เด็กหนุ่มก็ป่าวประกาศว่า “ฉันบอกแล้วไงว่าฉันแตกต่างจากคนอื่น ๆ!” เมื่อประโยคที่สองของอีวอนสิ้นสุดลง รูปร่างของเขาเริ่มเปลี่ยนไป… สิ่งต่อมาที่เจอ
คนที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา… ไม่ใช่มนุษย์…! และเขาช่างแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ…! สองพ่อลูกจากตระกูลแซนด์ทอสกลืนน้ำลายลงคอ พวกเขานึกขึ้นได้ว่าตอนแรกพวกเขาคิดว่าอีวอนมีความสามารถเฉพาะตัวที่จะทำให้เขาสามารถเข่นฆ่าใครก็ได้… อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เด็กหนุ่มได้กลายเป็นเพียงก้อนเนื้อไปแล้ว! และเจอรัลด์ก็จบชีวิตของเขาลงด้วยหมัดแค่หมัดเดียวเท่านั้น! เวสสันที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างโชกโชน และเป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว รู้ว่าทั้งตัวเขา ลูกชาย หรือแม้กระทั่งครอบครัวของเขาทั้งครอบครัวคงจะต้องจบเห่ หากเขาไม่รีบทำอะไรสักอย่างในตอนนี้! ด้วยเหตุนี้ เขาจึงคุกเข่าลงทันทีก่อนที่จะขอร้อง “นายท่าน…! โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วย…! สโลน รีบคุกเข่าซะ! คุกเข่าต่อหน้านายท่าน และขอให้นายท่านอภัยให้เรา!” หลังจากนั้นเวลสันก็ดึงแขนลูกชายให้คุกเข่าลงข้าง ๆ สโลนเองก็เห็นด้วยกับการกระทำของพ่อ ทั้งคู่รู้ดีว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะต่อต้านหรือล่วงเกินคนกลุ่มนี้ได้อีกต่อไปแล้ว... "…ดีมาก!" เจอรัลด์พูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น เวสสันซึ่งมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาและน้ำมูกจึงรีบตอบทันทีว่า “ข ขอบคุณท
แม้ว่าเธอจะมีสถานะที่สูงส่ง แต่เจอรัลด์ก็ได้เห็นดวงตาของเธอที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง และมีน้ำตาไหลออกมา ใครจะตำหนิเธอได้ล่ะ? เพราะท้ายที่สุด เธอได้เฝ้ารอช่วงเวลานี้มานับพันปี… ช่วงเวลาที่เธอจะได้กลับมาพบลีมิสอีกครั้ง… ไม่คิดเลยว่าถึงแม้เธอจะผ่านเหตุการณ์ที่พลิกผันมามากมาย ไซล่าก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นแม้แต่ศพของเขา! ใครกันที่จะเป็นคนรับผิดชอบต่อความโหดร้ายนี้…? 'จากที่ไซล่าได้บอกกับฉัน ความคิดทางจิตวิญญาณของลีมิสนั้นยังไม่ปรากฏเมื่อประมาณยี่สิบปีที่แล้ว... แต่มันเป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับการเกิดของฉัน… แม้ว่าร่างของเขาจะเคยอยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้มันกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย…’ เจอรัลด์กำหมัดแน่นแล้วพูดว่า “นอกจากความจริงที่ว่าสุสานแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เงียบสงบมาก ฉันยังปิดผนึกที่นี่โดยกำแพงที่สร้างขึ้นจากพลังของจี้หยกเลือดมังกรอีกด้วย… แล้วใครกันที่จะมีความสามารถมากพอที่จะทำเรื่องทั้งหมดนี้ได้…?” “…ตอนที่พวกเรายังอยู่ข้างนอก ผมเห็นว่ากำแพงของคุณไม่ได้ถูกทำลาย… ความจริงแล้ว มันถูกแก้ไขอย่างง่ายดายต่างหากล่ะ ผมเดาจากลักษณะของมัน! คนที่บุกเข้ามาน่าจะมีความคุ้นเคยกับแผนผังของที่นี่เป็นอย
