“ด้วยความน่ารักของเธอในตอนนี้ ฉันมั่นใจว่าเธอจะต้องเติบโตเป็นผู้หญิงที่สวยมากแน่ ๆ” โมนิก้าพูดด้วยรอยยิ้ม "ผมเห็นด้วย ผมแน่ใจว่าเธอจะค่อนข้างคล้ายกับคุณในแง่ของความงาม!” เจอรัลด์ตอบด้วยรอยยิ้ม ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็เอาผ้าขนหนูสีขาวที่ถืออยู่ขึ้นมาปิดปาก ก่อนที่จะเริ่มไออย่างรุนแรง เมื่อเห็นว่าผ้าขนหนูผืนนั้นเริ่มเปื้อนเลือด โมนิก้าก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า “ทางที่ดีคุณอย่าเพิ่งเดินไปเดินมาดีกว่านะ เพราะท้ายที่สุดแล้ว อาการบาดเจ็บของคุณก็ยังไม่หายดี รู้ไหมล่ะ? พูดตามตรง ฉันยังทำใจยอมรับเกี่ยวกับความผิดปกติของร่างกายคุณไม่ค่อยได้เลยนะ!” หลังจากนั้น เจอรัลด์ก็หันมามองเธอและพบว่าเธอกำลังจ้องไปที่หน้าอกของเขาอย่างตั้งใจ เจอรัลด์จึงรู้สึกแปลก และถามเธอออกมาว่า “…ทำไมคุณถึงจ้องหน้าอกผมแบบนั้น…?” “อย่าเพิ่งเข้าใจฉันผิดสิ! ฉันแค่มองจี้หยกของคุณน่ะ! มันกลับมาเปล่งประกายอีกแล้วนะ รู้ไหม? ตั้งแต่วันที่คุณถูกพาตัวมาที่นี่ จี้จะส่องสว่างในเวลาเดียวกันทุกเช้าและทุกคืน เมื่อคิดย้อนกลับไป มันน่าจะทำแบบนั้นหลายสิบครั้งแล้ว!” โมนิก้าตอบ ในขณะที่เธอกลอกตาใส่เจอรัลด์ ก่อนจะชี้ไปที่จี้หยกทร
“ฉัน… ฉันไม่รู้จริง ๆ!” เซียร่าร้องออกมา ขณะที่เฟลตันยกเธอขึ้นไปในอากาศ ไม่ว่าเขาจะข่มขู่เธอมากแค่ไหน เซียร่าก็ยังคงปฏิเสธว่าเธอไม่รู้อะไรเลย เมื่อเขาเข้าใจแล้วว่าเขาไม่สามารถเอาข้อมูลอะไรมาจากเธอได้ เขาจึงหันไปจ้องพ่อและแม่ของเซียร่าด้วยสายตาที่เย็นชาแทน ก่อนจะถามว่า “แล้วแกสองคนล่ะ? รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างไหม?” เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ไม่กระตือรือร้นที่จะตอบ เขาจึงจับคอของเซียร่า แล้วค่อย ๆ เพิ่มแรงบีบขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเห็นเช่นนั้น ทั้งเอเลียสและภรรยาของเขา ซึ่งกำลังร้องไห้ด้วยความเศร้าโศก ก็ได้แต่กัดฟันตัวเองอย่างตื่นตระหนก ในขณะที่ทั้งคู่รู้ความจริงว่าเฟลตันกำลังตามหาเจอรัลด์ ชายหนุ่มที่ได้รับการช่วยเหลือจากชายวัยกลางคน แต่พวกเขาก็ภักดีต่อชายคนนั้นเป็นอย่างมาก และไม่เคยคิดที่จะทรยศเขาเลยแม้แต่น้อย เมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว ทั้งสองก็เอาแต่ส่ายหัว "…ฮึ! ฉันรู้อยู่แล้วแหละ! พวกแกมันเป็นพวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา! งั้นฉันจะแสดงให้พวกแกดู!” เฟลตันหัวเราะเยาะ ขณะยกแขนขึ้นช้า ๆ... ก่อนจะลดระดับลงมาด้วยการรูดลงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง! ในขณะนั้น ทุกคนตัวแข็งทื่อ พวกเขาไม่แน่ใจนักว่
