“เป็นเวลาหลังจากพลบค่ำเล็กน้อยในตอนนั้น…ก็เหมือนกับในตอนนี้! ดวงอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไป และมันก็เริ่มมืดลงมากขึ้น…ขณะนั้นพวกเราบังเอิญพบแม่น้ำแห่งหนึ่ง และพ่อของผมก็เล่าให้ผมฟังว่าพวกเราจะตั้งแคมป์กันที่นั่น เมื่อทุกอย่างจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็มุ่งหน้าไปที่แม่น้ำเพื่อเก็บน้ำไว้สำหรับวันต่อไป…เมื่อเข้าไปใกล้แม่น้ำด้วยกัน ก็เป็นตอนนั้นเองที่ผมเห็นเธอ!” ขณะที่ทุกคนเบิกตากว้างจ้องมองไปที่ผู้เชี่ยวชาญแห่งทะเลทราย เขาก็เล่าต่อ “พี่เลี้ยงคาปรากำลังดื่มน้ำอยู่ริมแม่น้ำ และแม้ผมไม่สามารถเห็นหน้าเธอได้อย่างเหมาะสมภายใต้แสงแสงจันทร์ แต่ผมจำได้ชัดเจนว่าเธอมีลิ้นยาวมาก และผมของเธอก็ยาวและยุ่งหยิง” “เมื่อพวกเราหยุดชะงักลงระหว่างทาง หญิงชราก็เงยหน้าขึ้นและสบตากับพวกเรา เป็นเวลาแค่ชั่วครู่สั้น ๆ เท่านั้น แต่ตาทั้งคู่ของเธอเป็นสีเขียว! ขอบคุณ พ่อของผมทำให้ผมตื่นจากภวังค์ได้ทันเวลาพอดี ขณะที่เขาตะโกนขึ้น ‘อย่ามองเธอ บิลลี่! หันหลังกลับ เดี๋ยวนี้!’” “เมื่อกล่าวไปแบบนั้นแล้ว พ่อของผมก็หันหลังกลับในทันทีและคุกเข่าลงกับพื้นทราย ผมก็ทำแบบเดียวกัน จำได้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยบอกผมหากใครได้พบกับพี่เลี้
ด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ทุกคนเริ่มมารวมตัวกันรอบ ๆ พวกผู้หญิงที่กำลังกรีดร้องขณะที่พวกเขาถาม “เกิดอะไรขึ้น?!” อย่างไรก็ดี คำตอบสำหรับคำถามนั้นชัดขึ้นในทันที เมื่อพวกเขามองไปยังทิศทางที่พวกผู้หญิงกรีดร้องกำลังเบิกตากว้างจ้องมอง ที่นอนอยู่บนเนินทรายคือร่างที่ตายแล้วสองศพ! ภายใต้แสงจันทร์ ศพเหล่านั้นดูเหมือนว่าพวกเขาถูกดูดเลือดจนแห้ง ด้วยผิวหนังของพวกเขาเกาะติดแนบอยู่กับลำตัวหลังจากของเหลวภายในทั้งหมดถูกดูดออกไปจนสิ้น “พวกนั้น…พวกนั้นคือมินนี่และฮวน!” บางคนร้องออกมาจากภายใน ขณะการค้นหาซึ่งจำเสื้อผ้าที่ศพสวมใส่อยู่ได้ “สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ยังไง…? เป็นเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเองนะ!” ศาตราจารย์เยลกล่าว แม้ศาตราจารย์จะมีประสบการณ์มากมายในสาขาของเขา แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเหตุการณ์พลิกผัน ณ ปัจจุบันช่างน่าเหลือเชื่อโดยสิ้นเชิง ภาพของร่างที่ตายสองศพนั้นอย่างเดียวก็ทำให้เขาขนหัวลุกแล้ว! “…มันเป็น…เป็นพี่เลี้ยงคาปรา…เธออยู่นี่!” ผู้เชี่ยวชาญแห่งทะเลทรายพูดตะกุกตะกักขึ้นด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะกลืนน้ำลายอึก เมื่อได้ยินแบบนั้น ทุกคนก็เริ่มยิ่งตกใจกลัวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้พวกเขาเกา