“…เมื่อกี้นี้ ทำไมเธอถึงพูดว่าเขารู้จักเจอรัลด์ดี…?” ไซล่าถาม ขณะที่เธอเช็ดน้ำตาและมองไปที่ลูกแก้วสีเขียว “นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาดูจะรู้จักที่นี่ดีเกินไป คุณเห็นไหม กำแพงที่เจอรัลด์ใช้ในการปิดปากถ้ำนั้นสร้างมาจากพลังของจี้หยก ซึ่งเป็นพลังที่ราชาแห่งสงครามมอบให้กับเจอรัลด์… ในขณะที่คนธรรมดาทั่วไปจะไม่สามารถเปิดมันออกได้ แต่ชายชราคนนั้นก็ทำเช่นนั้นได้อย่างง่ายดาย… ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่เขาฆ่าฉันแล้ว เขาก็ใช้สารพัดวิธีในการตรวจสอบศพของราชาแห่งสงคราม โดยเอ่ยชื่อของเจอรัลด์อยู่หลายครั้ง… นอกจากนั้น เขายังพูดคำว่า 'ความลับ' ซ้ำไปซ้ำมาอีก ดังนั้นฉันจึงเกิดความสงสัยว่า เขาน่ารู้จักเจอรัลด์เป็นอย่างดี!” อนาคอนด้ายักษ์อธิบาย “ไม่ว่าอย่างไร ดูเหมือนว่าเขาจะหาสิ่งที่เขาต้องการไม่พบ ซึ่งทำให้เขาตัดสินใจนำโลงศพอมตะกลับไปกับเขาด้วย… โชคดีที่เขาไม่ทันรู้ตัวว่าฉันมีพลังวิญญาณที่ค่อนข้างจะแข็งแกร่ง ซึ่งมาพร้อมกับการดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้มานับพันปี ไม่ว่าในกรณีใด แม้ว่าร่างกายของฉันจะสูญสิ้นไปแล้ว แต่วิญญาณของฉันก็ยังคงอยู่ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด!” อนาคอนด้ายัก
เมื่อได้ยินงูยักษ์พูดแบบนั้น เจอรัลด์ก็เพิ่มพลังของเขา และส่งผ่านพลังลมปราณที่จำเป็นให้งูยักษ์มากขึ้น ในขณะที่เขาตะโกนว่า “ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้เธอตายแบบนี้…!” “…เฮ้อ… ไม่คิดเลยว่าฉันจะมีโอกาสได้พบกับเพื่อนใหม่หลังจากที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวมานานแสนนาน… และเขายังเป็นห่วงเป็นใยฉันมากขนาดนี้… ขอบคุณนะ…” ลูกแก้วสีเขียวเริ่มมีขนาดเล็กลง ตอนนี้มันบ่นพึมพำ ขณะที่มันเริ่มลอยสูงขึ้นอย่างช้า ๆ… มันดูไม่ต่างอะไรกับหิ่งห้อยที่กำลังโบยบินในยามค่ำคืน จิตวิญญาณของอนาคอนดาเริ่มลอยสูงขึ้น สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดมันก็แตกสลายกลายเป็นทะเลแห่งประกายแสงระยิบระยับ… เมื่อแสงสุดท้ายจางลง เจอรัลด์ก็กำหมัดแน่น ถึงเขาจะเคยพบกับอนาคอนด้ายักษ์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่มันก็เคยช่วยเหลือเขามาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น งูยักษ์ตัวนี้ยังเสียสละความคิดทางจิตวิญญาณของมันเพียงเพื่อจะเตือนเขาเกี่ยวกับชายชราสวมหน้ากากคนนั้น... ณ จุดนั้น เจอรัลด์ได้ถือว่าเจ้างูยักษ์เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของเขาไปแล้ว และเขาเคยสาบานเอาไว้ว่าเขาจะไม่มีวันปล่อยให้คนในครอบครัวของเขาได้รับอันตรายเป็นอันขาด แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขากลับไร้ประโยชน์โดย
วินาทีที่เขาก้าวเข้าไปข้างใน สิ่งเดียวที่เจอรัลด์สามารถสัมผัสได้คือความมืดและความเงียบ… ตอนนี้จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัวและความกังวล เขาไม่กล้าแม้แต่จะก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว เขาคงทนไม่ได้หากจะต้องเห็นฉากที่คล้ายคลึงกับสิ่งที่เขาเห็นตอนที่เขากลับเข้าไปที่สุสานโบราณ แม้ว่าเขาจะกลัว แต่เขาก็รู้ว่าเขาจำเป็นจะต้องเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงด้วยตาของตัวเอง ด้วยเหตุนี้ เขาจึงค่อย ๆ เดินเข้าไปในคฤหาสน์… เดิมทีคฤหาสน์คลอฟอร์ดเคยมีชีวิตชีวา เจอรัลด์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุกเมื่อได้เห็นคฤหาสน์ที่ไร้ซึ่งผู้คนในตอนนี้ เมื่อเขาเปิดใช้จิตสัมผัสอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อตรวจจับสัญญาณของสิ่งมีชีวิตภายในคฤหาสน์ เจอรัลด์ก็พบว่าสถานที่แห่งนี้มีแต่ความว่างเปล่าจริง ๆ... เขาไม่อยากยอมแพ้อย่างง่ายดายเกินไป เขาจึงรีบไปสำรวจพื้นที่อื่น ๆ ภายในคฤหาสน์ด้วยความรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ค้นหาทุกซอกทุกมุมของคฤหาสน์จนเสร็จเรียบร้อย... ท้ายที่สุดแล้ว ผลของการสำรวจก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขและหดหู่ไปพร้อมกัน ในขณะที่เขารู้สึกเสียใจที่ไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตภายในคฤหาสน์หลงเหลืออยู่เลย แต่เขาก็ด
เมื่อเห็นเวสหายใจเข้าลึกอีกครั้ง ปีเตอร์จึงถามว่า “…เสียงกรีดร้องโหยหวนเหรอ? แล้วคุณเห็นศพทั้งหมดกี่ศพ?” “มี… ศพไม่มากหรอกครับ… น่าจะประมาณแปดศพ ถ้าผมจำไม่ผิด… ผมตกใจมากกับเสียงกรีดร้องที่ดังมาจากสวนหลังบ้าน ในตอนนั้นจนไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก…!” เวสตอบ เห็นได้ชัดว่าเขายังตื่นตระหนกกับประสบการณ์นั้น “…แล้ว… หลังจากนั้น คุณก็ตกลงไปในบ่อน้ำ และอยู่ที่นั่นจนถึงตอนนี้เลยเหรอ…? นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดใช่ไหม?” เจอรัลด์ถาม ขณะที่เขาหันไปสบตากับปีเตอร์ เจอรัลด์เชื่อในคำพูดของเวส เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาได้ใช้นิมิตแห่งสวรรค์เพื่อตรวจจับการโกหก ปรากฏว่าทุกอย่างที่เวสพูดเป็นความจริง “ใช่ครับ คุณคลอฟอร์ด! นอกจากนี้ หลังจากที่ผมตกลงไปในบ่อน้ำได้ไม่นาน ผมก็เริ่มได้ยินเสียงคนวิ่งมาทางผม! ด้วยความกลัวสุดขีด ผมจึงดำดิ่งลงไปในบ่อน้ำทันที! ผมคิดว่านั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ผมยังมีชีวิตอยู่!” เวสอธิบาย “…ใครกันที่เป็นคนบงการทุกอย่างนี้…?” เจอรัลด์พึมพำก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก เลือดและพลังลมปราณของเขากำลังเดือดพล่าน ณ จุดนี้ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นสามารถสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตที่เจอรัลด์ปลดปล่อยออกมาจ
"…อะไรนะ? มีคนอื่นคอยเฝ้าสังเกตการณ์ผมอยู่ตลอดเวลางั้นเหรอ…?!” เจอรัลด์ตอบอย่างหวาดกลัว ปรากฏว่าชีวิตในมหาวิทยาลัยของเขาไม่ได้สงบสุขอย่างที่เขาเคยจดจำ มันกลับตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำ! เมื่อได้รู้ว่ามีใครบางคนคอยติดตามเขาอยู่ตลอดเวลา! และไม่เพียงแค่นั้น เขาเพิ่งจะรู้อีกว่าคนอย่างปีเตอร์ก็คอยจับตาดูผู้สังเกตการณ์ของเขาอย่างใกล้ชิดเช่นกัน! ความจริงแล้ว เจอรัลด์รู้สึกว่าปีเตอร์เป็นคนที่ค่อนข้างแปลก ตั้งแต่วินาทีที่เขาฟื้นขึ้นมาหลังจากที่ปีเตอร์ได้ช่วยเขาเอาไว้ตอนนั้น ท้ายที่สุด ปีเตอร์กลับรู้จักเขาดีกว่าใคร ๆ และแน่นอนว่ามันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ปีเตอร์จะมาช่วยเขาเอาไว้ในคืนนั้น หลังจากที่เริ่มเข้ากันได้ดีกับปีเตอร์ เจอรัลด์ก็รู้สึกว่าชายผู้นี้ดูเหมือนจะเข้าใจอารมณ์และคุณลักษณะของเขาได้เป็นอย่างดี แม้ว่าบางครั้งเจอรัลด์อยากจะถามปีเตอร์เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ทุกครั้งที่เขาเริ่มเปิดบทสนทนาไปในทิศทางนั้น ปีเตอร์ก็มักจะแสดงอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการที่จะพูดถึงเรื่องนี้ หลังจากนั้น สิ่งต่าง ๆ ก็เริ่มยุ่งเหยิง และเจอรัลด์ก็ไม่มีโอกาสคิดถึงเรื่องนี้อีกเลยจนกระทั่งตอนนี้ที่ปีเตอร์ได้หลุดป
