ถึงเขาจะยังไม่ตาย เนื่องจากลีโอไม่ได้จู่โจมที่อวัยวะสำคัญใด ๆ ของเขา แต่ก็ไม่มีทางที่เขาจะสามารถสู้ต่อได้อย่างแน่นอนลีโอปล่อยเสียงคำรามกึกก้องอีกครั้ง คราวนี้ทุกคนถึงกับต้องยกมือขึ้นมาปิดหู เนื่องจากตอนนี้ลีโออยู่ใกล้พวกเขามากขึ้นกว่าเดิมอย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีใครทันได้สังเกตว่าเกิดอะไรขึ้น ลีโอก็เริ่มเคลื่อนไหว และเมื่อผู้ชมลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็มายืนอยู่ต่อหน้าอาจารย์ยอดนักสู้ที่เหลืออีกสี่คนแล้วด้วยการโจมตีสี่ครั้งอย่างแม่นยำและรวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาด ลีโอจัดการอาจารย์ทั้งสี่จนราบคาบ วิธีที่เขาใช้ช่างดูเรียบง่าย และเกือบจะบอกเป็นนัยว่า เขาไม่ได้จัดการกับอะไรนอกจากแมลงธรรมดา ๆ เท่านั้นเมื่อเห็นเช่นนั้น ผู้ชมที่ยังนั่งอยู่ก็ลุกขึ้นทันที และถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างไรก็ตาม เฟลอร์กำลังรู้สึกตกใจมากกว่าคนอื่น ๆ ในฝูงชน และสีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อมาถึงจุดนี้ อาาจารย์ทั้งเจ็ดคนที่เธอพามาล้วนแต่เป็นคนที่มีสถานะสูงในคิงวัลเลย์ แต่พวกเขากลับถูกลีโอกำจัดอย่างง่ายดาย ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว ไม่แปลกใจเลยที่เซมัสมีความมั่นใจมาโดยตลอด!แม้แต่การแสดงออกของเยนนี่เองก็เปลี่ยนไปอย
อย่างไรก็ตาม เจอรัลด์ไม่ได้ติดตามลีโอไป เพราะเขาต้องรีบกลับไปที่คิงวัลเลย์ก่อนเป็นลำดับแรกสำหรับถ้ำที่เขาส่งลีโอไปนั้น เป็นถ้ำที่ค่อนข้างจะมิดชิด ก่อนหน้านี้เจอรัลด์เจอมันขณะที่เขากำลังมุ่งหน้ากลับไปที่หุบเขาเพียงลำพัง และเนื่องจากเขาไม่รู้ว่าพวกแฟร์ลีห์จะตามลีโอไปได้ไกลแค่ไหน เจอรัลด์จึงคิดว่าถ้ำนั้นจะเป็นที่ซ่อนที่ดีที่สุดของลีโอ ในการหลีกเลี่ยงการติดตามของคนเหล่านั้นแน่นอนว่า เจอรัลด์รู้ว่าลีโอไม่กลัวไฟฟ้าช็อตอีกต่อไปแล้ว และเจอรัลด์ก็ไม่ได้สนใจชีวิตของพวกแฟร์ลีห์มากนัก หากลีโอจะลงมือฆ่าพวกเขา และก่อให้เกิดการนองเลือดครั้งใหญ่ แต่นั่นอาจจะทำให้เจอรัลด์กลายเป็นเป้านิ่งมากขึ้นพูดง่าย ๆ ก็คือ เจอรัลด์ไม่ต้องการดึงดูดความสนใจของทั้งพวกกันเทอร์ และพวกที่มาจากกลุ่มประตูมิติแห่งการพิพากษา ด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นการดีกว่า ที่ลีโอจะยังคงซ่อนตัวอยู่ในขณะนี้แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เขาต้องรีบกลับไปที่คิงวัลเลย์ เพื่อรับสมุนไพรสามชนิดกลับไปรักษาอาการของเซียร่า เมื่อเขามาถึงสนามหญ้าที่ดูคุ้นเคย เจอรัลด์เห็นชายวัยกลางคนซึ่งดูน่าจะอายุราว ๆ สี่สิบเศษพร้อมกับลูกน้องของเขาสองคนยืนอยู่ต่อหน้
"โอ้? แล้วมีปัญหาอะไรไหมล่ะ? นายคิดที่จะตบฉันอย่างนั้นเหรอ? ฮ่า ๆ! ฉันมีความสุขจริง ๆ ที่ได้เห็นนายโกรธเหมือนหมีที่เลี้ยงไม่เชื่องแบบนี้! มาเลย ตบฉันสิ! ทำให้ฉันสมใจหน่อย!" แซมพูดล้อเลียน ขณะที่เขาเริ่มตบหน้าไมลส์อย่างเย้ยหยันหลังจากที่เขาพูดจบ ดวงตาของแซมก็เบิกกว้าง เมื่อเขาพบว่าตัวเองกำลังลอยอยู่ในอากาศ ตอนนี้เขารู้สึกแสบร้อนที่แก้มขวาของเขา ในขณะที่เขากำลังจะกรีดร้องอย่างเจ็บปวดจากการตบอย่างรุนแรงของเจอรัลด์ เขาก็หมดลมที่จะเปล่งเสียงออกมา ในวินาทีที่ร่างของเขาชนเข้ากับมุมกำแพง! ทันใดนั้น แซมก็เริ่มอาเจียนออกมาเป็นเลือด พร้อมกับฟันสองสามซี่ที่ผสมอยู่ในนั้นขณะที่บอดี้การ์ดสองคนของแซมยืนตัวแข็งอยู่กับที่ และมีอาการตกตะลึง แซมก็ค่อย ๆ คลานเข่าและเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองชายที่กำลังยืนอยู่ข้าง ๆ ไมลส์ด้วยสายตาที่อาฆาตแค้น“แก… แกกล้าดียังไงมาตบฉัน…?!” แซมคำราม ขณะที่เขาจ้องมองเจอรัลด์หยิบกระเป๋าของเขาขึ้นมาเจอรัลด์ปัดฝุ่นบนกระเป๋าแล้วตอบว่า “อะไรนะ? ก็แกเป็นคนขอให้ทำอย่างนั้นเองไม่ใช่เหรอ ตอนนี้แกพอใจหรือยังล่ะ พ่อคนปากพล่อย”“แก… แก…! แกมันรนหาที่ตายซะแล้ว! ฆ่ามัน!” แซมตะโกนใส่ลูกน้อ
ในตอนแรก ไมลส์คิดว่าเจอรัลด์เป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ที่บังเอิญกลายมาเป็นศิษย์ของผู้มีพระคุณของเขา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำคลินิกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเจอรัลด์จะมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ผู้คนมักจะแยกแยะผู้เชี่ยวชาญตัวจริงกับตัวปลอมได้ก็ต่อเมื่อ 'ผู้เชี่ยวชาญ' คนนั้นแสดงฝีมือออกมา และจากสิ่งที่ไมลส์ได้เห็น เจอรัลด์คือตัวจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ อันที่จริง เขาอาจจะแข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์บางคนในคิงวัลเลย์เลยด้วยซ้ำ! ข้อเท็จจริงนั้นเพียงอย่างเดียว ทำให้ไมลส์ถึงกับตกตะลึงจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะอย่างไรก็ตาม ในที่สุดเขาก็หลุดขำออกมา และเริ่มเอ่ยชมเชยจากใจจริงทันทีว่า “คุณคลอฟอร์ด! ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะมีทักษะที่ดีเยี่ยมขนาดนี้!”ไมลส์มีความสุขมาก จนเกือบจะลืมไปว่าเจอรัลด์เพิ่งทำร้ายพ่อบ้านแห่งคิงวัลเลย์อย่างหนัก!“คุณชมผมเกินไปแล้ว คุณไมลส์ ผมแค่รู้สึกอารมณ์เสียกับวิธีที่เขาปฏิบัติต่อคุณ!” เจอรัลด์ตอบด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ คุณไมลส์ ผู้นำแห่งหุบเขาทราบหรือไม่ว่าผมต้องการสมุนไพรสามชนิด ไม่ว่าเขาจะมีหรือไม่ก็ตาม ผมก็ยังอยากจะพบกับเขา!” เจอรัลด์พูดอย่างตรงไปตรงมาหลังจากที่ได
