ในตอนแรก ไมลส์คิดว่าเจอรัลด์เป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ที่บังเอิญกลายมาเป็นศิษย์ของผู้มีพระคุณของเขา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำคลินิกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเจอรัลด์จะมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ผู้คนมักจะแยกแยะผู้เชี่ยวชาญตัวจริงกับตัวปลอมได้ก็ต่อเมื่อ 'ผู้เชี่ยวชาญ' คนนั้นแสดงฝีมือออกมา และจากสิ่งที่ไมลส์ได้เห็น เจอรัลด์คือตัวจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ อันที่จริง เขาอาจจะแข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์บางคนในคิงวัลเลย์เลยด้วยซ้ำ! ข้อเท็จจริงนั้นเพียงอย่างเดียว ทำให้ไมลส์ถึงกับตกตะลึงจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะอย่างไรก็ตาม ในที่สุดเขาก็หลุดขำออกมา และเริ่มเอ่ยชมเชยจากใจจริงทันทีว่า “คุณคลอฟอร์ด! ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะมีทักษะที่ดีเยี่ยมขนาดนี้!”ไมลส์มีความสุขมาก จนเกือบจะลืมไปว่าเจอรัลด์เพิ่งทำร้ายพ่อบ้านแห่งคิงวัลเลย์อย่างหนัก!“คุณชมผมเกินไปแล้ว คุณไมลส์ ผมแค่รู้สึกอารมณ์เสียกับวิธีที่เขาปฏิบัติต่อคุณ!” เจอรัลด์ตอบด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ คุณไมลส์ ผู้นำแห่งหุบเขาทราบหรือไม่ว่าผมต้องการสมุนไพรสามชนิด ไม่ว่าเขาจะมีหรือไม่ก็ตาม ผมก็ยังอยากจะพบกับเขา!” เจอรัลด์พูดอย่างตรงไปตรงมาหลังจากที่ได
“สำหรับเธอ ฉันเคยบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกแฟร์ลีห์ ไม่ว่าจะใครก็ตาม? เธอไม่รู้จักเซมัสหรอกเหรอ ใครจะไปรู้ว่าเขาคิดอะไร เมื่อเธอเล่นเกมส์เดิมพันกับเขา? มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาต้องการจะโกงเธอ! หากไม่ใช่เพราะคนป่าเถื่อนหนีเตลิดไปอย่างนั้น เธอคงจะแพ้พนันเป็นแน่!” ชายวัยกลางคนตำหนิสำหรับคนที่รู้จักเขา เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้นำแห่งคิงวัลเลย์ รูเพิร์ท เยทแมน และเขายังเป็นพ่อของลูกสาวสองคนที่ชื่อ เยนนี่ และเฟลอร์ เยทแมน อีกด้วยในฐานะที่เป็นลูกสาวคนเล็ก เยนนี่ค่อนข้างจะมีทัศนคติที่แปลกประหลาด และเธอก็มีบุคลิกที่ขี้วีนและดูไม่จริงใจ ในทางกลับกัน เฟลอร์ดูจะมีความเป็นผู้ใหญ่ และมีจิตใจที่มั่นคงกว่ามากรูเพิร์ทอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ ท้ายที่สุดแล้ว การเดิมพันที่ลูกสาวของเขาทำลงไปนั้นได้ส่งผลให้อาจารย์ยอดนักสู้ทั้งเจ็ดคนของคิงวัลเลย์ต้องเสียชีวิต“พวกเธอทุกคนควรจะรู้อยู่แล้วว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกแฟร์ลีห์กำลังจับจ้องเราด้วยความละโมบ! ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษ ทุกครั้งที่ตัดสินใจจะกระทำการสิ่งใด! พวกเธอไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับแฟร์ลีห์อย่างเด็
