เจอรัลด์เองก็ขมวดคิ้วกับปฏิกิริยาของอีวอนเช่นกัน จากสิ่งที่เขาสัมผัสได้ การฝึกฝนของอีวอนไม่ได้อยู่ในขั้นที่สูงขนาดนั้น และเจอรัลด์ก็ค่อนข้างจะมั่นใจว่าเขาจะสามารถจัดการกับอีวอนได้อย่างง่ายดาย แม้จะรู้เช่นนั้น แต่ความมั่นใจอันล้นเหลือของอีวอนกลับทำให้เจอรัลด์รู้สึกประหม่าเล็กน้อย มันทำให้เจอรัลด์สงสัยว่าเขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาอสูรกายทั้งเจ็ดจริงหรือไม่ เจอรัลด์สลัดความคิดนั้นออกจาหัว จากนั้นเขาก็ตอบอย่างเย็นชาว่า “ฉันเดาว่าฉันคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจัดการกับแกก่อนสินะ ฉันจะได้ไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่แกอาจจะก่อขึ้นอีกในอนาคต!” หลังจากนั้น เจอรัลด์ก็ตวัดนิ้วไปที่อีวอนเล็กน้อย โดยไม่ใช้กำลังภายในของเขาเลย แม้ว่าเขาจะทำเพียงเพื่อกระตุ้นให้เด็กหนุ่มขยับเขยื้อน เพื่อที่เขาจะได้วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของอีวอนได้ แต่เขาก็ต้องประหลาดใจที่เห็นอีวอนสะบัดนิ้วกลับมาที่เขาเช่นกัน ขณะที่เจอรัลด์กำลังมองอีวอนด้วยความอยากรู้อยากเห็น เด็กหนุ่มก็ป่าวประกาศว่า “ฉันบอกแล้วไงว่าฉันแตกต่างจากคนอื่น ๆ!” เมื่อประโยคที่สองของอีวอนสิ้นสุดลง รูปร่างของเขาเริ่มเปลี่ยนไป… สิ่งต่อมาที่เจอ
คนที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา… ไม่ใช่มนุษย์…! และเขาช่างแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ…! สองพ่อลูกจากตระกูลแซนด์ทอสกลืนน้ำลายลงคอ พวกเขานึกขึ้นได้ว่าตอนแรกพวกเขาคิดว่าอีวอนมีความสามารถเฉพาะตัวที่จะทำให้เขาสามารถเข่นฆ่าใครก็ได้… อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เด็กหนุ่มได้กลายเป็นเพียงก้อนเนื้อไปแล้ว! และเจอรัลด์ก็จบชีวิตของเขาลงด้วยหมัดแค่หมัดเดียวเท่านั้น! เวสสันที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างโชกโชน และเป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว รู้ว่าทั้งตัวเขา ลูกชาย หรือแม้กระทั่งครอบครัวของเขาทั้งครอบครัวคงจะต้องจบเห่ หากเขาไม่รีบทำอะไรสักอย่างในตอนนี้! ด้วยเหตุนี้ เขาจึงคุกเข่าลงทันทีก่อนที่จะขอร้อง “นายท่าน…! โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วย…! สโลน รีบคุกเข่าซะ! คุกเข่าต่อหน้านายท่าน และขอให้นายท่านอภัยให้เรา!” หลังจากนั้นเวลสันก็ดึงแขนลูกชายให้คุกเข่าลงข้าง ๆ สโลนเองก็เห็นด้วยกับการกระทำของพ่อ ทั้งคู่รู้ดีว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะต่อต้านหรือล่วงเกินคนกลุ่มนี้ได้อีกต่อไปแล้ว... "…ดีมาก!" เจอรัลด์พูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น เวสสันซึ่งมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาและน้ำมูกจึงรีบตอบทันทีว่า “ข ขอบคุณท