“สำหรับเธอ ฉันเคยบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกแฟร์ลีห์ ไม่ว่าจะใครก็ตาม? เธอไม่รู้จักเซมัสหรอกเหรอ ใครจะไปรู้ว่าเขาคิดอะไร เมื่อเธอเล่นเกมส์เดิมพันกับเขา? มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาต้องการจะโกงเธอ! หากไม่ใช่เพราะคนป่าเถื่อนหนีเตลิดไปอย่างนั้น เธอคงจะแพ้พนันเป็นแน่!” ชายวัยกลางคนตำหนิสำหรับคนที่รู้จักเขา เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้นำแห่งคิงวัลเลย์ รูเพิร์ท เยทแมน และเขายังเป็นพ่อของลูกสาวสองคนที่ชื่อ เยนนี่ และเฟลอร์ เยทแมน อีกด้วยในฐานะที่เป็นลูกสาวคนเล็ก เยนนี่ค่อนข้างจะมีทัศนคติที่แปลกประหลาด และเธอก็มีบุคลิกที่ขี้วีนและดูไม่จริงใจ ในทางกลับกัน เฟลอร์ดูจะมีความเป็นผู้ใหญ่ และมีจิตใจที่มั่นคงกว่ามากรูเพิร์ทอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ ท้ายที่สุดแล้ว การเดิมพันที่ลูกสาวของเขาทำลงไปนั้นได้ส่งผลให้อาจารย์ยอดนักสู้ทั้งเจ็ดคนของคิงวัลเลย์ต้องเสียชีวิต“พวกเธอทุกคนควรจะรู้อยู่แล้วว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกแฟร์ลีห์กำลังจับจ้องเราด้วยความละโมบ! ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษ ทุกครั้งที่ตัดสินใจจะกระทำการสิ่งใด! พวกเธอไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับแฟร์ลีห์อย่างเด็
“ผู้นำแห่งหุบเขากำลังมา!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งของคิงวัลเลย์ตะโกนอย่างตื่นเต้น เมื่อได้ยินเช่นนั้น บอดี้การ์ดคนอื่น ๆ ซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับผู้ที่มาจากตระกูลแฟร์ลีห์ ก็รู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกบอดี้การ์ดกว่าหกสิบคนของคิงวัลเลย์กำลังคร่ำครวญ และร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ขณะที่พวกเขานอนกองอยู่บนพื้น อย่างไรก็ตาม เมื่อรู้ว่ารูเพิร์ทกำลังจะมา พวกเขาทั้งหมดก็ช่วยกันพยุงร่างให้ลุกขึ้นจากพื้นทันที ทุกคนยังอยู่ในอาการตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินโซซัดโซเซไปซ่อนด้านหลังรูเพิร์ทรูเพิร์ทเองก็ขมวดคิ้วและกำหมัดแน่น ขณะที่เขาตะโกนว่า “เฮอร์เชล! แบรดลีย์!”เฮอร์เชลเป็นผู้นำของแฟร์ลีห์วัลเลย์ และแบรดลีย์ก็เป็นน้องชายของเฮอร์เชลในขณะที่คิงวัลเลย์ในปัจจุบันมีความเชี่ยวชาญในศิลปะการปรุงยาเม็ด และแฟร์ลีห์ก็ขึ้นชื่อเรื่องความเชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้ แต่ครั้งหนึ่งในอดีต พวกที่มาจากแฟร์ลีห์วัลเลย์ก็เคยมีความเชี่ยวชาญในการปรุงยาด้วยเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ก่อตั้งแฟร์ลีห์วัลเลย์ก็คืออดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของคิงวัลเลย์ ที่เคยหลบหนีออกไปนั่นเอง!ด้วยเหตุนี้ จึงค่อนข้างชัดเจนว่า ทั้งสองตระกูลมีประวัติคว