“ผู้นำแห่งหุบเขากำลังมา!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งของคิงวัลเลย์ตะโกนอย่างตื่นเต้น เมื่อได้ยินเช่นนั้น บอดี้การ์ดคนอื่น ๆ ซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับผู้ที่มาจากตระกูลแฟร์ลีห์ ก็รู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกบอดี้การ์ดกว่าหกสิบคนของคิงวัลเลย์กำลังคร่ำครวญ และร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ขณะที่พวกเขานอนกองอยู่บนพื้น อย่างไรก็ตาม เมื่อรู้ว่ารูเพิร์ทกำลังจะมา พวกเขาทั้งหมดก็ช่วยกันพยุงร่างให้ลุกขึ้นจากพื้นทันที ทุกคนยังอยู่ในอาการตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินโซซัดโซเซไปซ่อนด้านหลังรูเพิร์ทรูเพิร์ทเองก็ขมวดคิ้วและกำหมัดแน่น ขณะที่เขาตะโกนว่า “เฮอร์เชล! แบรดลีย์!”เฮอร์เชลเป็นผู้นำของแฟร์ลีห์วัลเลย์ และแบรดลีย์ก็เป็นน้องชายของเฮอร์เชลในขณะที่คิงวัลเลย์ในปัจจุบันมีความเชี่ยวชาญในศิลปะการปรุงยาเม็ด และแฟร์ลีห์ก็ขึ้นชื่อเรื่องความเชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้ แต่ครั้งหนึ่งในอดีต พวกที่มาจากแฟร์ลีห์วัลเลย์ก็เคยมีความเชี่ยวชาญในการปรุงยาด้วยเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ก่อตั้งแฟร์ลีห์วัลเลย์ก็คืออดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของคิงวัลเลย์ ที่เคยหลบหนีออกไปนั่นเอง!ด้วยเหตุนี้ จึงค่อนข้างชัดเจนว่า ทั้งสองตระกูลมีประวัติคว
อย่างไรก็ตาม ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด รูเพิร์ทดูเหมือนจะเป็นคนที่รู้สึกอับอายที่สุด เขาสูดหายใจเข้าลึก แล้วพยักหน้า ก่อนจะตะโกนว่า “อาจารย์ครอฟต์ อาจารย์โจนส์ และอาจารย์คีย์! ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องลงมือ!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น อาจารย์ทั้งสามก็พยักหน้าพร้อมกัน ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “ไปจัดการกับนายน้อยแห่งตระกูลแฟร์ลีห์เดี๋ยวนี้ ปีเตอร์” หนึ่งในอาจารย์ทั้งสามพูด กระตุ้นให้ชายหนุ่มซึ่งสวมชุดรัดรูปพยักหน้า ก่อนจะเดินไปหาเซมัสและเผชิญหน้ากับเขา หลังจากที่ปีเตอร์ทำท่าส่งสัญญาณเป็นการบ่งบอกว่าเขา 'กำลังไป' อาจารย์อีกคนหนึ่งก็พูดว่า "ปีเตอร์เป็นศิษย์ที่เก่าแก่ที่สุดภายใต้การดูแลของฉัน และเขาฝึกฝนกับฉันมากว่าสิบปี เขาอยู่ในขั้นสุดท้ายของอาณาจักรหมอกเพลิงแห่งเนบิล่าแล้ว ดังนั้นการจัดการกับนายน้อยคงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา” ขณะที่ปรมาจารย์ทั้งสามผลัดกันพยักหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจ แบรดลีย์ยิ้มเยาะ ก่อนจะมองไปที่ปีเตอร์แล้วพูดว่า “ฮะ! พวกเขาส่งแกมาตายอย่างนั้นเหรอ? ไม่คิดเลยว่าเด็กธรรมดา ๆ อย่างแกจะกล้ามาต่อกรกลับหลานชายของฉัน! ไม่ต้องยั้งฝีมือนะเซมัส!” “แกต่างหากที่กำลังรนหาที่ตาย”