พวกเขาได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วในตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่มีใครหรือรถคันอื่นใดอยู่รอบ ๆ เลยแม้แต่คันเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ยังอยู่ในรถเพียงลำพังด้วยนั่นหมายความว่าสถานการณ์ที่ผู้เฒ่าฟลินท์พบกับอุบัติเหตุนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่งในวิดีโอที่ได้จากกล้องวงจรปิดนั้นแสดงให้เห็นว่ารถของผู้เฒ่าฟลินท์ลื่นไถลและหลุดการควบคุมไปเองในทันทีเจอรัลด์และเรย์ได้รับการปล่อยตัวในช่วงบ่ายนั้นเองพวกเขานั่งแท็กซี่กลับไปที่สำนักงานระหว่างทางกลับ เรย์มองเจอรัลด์ด้วยสีหน้างุนงงอย่างหนักแล้วถามว่า “เจอรัลด์ คุณคิดเห็นยังไงกับการตายของผู้เฒ่าฟลินท์?เขาตายได้ยังไง?”ใบหน้าของเจอรัลด์เคร่งเครียดมาก เขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็มั่นใจว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดาแน่นอน“นี่หมายความว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดยังไม่ตายเหรอ?”วินาทีต่อมา ความคิดอันบ้าบิ่นก็ผุดขึ้นในใจของเรย์เจอรัลด์รู้สึกว่าการคาดเดานี้เป็นไปได้น้อยมาก นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดตายไปต่อหน้าต่อตาเขาเอง แล้วเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?“เรากลับก่อนเถอะ บางทีมันอาจจะเป็นแค่อุบัติเหตุจริง ๆ ก็ได้!”เจอรัลด์บอก
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เจอรัลด์และเรย์ยังคงหลับอยู่ กริ่งที่ประตูก็ปลุกพวกเขาให้ตื่นเรย์เดินออกจากห้องไปที่ประตูในลักษณะกึ่งหลับกึ่งตื่นแล้วเปิดประตูออกเมื่อประตูถูกเปิดออก เขาก็ได้เห็นชายสองสามคนซึ่งกำลังสวมเครื่องแบบยืนอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นตราบนเครื่องแบบของพวกเขา พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้มาจากรัฐบาลกลาง“ขออภัย คุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ดและคุณเรย์ เลห์ตันอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาถามเรย์พยักหน้าและตอบว่า “ผมนี่แหละเรย์ มีอะไรเหรอ?""พาเขาออกไป!"เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเรย์ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็สั่งคนของเขา และทันใดนั้นเอง เจ้าหน้าที่อีกสองคนก็เข้ามาคว้าแขนของเรย์แล้วลากเขาออกไปข้างนอก"เฮ้ย! นี่มันอะไรกัน?!"เรย์ตะโกนทันทีความโกลาหลดังกล่าวทำให้เจอรัลด์ จูโน่ และโนริตื่นขึ้นพวกเขาออกจากห้องอย่างรวดเร็ว"คุณเป็นใคร?"เมื่อเจอรัลด์ออกมา เขาก็มองดูเจ้าหน้าที่พวกนั้นด้วยความประหลาดใจและเอ่ยถามขึ้น“คุณคงเป็นคุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ด เรากำลังสงสัยว่าคุณเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรม สารวัตรเลค หรือที่รู้จักกันในชื่อผู้เฒ่าฟลินท์ ดังนั้นเราต้องการนำคุณไปสอบ