อย่างที่ผู้เชี่ยวชาญแห่งทะเลทรายกล่าวไปก่อนหน้านี้ สัตว์ประหลาดแทบจะยิงลูกกระสุนไม่เข้าเลย เนื่องจากผิวหนังที่เหนียวทนทานอย่างมากของมัน “อะไรเนี่ย?!” วินน์ตะโกนขึ้น รู้สึกตกตะลึง แม้ว่าลูกกระสุนไม่ได้ทำให้มันบาดเจ็บ แต่สัตว์ประหลาดก็โกรธจัดกับการโจมตีของวินน์! เมื่อพุ่งเข้าหาเขา จากนั้นสัตว์ประหลาดก็ลุกยืนขึ้น และคว้าคอเสื้อของวินน์ก่อนจะโยนเขาขึ้นไปในอากาศ! ไม่กี่วินทีต่อมา วินน์ก็พบว่าตัวเองกำลังตกลงบนพื้นทราย หลังจากชั่วครู่สั้น ๆ เขาก็เริ่มกระอักเลือดออกมาจากปากของเขาเช่นกัน! “ช ช่างแข็งแกร่งมาก!” ศาสตราจารย์เยลที่หน้าซีดไปแล้ว จากความตกในกลัวพูดตะกุกตะกักออกมา ขณะที่เขานำกลุ่มของนักวิจัยของเขาไปทางด้านหลัง เมื่อวินน์ไปพ้นทางแล้วในตอนนี้ สัตว์ประหลาดจึงหันไปเผชิญหน้าเจอรัลด์อีกครั้ง เป้าหมายหลักของมันตั้งแต่แรก แค่มองดูเขา เธอก็สัมผัสได้แล้วว่าเจอรัลด์แข็งแกร่งและร้ายกาจอย่างไร ทันทีที่เธอพุ่งใส่เขา เจอรัลด์ก็ส่งให้เธอบินลอยกลับไปข้างหลังด้วยลูกเตะอันทรงพลัง! แม้สัตว์ประหลาดมีผิวหนังหนา แต่เจอรัลด์ยังคงเป็นกึ่งปรมาจารย์คนหนึ่ง พูดง่าย ๆ ไม่มีทางที่มันจะรับมือกับกำลังภา
หลังจากวิ่งมาได้ระยะหนึ่ง ในที่สุดเจอรัลด์ก็มาถึงเทือกเขาทรายพันปี เมื่อมาถึงเขาก็รู้ได้โดยทันทีว่าทำไมพื้นที่นี้ถึงถูกตั้งชื่อแบบนั้น ด้วยเนินทรายจำนวนไม่น้อยกว่าพันเนินที่ทับซ้อนกันและกันอยู่ จึงชัดเจนว่าเป็นแรงบันดาลใจในการตั้งชื่อของพื้นที่นี้ อย่างไรก็ตาม แม้หลังจากมองดูรอบ ๆ ได้สักพัก เขาก็ยังคงไม่สามารถตามหาบ่อน้ำโบราณที่ผู้เชี่ยวชาญแห่งทะเลทรายเอ่ยถึงเจอได้ เป็นเวลาต่อมา หลังจากการเดินดูรอบ ๆ พักหนึ่ง เมื่อจมูกของเขาได้กลิ่นแปลก ๆ ทำให้เขาต้องมองลงดูในทันที ตรงแทบเท้าของเขาคือแอ่งเลือด! เมื่อหรี่ตามอง เขาเห็นว่าเลือดมีร่องรอยของสีเขียวเข้มอยู่ในนั้น สิ่งนั้นเพียงอย่างเดียว จึงเพียงพอที่จะบอกเขาได้แล้วว่าเลือดเป็นของสัตว์ร้ายตัวนั้น แม้ในตอนแรกพี่เลี้ยงคาปราไม่ได้มีปฏิกิริยามากนัก หลังจากดอนเบรกเกอร์ของเจอรัลด์แทงเข้าที่หน้าอกของเธอ แต่เจอรัลด์มั่นใจว่าเขาทำร้ายสัตว์ร้ายตัวนั้นได้สำเร็จ ผลต่อมาจึงทำให้มันเจ็บปวดอย่างมาก อย่าลืมว่า ไม่ว่าการป้องกันของอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งเพียงใด พวกเขาก็จะยังคงได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อพวกเขาถูกโจมตีด้วยดอนเบรกเกอร์อยู่ดี! โดยการเดินตาม
“โกหก! ฉันจะไม่มีทางจำนายผิดเป็นคนอื่นหรอก!” กีย่าตอบกลับแทบจะในทันที ขณะที่เธอเกาะแน่นขึ้นพร้อมกับเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธอด้วยมือที่ว่างอีกข้าง “คุณผู้หญิง ผมขื่อซาเดรียน…ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าเจอรัลด์คนนี้เป็นใคร! เขาอาจเป็นคนที่อุ้มคุณซึ่งคุณเคยเอ่ยถึงก่อนหน้านี้หรือเปล่า…? ผมดูคล้ายกับเขามากขนาดนั้นเลยเหรอ?” เจอรัลด์ถามด้วยน้ำเสียงเฉยเมย เจอรัลด์มีเวลามากมายในการฝึกทำใบหน้าเฉยเมย เพราะเขาทำแบบนั้นมาตั้งแต่นาทีที่เขาบังเอิญพบกีย่าเป็นครั้งแรกในวันนั้นแล้ว