เมื่อพูดจบประโยค ลมกรรโชกแรงก็ผัดผ่านร่างของชายชรา ส่งผลให้ชุดขาวเรียบ ๆ ของเขากระพือไปตามสายลม “ดีมาก รู้ไว้นะ ฉันรู้มานานแล้วว่านายจะออกจากความสันโดษไม่ช้าก็เร็ว ๆ นี้ ฉันเองก็เฝ้ารอการต่อสู้นี้มาเป็นเวลานานแล้ว!” แดริลตอบกลับพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง จากนั้นคนอื่น ๆ ก็เฝ้ามองพวกเขาสองคนค่อย ๆ เริ่มเข้าใกล้กันและกัน…ก่อนจะกระโดดขึ้นไปในอากาศ! เจอรัลด์ยืนอยู่ด้านข้าง เฝ้ามองพวกเขาทั้งคู่แสดงความแข็งแกร่ง และทักษะที่มีพอ ๆ กันขณะที่พวกเขาแลกเปลี่ยนการโจมตีกัน ดังนั้นนี่คือการต่อสู้ระหว่างปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่สินะ… ทรงพลังมาก ทรงพลังอย่างแท้จริง…! อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เจอรัลด์ประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือความจริงที่ว่าแม้คริสโตเฟอร์มีแขนเพียงข้างเดียวเท่านั้น แต่เขาก็ไม่ได้ดูเหมือนจะเสียเปรียบในการต่อสู้ อันที่จริง แม้หลังจากการแลกเปลี่ยนหมัดมาร้อยกว่าครั้งในชั่วพริบตาเดียว ชายชราทั้งสองคนก็ไม่เคยได้เปรียบต่อกันและกันใด ๆ เลย “มันดูเหมือนว่านายได้ทนทุกข์เงียบ ๆ มาตลอดสามสิบปีนี้นะ คริสโตเฟอร์ เมื่อคิดว่านายยังคงมีกำลังมากขนาดนี้แม้หลังจากเสียแขนไปหนึ่งข้างก็ตาม!” แดริลกล่าว ด้วยร
“พรของมังกรงั้นเหรอ?” คริสโตเฟอร์พึมพำ ขณะที่เขาก้าวถอยหลังสองสามก้าวในทันที เปลือกตาของเขากำลังกระตุกอย่างรุนแรง เมื่อเห็นว่าชายชราตกตะลึงไปชั่วขณะ แดริลจึงตะโกนขึ้น “เจอรัลด์! ไปเดี๋ยวนี้!” นักบินเองก็ปฏิบัติตามโดยติดเครื่องเฮลิคอปเตอร์ในทันที แม้เจอรัลด์ไม่เต็มใจที่จะจากไป แต่เขาก็ทราบดีว่าปู่ของเขาได้ใช้กำลังทั้งหมดของเขาเพื่อผลประโยชน์ของเขาเองแล้ว ถ้าเขายังคงอยู่ที่นี่นานไปกว่านี้ ความพยายามของปู่ของเขาจะสูญเปล่าไปทั้งหมด ด้วยความคิดเช่นนั้นในใจ เขาจึงรีบเข้าไปในเฮลิคอปเตอร์ เมื่อคริสโตเฟอร์พยายามที่จะไล่ตามเด็กหนุ่ม แดนิลจึงเกาะติดเขาไว้แน่นทันที โดยป้องกันชายชราจากการดำเนินการใด ๆ ต่อไป “นายเรียกฉันว่าโหดร้ายก่อนหน้านี้ แต่นายไม่ยิ่งกว่านั้นหรอกเหรอ? เมื่อคิดว่าจริง ๆ แล้วนายจะใช้พรมังกรของนายเพื่อรับการโจมตีของอำนาจของกระจกลึกลับของฉัน! แม้ฉันรู้ว่าฉันไม่สามารถฆ่านายได้ แต่นายจะได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงแน่! ยังคงมีเวลาอีกสามเดือนจนกว่าการปฏิญาณน้ำศักดิ์สิทธิ์จะเกิดขึ้น ฉันเกรงว่านายจะอยู่ได้ไม่นานแล้ว!” คริสโตเฟอร์กล่าว เมื่อรู้สึกว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ในตอนน