“คาดไม่ถึงว่าไก่อ่อนอย่างนายจะมีกำลังภายในอันมหาศาลเช่นนี้!” อาจารย์ท่านหนึ่งกล่าว พวกเขาทั้งสามคนดูเหมือนจะไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น และได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ขณะที่พวกเขาจ้องมองเซมัส ซึ่งมีร่างกายที่ดูร้อนระอุ ด้วยความร้อนที่สูงเกินไปจากการใช้พลังแม้ว่าตอนนี้เซมัสจะหอบเล็กน้อย แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาอดทนได้ดีในการต่อสู้ เมื่อรู้เช่นนั้น เขาก็พูดอย่างอวดดีว่า “ผมหวังว่าตอนนี้พวกคุณคงเข้าใจสิ่งที่พ่อและอาของผมพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วนะ! แค่ยอมจำนนเพื่อรักษาชีวิตของพวกคุณเอาไว้! นี่เป็นคำเตือน ถ้าหากพวกคุณยังฝืนสู้ต่อ ผมจะไม่ยั้งมืออีกต่อไป! จงเข้าใจว่าการมาเยือนของเราในวันนี้ มุ่งเป้าไปที่รูเพิร์ทเท่านั้น! ถ้ายังไม่อยากตายก็หลีกไป!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น อาจารย์ทั้งสามก็ได้แต่ถอนหายใจ พวกเขาแทบจะไม่มีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้หลงเหลืออยู่ในตัวอีกต่อไปแล้ว พวกเขารู้ดีว่า หากพวกเขาไม่สามารถโค่นเซมัสลงได้ แม้ว่าทั้งสามคนจะร่วมมือกันแล้วก็ตาม พวกเขาก็ลืมไปได้เลยว่าจะสามารถต่อกรกับแบรดลีย์ได้ เมื่อเห็นเช่นนั้น รูเพิร์ทและคนอื่น ๆ จากคิงวัลเลย์ก็รู้สึกราวกับว่า พวกเขากำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้
“ฉัน…ฉันจะสู้กับทุกคนเอง!” เฟลอร์ตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว เธอเผยให้เห็นมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ในตัว จากนั้นก็พุ่งเข้าหาแบรดลีย์ เพื่อหมายจะแทงที่หน้าอกของเขา! เนื่องจากเธอชอบศิลปะการต่อสู้มาโดยตลอด และได้ฝึกฝนทักษะมาหลายรูปแบบตั้งแต่เธอยังเด็ก เฟลอร์จึงค่อนข้างมั่นใจว่าอย่างน้อยเธอก็สามารถโจมตีได้ สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาทำให้เธอตกใจสุดขีด ด้วยการเตะจากเซมัสเพียงครั้งเดียว เขาสามารถปลดอาวุธจากมือของเธอได้อย่างง่ายดาย เธอไม่สามารถเข้าใกล้แบรดลีย์ได้เลยแม้แต่นิดเดียว! ขณะที่มีดสั้นตกลงพื้น เซมัสก็คว้าข้อมือของเฟลอร์ ก่อนจะดึงเธอเข้าไปในกอดในอ้อมแขนของเขา เมื่อเห็นอย่างนั้น เยนนี่ที่หวาดกลัวจึงรีบวิ่งไปข้างหน้า โดยหวังจะช่วยพี่สาวของเธอ ขณะที่เธอตะโกนว่า “ฉัน ฉันจะสู้กับเธอด้วย!” เธอกรีดร้อง ขณะเธอวิ่งเข้าไปหาเซมัส แต่นายน้อยอีกคนจากหุบเขาแฟร์ลีห์ก็ก้าวเข้ามา และคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ ก่อนจะกอดเธอแน่นในอ้อมแขนของเขา เช่นเดียวกับที่เซมัสทำกับเฟลอร์ เซมัสหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ แล้วพูดว่า “เธอไม่รู้หรอกว่าฉันรอเวลานี้มานานแค่ไหนแล้ว เฟลอร์! ฉันมีข้อเสนอให้เธอ! ถ้าเธอทำตามคำสั่งของฉันใ
“…นั่น นั่นมันอะไรน่ะ…?!” แบรดลี่ย์ตะโกนด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนกสุดขีด เขาจ้องมองเจอรัลด์ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เพราะไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น แบรดลีย์เป็นคนที่มีพละกำลังมหาศาลอยู่แล้ว เมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว คนธรรมดาอย่างเจอรัลด์ ซึ่งดูจะเด็กกว่าเซมัสเสียด้วยซ้ำ จะทำให้เขาหยุดการถูกโจมตีเมื่อสักครู่นี้ได้อย่างไร? หากเขาไม่เห็นการโจมตีอย่างกระทันหันของเจอรัลด์เมื่อไม่กี่วินาทีก่อน เขาคงไม่เชื่อว่าเด็กหนุ่มจะมีความสามารถมากมายถึงเพียงนี้! แต่นี่มันช่างไร้เหตุผลสิ้นดี ขณะที่แบรดลีย์กำลังตกใจและหวาดกลัว และพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เฮอร์เชลก็ได้แต่ขมวดคิ้ว เมื่อเขาหันไปมองน้องชายของเขา ในตอนนี้ ทางด้านของรูเพิร์ท เฟลอร์ และคนอื่น ๆ จากคิงวัลลีย์ ต่างก็รู้สึกว่าพวกเขาเริ่มมีความหวังในที่สุด หลังจากที่ถูกคนเหล่านั้นผลักดันให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังก่อนหน้านี้ ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าเขาจะมีพละกำลังที่ร้ายกาจเช่นนี้… เมื่อคิดย้อนกลับไปตอนที่ทุกคนยังไม่รู้ว่าเขาเป็นคนที่มีฝีมือในการต่อสู้ ก็นับว่ายังโชคดีที่พวกเขาไม่ได้ทำให้เจอรัลด์รู้สึกขุ่นเคืองใจมากจนเกินไป… ทันใดนั้
รูเพิร์ทขมวดคิ้ว ขณะที่เขาพูดแบบนั้นออกไป โดยธรรมชาติแล้ว เขาคงไม่มีทางเต็มใจที่จะแบ่งทรัพย์สินของเขาให้ใครง่าย ๆ อย่างแน่นอน แต่หากเขายังต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป อย่างน้อยเขาก็ต้องพยายามเจรจาต่อรอง เจอรัลด์จับจ้องไปที่รูเพิร์ท และตอบเพียงสั้นๆ ว่า “หนึ่งในสาม!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าผู้อาวุโสก็หันไปมองหน้ากันด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ตอนนี้รูเพิร์ทก็เหมือนคนที่มีมีดจ่ออยู่ที่คอ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่เขาควรจะพยายามต่อรองกับเจอรัลด์อีกต่อไป จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ผู้อาวุโสทุกคนเห็นว่ามันมีความเป็นไปได้สูงที่รูเพิร์ทอาจจะต้องสูญเสียหุบเขาทั้งหมดให้กับเจอรัลด์ เมื่อทุกอย่างจบลง รูเพิร์ทหายใจเข้าลึก เขายังไม่เต็มใจที่จะตอบตกลงเช่นนั้น เขากล่าวว่า “ได้โปรดอย่าเอาเปรียบเราทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเรากำลังตกที่นั่งลำบากเลยพ่อหนุ่ม! เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน! ฉันจะมอบหนึ่งในห้าของหุบเขาให้ตามที่นายเคยขอมาก่อนหน้านี้! ตกลงไหม?” “ครึ่งหนึ่งของคิงวัลเลย์! ไม่น้อยไปกว่านี้ ถ้าคุณยังต้องการให้ผมช่วยคุณจริง!” เจอรัลด์ตอบด้วยรอยยิ้ม รูเพิร์ทเข่าทรุดลงกับพื้นทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เขาตกอยู่ใ
พวกเขาได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วในตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่มีใครหรือรถคันอื่นใดอยู่รอบ ๆ เลยแม้แต่คันเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ยังอยู่ในรถเพียงลำพังด้วยนั่นหมายความว่าสถานการณ์ที่ผู้เฒ่าฟลินท์พบกับอุบัติเหตุนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่งในวิดีโอที่ได้จากกล้องวงจรปิดนั้นแสดงให้เห็นว่ารถของผู้เฒ่าฟลินท์ลื่นไถลและหลุดการควบคุมไปเองในทันทีเจอรัลด์และเรย์ได้รับการปล่อยตัวในช่วงบ่ายนั้นเองพวกเขานั่งแท็กซี่กลับไปที่สำนักงานระหว่างทางกลับ เรย์มองเจอรัลด์ด้วยสีหน้างุนงงอย่างหนักแล้วถามว่า “เจอรัลด์ คุณคิดเห็นยังไงกับการตายของผู้เฒ่าฟลินท์?