แม้ว่าเธอจะมีสถานะที่สูงส่ง แต่เจอรัลด์ก็ได้เห็นดวงตาของเธอที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง และมีน้ำตาไหลออกมา ใครจะตำหนิเธอได้ล่ะ? เพราะท้ายที่สุด เธอได้เฝ้ารอช่วงเวลานี้มานับพันปี… ช่วงเวลาที่เธอจะได้กลับมาพบลีมิสอีกครั้ง… ไม่คิดเลยว่าถึงแม้เธอจะผ่านเหตุการณ์ที่พลิกผันมามากมาย ไซล่าก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นแม้แต่ศพของเขา! ใครกันที่จะเป็นคนรับผิดชอบต่อความโหดร้ายนี้…? 'จากที่ไซล่าได้บอกกับฉัน ความคิดทางจิตวิญญาณของลีมิสนั้นยังไม่ปรากฏเมื่อประมาณยี่สิบปีที่แล้ว... แต่มันเป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับการเกิดของฉัน… แม้ว่าร่างของเขาจะเคยอยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้มันกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย…’ เจอรัลด์กำหมัดแน่นแล้วพูดว่า “นอกจากความจริงที่ว่าสุสานแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เงียบสงบมาก ฉันยังปิดผนึกที่นี่โดยกำแพงที่สร้างขึ้นจากพลังของจี้หยกเลือดมังกรอีกด้วย… แล้วใครกันที่จะมีความสามารถมากพอที่จะทำเรื่องทั้งหมดนี้ได้…?” “…ตอนที่พวกเรายังอยู่ข้างนอก ผมเห็นว่ากำแพงของคุณไม่ได้ถูกทำลาย… ความจริงแล้ว มันถูกแก้ไขอย่างง่ายดายต่างหากล่ะ ผมเดาจากลักษณะของมัน! คนที่บุกเข้ามาน่าจะมีความคุ้นเคยกับแผนผังของที่นี่เป็นอย
“…เมื่อกี้นี้ ทำไมเธอถึงพูดว่าเขารู้จักเจอรัลด์ดี…?” ไซล่าถาม ขณะที่เธอเช็ดน้ำตาและมองไปที่ลูกแก้วสีเขียว “นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาดูจะรู้จักที่นี่ดีเกินไป คุณเห็นไหม กำแพงที่เจอรัลด์ใช้ในการปิดปากถ้ำนั้นสร้างมาจากพลังของจี้หยก ซึ่งเป็นพลังที่ราชาแห่งสงครามมอบให้กับเจอรัลด์… ในขณะที่คนธรรมดาทั่วไปจะไม่สามารถเปิดมันออกได้ แต่ชายชราคนนั้นก็ทำเช่นนั้นได้อย่างง่ายดาย… ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่เขาฆ่าฉันแล้ว เขาก็ใช้สารพัดวิธีในการตรวจสอบศพของราชาแห่งสงคราม โดยเอ่ยชื่อของเจอรัลด์อยู่หลายครั้ง… นอกจากนั้น เขายังพูดคำว่า 'ความลับ' ซ้ำไปซ้ำมาอีก ดังนั้นฉันจึงเกิดความสงสัยว่า เขาน่ารู้จักเจอรัลด์เป็นอย่างดี!” อนาคอนด้ายักษ์อธิบาย “ไม่ว่าอย่างไร ดูเหมือนว่าเขาจะหาสิ่งที่เขาต้องการไม่พบ ซึ่งทำให้เขาตัดสินใจนำโลงศพอมตะกลับไปกับเขาด้วย… โชคดีที่เขาไม่ทันรู้ตัวว่าฉันมีพลังวิญญาณที่ค่อนข้างจะแข็งแกร่ง ซึ่งมาพร้อมกับการดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้มานับพันปี ไม่ว่าในกรณีใด แม้ว่าร่างกายของฉันจะสูญสิ้นไปแล้ว แต่วิญญาณของฉันก็ยังคงอยู่ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด!” อนาคอนด้ายัก
