“โกหก! ฉันจะไม่มีทางจำนายผิดเป็นคนอื่นหรอก!” กีย่าตอบกลับแทบจะในทันที ขณะที่เธอเกาะแน่นขึ้นพร้อมกับเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธอด้วยมือที่ว่างอีกข้าง “คุณผู้หญิง ผมขื่อซาเดรียน…ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าเจอรัลด์คนนี้เป็นใคร! เขาอาจเป็นคนที่อุ้มคุณซึ่งคุณเคยเอ่ยถึงก่อนหน้านี้หรือเปล่า…? ผมดูคล้ายกับเขามากขนาดนั้นเลยเหรอ?” เจอรัลด์ถามด้วยน้ำเสียงเฉยเมย เจอรัลด์มีเวลามากมายในการฝึกทำใบหน้าเฉยเมย เพราะเขาทำแบบนั้นมาตั้งแต่นาทีที่เขาบังเอิญพบกีย่าเป็นครั้งแรกในวันนั้นแล้ว หลังจากมองเห็นว่าสีหน้าของเขาเฉยเมยอย่างไร เธอจึงค่อย ๆ เริ่มรู้สึกว่าเธอไม่คุ้นเคยกับชายแปลกหน้าผู้นี้จริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้น เสียงของเขาก็แตกต่างไปจากเจอรัลด์ที่เธอรู้จัก เจอรัลด์คนที่กีย่าตกหลุมรักค่อนข้างผอมบาง เงียบขรึม และมีผิวขาว ในขณะที่บุคคลตรงหน้าเธอคล้ายกับเขาอย่างมาก แต่เขากำยำ แข็งแรง มากกว่ามากและมีผิวสีแทนกว่าเจอรัลด์เล็กน้อย แม้กระนั้น คนสองคนที่อาศัยอยู่ในโลกใบเดียวกันจะดูเหมือนกันได้ขนาดนี้เลยเหรอ…? “…อืม ใช่…คุณทั้งคู่คล้ายกันและกันมาก…คุณมั่นใจนะว่าคุณไม่ได้โกหกฉัน…?” กีย่าถาม “อีกครั้งนะ ผมชื่อซาเด
“เอาล่ะ วิธีเดียวที่จะรู้ได้ก็คือพยายามผลักมันเปิดออก ใช่ไหม?” เมเรดิธกล่าวเสริม “แน่นอน ในขณะที่ผมทำแบบนั้น พวกคุณก็ควรถอยออกไปเล็กน้อย!” เจอรัลด์ตอบกลับพร้อมกับพยักหน้า ตามข่าวลือที่ปู่ของเขาเคยได้ยินมาจากทั่วโลก และต่อมาก็เล่าให้เจอรัลด์ฟัง ทรัพย์สมบัติทั้งหลายมักจะถูกซ่อนไว้ในสถานที่ซึ่งได้รับการคุ้มกันโดยสัตว์ร้ายหรือสัตว์ประหลาดแปลก ๆ รูปวาดดวงอาทิตย์เองก็ถูกค้นพบโดยบรรพบุรุษของตระกูลของเขาภายในถ้ำที่ตั้งอยู่ในป่าทึบแห่งหนึ่ง ในตอนนั้น มันได้รับการปกป้องโดยลิงขาวกินคนขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง และบรรพบุรุษหลายคนของเขาก็เสียชีวิตก่อนที่ในท้ายที่สุดจะประสบผลสำเร็จในการเอารูปภาพนั้นมาได้ เนื่องจากเจอรัลด์ก็อยู่ที่นี่แล้วอยู่ดี เขาอาจเข้าไปดูเช่นกันก็ได้ เจอรัลด์บอกให้พวกผู้หญิงถอยห่างออกไปเนื่องจากประตูหินดูหนักอย่างไรนั้น เขารู้ว่าเขาจำเป็นต้องใช้กำลังภายในของเขาเพื่อเปิดมัน เขาเกรงว่าถ้าพวกเธออยู่ใกล้เขามากเกินไป พวกเธออาจได้รับบาดเจ็บในท้ายที่สุด เมื่อพวกเธออยู่ในระยะที่ปลอดภัยแล้ว เจอรัลด์ก็เริ่มสัมผัสรอบ ๆ ประตูหินเพื่อหาจุดอ่อน หลังจากจัดการหามันเจอแล้ว เขาก็สูดหายใจเข้าลึก