เขาตายได้ยังไง?”ใบหน้าของเจอรัลด์เคร่งเครียดมาก เขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็มั่นใจว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดาแน่นอน“นี่หมายความว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดยังไม่ตายเหรอ?”วินาทีต่อมา ความคิดอันบ้าบิ่นก็ผุดขึ้นในใจของเรย์เจอรัลด์รู้สึกว่าการคาดเดานี้เป็นไปได้น้อยมาก นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดตายไปต่อหน้าต่อตาเขาเอง แล้วเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?“เรากลับก่อนเถอะ บางทีมันอาจจะเป็นแค่อุบัติเหตุจริง ๆ ก็ได้!”เจอรัลด์บอก
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เจอรัลด์และเรย์ยังคงหลับอยู่ กริ่งที่ประตูก็ปลุกพวกเขาให้ตื่นเรย์เดินออกจากห้องไปที่ประตูในลักษณะกึ่งหลับกึ่งตื่นแล้วเปิดประตูออกเมื่อประตูถูกเปิดออก เขาก็ได้เห็นชายสองสามคนซึ่งกำลังสวมเครื่องแบบยืนอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นตราบนเครื่องแบบของพวกเขา พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้มาจากรัฐบาลกลาง“ขออภัย คุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ดและคุณเรย์ เลห์ตันอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาถามเรย์พยักหน้าและตอบว่า “ผมนี่แหละเรย์ มีอะไรเหรอ?""พาเขาออกไป!"เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเรย์ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็สั่งคนของเขา และทันใดนั้นเอง เจ้าหน้าที่อีกสองคนก็เข้ามาคว้าแขนของเรย์แล้วลากเขาออกไปข้างนอก"เฮ้ย! นี่มันอะไรกัน?!"เรย์ตะโกนทันทีความโกลาหลดังกล่าวทำให้เจอรัลด์ จูโน่ และโนริตื่นขึ้นพวกเขาออกจากห้องอย่างรวดเร็ว"คุณเป็นใคร?"เมื่อเจอรัลด์ออกมา เขาก็มองดูเจ้าหน้าที่พวกนั้นด้วยความประหลาดใจและเอ่ยถามขึ้น“คุณคงเป็นคุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ด เรากำลังสงสัยว่าคุณเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรม สารวัตรเลค หรือที่รู้จักกันในชื่อผู้เฒ่าฟลินท์ ดังนั้นเราต้องการนำคุณไปสอบ
ในเวลาเดียวกัน หมอกควันสีทมิฬของเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ล้อมรอบกายของชายชราเอาไว้หลังจากนั้นไม่นาน หมอกควันสีทมิฬดังกล่าวก็ดูดกลืนวิญญาณและพลังงานของชายชราไป ทำให้ชายกลายเป็นศพแห้งกรังเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกสิ่งนี้ทำให้เอ็มเบอร์ลอร์ดตระหนกเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้คาดหวังให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่คิดแล้วว่าชายชราจะมาสกัดกั้นการโจมตีจากเจอรัลด์แทนเขาแบบนี้“เอ็มเบอร์ลอร์ด คุณฆ่าคนบริสุทธิ์อีกแล้ว!”