ด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ทุกคนเริ่มมารวมตัวกันรอบ ๆ พวกผู้หญิงที่กำลังกรีดร้องขณะที่พวกเขาถาม “เกิดอะไรขึ้น?!” อย่างไรก็ดี คำตอบสำหรับคำถามนั้นชัดขึ้นในทันที เมื่อพวกเขามองไปยังทิศทางที่พวกผู้หญิงกรีดร้องกำลังเบิกตากว้างจ้องมอง ที่นอนอยู่บนเนินทรายคือร่างที่ตายแล้วสองศพ! ภายใต้แสงจันทร์ ศพเหล่านั้นดูเหมือนว่าพวกเขาถูกดูดเลือดจนแห้ง ด้วยผิวหนังของพวกเขาเกาะติดแนบอยู่กับลำตัวหลังจากของเหลวภายในทั้งหมดถูกดูดออกไปจนสิ้น “พวกนั้น…พวกนั้นคือมินนี่และฮวน!” บางคนร้องออกมาจากภายใน ขณะการค้นหาซึ่งจำเสื้อผ้าที่ศพสวมใส่อยู่ได้ “สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ยังไง…? เป็นเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเองนะ!” ศาตราจารย์เยลกล่าว แม้ศาตราจารย์จะมีประสบการณ์มากมายในสาขาของเขา แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเหตุการณ์พลิกผัน ณ ปัจจุบันช่างน่าเหลือเชื่อโดยสิ้นเชิง ภาพของร่างที่ตายสองศพนั้นอย่างเดียวก็ทำให้เขาขนหัวลุกแล้ว! “…มันเป็น…เป็นพี่เลี้ยงคาปรา…เธออยู่นี่!” ผู้เชี่ยวชาญแห่งทะเลทรายพูดตะกุกตะกักขึ้นด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะกลืนน้ำลายอึก เมื่อได้ยินแบบนั้น ทุกคนก็เริ่มยิ่งตกใจกลัวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้พวกเขาเกา
อย่างที่ผู้เชี่ยวชาญแห่งทะเลทรายกล่าวไปก่อนหน้านี้ สัตว์ประหลาดแทบจะยิงลูกกระสุนไม่เข้าเลย เนื่องจากผิวหนังที่เหนียวทนทานอย่างมากของมัน “อะไรเนี่ย?!” วินน์ตะโกนขึ้น รู้สึกตกตะลึง แม้ว่าลูกกระสุนไม่ได้ทำให้มันบาดเจ็บ แต่สัตว์ประหลาดก็โกรธจัดกับการโจมตีของวินน์! เมื่อพุ่งเข้าหาเขา จากนั้นสัตว์ประหลาดก็ลุกยืนขึ้น และคว้าคอเสื้อของวินน์ก่อนจะโยนเขาขึ้นไปในอากาศ! ไม่กี่วินทีต่อมา วินน์ก็พบว่าตัวเองกำลังตกลงบนพื้นทราย หลังจากชั่วครู่สั้น ๆ เขาก็เริ่มกระอักเลือดออกมาจากปากของเขาเช่นกัน! “ช ช่างแข็งแกร่งมาก!” ศาสตราจารย์เยลที่หน้าซีดไปแล้ว จากความตกในกลัวพูดตะกุกตะกักออกมา ขณะที่เขานำกลุ่มของนักวิจัยของเขาไปทางด้านหลัง เมื่อวินน์ไปพ้นทางแล้วในตอนนี้ สัตว์ประหลาดจึงหันไปเผชิญหน้าเจอรัลด์อีกครั้ง เป้าหมายหลักของมันตั้งแต่แรก แค่มองดูเขา เธอก็สัมผัสได้แล้วว่าเจอรัลด์แข็งแกร่งและร้ายกาจอย่างไร ทันทีที่เธอพุ่งใส่เขา เจอรัลด์ก็ส่งให้เธอบินลอยกลับไปข้างหลังด้วยลูกเตะอันทรงพลัง! แม้สัตว์ประหลาดมีผิวหนังหนา แต่เจอรัลด์ยังคงเป็นกึ่งปรมาจารย์คนหนึ่ง พูดง่าย ๆ ไม่มีทางที่มันจะรับมือกับกำลังภา