หลังจากมองเห็นว่าสีหน้าของเขาเฉยเมยอย่างไร เธอจึงค่อย ๆ เริ่มรู้สึกว่าเธอไม่คุ้นเคยกับชายแปลกหน้าผู้นี้จริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้น เสียงของเขาก็แตกต่างไปจากเจอรัลด์ที่เธอรู้จัก เจอรัลด์คนที่กีย่าตกหลุมรักค่อนข้างผอมบาง เงียบขรึม และมีผิวขาว ในขณะที่บุคคลตรงหน้าเธอคล้ายกับเขาอย่างมาก แต่เขากำยำ แข็งแรง มากกว่ามากและมีผิวสีแทนกว่าเจอรัลด์เล็กน้อย แม้กระนั้น คนสองคนที่อาศัยอยู่ในโลกใบเดียวกันจะดูเหมือนกันได้ขนาดนี้เลยเหรอ…? “…อืม ใช่…คุณทั้งคู่คล้ายกันและกันมาก…คุณมั่นใจนะว่าคุณไม่ได้โกหกฉัน…?” กีย่าถาม “อีกครั้งนะ ผมชื่อซาเด
“เอาล่ะ วิธีเดียวที่จะรู้ได้ก็คือพยายามผลักมันเปิดออก ใช่ไหม?” เมเรดิธกล่าวเสริม “แน่นอน ในขณะที่ผมทำแบบนั้น พวกคุณก็ควรถอยออกไปเล็กน้อย!” เจอรัลด์ตอบกลับพร้อมกับพยักหน้า ตามข่าวลือที่ปู่ของเขาเคยได้ยินมาจากทั่วโลก และต่อมาก็เล่าให้เจอรัลด์ฟัง ทรัพย์สมบัติทั้งหลายมักจะถูกซ่อนไว้ในสถานที่ซึ่งได้รับการคุ้มกันโดยสัตว์ร้ายหรือสัตว์ประหลาดแปลก ๆ รูปวาดดวงอาทิตย์เองก็ถูกค้นพบโดยบรรพบุรุษของตระกูลของเขาภายในถ้ำที่ตั้งอยู่ในป่าทึบแห่งหนึ่ง ในตอนนั้น มันได้รับการปกป้องโดยลิงขาวกินคนขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง และบรรพบุรุษหลายคนของเขาก็เสียชีวิตก่อนที่ในท้ายที่สุดจะประสบผลสำเร็จในการเอารูปภาพนั้นมาได้ เนื่องจากเจอรัลด์ก็อยู่ที่นี่แล้วอยู่ดี เขาอาจเข้าไปดูเช่นกันก็ได้ เจอรัลด์บอกให้พวกผู้หญิงถอยห่างออกไปเนื่องจากประตูหินดูหนักอย่างไรนั้น เขารู้ว่าเขาจำเป็นต้องใช้กำลังภายในของเขาเพื่อเปิดมัน เขาเกรงว่าถ้าพวกเธออยู่ใกล้เขามากเกินไป พวกเธออาจได้รับบาดเจ็บในท้ายที่สุด เมื่อพวกเธออยู่ในระยะที่ปลอดภัยแล้ว เจอรัลด์ก็เริ่มสัมผัสรอบ ๆ ประตูหินเพื่อหาจุดอ่อน หลังจากจัดการหามันเจอแล้ว เขาก็สูดหายใจเข้าลึก
เมื่อเดินไปดูด้วยตัวเอง เขาก็ต้องเห็นด้วยกับเธอว่าพวกมันดูแปลกอย่างไร จากสิ่งที่เขาเห็นได้ จิตรกรรมฝาผนังแสดงให้เห็นว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ในตอนนั้นดำเนินชีวิตของพวกเขากันอย่างไร แต่กระนั้น บานคนที่ถูกวาดลงบนนั้นก็ดูแปลกประหลาดอย่างยิ่ง พูดง่าย ๆ จิตรกรรมฝาผนังดูเหมือนจะบอกเล่าเรื่องราว เมื่อตรวจสอบดูอย่างใกล้ชิด ดูเหมือนว่าพวกมันจะเล่าเรื่องของสิ่งของต่าง ๆ ที่ถูกซ่อนไว้ในห้องหินนี้ เมื่อสังเกตเห็นว่ากีย่ากำลังมองดูจิตรกรรมฝาผนังอย่างตั้งใจเช่นกัน จากนั้นเจอรัลด์จึงถามขึ้น “คุณเข้าใจสิ่งที่จิตรกรรมฝาผนังพยายามจะบอกใช่ไหม กีย่า?” “…อ อะไรนะ? คุณ…คุณเพิ่งเรียกฉันว่าอะไรนะ?” กีย่าถามขณะที่เธอกลับมามีสติในทันที และจ้องไปที่เจอรัลด์ ด้วยสีหน้าว่างเปล่าบนใบหน้าของเธอ “…ทำไมล่ะ กีย่าอย่างแน่นอน! ผมจำชื่อคุณไม่ผิดหรอก ใช่ไหม? อย่างไรซะ ผมก็เคยได้ยินผู้คนไม่กี่คนเรียกคุณแบบนั้นในขณะนี้!” “…ค คุณเข้าใจถูกแล้ว…ฉันชื่อกีย่า ใช่ค่ะ…” กีย่าตอบกลับ ขณะที่เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอสั่นไหวเล็กน้อย เมื่อสลัดความรู้สึกนั้นออกไป จากนั้นเธอก็ตอบกลับ “…ฉันสามารถเข้าใจบางส่วน…แต่เรื่องเล่าที