ในเวลาเดียวกัน หมอกควันสีทมิฬของเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ล้อมรอบกายของชายชราเอาไว้หลังจากนั้นไม่นาน หมอกควันสีทมิฬดังกล่าวก็ดูดกลืนวิญญาณและพลังงานของชายชราไป ทำให้ชายกลายเป็นศพแห้งกรังเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกสิ่งนี้ทำให้เอ็มเบอร์ลอร์ดตระหนกเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้คาดหวังให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่คิดแล้วว่าชายชราจะมาสกัดกั้นการโจมตีจากเจอรัลด์แทนเขาแบบนี้“เอ็มเบอร์ลอร์ด คุณฆ่าคนบริสุทธิ์อีกแล้ว!”เจอรัลด์ตะโกนใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดด้วยความโกรธเมื่อพูดเช่นนั้น เจอรัลด์จึงตัดสินใจใช้ทักษะต้องห้ามของตัวเองเพื่อทำลายเอ็มเบอร์ลอร์ดให้สิ้นซากในขณะนี้เอ็มเบอร์ลอร์ดเสียสติไปแล้ว เขายืนนิ่งไม่ขยับ ราวกับสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองไป “วิชาทลายสหัสภพ!”เจอรัลด์ตะโกนและขว้างดาบแอสตราบิซในมือใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดเมื่อดาบแทงเข้าไปในร่างของเอ็มเบอร์ลอร์ด มันก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาและกลืนกินเอ็มเบอร์ลอร์ดไปจนสิ้น“อ๊าก!”เอ็มเบอร์ลอร์ดกรีดร้องวินาทีต่อมา เอ็มเบอร์ลอร์ดก็กลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด เจอรัลด์ก็กวาดล้างเอ็มเบอร์ลอร์ดลงได้แล้วเจอรัลด์ล้างแค้นให้ชาวบ้านในหมู่บ้านฟ้าทมิฬได้แล้ว
ทั้งสามรีบมองออกไปข้างนอก ก่อนจะเห็นว่าชายชราออกจากบ้านไปตามลำพังโดยถือตะกร้าติดตัวไปด้วยขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังกระท่อมไม้ของยามิเล็ต เฟซเมื่อเห็นสิ่งนี้ ทั้งสามก็สบตากันพวกเขาพบว่ามันค่อนข้างแปลกที่ชายชราคิดจะถือตะกร้าออกไปกลางดึกเช่นนี้ นี่จะต้องมีความลับบางอย่างที่ไม่มีใครล่วงรู้ซ่อนอยู่เป็นแน่ไม่นานหลังจากนั้น เจอรัลด์และทั้งสองก็ออกจากบ้านและติดตามชายชราไปอย่างเงียบ ๆพวกเขาติดตามชายชราไปจนถึงกระท่อมไม้ จากนั้นพวกเขาเห็นเขาหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าเพื่อปลดล็อคประตูเมื่อประตูถูกปลดล็อค ชายชราผู้นั้นสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างระมัดระวัง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เขาก็ผลักประตูเปิดออกแล้วเดินเข้าไปอย่างมั่นใจเจอรัลด์และอีกสองคนก็เดินไปที่กระท่อมไม้ทันทีและยืนอยู่ตรงหน้ากระท่อมหลังนั้น“เจอรัลด์ ดูเหมือนว่าชายชรากำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับเรา เพราะเขามีกุญแจบ้านหลังนี้อยู่กับตัว!”เรย์กระซิบกับเจอรัลด์ตอนนี้พวกเขาตระหนักได้แล้วว่าชายชราไม่ใช่คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างที่คิด เขาต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเอ็มเบอร์ลอร์ดแน่“เรย์ ผู้เฒ่าฟลินท์ คุณสองคนไปซ่อนตัวก่อน เ