หลังจากวิ่งมาได้ระยะหนึ่ง ในที่สุดเจอรัลด์ก็มาถึงเทือกเขาทรายพันปี เมื่อมาถึงเขาก็รู้ได้โดยทันทีว่าทำไมพื้นที่นี้ถึงถูกตั้งชื่อแบบนั้น ด้วยเนินทรายจำนวนไม่น้อยกว่าพันเนินที่ทับซ้อนกันและกันอยู่ จึงชัดเจนว่าเป็นแรงบันดาลใจในการตั้งชื่อของพื้นที่นี้ อย่างไรก็ตาม แม้หลังจากมองดูรอบ ๆ ได้สักพัก เขาก็ยังคงไม่สามารถตามหาบ่อน้ำโบราณที่ผู้เชี่ยวชาญแห่งทะเลทรายเอ่ยถึงเจอได้ เป็นเวลาต่อมา หลังจากการเดินดูรอบ ๆ พักหนึ่ง เมื่อจมูกของเขาได้กลิ่นแปลก ๆ ทำให้เขาต้องมองลงดูในทันที ตรงแทบเท้าของเขาคือแอ่งเลือด! เมื่อหรี่ตามอง เขาเห็นว่าเลือดมีร่องรอยของสีเขียวเข้มอยู่ในนั้น สิ่งนั้นเพียงอย่างเดียว จึงเพียงพอที่จะบอกเขาได้แล้วว่าเลือดเป็นของสัตว์ร้ายตัวนั้น แม้ในตอนแรกพี่เลี้ยงคาปราไม่ได้มีปฏิกิริยามากนัก หลังจากดอนเบรกเกอร์ของเจอรัลด์แทงเข้าที่หน้าอกของเธอ แต่เจอรัลด์มั่นใจว่าเขาทำร้ายสัตว์ร้ายตัวนั้นได้สำเร็จ ผลต่อมาจึงทำให้มันเจ็บปวดอย่างมาก อย่าลืมว่า ไม่ว่าการป้องกันของอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งเพียงใด พวกเขาก็จะยังคงได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อพวกเขาถูกโจมตีด้วยดอนเบรกเกอร์อยู่ดี! โดยการเดินตาม
“โกหก! ฉันจะไม่มีทางจำนายผิดเป็นคนอื่นหรอก!” กีย่าตอบกลับแทบจะในทันที ขณะที่เธอเกาะแน่นขึ้นพร้อมกับเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธอด้วยมือที่ว่างอีกข้าง “คุณผู้หญิง ผมขื่อซาเดรียน…ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าเจอรัลด์คนนี้เป็นใคร! เขาอาจเป็นคนที่อุ้มคุณซึ่งคุณเคยเอ่ยถึงก่อนหน้านี้หรือเปล่า…? ผมดูคล้ายกับเขามากขนาดนั้นเลยเหรอ?” เจอรัลด์ถามด้วยน้ำเสียงเฉยเมย เจอรัลด์มีเวลามากมายในการฝึกทำใบหน้าเฉยเมย เพราะเขาทำแบบนั้นมาตั้งแต่นาทีที่เขาบังเอิญพบกีย่าเป็นครั้งแรกในวันนั้นแล้ว หลังจากมองเห็นว่าสีหน้าของเขาเฉยเมยอย่างไร เธอจึงค่อย ๆ เริ่มรู้สึกว่าเธอไม่คุ้นเคยกับชายแปลกหน้าผู้นี้จริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้น เสียงของเขาก็แตกต่างไปจากเจอรัลด์ที่เธอรู้จัก เจอรัลด์คนที่กีย่าตกหลุมรักค่อนข้างผอมบาง เงียบขรึม และมีผิวขาว ในขณะที่บุคคลตรงหน้าเธอคล้ายกับเขาอย่างมาก แต่เขากำยำ แข็งแรง มากกว่ามากและมีผิวสีแทนกว่าเจอรัลด์เล็กน้อย แม้กระนั้น คนสองคนที่อาศัยอยู่ในโลกใบเดียวกันจะดูเหมือนกันได้ขนาดนี้เลยเหรอ…? “…อืม ใช่…คุณทั้งคู่คล้ายกันและกันมาก…คุณมั่นใจนะว่าคุณไม่ได้โกหกฉัน…?” กีย่าถาม “อีกครั้งนะ ผมชื่อซาเด