เมื่อได้ยินงูยักษ์พูดแบบนั้น เจอรัลด์ก็เพิ่มพลังของเขา และส่งผ่านพลังลมปราณที่จำเป็นให้งูยักษ์มากขึ้น ในขณะที่เขาตะโกนว่า “ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้เธอตายแบบนี้…!” “…เฮ้อ… ไม่คิดเลยว่าฉันจะมีโอกาสได้พบกับเพื่อนใหม่หลังจากที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวมานานแสนนาน… และเขายังเป็นห่วงเป็นใยฉันมากขนาดนี้… ขอบคุณนะ…” ลูกแก้วสีเขียวเริ่มมีขนาดเล็กลง ตอนนี้มันบ่นพึมพำ ขณะที่มันเริ่มลอยสูงขึ้นอย่างช้า ๆ… มันดูไม่ต่างอะไรกับหิ่งห้อยที่กำลังโบยบินในยามค่ำคืน จิตวิญญาณของอนาคอนดาเริ่มลอยสูงขึ้น สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดมันก็แตกสลายกลายเป็นทะเลแห่งประกายแสงระยิบระยับ… เมื่อแสงสุดท้ายจางลง เจอรัลด์ก็กำหมัดแน่น ถึงเขาจะเคยพบกับอนาคอนด้ายักษ์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่มันก็เคยช่วยเหลือเขามาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น งูยักษ์ตัวนี้ยังเสียสละความคิดทางจิตวิญญาณของมันเพียงเพื่อจะเตือนเขาเกี่ยวกับชายชราสวมหน้ากากคนนั้น... ณ จุดนั้น เจอรัลด์ได้ถือว่าเจ้างูยักษ์เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของเขาไปแล้ว และเขาเคยสาบานเอาไว้ว่าเขาจะไม่มีวันปล่อยให้คนในครอบครัวของเขาได้รับอันตรายเป็นอันขาด แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขากลับไร้ประโยชน์โดย
วินาทีที่เขาก้าวเข้าไปข้างใน สิ่งเดียวที่เจอรัลด์สามารถสัมผัสได้คือความมืดและความเงียบ… ตอนนี้จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัวและความกังวล เขาไม่กล้าแม้แต่จะก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว เขาคงทนไม่ได้หากจะต้องเห็นฉากที่คล้ายคลึงกับสิ่งที่เขาเห็นตอนที่เขากลับเข้าไปที่สุสานโบราณ แม้ว่าเขาจะกลัว แต่เขาก็รู้ว่าเขาจำเป็นจะต้องเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงด้วยตาของตัวเอง ด้วยเหตุนี้ เขาจึงค่อย ๆ เดินเข้าไปในคฤหาสน์… เดิมทีคฤหาสน์คลอฟอร์ดเคยมีชีวิตชีวา เจอรัลด์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุกเมื่อได้เห็นคฤหาสน์ที่ไร้ซึ่งผู้คนในตอนนี้ เมื่อเขาเปิดใช้จิตสัมผัสอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อตรวจจับสัญญาณของสิ่งมีชีวิตภายในคฤหาสน์ เจอรัลด์ก็พบว่าสถานที่แห่งนี้มีแต่ความว่างเปล่าจริง ๆ... เขาไม่อยากยอมแพ้อย่างง่ายดายเกินไป เขาจึงรีบไปสำรวจพื้นที่อื่น ๆ ภายในคฤหาสน์ด้วยความรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ค้นหาทุกซอกทุกมุมของคฤหาสน์จนเสร็จเรียบร้อย... ท้ายที่สุดแล้ว ผลของการสำรวจก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขและหดหู่ไปพร้อมกัน ในขณะที่เขารู้สึกเสียใจที่ไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตภายในคฤหาสน์หลงเหลืออยู่เลย แต่เขาก็ด