“เอ๋ นี่ก็ดึกแล้วนะ! ผมว่าคนที่คุณกำลังรออยู่คงไม่มาหรอก มาเถอะไปที่บ้านของผมและพักผ่อนกันจะดีกว่า!”ชายชราถอนหายใจและยื่นข้อเสนอให้ทั้งสามคนเมื่อผู้เฒ่าฟลินท์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หันกลับมาที่เจอรัลด์เพื่อสอบถามความคิดเห็นของเขาเจอรัลด์เห็นปฏิกิริยาของเขาและพยักหน้าอย่างช้า ๆเนื่องจากพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงไปพักผ่อนที่บ้านของชายชราเท่านั้นนอกจากนี้ ท้องฟ้ามืดสนิท และไม่ปลอดภัยเลย ไม่รู้เลยว่าข้างนอกนี่มีอะไรรอพวกเขาอยู่?หลังจากพูดคุยกัน เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็ติดตามชายชราออกจากกระท่อมไม้ไปชายชราพาเจอรัลด์และคนอื่น ๆ ไปที่บ้านของเขา บ้านของเขาดูไม่เก่าเท่าไหร่ ราวกับเพิ่งถูกซ่อมแซมใหม่ก่อนหน้านี้“ผู้เฒ่า หมู่บ้านนี้เหลือคุณอยู่เพียงคนเดียวหรือเปล่า?”เมื่อพวกเขาอยู่ในบ้านของชายชรา ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ถามอย่างสงสัย"หึหึ!" ชายชราหัวเราะเบา ๆ"ใช่ คนอื่น ๆ ย้ายไปอยู่ในเมืองกันหมด ที่นี่เลยเหลือแค่ฉันคนเดียว!”หลังจากที่เขาหัวเราะแล้วเขาก็ตอบ“แล้วทำไมคุณไม่ย้ายเข้าเมืองด้วยล่ะ? อยู่ในเมืองไม่สบายกว่าเหรอ?”ผู้เฒ่าฟลินท์ยังคงถามต่อไป“อนิจจา ผมมันไร้ญา
“หึหึ เรย์ อย่าลืมสิว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว เขาน่ากลัวกว่าผีเสียอีก กับอีกแค่สถานที่แบบนี้นายคิดว่าเขาจะกลัวเหรอ”เจอรัลด์หัวเราะและเตือนเรย์เมื่อเรย์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดสมเหตุสมผล “สำรวจกันตามสบายเลย ผมคงต้องไปก่อน!”ชายชราพูดกับทั้งสามคน“ได้เลย ผู้เฒ่า ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณมากเลย!"ผู้เฒ่าฟลินท์ขอบคุณชายชราผู้นั้นอย่างรวดเร็ว“ไม่เป็นไรหรอก!”ชายชราตอบพลางโบกมือหลังจากที่ชายชราผู้นั้นจากไป เจอรัลด์และอีกสองคนก็ยืนอยู่หน้ากระท่อมไม้ จ้องมองออกไปอย่างว่างเปล่าพวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำอะไร พวกเขาไม่อาจเข้าไปในกระท่อมได้ และไม่รู้ด้วยว่าจะเข้าไปเช่นไร“พี่เจอรัลด์ ผู้เฒ่าฟลินท์ ทีนี้เราจะทำยังไงดี? เปิดประตูออกไปเลยดีไหม?”เรย์มองไปที่เจอรัลด์และผู้เฒ่าฟลินท์แล้วถาม“ไม่ นั่นไร้สาระมาก เราบุกรุกเข้าไปไม่ได้!”ผู้เฒ่าฟลินท์ปรามเรย์ทันทีแม้ว่ายามิเล็ต เฟซจะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่กระท่อมหลังนี้ยังคงเป็นของเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจทำตามอำเภอใจได้“แล้วเราควรทำยังไง? เราไม่มีกุญแจ”เรย์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“เ
ไม่มีทางที่ข้อเท็จจริงทั้งสองนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญได้ เพราะฉะนั้นนั่นก็อาจหมายความได้ว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดกำลังซ่อนตัวอยู่ที่นั่น แต่เพราะนี้คือคำใบ้ที่เอ็มเบอร์ลอร์ทิ้งไว้ให้พวกเขา จึงเป็นไปได้ว่าแทนที่จะไปพบเขาที่นั่น พวกเขาจะออกค้นหาตำแหน่งของเหยื่อรายต่อไปแทน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าฟลินท์ก็สตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งไปทันที! พวกเขาจำเป็นต้องมุ่งหน้าไปที่บ้านของยามิเล็ต เฟซเดี๋ยวนี้! “คุณแน่ใจจริง ๆ เหรอว่า เอ็มเบอร์ลอร์ดจะซ่อนอยู่ที่นั่น พี่เจอรัลด์…?” เรย์ถามระหว่างทางไปที่นั่น เจอรัลด์ส่ายหน้าแล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “บอกตามตรง ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดเป็นคนจู้จี้จุกจิกและไม่เคยทำตามกฎเกณฑ์ ฉันเดาว่าเลขพวกนี้จะนำเราไปสู่เหยื่อรายต่อไป แต่ในการตามหาเหยื่อรายนั้น เราจะเข้าใกล้ที่กบดานของเอ็มเบอร์ลอร์ดอีกก้าวหนึ่งอย่างแน่นอน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เรย์ก็พยักหน้าเข้าใจ... หลังจากขับรถไปประมาณสี่สิบนาที ในที่สุดทั้งสามก็มาถึงบ้านคุณยายของเอ็มเบอร์ลอร์ด ยามิเล็ตอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ อันห่างไกล และไม่นานทั้งสามก็เดินอยู่ในถนนของหมู่บ้าน