แต่อย่างชัดเจน มันไม่ได้แค่ดูเหมือนจะร้อน สิ่งนี้ได้รับการยืนยันเมื่อคริสโตเฟอร์เริ่มกรีดร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดในทันทีขณะที่เขาปล่อยกริชสั้นที่ร้อนจนลวกมือนั้น ทันทีที่เขาทำแบบนั้น กริชสั้นจึงบินกลับเข้าไปอยู่ในมือของเจอรัลด์ทันที “นี่คือ…นี่คือสิ่งประดิษฐ์วิเศษ?!” คริสโตเฟอร์ตะคอกออกมา ยังคงรู้สึกช็อกไม่หาย ไม่นานหลังจากนั้น สายตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายขณะที่เขาพึมพำ “เช่นนั้นรูปวาดดวงอาทิตย์ก็ไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์วิเศษเพียงอย่างเดียวที่ตระกูลคลอฟอร์ดเป็นเจ้าของ…ช่างน่าประหลาดใจนัก…ถ้าฉันเอากริชสั้นนั้นมาได้ และเรียนรู้ที่จะควบคุมมันอย่างไร กำลังของฉันจะเพิ่มเป็นสองเท่าได้อย่างง่ายดายแน่! ฉันจะอยู่ยงคงกระพัน! เมื่อฉันได้มันมา ฉันจะสามารถแสดงทักษะและความสามารถพิเศษที่ดีเยี่ยมของฉันได้อย่างแน่นอน ในระหว่างการปฏิญาณน้ำศักดิ์สิทธิ์!” เมื่อเห็นว่าชายชราเริ่มพึมพำเหมือนคนบ้า เจอรัลด์จึงค่อย ๆ เริ่มก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว “สวรรค์เมตตาฉันอย่างแท้จริงในคราวนี้…ไม่เพียงแต่ฉันควบคุมกระจกลึกลับได้แล้ว แต่ฉันยังจะได้ทั้งเจอรัลด์ที่มีร่างกายพิเศษ และสิ่งประดิษฐ์วิเศษอันใหม่ในไม่ช้านี้อ
เจอรัลด์จดจ่ออยู่กับการค้นพบใหม่ของเขามาก จนเขาลงเอยด้วยการฝึกฝนมันอยู่หลายวัน เพื่อให้เชี่ยวชาญเทคนิคทั้งสี่ที่สร้างโดยร่างดำนั้น เมื่อเขาตระหนักได้ หนึ่งสัปดาห์ก็ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อปากริชสั้นออกไปอีกครั้ง ไม่นานก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นขณะที่หินขนาดใหญ่แตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ขณะที่กริชบินร่อนอยู่ในอากาศ เจอรัลด์ก็ใช้จิตสั่งดอนเบรกเกอร์ให้กลับมาอยู่ในมือของเขา เมื่อมันมาอยู่ในมือของเขาแล้ว เจอรัลด์ก็คิดกับตัวเอง ‘ดอนเบรกเกอร์มีศักยภาพในการโจมตีมหาศาล…จากสิ่งที่ฉันบอกได้ มันอาจแข็งแกร่งพอ ๆ กับปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งได้เลย! แม้ฉันอาจจะยังคงเป็นกึ่งปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่อยู่ แต่เนื่องจากตอนนี้ฉันก็รู้แล้วว่าจะใช้กริชสั้นนี้อย่างเหมาะสมได้อย่างไร ฉันก็น่าจะสามารถต่อสู้ได้ถ้าฉันบังเอิญพบคริสโตเฟอร์อีกครั้ง!’ ตลอดสัปดาห์นั้น เจอรัลด์ก็เชี่ยวชาญอีกสามวิธีแล้วเช่นกัน แต่ เนื่องจากโดยรวมแล้วเขาไม่ชอบใช้ดาบยาว เขาจึงไม่ได้ใส่ใจในการฝึกฝนอีกสามกระบวนท่ามากนัก โดยไม่คำนึงถึง เขารู้ว่าเขาล่าช้าในการค้นหาโลงศพนิรันดร์นานมากเกินไปเล็กน้อยแล้วในตอนนี้ เช่นนั้นเขาจึงตัดสิน