เมื่อเดินไปดูด้วยตัวเอง เขาก็ต้องเห็นด้วยกับเธอว่าพวกมันดูแปลกอย่างไร จากสิ่งที่เขาเห็นได้ จิตรกรรมฝาผนังแสดงให้เห็นว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ในตอนนั้นดำเนินชีวิตของพวกเขากันอย่างไร แต่กระนั้น บานคนที่ถูกวาดลงบนนั้นก็ดูแปลกประหลาดอย่างยิ่ง พูดง่าย ๆ จิตรกรรมฝาผนังดูเหมือนจะบอกเล่าเรื่องราว เมื่อตรวจสอบดูอย่างใกล้ชิด ดูเหมือนว่าพวกมันจะเล่าเรื่องของสิ่งของต่าง ๆ ที่ถูกซ่อนไว้ในห้องหินนี้ เมื่อสังเกตเห็นว่ากีย่ากำลังมองดูจิตรกรรมฝาผนังอย่างตั้งใจเช่นกัน จากนั้นเจอรัลด์จึงถามขึ้น “คุณเข้าใจสิ่งที่จิตรกรรมฝาผนังพยายามจะบอกใช่ไหม กีย่า?” “…อ อะไรนะ? คุณ…คุณเพิ่งเรียกฉันว่าอะไรนะ?” กีย่าถามขณะที่เธอกลับมามีสติในทันที และจ้องไปที่เจอรัลด์ ด้วยสีหน้าว่างเปล่าบนใบหน้าของเธอ “…ทำไมล่ะ กีย่าอย่างแน่นอน! ผมจำชื่อคุณไม่ผิดหรอก ใช่ไหม? อย่างไรซะ ผมก็เคยได้ยินผู้คนไม่กี่คนเรียกคุณแบบนั้นในขณะนี้!” “…ค คุณเข้าใจถูกแล้ว…ฉันชื่อกีย่า ใช่ค่ะ…” กีย่าตอบกลับ ขณะที่เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอสั่นไหวเล็กน้อย เมื่อสลัดความรู้สึกนั้นออกไป จากนั้นเธอก็ตอบกลับ “…ฉันสามารถเข้าใจบางส่วน…แต่เรื่องเล่าที
ขณะที่ฝุ่นผงปลิวใส่ใบหน้าของเจอรัลด์ ทั้งเมเรดิธและกีย่าก็เดินไปหาเขา เมื่อฝุ่นจางลง ก่อนจะแอบมองเข้าไปในกล่องเช่นกัน ด้านในมีดาบยาวเล่มหนึ่งที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่น ทั้ง ๆ ที่มีฝุ่นเกาะอยู่ แต่นั่นก็ไม่เพียงพอที่จะซ่อนประกายแสงอันเจิดจ้าของดาบได้เลย อันที่จริงมันแวววาวมาก จนพวกเขาทั้งสามคนรู้สึกว่าแม้แต่ผู้คนที่เห็นมันจากระยะไกล ๆ ก็คงจะรู้สึกเสียวสันหลังวาบแน่ เมื่อพวกเขาเห็นความแวววาวของดาบเล่มนี้ “…ทั้ง ๆ ที่มันอาจมีอายุหลายพันปีแล้ว แต่ดาบก็ยังคงดูค่อนข้างคมกริบอยู่!” เมเรดิธกล่าว ขณะที่เธอพยายามที่จะหยิบดาบขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม กีย่าเอง ที่ไม่ได้ดูสนใจในตัวดาบเป็นพิเศษ เพียงหันกลับไปมองที่จิตรกรรมฝาผนังเท่านั้น “ห หนัก…!” เมเรดิธคร่ำครวญออกมา ขณะที่เธอยังคงพยายามจะยกดาบต่อไป มันเกือบจะรู้สึกเหมือนกับว่าดาบติดอยู่กับด้านล่างของกล่องหินเลย “ให้ผมลองดู!” เจอรัลด์กล่าว ขณะที่เขาเอื้อมไปจับด้ามดาบ โดยใช้แรงเล็กน้อย เจอรัลด์ก็สามารถยกดาบขึ้นได้อย่างง่ายดาย “มันก็ไม่ได้หนักขนาดนั้นเลยจริง ๆ หนิ!” เจอรัลด์กล่าวเสริมพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ขณะที่เขาสะบัดข้อมือของเขาเล็กน้อยเพื่อเขย่าฝุ่นอ