ขณะที่ฝุ่นผงปลิวใส่ใบหน้าของเจอรัลด์ ทั้งเมเรดิธและกีย่าก็เดินไปหาเขา เมื่อฝุ่นจางลง ก่อนจะแอบมองเข้าไปในกล่องเช่นกัน ด้านในมีดาบยาวเล่มหนึ่งที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่น ทั้ง ๆ ที่มีฝุ่นเกาะอยู่ แต่นั่นก็ไม่เพียงพอที่จะซ่อนประกายแสงอันเจิดจ้าของดาบได้เลย อันที่จริงมันแวววาวมาก จนพวกเขาทั้งสามคนรู้สึกว่าแม้แต่ผู้คนที่เห็นมันจากระยะไกล ๆ ก็คงจะรู้สึกเสียวสันหลังวาบแน่ เมื่อพวกเขาเห็นความแวววาวของดาบเล่มนี้ “…ทั้ง ๆ ที่มันอาจมีอายุหลายพันปีแล้ว แต่ดาบก็ยังคงดูค่อนข้างคมกริบอยู่!” เมเรดิธกล่าว ขณะที่เธอพยายามที่จะหยิบดาบขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม กีย่าเอง ที่ไม่ได้ดูสนใจในตัวดาบเป็นพิเศษ เพียงหันกลับไปมองที่จิตรกรรมฝาผนังเท่านั้น “ห หนัก…!” เมเรดิธคร่ำครวญออกมา ขณะที่เธอยังคงพยายามจะยกดาบต่อไป มันเกือบจะรู้สึกเหมือนกับว่าดาบติดอยู่กับด้านล่างของกล่องหินเลย “ให้ผมลองดู!” เจอรัลด์กล่าว ขณะที่เขาเอื้อมไปจับด้ามดาบ โดยใช้แรงเล็กน้อย เจอรัลด์ก็สามารถยกดาบขึ้นได้อย่างง่ายดาย “มันก็ไม่ได้หนักขนาดนั้นเลยจริง ๆ หนิ!” เจอรัลด์กล่าวเสริมพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ขณะที่เขาสะบัดข้อมือของเขาเล็กน้อยเพื่อเขย่าฝุ่นอ
พวกเขาได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วในตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่มีใครหรือรถคันอื่นใดอยู่รอบ ๆ เลยแม้แต่คันเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ยังอยู่ในรถเพียงลำพังด้วยนั่นหมายความว่าสถานการณ์ที่ผู้เฒ่าฟลินท์พบกับอุบัติเหตุนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่งในวิดีโอที่ได้จากกล้องวงจรปิดนั้นแสดงให้เห็นว่ารถของผู้เฒ่าฟลินท์ลื่นไถลและหลุดการควบคุมไปเองในทันทีเจอรัลด์และเรย์ได้รับการปล่อยตัวในช่วงบ่ายนั้นเองพวกเขานั่งแท็กซี่กลับไปที่สำนักงานระหว่างทางกลับ เรย์มองเจอรัลด์ด้วยสีหน้างุนงงอย่างหนักแล้วถามว่า “เจอรัลด์ คุณคิดเห็นยังไงกับการตายของผู้เฒ่าฟลินท์?เขาตายได้ยังไง?”ใบหน้าของเจอรัลด์เคร่งเครียดมาก เขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็มั่นใจว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดาแน่นอน“นี่หมายความว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดยังไม่ตายเหรอ?”วินาทีต่อมา ความคิดอันบ้าบิ่นก็ผุดขึ้นในใจของเรย์เจอรัลด์รู้สึกว่าการคาดเดานี้เป็นไปได้น้อยมาก นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดตายไปต่อหน้าต่อตาเขาเอง แล้วเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?“เรากลับก่อนเถอะ บางทีมันอาจจะเป็นแค่อุบัติเหตุจริง ๆ ก็ได้!”เจอรัลด์บอก