“เอาล่ะ วิธีเดียวที่จะรู้ได้ก็คือพยายามผลักมันเปิดออก ใช่ไหม?” เมเรดิธกล่าวเสริม “แน่นอน ในขณะที่ผมทำแบบนั้น พวกคุณก็ควรถอยออกไปเล็กน้อย!” เจอรัลด์ตอบกลับพร้อมกับพยักหน้า ตามข่าวลือที่ปู่ของเขาเคยได้ยินมาจากทั่วโลก และต่อมาก็เล่าให้เจอรัลด์ฟัง ทรัพย์สมบัติทั้งหลายมักจะถูกซ่อนไว้ในสถานที่ซึ่งได้รับการคุ้มกันโดยสัตว์ร้ายหรือสัตว์ประหลาดแปลก ๆ รูปวาดดวงอาทิตย์เองก็ถูกค้นพบโดยบรรพบุรุษของตระกูลของเขาภายในถ้ำที่ตั้งอยู่ในป่าทึบแห่งหนึ่ง ในตอนนั้น มันได้รับการปกป้องโดยลิงขาวกินคนขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง และบรรพบุรุษหลายคนของเขาก็เสียชีวิตก่อนที่ในท้ายที่สุดจะประสบผลสำเร็จในการเอารูปภาพนั้นมาได้ เนื่องจากเจอรัลด์ก็อยู่ที่นี่แล้วอยู่ดี เขาอาจเข้าไปดูเช่นกันก็ได้ เจอรัลด์บอกให้พวกผู้หญิงถอยห่างออกไปเนื่องจากประตูหินดูหนักอย่างไรนั้น เขารู้ว่าเขาจำเป็นต้องใช้กำลังภายในของเขาเพื่อเปิดมัน เขาเกรงว่าถ้าพวกเธออยู่ใกล้เขามากเกินไป พวกเธออาจได้รับบาดเจ็บในท้ายที่สุด เมื่อพวกเธออยู่ในระยะที่ปลอดภัยแล้ว เจอรัลด์ก็เริ่มสัมผัสรอบ ๆ ประตูหินเพื่อหาจุดอ่อน หลังจากจัดการหามันเจอแล้ว เขาก็สูดหายใจเข้าลึก
เมื่อเดินไปดูด้วยตัวเอง เขาก็ต้องเห็นด้วยกับเธอว่าพวกมันดูแปลกอย่างไร จากสิ่งที่เขาเห็นได้ จิตรกรรมฝาผนังแสดงให้เห็นว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ในตอนนั้นดำเนินชีวิตของพวกเขากันอย่างไร แต่กระนั้น บานคนที่ถูกวาดลงบนนั้นก็ดูแปลกประหลาดอย่างยิ่ง พูดง่าย ๆ จิตรกรรมฝาผนังดูเหมือนจะบอกเล่าเรื่องราว เมื่อตรวจสอบดูอย่างใกล้ชิด ดูเหมือนว่าพวกมันจะเล่าเรื่องของสิ่งของต่าง ๆ ที่ถูกซ่อนไว้ในห้องหินนี้ เมื่อสังเกตเห็นว่ากีย่ากำลังมองดูจิตรกรรมฝาผนังอย่างตั้งใจเช่นกัน จากนั้นเจอรัลด์จึงถามขึ้น “คุณเข้าใจสิ่งที่จิตรกรรมฝาผนังพยายามจะบอกใช่ไหม กีย่า?” “…อ อะไรนะ? คุณ…คุณเพิ่งเรียกฉันว่าอะไรนะ?” กีย่าถามขณะที่เธอกลับมามีสติในทันที และจ้องไปที่เจอรัลด์ ด้วยสีหน้าว่างเปล่าบนใบหน้าของเธอ “…ทำไมล่ะ กีย่าอย่างแน่นอน! ผมจำชื่อคุณไม่ผิดหรอก ใช่ไหม? อย่างไรซะ ผมก็เคยได้ยินผู้คนไม่กี่คนเรียกคุณแบบนั้นในขณะนี้!” “…ค คุณเข้าใจถูกแล้ว…ฉันชื่อกีย่า ใช่ค่ะ…” กีย่าตอบกลับ ขณะที่เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอสั่นไหวเล็กน้อย เมื่อสลัดความรู้สึกนั้นออกไป จากนั้นเธอก็ตอบกลับ “…ฉันสามารถเข้าใจบางส่วน…แต่เรื่องเล่าที