อย่างไรก็ตาม ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด รูเพิร์ทดูเหมือนจะเป็นคนที่รู้สึกอับอายที่สุด เขาสูดหายใจเข้าลึก แล้วพยักหน้า ก่อนจะตะโกนว่า “อาจารย์ครอฟต์ อาจารย์โจนส์ และอาจารย์คีย์! ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องลงมือ!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น อาจารย์ทั้งสามก็พยักหน้าพร้อมกัน ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “ไปจัดการกับนายน้อยแห่งตระกูลแฟร์ลีห์เดี๋ยวนี้ ปีเตอร์” หนึ่งในอาจารย์ทั้งสามพูด กระตุ้นให้ชายหนุ่มซึ่งสวมชุดรัดรูปพยักหน้า ก่อนจะเดินไปหาเซมัสและเผชิญหน้ากับเขา หลังจากที่ปีเตอร์ทำท่าส่งสัญญาณเป็นการบ่งบอกว่าเขา 'กำลังไป' อาจารย์อีกคนหนึ่งก็พูดว่า "ปีเตอร์เป็นศิษย์ที่เก่าแก่ที่สุดภายใต้การดูแลของฉัน และเขาฝึกฝนกับฉันมากว่าสิบปี เขาอยู่ในขั้นสุดท้ายของอาณาจักรหมอกเพลิงแห่งเนบิล่าแล้ว ดังนั้นการจัดการกับนายน้อยคงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา” ขณะที่ปรมาจารย์ทั้งสามผลัดกันพยักหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจ แบรดลีย์ยิ้มเยาะ ก่อนจะมองไปที่ปีเตอร์แล้วพูดว่า “ฮะ! พวกเขาส่งแกมาตายอย่างนั้นเหรอ? ไม่คิดเลยว่าเด็กธรรมดา ๆ อย่างแกจะกล้ามาต่อกรกลับหลานชายของฉัน! ไม่ต้องยั้งฝีมือนะเซมัส!” “แกต่างหากที่กำลังรนหาที่ตาย”
“คาดไม่ถึงว่าไก่อ่อนอย่างนายจะมีกำลังภายในอันมหาศาลเช่นนี้!” อาจารย์ท่านหนึ่งกล่าว พวกเขาทั้งสามคนดูเหมือนจะไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น และได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ขณะที่พวกเขาจ้องมองเซมัส ซึ่งมีร่างกายที่ดูร้อนระอุ ด้วยความร้อนที่สูงเกินไปจากการใช้พลังแม้ว่าตอนนี้เซมัสจะหอบเล็กน้อย แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาอดทนได้ดีในการต่อสู้ เมื่อรู้เช่นนั้น เขาก็พูดอย่างอวดดีว่า “ผมหวังว่าตอนนี้พวกคุณคงเข้าใจสิ่งที่พ่อและอาของผมพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วนะ! แค่ยอมจำนนเพื่อรักษาชีวิตของพวกคุณเอาไว้! นี่เป็นคำเตือน ถ้าหากพวกคุณยังฝืนสู้ต่อ ผมจะไม่ยั้งมืออีกต่อไป! จงเข้าใจว่าการมาเยือนของเราในวันนี้ มุ่งเป้าไปที่รูเพิร์ทเท่านั้น! ถ้ายังไม่อยากตายก็หลีกไป!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น อาจารย์ทั้งสามก็ได้แต่ถอนหายใจ พวกเขาแทบจะไม่มีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้หลงเหลืออยู่ในตัวอีกต่อไปแล้ว พวกเขารู้ดีว่า หากพวกเขาไม่สามารถโค่นเซมัสลงได้ แม้ว่าทั้งสามคนจะร่วมมือกันแล้วก็ตาม พวกเขาก็ลืมไปได้เลยว่าจะสามารถต่อกรกับแบรดลีย์ได้ เมื่อเห็นเช่นนั้น รูเพิร์ทและคนอื่น ๆ จากคิงวัลเลย์ก็รู้สึกราวกับว่า พวกเขากำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้