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เจอรัลด์และเรย์ยังคงหลับอยู่ กริ่งที่ประตูก็ปลุกพวกเขาให้ตื่นเรย์เดินออกจากห้องไปที่ประตูในลักษณะกึ่งหลับกึ่งตื่นแล้วเปิดประตูออกเมื่อประตูถูกเปิดออก เขาก็ได้เห็นชายสองสามคนซึ่งกำลังสวมเครื่องแบบยืนอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นตราบนเครื่องแบบของพวกเขา พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้มาจากรัฐบาลกลาง“ขออภัย คุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ดและคุณเรย์ เลห์ตันอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาถามเรย์พยักหน้าและตอบว่า “ผมนี่แหละเรย์ มีอะไรเหรอ?""พาเขาออกไป!"เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเรย์ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็สั่งคนของเขา และทันใดนั้นเอง เจ้าหน้าที่อีกสองคนก็เข้ามาคว้าแขนของเรย์แล้วลากเขาออกไปข้างนอก"เฮ้ย! นี่มันอะไรกัน?!"เรย์ตะโกนทันทีความโกลาหลดังกล่าวทำให้เจอรัลด์ จูโน่ และโนริตื่นขึ้นพวกเขาออกจากห้องอย่างรวดเร็ว"คุณเป็นใคร?"เมื่อเจอรัลด์ออกมา เขาก็มองดูเจ้าหน้าที่พวกนั้นด้วยความประหลาดใจและเอ่ยถามขึ้น“คุณคงเป็นคุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ด เรากำลังสงสัยว่าคุณเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรม สารวัตรเลค หรือที่รู้จักกันในชื่อผู้เฒ่าฟลินท์ ดังนั้นเราต้องการนำคุณไปสอบ
ในเวลาเดียวกัน หมอกควันสีทมิฬของเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ล้อมรอบกายของชายชราเอาไว้หลังจากนั้นไม่นาน หมอกควันสีทมิฬดังกล่าวก็ดูดกลืนวิญญาณและพลังงานของชายชราไป ทำให้ชายกลายเป็นศพแห้งกรังเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกสิ่งนี้ทำให้เอ็มเบอร์ลอร์ดตระหนกเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้คาดหวังให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่คิดแล้วว่าชายชราจะมาสกัดกั้นการโจมตีจากเจอรัลด์แทนเขาแบบนี้“เอ็มเบอร์ลอร์ด คุณฆ่าคนบริสุทธิ์อีกแล้ว!”เจอรัลด์ตะโกนใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดด้วยความโกรธเมื่อพูดเช่นนั้น เจอรัลด์จึงตัดสินใจใช้ทักษะต้องห้ามของตัวเองเพื่อทำลายเอ็มเบอร์ลอร์ดให้สิ้นซากในขณะนี้เอ็มเบอร์ลอร์ดเสียสติไปแล้ว เขายืนนิ่งไม่ขยับ ราวกับสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองไป “วิชาทลายสหัสภพ!”เจอรัลด์ตะโกนและขว้างดาบแอสตราบิซในมือใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดเมื่อดาบแทงเข้าไปในร่างของเอ็มเบอร์ลอร์ด มันก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาและกลืนกินเอ็มเบอร์ลอร์ดไปจนสิ้น“อ๊าก!”เอ็มเบอร์ลอร์ดกรีดร้องวินาทีต่อมา เอ็มเบอร์ลอร์ดก็กลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด เจอรัลด์ก็กวาดล้างเอ็มเบอร์ลอร์ดลงได้แล้วเจอรัลด์ล้างแค้นให้ชาวบ้านในหมู่บ้านฟ้าทมิฬได้แล้ว