ขณะที่ฝุ่นผงปลิวใส่ใบหน้าของเจอรัลด์ ทั้งเมเรดิธและกีย่าก็เดินไปหาเขา เมื่อฝุ่นจางลง ก่อนจะแอบมองเข้าไปในกล่องเช่นกัน ด้านในมีดาบยาวเล่มหนึ่งที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่น ทั้ง ๆ ที่มีฝุ่นเกาะอยู่ แต่นั่นก็ไม่เพียงพอที่จะซ่อนประกายแสงอันเจิดจ้าของดาบได้เลย อันที่จริงมันแวววาวมาก จนพวกเขาทั้งสามคนรู้สึกว่าแม้แต่ผู้คนที่เห็นมันจากระยะไกล ๆ ก็คงจะรู้สึกเสียวสันหลังวาบแน่ เมื่อพวกเขาเห็นความแวววาวของดาบเล่มนี้ “…ทั้ง ๆ ที่มันอาจมีอายุหลายพันปีแล้ว แต่ดาบก็ยังคงดูค่อนข้างคมกริบอยู่!” เมเรดิธกล่าว ขณะที่เธอพยายามที่จะหยิบดาบขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม กีย่าเอง ที่ไม่ได้ดูสนใจในตัวดาบเป็นพิเศษ เพียงหันกลับไปมองที่จิตรกรรมฝาผนังเท่านั้น “ห หนัก…!” เมเรดิธคร่ำครวญออกมา ขณะที่เธอยังคงพยายามจะยกดาบต่อไป มันเกือบจะรู้สึกเหมือนกับว่าดาบติดอยู่กับด้านล่างของกล่องหินเลย “ให้ผมลองดู!” เจอรัลด์กล่าว ขณะที่เขาเอื้อมไปจับด้ามดาบ โดยใช้แรงเล็กน้อย เจอรัลด์ก็สามารถยกดาบขึ้นได้อย่างง่ายดาย “มันก็ไม่ได้หนักขนาดนั้นเลยจริง ๆ หนิ!” เจอรัลด์กล่าวเสริมพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ขณะที่เขาสะบัดข้อมือของเขาเล็กน้อยเพื่อเขย่าฝุ่นอ
เมื่อพวกเขาทั้งสามคนออกมาจากบ่อน้ำโบราณ มันก็ดึกแล้วและดวงจันทร์ก็อยู่สูงบนท้องฟ้า จากนั้นเจอรัลด์จึงนำสองสาวกลับไปยังสิ่งก่อสร้างที่ทรุดโทรม เมื่อพวกเขามาถึงที่นั่น พวกเขาก็เห็นฝูงชนกับมารวมตัวกันอีกครั้ง แม้แต่ศาสตราจารย์เยลและนักวิจัยคนอื่น ๆ ก็อยู่ที่นั่นกัน ก่อนหน้านี้พวกเขาย้อนกลับมายังที่พัก เมื่อพวกเขาตระหนักได้ว่าไม่มีทางที่พวกเขาจะสามารถตามเจอรัลด์ไปได้ทันเลย นอกเหนือจากคนที่ตายแล้วทั้งสองคน คนอื่นเพียงคนเดียวที่ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสก็คือวินน์ และเขาก็มีไข้สูงเช่นกัน แม้คนอื่น ๆ จะทำได้ดี แต่พวกเขาทั้งหมดก็รู้สึกกระสับกระส่ายด้วยความกลัวไม่แพ้กันเลย ตอนนี้ที่เจอรัลด์อยู่ที่นี่ อย่างไรก็ดี ในที่สุดพวกเขาทั้งหมดก็ผ่อนคลายกันได้บ้างเล็กน้อยหลังจากเผชิญเรื่องมากมายในวันนี้กัน ขณะที่คนอื่น ๆ พักผ่อน เจอรัลด์เองก็ยังคงตื่นอยู่ หลังจากจุดกองไฟแล้ว เขาก็คอยคุ้มกันให้คนอื่น ๆ ในขณะที่ทำให้แน่ใจว่าได้โยนฟืนลงในกองไฟอุ่น ๆ เป็นครั้งคราว ในทางกลับกัน เมเรดิธและกีย่าก็ตื่นอยู่เช่นกัน พวกเธอทั้งคู่จับตาดู ในขณะที่ยังคงจ้องไปที่เจอรัลด์ต่อไป ซึ่งในเวลานี้กำลังนั่งอยู่ใกล้ทางเข้า ม