เจอรัลด์ตะโกนใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดด้วยความโกรธเมื่อพูดเช่นนั้น เจอรัลด์จึงตัดสินใจใช้ทักษะต้องห้ามของตัวเองเพื่อทำลายเอ็มเบอร์ลอร์ดให้สิ้นซากในขณะนี้เอ็มเบอร์ลอร์ดเสียสติไปแล้ว เขายืนนิ่งไม่ขยับ ราวกับสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองไป “วิชาทลายสหัสภพ!”เจอรัลด์ตะโกนและขว้างดาบแอสตราบิซในมือใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดเมื่อดาบแทงเข้าไปในร่างของเอ็มเบอร์ลอร์ด มันก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาและกลืนกินเอ็มเบอร์ลอร์ดไปจนสิ้น“อ๊าก!”เอ็มเบอร์ลอร์ดกรีดร้องวินาทีต่อมา เอ็มเบอร์ลอร์ดก็กลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด เจอรัลด์ก็กวาดล้างเอ็มเบอร์ลอร์ดลงได้แล้วเจอรัลด์ล้างแค้นให้ชาวบ้านในหมู่บ้านฟ้าทมิฬได้แล้ว
ทั้งสามรีบมองออกไปข้างนอก ก่อนจะเห็นว่าชายชราออกจากบ้านไปตามลำพังโดยถือตะกร้าติดตัวไปด้วยขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังกระท่อมไม้ของยามิเล็ต เฟซเมื่อเห็นสิ่งนี้ ทั้งสามก็สบตากันพวกเขาพบว่ามันค่อนข้างแปลกที่ชายชราคิดจะถือตะกร้าออกไปกลางดึกเช่นนี้ นี่จะต้องมีความลับบางอย่างที่ไม่มีใครล่วงรู้ซ่อนอยู่เป็นแน่ไม่นานหลังจากนั้น เจอรัลด์และทั้งสองก็ออกจากบ้านและติดตามชายชราไปอย่างเงียบ ๆพวกเขาติดตามชายชราไปจนถึงกระท่อมไม้ จากนั้นพวกเขาเห็นเขาหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าเพื่อปลดล็อคประตูเมื่อประตูถูกปลดล็อค ชายชราผู้นั้นสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างระมัดระวัง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เขาก็ผลักประตูเปิดออกแล้วเดินเข้าไปอย่างมั่นใจเจอรัลด์และอีกสองคนก็เดินไปที่กระท่อมไม้ทันทีและยืนอยู่ตรงหน้ากระท่อมหลังนั้น“เจอรัลด์ ดูเหมือนว่าชายชรากำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับเรา เพราะเขามีกุญแจบ้านหลังนี้อยู่กับตัว!”เรย์กระซิบกับเจอรัลด์ตอนนี้พวกเขาตระหนักได้แล้วว่าชายชราไม่ใช่คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างที่คิด เขาต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเอ็มเบอร์ลอร์ดแน่“เรย์ ผู้เฒ่าฟลินท์ คุณสองคนไปซ่อนตัวก่อน เ
“เอ๋ นี่ก็ดึกแล้วนะ! ผมว่าคนที่คุณกำลังรออยู่คงไม่มาหรอก มาเถอะไปที่บ้านของผมและพักผ่อนกันจะดีกว่า!”ชายชราถอนหายใจและยื่นข้อเสนอให้ทั้งสามคนเมื่อผู้เฒ่าฟลินท์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หันกลับมาที่เจอรัลด์เพื่อสอบถามความคิดเห็นของเขาเจอรัลด์เห็นปฏิกิริยาของเขาและพยักหน้าอย่างช้า ๆเนื่องจากพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงไปพักผ่อนที่บ้านของชายชราเท่านั้นนอกจากนี้ ท้องฟ้ามืดสนิท และไม่ปลอดภัยเลย ไม่รู้เลยว่าข้างนอกนี่มีอะไรรอพวกเขาอยู่?หลังจากพูดคุยกัน เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็ติดตามชายชราออกจากกระท่อมไม้ไปชายชราพาเจอรัลด์และคนอื่น ๆ ไปที่บ้านของเขา บ้านของเขาดูไม่เก่าเท่าไหร่ ราวกับเพิ่งถูกซ่อมแซมใหม่ก่อนหน้านี้“ผู้เฒ่า หมู่บ้านนี้เหลือคุณอยู่เพียงคนเดียวหรือเปล่า?”เมื่อพวกเขาอยู่ในบ้านของชายชรา ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ถามอย่างสงสัย"หึหึ!" ชายชราหัวเราะเบา ๆ"ใช่ คนอื่น ๆ ย้ายไปอยู่ในเมืองกันหมด ที่นี่เลยเหลือแค่ฉันคนเดียว!”หลังจากที่เขาหัวเราะแล้วเขาก็ตอบ“แล้วทำไมคุณไม่ย้ายเข้าเมืองด้วยล่ะ? อยู่ในเมืองไม่สบายกว่าเหรอ?”ผู้เฒ่าฟลินท์ยังคงถามต่อไป“อนิจจา ผมมันไร้ญา