ทั้งสามรีบมองออกไปข้างนอก ก่อนจะเห็นว่าชายชราออกจากบ้านไปตามลำพังโดยถือตะกร้าติดตัวไปด้วยขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังกระท่อมไม้ของยามิเล็ต เฟซเมื่อเห็นสิ่งนี้ ทั้งสามก็สบตากันพวกเขาพบว่ามันค่อนข้างแปลกที่ชายชราคิดจะถือตะกร้าออกไปกลางดึกเช่นนี้ นี่จะต้องมีความลับบางอย่างที่ไม่มีใครล่วงรู้ซ่อนอยู่เป็นแน่ไม่นานหลังจากนั้น เจอรัลด์และทั้งสองก็ออกจากบ้านและติดตามชายชราไปอย่างเงียบ ๆพวกเขาติดตามชายชราไปจนถึงกระท่อมไม้ จากนั้นพวกเขาเห็นเขาหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าเพื่อปลดล็อคประตูเมื่อประตูถูกปลดล็อค ชายชราผู้นั้นสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างระมัดระวัง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เขาก็ผลักประตูเปิดออกแล้วเดินเข้าไปอย่างมั่นใจเจอรัลด์และอีกสองคนก็เดินไปที่กระท่อมไม้ทันทีและยืนอยู่ตรงหน้ากระท่อมหลังนั้น“เจอรัลด์ ดูเหมือนว่าชายชรากำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับเรา เพราะเขามีกุญแจบ้านหลังนี้อยู่กับตัว!”เรย์กระซิบกับเจอรัลด์ตอนนี้พวกเขาตระหนักได้แล้วว่าชายชราไม่ใช่คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างที่คิด เขาต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเอ็มเบอร์ลอร์ดแน่“เรย์ ผู้เฒ่าฟลินท์ คุณสองคนไปซ่อนตัวก่อน เ
“เอ๋ นี่ก็ดึกแล้วนะ! ผมว่าคนที่คุณกำลังรออยู่คงไม่มาหรอก มาเถอะไปที่บ้านของผมและพักผ่อนกันจะดีกว่า!”ชายชราถอนหายใจและยื่นข้อเสนอให้ทั้งสามคนเมื่อผู้เฒ่าฟลินท์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หันกลับมาที่เจอรัลด์เพื่อสอบถามความคิดเห็นของเขาเจอรัลด์เห็นปฏิกิริยาของเขาและพยักหน้าอย่างช้า ๆเนื่องจากพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงไปพักผ่อนที่บ้านของชายชราเท่านั้นนอกจากนี้ ท้องฟ้ามืดสนิท และไม่ปลอดภัยเลย ไม่รู้เลยว่าข้างนอกนี่มีอะไรรอพวกเขาอยู่?หลังจากพูดคุยกัน เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็ติดตามชายชราออกจากกระท่อมไม้ไปชายชราพาเจอรัลด์และคนอื่น ๆ ไปที่บ้านของเขา บ้านของเขาดูไม่เก่าเท่าไหร่ ราวกับเพิ่งถูกซ่อมแซมใหม่ก่อนหน้านี้“ผู้เฒ่า หมู่บ้านนี้เหลือคุณอยู่เพียงคนเดียวหรือเปล่า?”เมื่อพวกเขาอยู่ในบ้านของชายชรา ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ถามอย่างสงสัย"หึหึ!" ชายชราหัวเราะเบา ๆ"ใช่ คนอื่น ๆ ย้ายไปอยู่ในเมืองกันหมด ที่นี่เลยเหลือแค่ฉันคนเดียว!”หลังจากที่เขาหัวเราะแล้วเขาก็ตอบ“แล้วทำไมคุณไม่ย้ายเข้าเมืองด้วยล่ะ? อยู่ในเมืองไม่สบายกว่าเหรอ?”ผู้เฒ่าฟลินท์ยังคงถามต่อไป“อนิจจา ผมมันไร้ญา