หากยังไม่ชัดเจนพอ เขาคือคนที่เพิ่งกลับมาจากเก็บสมุนไพรให้เจอรัลด์นั่นเอง เขาสัมผัสได้ถึงสถานการณ์อันตรายที่กำลังเกิดขึ้นก่อนที่เขาจะกลับเข้าไปในสลัมด้วยซ้ำ เมื่อรู้ว่าเขาไม่สามารถไปถึงที่เกิดเหตุได้ทันเวลา เขาจึงใช้พลังจิตอันศักดิ์สิทธิ์ของเขา เพื่อบังคับมีดให้ลอยมาปลดมีดของเฟลตันที่กำลังจะเฉือนคอของเซียร่าออกไป อนิจจา เมื่อเขาเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ เขาถึงได้รู้ว่าเฟลตันได้แยกชิ้นส่วนแขนของเซียร่าออกจากร่างของเธอแล้ว! “ส่งเธอมาให้ฉัน และเก็บรักษาแขนที่ขาดของเธอให้ดี! เธอยังมีสิทธิ์ที่จะหายได้!” ชายคนนั้นสั่ง ขณะที่เขารีบประคองเด็กสาวที่หมดสติก่อนจะรีบวิ่งกลับบ้านไป เนื่องจากระยะทางระหว่างบ้านของเขากับบ้านของเซียร่าค่อนข้างห่างไกลกัน ชายผู้นี้จึงรู้ว่าเขาไม่มีเวลามากนัก เมื่อมาถึงบ้านของเขา ทั้งเจอรัลด์และโมนิก้าต่างก็ตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นเซียร่าตกอยู่ในสภาพที่น่าเวทนาเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม พวกเขารีบดึงสติตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็ว และเริ่มช่วยเหลือเด็กหญิงที่กำลังบาดเจ็บ เนื่องจากเจอรัลด์มีความรู้เรื่องศิลปะการจัดกระดูก และชายวัยกลางคนก็มีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์อย่างล้นห
หลังจากนั้น เจอรัลด์ก็คุยกับชายคนนั้นต่อจนดึก อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะกลับมาที่ห้องของเขาแล้ว แต่เจอรัลด์ก็เลือกที่จะไม่นอน หลังจากที่เขาได้คุยกับชายคนนั้นแล้ว เจอรัลด์จึงตระหนักได้ว่า การฝึกตัวเองอย่างสม่ำเสมอนั้นสำคัญเพียงใด เพราะแม้ว่าวันนี้เฟลตันจะหวาดกลัวจนหนีกลับไป แต่เจอรัลด์ก็รู้ดีว่า ในที่สุดเขาจะกลับมาในรูปแบบที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ด้วยเหตุนี้ เจอรัลด์จึงนั่งขัดสมาธิในห้องของเขา ขณะที่เขาพยายามรำลึกถึงความทรงจำมากมายเกี่ยวกับเทพเจ้าที่ฝังอยู่ในหัวของเขา เขาได้รับความทรงจำเหล่านี้มาจากสุสานโบราณ ภายในพระราชวังที่ตั้งอยู่กลางทะเลทราย ในที่สุด เขาก็พบความทรงจำเกี่ยวกับเทคนิคการหายใจที่เก่าแก่มาก เจอรัลด์นึกถึงช่วงเวลาที่เขาพยายามฝึกฝนเทคนิคเหล่านั้น แม้ว่ามันจะไม่ประสบผลสำเร็จก็ตาม เขาจำได้ว่า ไม่ว่าเขาจะฝึกฝนอย่างหนักแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถทำให้มันถูกต้องได้เลย ตอนนั้นเขาทำได้เพียงฝึกฝนเทคนิคที่ชั่วร้าย วิชากลืนกินดวงวิญญาณจนสำเร็จ ชายผู้นี้เคยบอกกับเขาว่า หลังจากที่เขาได้รับศีลจุ่มจากสวรรค์แล้ว ก็ถือว่าเขาประสบความสำเร็จในการเข้าสู่อากรณาจักรแห่งโลกวิญญาณ หรือพูดอีกนัยหนึ่