“หึหึ เรย์ อย่าลืมสิว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว เขาน่ากลัวกว่าผีเสียอีก กับอีกแค่สถานที่แบบนี้นายคิดว่าเขาจะกลัวเหรอ”เจอรัลด์หัวเราะและเตือนเรย์เมื่อเรย์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดสมเหตุสมผล “สำรวจกันตามสบายเลย ผมคงต้องไปก่อน!”ชายชราพูดกับทั้งสามคน“ได้เลย ผู้เฒ่า ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณมากเลย!"ผู้เฒ่าฟลินท์ขอบคุณชายชราผู้นั้นอย่างรวดเร็ว“ไม่เป็นไรหรอก!”ชายชราตอบพลางโบกมือหลังจากที่ชายชราผู้นั้นจากไป เจอรัลด์และอีกสองคนก็ยืนอยู่หน้ากระท่อมไม้ จ้องมองออกไปอย่างว่างเปล่าพวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำอะไร พวกเขาไม่อาจเข้าไปในกระท่อมได้ และไม่รู้ด้วยว่าจะเข้าไปเช่นไร“พี่เจอรัลด์ ผู้เฒ่าฟลินท์ ทีนี้เราจะทำยังไงดี? เปิดประตูออกไปเลยดีไหม?”เรย์มองไปที่เจอรัลด์และผู้เฒ่าฟลินท์แล้วถาม“ไม่ นั่นไร้สาระมาก เราบุกรุกเข้าไปไม่ได้!”ผู้เฒ่าฟลินท์ปรามเรย์ทันทีแม้ว่ายามิเล็ต เฟซจะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่กระท่อมหลังนี้ยังคงเป็นของเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจทำตามอำเภอใจได้“แล้วเราควรทำยังไง? เราไม่มีกุญแจ”เรย์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“เ
ไม่มีทางที่ข้อเท็จจริงทั้งสองนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญได้ เพราะฉะนั้นนั่นก็อาจหมายความได้ว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดกำลังซ่อนตัวอยู่ที่นั่น แต่เพราะนี้คือคำใบ้ที่เอ็มเบอร์ลอร์ทิ้งไว้ให้พวกเขา จึงเป็นไปได้ว่าแทนที่จะไปพบเขาที่นั่น พวกเขาจะออกค้นหาตำแหน่งของเหยื่อรายต่อไปแทน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าฟลินท์ก็สตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งไปทันที! พวกเขาจำเป็นต้องมุ่งหน้าไปที่บ้านของยามิเล็ต เฟซเดี๋ยวนี้! “คุณแน่ใจจริง ๆ เหรอว่า เอ็มเบอร์ลอร์ดจะซ่อนอยู่ที่นั่น พี่เจอรัลด์…?” เรย์ถามระหว่างทางไปที่นั่น เจอรัลด์ส่ายหน้าแล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “บอกตามตรง ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดเป็นคนจู้จี้จุกจิกและไม่เคยทำตามกฎเกณฑ์ ฉันเดาว่าเลขพวกนี้จะนำเราไปสู่เหยื่อรายต่อไป แต่ในการตามหาเหยื่อรายนั้น เราจะเข้าใกล้ที่กบดานของเอ็มเบอร์ลอร์ดอีกก้าวหนึ่งอย่างแน่นอน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เรย์ก็พยักหน้าเข้าใจ... หลังจากขับรถไปประมาณสี่สิบนาที ในที่สุดทั้งสามก็มาถึงบ้านคุณยายของเอ็มเบอร์ลอร์ด ยามิเล็ตอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ อันห่างไกล และไม่นานทั้งสามก็เดินอยู่ในถนนของหมู่บ้าน