“หึหึ เรย์ อย่าลืมสิว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว เขาน่ากลัวกว่าผีเสียอีก กับอีกแค่สถานที่แบบนี้นายคิดว่าเขาจะกลัวเหรอ”เจอรัลด์หัวเราะและเตือนเรย์เมื่อเรย์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดสมเหตุสมผล “สำรวจกันตามสบายเลย ผมคงต้องไปก่อน!”ชายชราพูดกับทั้งสามคน“ได้เลย ผู้เฒ่า ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณมากเลย!"ผู้เฒ่าฟลินท์ขอบคุณชายชราผู้นั้นอย่างรวดเร็ว“ไม่เป็นไรหรอก!”ชายชราตอบพลางโบกมือหลังจากที่ชายชราผู้นั้นจากไป เจอรัลด์และอีกสองคนก็ยืนอยู่หน้ากระท่อมไม้ จ้องมองออกไปอย่างว่างเปล่าพวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำอะไร พวกเขาไม่อาจเข้าไปในกระท่อมได้ และไม่รู้ด้วยว่าจะเข้าไปเช่นไร“พี่เจอรัลด์ ผู้เฒ่าฟลินท์ ทีนี้เราจะทำยังไงดี? เปิดประตูออกไปเลยดีไหม?”เรย์มองไปที่เจอรัลด์และผู้เฒ่าฟลินท์แล้วถาม“ไม่ นั่นไร้สาระมาก เราบุกรุกเข้าไปไม่ได้!”ผู้เฒ่าฟลินท์ปรามเรย์ทันทีแม้ว่ายามิเล็ต เฟซจะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่กระท่อมหลังนี้ยังคงเป็นของเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจทำตามอำเภอใจได้“แล้วเราควรทำยังไง? เราไม่มีกุญแจ”เรย์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“เ
ไม่มีทางที่ข้อเท็จจริงทั้งสองนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญได้ เพราะฉะนั้นนั่นก็อาจหมายความได้ว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดกำลังซ่อนตัวอยู่ที่นั่น แต่เพราะนี้คือคำใบ้ที่เอ็มเบอร์ลอร์ทิ้งไว้ให้พวกเขา จึงเป็นไปได้ว่าแทนที่จะไปพบเขาที่นั่น พวกเขาจะออกค้นหาตำแหน่งของเหยื่อรายต่อไปแทน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าฟลินท์ก็สตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งไปทันที! พวกเขาจำเป็นต้องมุ่งหน้าไปที่บ้านของยามิเล็ต เฟซเดี๋ยวนี้! “คุณแน่ใจจริง ๆ เหรอว่า เอ็มเบอร์ลอร์ดจะซ่อนอยู่ที่นั่น พี่เจอรัลด์…?” เรย์ถามระหว่างทางไปที่นั่น เจอรัลด์ส่ายหน้าแล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “บอกตามตรง ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดเป็นคนจู้จี้จุกจิกและไม่เคยทำตามกฎเกณฑ์ ฉันเดาว่าเลขพวกนี้จะนำเราไปสู่เหยื่อรายต่อไป แต่ในการตามหาเหยื่อรายนั้น เราจะเข้าใกล้ที่กบดานของเอ็มเบอร์ลอร์ดอีกก้าวหนึ่งอย่างแน่นอน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เรย์ก็พยักหน้าเข้าใจ... หลังจากขับรถไปประมาณสี่สิบนาที ในที่สุดทั้งสามก็มาถึงบ้านคุณยายของเอ็มเบอร์ลอร์ด ยามิเล็ตอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ อันห่างไกล และไม่นานทั้งสามก็เดินอยู่ในถนนของหมู่บ้าน