"สวัสดี? เจอรัลด์มีอะไรหรือเปล่า?” ผู้เฒ่าฟลินท์ถามจากอีกฟากหนึ่งของสาย “ผู้เฒ่าฟลินท์ ถึงผมจะรู้ว่าคุณไม่อาจยอมให้เราเข้าร่วมการสืบสวนได้ แต่ผมก็หวังว่าคุณจะสามารถช่วยเราได้ นั่นก็แปลว่าหากคุณต้องการคลี่คลายคดีและจับเอ็มเบอร์ลอร์ดให้ได้ ก็ช่วยตั้งใจฟังผมและเชื่อผมด้วย ทุกสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณต่อไปนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งทีเดียว!” เจอรัลด์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ทว่าในที่สุดเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาสามารถไว้ใจเจอรัลด์ได้ ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะเสี่ยงเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งเขาและเด็กหนุ่มต่างก็ต้องการให้คดีคลี่คลายลงและจับตัวเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ในท้ายที่สุด “…เอาล่ะ บอกมาว่าฉันจะช่วยยังไงได้บ้าง!” “มุ่งหน้าไปที่สำนักงานเขตเดี๋ยวนี้เลย ผมเองก็จะไปที่นั่นด้วยเช่นกัน แล้วเมื่อเราพบกันที่นั่นผมจะบอกข้อมูลเพิ่มเติมกับคุณทีหลัง!” เจอรัลด์ตอบก่อนจะวางสาย ครึ่งชั่วโมงต่อมาเรย์และเจอรัลด์ได้พบกับผู้เฒ่าฟลินท์ ณ สถานที่ที่พวกเขานัดกัน “เรามาทำอะไรที่นี่ เจอรัลด์…?” ผู้เฒ่าฟลินท์เอ่ยถามอย่างสับสน “ฟังนะ ผมต้องการให้คุณตรวจสอบประวัต
เมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เฒ่าฟลินท์ เจอรัลด์และเรย์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกผู้เฒ่าฟลินท์อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อยในขณะที่เขาถามอย่างงุนงงว่า “…พวกนายสองคนเองเหรอ? มาทำอะไรกันที่นี่? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?”หัวหน้าสารวัตรมีคำสั่งไม่ให้เขาติดต่อกับเจอรัลด์อีกต่อไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รับแจ้งว่าเจอรัลด์ไม่ได้รับอนุญาตให้มาช่วยในการสืบสวนอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่าฟลินท์จึงทำได้เพียงเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้น“เรามาตามหาเบาะแส!” เจอรัลด์ตอบ “ฟังนะ ฉันต้องขอโทษ ด้วย แต่นายสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้มายุ่งย่ามกับคดีนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นได้โปรดออกไปเสีย! ถ้านายกลับมาที่นี่อีกครั้ง เราก็จำเป็นต้องจับพวกนายกลับไปกับเราด้วย!” ผู้เฒ่าฟลินท์เตือน เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็ทำเพียงแค่พยักหน้า ด้วยความที่ไม่อยากสร้างเรื่องยุ่งยากให้แก่ตาเฒ่าคนนี้ เจอรัลด์จึงตอบกลับไปว่า “รับทราบ!” ขณะที่เขากำลังจะจากไปพร้อมกับเรย์ เขาก็ได้ยินเสียงผู้เฒ่าฟลินท์ตะโกนว่า "เดี๋ยวก่อน! ตอนที่อยู่ที่นี่นายได้พบเบาะแสอะไรบ้างหรือเปล่า? ถ้ามีล่ะก็ช่วยมอบมันให้เราด้วย!” เ