เมื่อเห็นเวสหายใจเข้าลึกอีกครั้ง ปีเตอร์จึงถามว่า “…เสียงกรีดร้องโหยหวนเหรอ? แล้วคุณเห็นศพทั้งหมดกี่ศพ?” “มี… ศพไม่มากหรอกครับ… น่าจะประมาณแปดศพ ถ้าผมจำไม่ผิด… ผมตกใจมากกับเสียงกรีดร้องที่ดังมาจากสวนหลังบ้าน ในตอนนั้นจนไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก…!” เวสตอบ เห็นได้ชัดว่าเขายังตื่นตระหนกกับประสบการณ์นั้น “…แล้ว… หลังจากนั้น คุณก็ตกลงไปในบ่อน้ำ และอยู่ที่นั่นจนถึงตอนนี้เลยเหรอ…? นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดใช่ไหม?” เจอรัลด์ถาม ขณะที่เขาหันไปสบตากับปีเตอร์ เจอรัลด์เชื่อในคำพูดของเวส เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาได้ใช้นิมิตแห่งสวรรค์เพื่อตรวจจับการโกหก ปรากฏว่าทุกอย่างที่เวสพูดเป็นความจริง “ใช่ครับ คุณคลอฟอร์ด! นอกจากนี้ หลังจากที่ผมตกลงไปในบ่อน้ำได้ไม่นาน ผมก็เริ่มได้ยินเสียงคนวิ่งมาทางผม! ด้วยความกลัวสุดขีด ผมจึงดำดิ่งลงไปในบ่อน้ำทันที! ผมคิดว่านั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ผมยังมีชีวิตอยู่!” เวสอธิบาย “…ใครกันที่เป็นคนบงการทุกอย่างนี้…?” เจอรัลด์พึมพำก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก เลือดและพลังลมปราณของเขากำลังเดือดพล่าน ณ จุดนี้ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นสามารถสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตที่เจอรัลด์ปลดปล่อยออกมาจ
"…อะไรนะ? มีคนอื่นคอยเฝ้าสังเกตการณ์ผมอยู่ตลอดเวลางั้นเหรอ…?!” เจอรัลด์ตอบอย่างหวาดกลัว ปรากฏว่าชีวิตในมหาวิทยาลัยของเขาไม่ได้สงบสุขอย่างที่เขาเคยจดจำ มันกลับตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำ! เมื่อได้รู้ว่ามีใครบางคนคอยติดตามเขาอยู่ตลอดเวลา! และไม่เพียงแค่นั้น เขาเพิ่งจะรู้อีกว่าคนอย่างปีเตอร์ก็คอยจับตาดูผู้สังเกตการณ์ของเขาอย่างใกล้ชิดเช่นกัน! ความจริงแล้ว เจอรัลด์รู้สึกว่าปีเตอร์เป็นคนที่ค่อนข้างแปลก ตั้งแต่วินาทีที่เขาฟื้นขึ้นมาหลังจากที่ปีเตอร์ได้ช่วยเขาเอาไว้ตอนนั้น ท้ายที่สุด ปีเตอร์กลับรู้จักเขาดีกว่าใคร ๆ และแน่นอนว่ามันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ปีเตอร์จะมาช่วยเขาเอาไว้ในคืนนั้น หลังจากที่เริ่มเข้ากันได้ดีกับปีเตอร์ เจอรัลด์ก็รู้สึกว่าชายผู้นี้ดูเหมือนจะเข้าใจอารมณ์และคุณลักษณะของเขาได้เป็นอย่างดี แม้ว่าบางครั้งเจอรัลด์อยากจะถามปีเตอร์เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ทุกครั้งที่เขาเริ่มเปิดบทสนทนาไปในทิศทางนั้น ปีเตอร์ก็มักจะแสดงอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการที่จะพูดถึงเรื่องนี้ หลังจากนั้น สิ่งต่าง ๆ ก็เริ่มยุ่งเหยิง และเจอรัลด์ก็ไม่มีโอกาสคิดถึงเรื่องนี้อีกเลยจนกระทั่งตอนนี้ที่ปีเตอร์ได้หลุดป