เมื่อพวกเขาทั้งสามคนออกมาจากบ่อน้ำโบราณ มันก็ดึกแล้วและดวงจันทร์ก็อยู่สูงบนท้องฟ้า จากนั้นเจอรัลด์จึงนำสองสาวกลับไปยังสิ่งก่อสร้างที่ทรุดโทรม เมื่อพวกเขามาถึงที่นั่น พวกเขาก็เห็นฝูงชนกับมารวมตัวกันอีกครั้ง แม้แต่ศาสตราจารย์เยลและนักวิจัยคนอื่น ๆ ก็อยู่ที่นั่นกัน ก่อนหน้านี้พวกเขาย้อนกลับมายังที่พัก เมื่อพวกเขาตระหนักได้ว่าไม่มีทางที่พวกเขาจะสามารถตามเจอรัลด์ไปได้ทันเลย นอกเหนือจากคนที่ตายแล้วทั้งสองคน คนอื่นเพียงคนเดียวที่ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสก็คือวินน์ และเขาก็มีไข้สูงเช่นกัน แม้คนอื่น ๆ จะทำได้ดี แต่พวกเขาทั้งหมดก็รู้สึกกระสับกระส่ายด้วยความกลัวไม่แพ้กันเลย ตอนนี้ที่เจอรัลด์อยู่ที่นี่ อย่างไรก็ดี ในที่สุดพวกเขาทั้งหมดก็ผ่อนคลายกันได้บ้างเล็กน้อยหลังจากเผชิญเรื่องมากมายในวันนี้กัน ขณะที่คนอื่น ๆ พักผ่อน เจอรัลด์เองก็ยังคงตื่นอยู่ หลังจากจุดกองไฟแล้ว เขาก็คอยคุ้มกันให้คนอื่น ๆ ในขณะที่ทำให้แน่ใจว่าได้โยนฟืนลงในกองไฟอุ่น ๆ เป็นครั้งคราว ในทางกลับกัน เมเรดิธและกีย่าก็ตื่นอยู่เช่นกัน พวกเธอทั้งคู่จับตาดู ในขณะที่ยังคงจ้องไปที่เจอรัลด์ต่อไป ซึ่งในเวลานี้กำลังนั่งอยู่ใกล้ทางเข้า ม
“ฉันจะถือว่าความเงียบของเธอ คือการเห็นพ้องให้ฉันตามจีบซาเดรียนแล้วกัน! ฉันจะเริ่มจีบเขาตั้งแต่พรุ่งนี้!” เมเรดิธกล่าว “…ก็ได้” กีย่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เมื่อสูดหายใจเข้าลึก เธอก็เตือนตัวเองอีกครั้งว่าเจอรัลด์คือคนที่เธอตกหลุมรักอยู่ ดังนั้นถ้าเกิดว่าซาเดรียนดูเหมือนเขาแล้วยังไงล่ะ? สุดท้ายแล้ว เขาก็ยังคงไม่ใช่เจอรัลด์อยู่ดี ถ้าเมเรดิธชอบซาเดรียนอย่างแท้จริง งั้นกีย่าก็รู้ว่าเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะขัดขวางไม่ให้เธอไล่ตามความสุขของตัวเธอเอง ‘เธอไม่สามารถเห็นแก่ตัวขนาดนั้นนะ กีย่า!’ กีย่าคิด โดยพยายามปลอบใจตัวเอง โดยไม่คาดคิด ทั้งสองสาวนอนไม่หลับกันเลยในคืนนั้นเนื่องจากว่าพวกเธอหมกมุ่นอยู่กับความกังวลของตัวเองกัน เข้าตรู่วันต่อมา ทุกคนกำลังเก็บของ โดยเตรียมตัวที่จะออกเดินทางกัน เมื่อเมเรดิธเดินไปหาเจอรัลด์ก่อนจะพูดขึ้น “คุณหิวน้ำไหม ซาเดรียน? ฉันมีน้ำติดตัวอยู่บ้างถ้าคุณต้องการ!” เมื่อได้ยินแบบนั้น การตอบสนองแรกของเจอรัลด์คือแอบมองกีย่าผ่านหางตาของเขา เมื่อตระหนักได้ว่ากีย่าเองก็แอบจ้องมองเขาอยู่ เจอรัลด์จึงหันไปมองเมเรดิธ โดยส่งยิ้มอ่อนโยนให้ก่อนจะตอบกลับ “…แน่นอน ทำไมจะ