"สวัสดี? เจอรัลด์มีอะไรหรือเปล่า?” ผู้เฒ่าฟลินท์ถามจากอีกฟากหนึ่งของสาย “ผู้เฒ่าฟลินท์ ถึงผมจะรู้ว่าคุณไม่อาจยอมให้เราเข้าร่วมการสืบสวนได้ แต่ผมก็หวังว่าคุณจะสามารถช่วยเราได้ นั่นก็แปลว่าหากคุณต้องการคลี่คลายคดีและจับเอ็มเบอร์ลอร์ดให้ได้ ก็ช่วยตั้งใจฟังผมและเชื่อผมด้วย ทุกสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณต่อไปนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งทีเดียว!” เจอรัลด์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ทว่าในที่สุดเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาสามารถไว้ใจเจอรัลด์ได้ ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะเสี่ยงเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งเขาและเด็กหนุ่มต่างก็ต้องการให้คดีคลี่คลายลงและจับตัวเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ในท้ายที่สุด “…เอาล่ะ บอกมาว่าฉันจะช่วยยังไงได้บ้าง!” “มุ่งหน้าไปที่สำนักงานเขตเดี๋ยวนี้เลย ผมเองก็จะไปที่นั่นด้วยเช่นกัน แล้วเมื่อเราพบกันที่นั่นผมจะบอกข้อมูลเพิ่มเติมกับคุณทีหลัง!” เจอรัลด์ตอบก่อนจะวางสาย ครึ่งชั่วโมงต่อมาเรย์และเจอรัลด์ได้พบกับผู้เฒ่าฟลินท์ ณ สถานที่ที่พวกเขานัดกัน “เรามาทำอะไรที่นี่ เจอรัลด์…?” ผู้เฒ่าฟลินท์เอ่ยถามอย่างสับสน “ฟังนะ ผมต้องการให้คุณตรวจสอบประวัต
เมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เฒ่าฟลินท์ เจอรัลด์และเรย์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกผู้เฒ่าฟลินท์อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อยในขณะที่เขาถามอย่างงุนงงว่า “…พวกนายสองคนเองเหรอ? มาทำอะไรกันที่นี่? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?”หัวหน้าสารวัตรมีคำสั่งไม่ให้เขาติดต่อกับเจอรัลด์อีกต่อไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รับแจ้งว่าเจอรัลด์ไม่ได้รับอนุญาตให้มาช่วยในการสืบสวนอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่าฟลินท์จึงทำได้เพียงเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้น“เรามาตามหาเบาะแส!” เจอรัลด์ตอบ “ฟังนะ ฉันต้องขอโทษ ด้วย แต่นายสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้มายุ่งย่ามกับคดีนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นได้โปรดออกไปเสีย! ถ้านายกลับมาที่นี่อีกครั้ง เราก็จำเป็นต้องจับพวกนายกลับไปกับเราด้วย!” ผู้เฒ่าฟลินท์เตือน เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็ทำเพียงแค่พยักหน้า ด้วยความที่ไม่อยากสร้างเรื่องยุ่งยากให้แก่ตาเฒ่าคนนี้ เจอรัลด์จึงตอบกลับไปว่า “รับทราบ!” ขณะที่เขากำลังจะจากไปพร้อมกับเรย์ เขาก็ได้ยินเสียงผู้เฒ่าฟลินท์ตะโกนว่า "เดี๋ยวก่อน! ตอนที่อยู่ที่นี่นายได้พบเบาะแสอะไรบ้างหรือเปล่า? ถ้ามีล่ะก็ช่วยมอบมันให้เราด้วย!” เ