แม้ว่าเธอจะประหลาดใจกับเรื่องนั้น แต่เธอก็ตกใจยิ่งกว่า เมื่อเห็นสภาพของเจอรัลด์ โมนิก้ายกมือขึ้นมาปิดปากราวกับว่าเธอกำลังมองสัตว์ประหลาด จากนั้นเธอก็พูดว่า “คุณ… เจอรัลด์ คุณฟื้นพลังแล้วเหรอ…?” "ใช่! พูดตามตรงนะ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเทคนิคการหายใจเหล่านั้นจะมีประโยชน์มากถึงขนาดนี้! พวกมันเป็นสมบัติที่ล้ำค่าอย่างแท้จริง!” เจอรัลด์พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ในขณะที่เขาจ้องมองไปที่มือทั้งสองข้างของตัวเอง “ค… คุณช่วยสอนเทคนิคแบบนั้นให้ฉันด้วยได้ไหม?” โมนิก้าถาม ในขณะที่ดวงตาของเธอเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าเธอสนใจที่จะเรียนรู้เทคนิคการหายใจ ที่ทั้งเจอรัลด์และชายวัยกลางคนสามารถทำได้ "ได้สิ! ถ้ามีโอกาสในอนาคต ฉันจะเลือกสอนเทคนิคที่เหมาะสมให้เธอสักอย่างสองอย่างแน่นอน!” เจอรัลด์ตอบด้วยรอยยิ้ม เมื่อมาถึงจุดนี้ เจอรัลด์ปฏิบัติต่อเธอในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงไม่ปฏิเสธที่จะสอนเทคนิคง่าย ๆ บางอย่างแก่เธอ เขาได้ระบุคำว่า 'เทคนิคที่เหมาะสมสำหรับเธอ' เนื่องจากการเรียนรู้บางอย่าง เช่น วิชาท้องฟ้าพิโรธนั้นค่อนข้างจะเป็นไปได้ยากสำหรับโมนิก้า ด้วยสภาพร่างกาย และทักษะปัจจุบันของเธอ ยิ่งไปกว่านั้น วิช
ผู้นำแห่งคิงวัลเลย์มีชื่อว่า รูเพิร์ท เยทแมนแม้ว่าชื่อนั้นจะฟังดูไม่โดดเด่นในหมู่คนทั่วไป แต่ก็เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงของผู้ที่มีอิทธิพลระดับโลก ซึ่งเห็นได้ชัดตั้งแต่ตอนที่เจอรัลด์เดินทางมาถึงที่นี่ ในขณะที่เขากำลังเดินตามไมลส์ไป เขาสังเกตเห็นป้ายต่าง ๆ มากมายติดแสดงไว้รอบ ๆ หุบเขา และป้ายเหล่านั้นก็คือภาพคนดังจากทั่วทุกมุมโลกนั่นเองเจอรัลด์พอจะเดาได้ว่า บุคคลที่อยู่ในภาพเหล่านั้นน่าจะเป็นคนที่เคยมาที่นี่เพื่อขอยาในขณะที่พวกเขาเดินต่อไป ไมลส์ยังอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า ชายคนนั้นได้มารู้จักกับผู้นำของหุบเขาแห่งนี้ได้อย่างไร อย่างที่ไมลส์ได้กล่าวไว้แล้วก่อนหน้านี้ ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นคนขับรถส่วนตัวของผู้นำของหุบเขาแห่งนี้ และในตอนนั้น ทั้งคู่ก็มักจะออกเดินทางด้วยกันอยู่บ่อยครั้งอย่างไรก็ตาม วันหนึ่งทั้งคู่เจอศัตรูที่ตั้งใจจะฆ่าพวกเขาให้ได้! สิ่งต่าง ๆ เลวร้ายจนไมลส์ถึงกับต้องแบกเจ้านายของตัวเองไว้บนหลัง ขณะที่พวกเขาหนีเอาชีวิตรอด!โชคยังดีที่ในที่สุดพวกเขาก็ได้พบกับชายคนนั้น ในขณะที่พวกเขายังคงพยายามจะหนีให้พ้นจากผู้ที่กำลังไล่ล่า ชายคนนั้นกำลังเดินทางกลับบ้าน และเห็นว่าพวกเขากำล