ร่างเหล่านั้นไม่ได้เป็นของใคร ศพทั้งหมดคือพี่น้องของเขาจากพระราชวังจิตวิญญาณ! เจอรัลด์รู้สึกแย่อยู่แล้วก่อนหน้านี้ เมื่อเขาเห็นว่าเฮลิคอปเตอร์ดูคุ้นเพียงใด หลังจากรู้ว่าข้อสันนิษฐานของเขาถูกต้อง เจอรัลด์จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว้าวุ่นใจอย่างมาก อย่าลืมว่าคนเหล่านั้นจากพระราชวังจิตวิญญาณ โดยพื้นฐานแล้วก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลคลลอฟอร์ดเช่นกัน! จากที่ดู พวกเขาคงต้องมาที่ทะเลทรายเพื่อมองหาเขาแน่ เจอรัลด์ทราบดีว่าเฮลิคอปเตอร์จากพระราชวังจิตวิญญาณได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะตกลง เมื่อมองดูจุดน้ำมันที่หกมากมายทั้งหมด ซึ่งทำให้ทรายดำขึ้น กระนั้น ก็เห็นได้ชัดว่าผู้ร้ายทำให้เฮลิคอปเตอร์ตกตั้งแต่แรกได้ยังไง แม้กระนั้น ใครอาจเป็นฆาตกรกันล่ะ? หลังจากการตรวจดูสี่ศพอย่างระมัดระวัง ในที่สุดเขาก็พบเบาะแสบนหนึ่งในพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คน ๆ นี้สามารถคลานไปได้ค่อนข้างไกลจากเฮลิคอปเตอร์หลังจากที่มันตก เจอรัลด์มั่นใจว่าเขาคลานไปเพราะมีร่องรอยจาง ๆ ของเขาในการลากร่างกายไปตามพื้นทรายก่อนที่ในที่สุดจะเสียชีวิตลง เมื่อยกชุดคลุมของศพขึ้น เจอรัลด์ก็เห็นรอยฝ่ามือบนหน้า
เจอรัลด์จำแผนที่ได้หมดแล้วดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเจอรัลด์ที่จะตามหาโลงศพนิรันดร์เจอรัลด์มีสัญชาตญาณลาง ๆ ในใจของเขาว่าอาจจะมีความลับที่ยิ่งใหญ่กว่าซ่อนอยู่กับโลงศพนิรันดร์โลกนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เขาคิดว่ามันเป็นเลยเจอรัลด์รู้สึกว่าทุกอย่างดูเหมือนแปลกยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเขาเห็นจิตรกรรมฝาผนังเหล่านนั้นเขาจะบรรยายมันอย่างไรดี? มันดูเหมือนราวกับว่ามีมือที่คอยบงการเรื่องทุกอย่างอยู่ในที่ลับมืดมันอันตรายมากอยู่แล้วในทะเลทราย และมันจะยิ่งอันตรายมากขึ้นไปอีกเมื่อเขาไปถึงดินแดนต่างถิ่นของทะเลทรายแน่นอน เจอรัลด์ที่เป็นกึ่งปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แล้ว ไม่ได้คิดจริงจังกับสัตว์ร้ายบางตัวที่เขาได้พบเจอขณะที่เริ่มใกล้ค่ำมากขึ้น เจอรัลด์ก็มาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของดินแดนต่างแดนแล้วเขามาถึงสถานที่ที่เรียกว่าอุลเลอร์วูดตอนนี้มันไม่ใช่ทรายสีเหลืองอยู่ทุกที่แล้ว แต่มันเต็มไปด้วยทรายสีดำนอกจากนี้มีลมแรงมากที่นี่ และมันดูเหมือนราวกับว่าลมกรรโชกนี้สามารถทำให้กระดูกมนุษย์แตกหักได้เลย‘น่าแปลก ตามเครื่องหมายบนแผนที่แล้ว ตำแหน่งของโลงศพนิรันดร์น่าจะอยู่ตรงจุดนี้ แต่