"สวัสดี? เจอรัลด์มีอะไรหรือเปล่า?” ผู้เฒ่าฟลินท์ถามจากอีกฟากหนึ่งของสาย “ผู้เฒ่าฟลินท์ ถึงผมจะรู้ว่าคุณไม่อาจยอมให้เราเข้าร่วมการสืบสวนได้ แต่ผมก็หวังว่าคุณจะสามารถช่วยเราได้ นั่นก็แปลว่าหากคุณต้องการคลี่คลายคดีและจับเอ็มเบอร์ลอร์ดให้ได้ ก็ช่วยตั้งใจฟังผมและเชื่อผมด้วย ทุกสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณต่อไปนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งทีเดียว!” เจอรัลด์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ทว่าในที่สุดเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาสามารถไว้ใจเจอรัลด์ได้ ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะเสี่ยงเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งเขาและเด็กหนุ่มต่างก็ต้องการให้คดีคลี่คลายลงและจับตัวเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ในท้ายที่สุด “…เอาล่ะ บอกมาว่าฉันจะช่วยยังไงได้บ้าง!” “มุ่งหน้าไปที่สำนักงานเขตเดี๋ยวนี้เลย ผมเองก็จะไปที่นั่นด้วยเช่นกัน แล้วเมื่อเราพบกันที่นั่นผมจะบอกข้อมูลเพิ่มเติมกับคุณทีหลัง!” เจอรัลด์ตอบก่อนจะวางสาย ครึ่งชั่วโมงต่อมาเรย์และเจอรัลด์ได้พบกับผู้เฒ่าฟลินท์ ณ สถานที่ที่พวกเขานัดกัน “เรามาทำอะไรที่นี่ เจอรัลด์…?” ผู้เฒ่าฟลินท์เอ่ยถามอย่างสับสน “ฟังนะ ผมต้องการให้คุณตรวจสอบประวัต
เมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เฒ่าฟลินท์ เจอรัลด์และเรย์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกผู้เฒ่าฟลินท์อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อยในขณะที่เขาถามอย่างงุนงงว่า “…พวกนายสองคนเองเหรอ? มาทำอะไรกันที่นี่? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?”หัวหน้าสารวัตรมีคำสั่งไม่ให้เขาติดต่อกับเจอรัลด์อีกต่อไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รับแจ้งว่าเจอรัลด์ไม่ได้รับอนุญาตให้มาช่วยในการสืบสวนอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่าฟลินท์จึงทำได้เพียงเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้น“เรามาตามหาเบาะแส!” เจอรัลด์ตอบ “ฟังนะ ฉันต้องขอโทษ ด้วย แต่นายสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้มายุ่งย่ามกับคดีนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นได้โปรดออกไปเสีย! ถ้านายกลับมาที่นี่อีกครั้ง เราก็จำเป็นต้องจับพวกนายกลับไปกับเราด้วย!” ผู้เฒ่าฟลินท์เตือน เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็ทำเพียงแค่พยักหน้า ด้วยความที่ไม่อยากสร้างเรื่องยุ่งยากให้แก่ตาเฒ่าคนนี้ เจอรัลด์จึงตอบกลับไปว่า “รับทราบ!” ขณะที่เขากำลังจะจากไปพร้อมกับเรย์ เขาก็ได้ยินเสียงผู้เฒ่าฟลินท์ตะโกนว่า "เดี๋ยวก่อน! ตอนที่อยู่ที่นี่นายได้พบเบาะแสอะไรบ้างหรือเปล่า? ถ้ามีล่ะก็ช่วยมอบมันให้เราด้วย!” เ