สำหรับกระบวนการสกัดและการผ่านความร้อนนั้น เจอรัลด์มีความทรงจำเกี่ยวกับทักษะที่เรียกว่าการควบคุมไฟ ซึ่งแม้มันจะลึกซึ้งกว่าวิธีการที่สลักไว้บนหน้าผา แต่มันก็สามารถปฏิบัติตามได้ง่ายกว่ามากอย่างไรก็ตาม เนื่องจากเจอรัลด์ไม่เคยฝึกฝนศิลปะการปรุงยามาก่อน มันจึงยากสำหรับเขาที่จะระบุข้อแตกต่างที่ละเอียดยิบย่อยกว่านั้นได้ในขณะที่เจอรัลด์กำลังจะกลับไปที่ห้องพัก หลังจากที่เขาดูวิธีปรุงยาที่สลักไว้บนผาหินเสร็จแล้ว เขาก็ได้ยินเสียงหวาน ดังมาจากข้างหลังว่า “สวัสดี สุดหล่อ! คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม? พอดีว่าว่าวของฉันมันติดอยู่บนต้นไม้ และฉันจะดีใจมากถ้าคุณช่วยเอามันลงมาให้ฉันหน่อย!”เจอรัลด์หันกลับไปเพื่อดูว่าใครคือเจ้าของเสียงนั้น และเขาก็ได้สบตากับหญิงสาวที่สวยและสดใสเป็นอย่างยิ่ง เธอกำลังสวมชุดกีฬาสีขาว และมัดผมหางม้า เธอกำลังจ้องมองเขาจากใต้ร่มไม้ของต้นไม้ต้นนั้น และสีหน้าของเธอก็ดูค่อนข้างเป็นกังวลเมื่อได้เห็นสีหน้าของเธอที่ดูเป็นทุกข์ เจอรัลด์ก็ไม่อยากที่จะปฏิเสธคำขอของเธอ ดังนั้นเขาจึงเดินตรงเข้าไปหาเธอจริงตามที่เธอบอก ว่าวนั้นลอยไปติดอยู่บนยอดไม้ และแม้ว่าเจอรัลด์จะสามารถนำมันลงมาให้เธอได
“ช่วยบอกฉันทีได้ไหมว่าพวกเธอจะพาฉันไปที่ไหน?” เจอรัลด์ถาม"ฮึ! หุบปากของนายจะดีกว่า ถ้ารู้ว่าอะไรดีสำหรับตัวเอง ไอ้คนเลว! หากทุกอย่างราบรื่น และนายปฏิบัติตามคำสั่งของพี่เฟลอร์ทั้งหมด เรารับประกันว่านายจะไม่เป็นอะไร! แต่ถ้ามีบางอย่างผิดพลาดแล้วล่ะก็ นายอาจจะต้องตายก็ได้นะ!” เยนนี่เย้ยหยันทันทีที่เธอพูดจบ บอดี้การ์ดสองคน ซึ่งเป็นคนของเยนนี่ ก็รีบเข้ามาจับตัวเจอรัลด์ทันทีที่ตาข่ายลดระดับลงมาจากต้นไม้ หลังจากมัดข้อมือและขาของเจอรัลด์อย่างแน่นหนาด้วยโซ่เหล็กแล้ว พวกเขาก็ผลักเขาเข้าไปในรถ'เด็กพวกนี้เป็นบ้าอะไรกัน? ถ้าไม่ใช่เพราะฉันต้องมาขอยาแล้วล่ะก็ ฉันคงจะทุบพวกมันจนเละไปแล้ว โทษฐานที่พวกมันหลอกฉันก่อนหน้านี้!' เจอรัลด์คิดกับตัวเองแม้จะไม่พอใจ แต่เขาก็สงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็วและทำตามสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ จากนั้นเจอรัลด์ก็เฝ้าสังเกตุการณ์ขณะที่ขบวนรถแล่นออกจากหุบเขาไป...ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงอาคารขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเหมือนสนามกีฬา ที่ทางเข้าอาคาร จะเห็นรถหรูหลายคันรวมตัวกันอยู่ที่นั่น ชายและหญิงที่แต่งตัวดูดีมีชาติตระกูลจำนวนหนึ่งกำลังเดินเข้าออกอาคารนั้นเช่นกันเมื่อมองไปที่บ