หลังจากพูดไปแบบนั้น เจอรัลด์ก็กำลังจะหันหลังกลับและจากไป ทันใดนั้นเขาได้ยินหนึ่งในผู้หญิงพูดขึ้นมา “โอ๊ย! ขาฉัน!” เมื่อหันกลับไปมอง เขาก็เห็นว่าผู้หญิงที่ร้องเสียงเสียงแหลมขึ้นมาในเวลานี้กำลังจับข้อเท้าของเธออยู่ มันอาจได้รับบาดเจ็บตอนที่เธอพยายามดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองหลุดเป็นอิสระก่อนหน้านี้ “เป็นอะไรหรือเปล่า?” เจอรัลด์และผู้หญิงอีกคนถามในเวลาเดียวกัน ขณะที่พวกเขาทั้งคู่นั่งยอง ๆ โดยรู้สึกประหลาดใจไปชั่วขณะกับปฏิกิริยาที่คล้ายกันของพวกเขา จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ตอบกลับ “ข้อเท้าของฉันเจ็บมากเลย…ฉันไม่คิดว่าฉันจะเดินไปได้!” “หืมม…อืมฉันจะพยุงเธอไปแล้วกัน!” ผู้หญิงสวมแว่นตาที่ดูมีเสน่ห์กล่าว แม้เพื่อนของเธอช่วยเหลือ แต่ขาของหญิงสาวที่ได้รับบาดเจ็บก็เจ็บมากเกินกว่าที่เธอจะเดินไปได้ทีละหลายก้าว หลังจากเฝ้ามองพวกเธอหยุดพักสองสามครั้ง เจอรัลด์ก็พูดขึ้น “…นี่จะใช้เวลานานมากเกินไป…ให้ผมดูเถอะ!” “แน่นอน! แต่…มันจะไม่ดีกว่าเหรอถ้าคุณจะตรวจเช็คข้อเท้าของเธอในสถานที่ของเรา? ฉันเกรงว่าพวกอันธพาลเหล่านั้นจะย้อนกลับมา!” หญิงสาวที่สวมแว่นตอบกลับด้วยโทนเสียงอ่อนโยน “ได้” เจอรัลด์กล่
“ผู้ชายคนนี้ช่วยพวกเราไว้ คุณล็อคฮาร์ท!” กีย่ากล่าว ขณะที่เธอค่อย ๆ ลงมาจากหลังของเจอรัลด์ “ผมบอกคุณกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกผมแบบนั้น กีย่า…แค่เรียกผมวินน์ก็พอ…เรียกผมว่าคุณล็อคฮาร์ทมันทำให้รู้สึกแปลกมากนะ!” วินน์ตอบกลับ เธอเลือกที่จะไม่ตอบกลับ จาากนั้นก็หันไปมองเจอรัลด์ก่อนจะพูดขึ้น “…ยังไงซะ พวกเรายังคงไม่รู้ชื่อของคุณเลย ดังนั้น…คุณช่วยบอกพวกเราหน่อยได้ไหมคะ?” ด้วยเหตุผลแปลก ๆ บางอย่าง กีย่ารู้สึกใกล้ชิดกับคนผู้นี้อย่างมาก ตั้งแต่ตอนที่เธอพบเขาครั้งแรกแล้ว เธอไม่อาจบอกได้ว่าทำไมเหมือนกัน มันเกือบจะรู้สึกแปลกจนไม่น่าจะเป็นจริงได้ว่าเขาให้ความรู้สึกที่ใกล้ชิดกับเธอแค่ไหน นอกเหนือจากเขาแล้ว มันก็เป็นเวลานานมากที่สุดแล้วตั้งแต่ที่เธอรู้สึกแบบนี้ต่อผู้ชายคนไหน ๆ ถ้าเธอต้องใช้คำพูดแสดงความรู้สึกล่ะก็ มันก็รู้สึกค่อนข้างคล้ายกับการพบญาติที่หายสาบสูญไปนานแล้วอีกครั้ง “เธอพูดถูก พวกเรายังคงไม่รู้ชื่อของคุณเลย!” สาวแว่นกล่าวเสริมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ “ไม่จำเป็นหรอก ผมแค่ช่วยด้วยเรื่องเล็กน้อยเอง!” เจอรัลด์ตอบกลับ ขณะที่เขาลดปีกหมวกของเขาลงก่อนจะมุ่งหน้าขึ้นไปชั้นบน เมื่อเห็
เมื่อทุกคนพร้อมแล้ว ชายผิวแทนก็เริ่มนำพวกเขาทุกคนเข้าไปในทะเลทราย หลังจากพวกเขาจากไปได้ค่อนข้างไกลแล้วเท่านั้น เมื่อเจอรัลด์เดินออกมาจากโรงแรม เขาไม่คาดคิดเลยจริง ๆ ว่าจะบังเอิญเจอกีย่าที่นี่ได้จากทั่วทุกแห่งหลังจากทั้งปีผ่านไป ยังไงซะ เธอได้เริ่มทำงานแล้วและเธอก็ยังดีขึ้นกว่าเดิมมากเช่นกัน ในขณะที่เจอรัลด์ถูกหยั่งเชิงให้เปิดเผยตัวตนของเขากับกีย่า แต่มันก็เป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้ว และตอนนี้เขารู้แล้วว่าเธอยังคงไม่ได้ลืมเขาเลยจริง ๆ เมื่อตอนที่เขาได้ทำการทดสอบเธอ เขารู้ดีว่าเขาปฏิบัติต่อเธอได้แย่มากแค่ไหนในตอนนั้น และเมื่อรู้ว่าการที่พวกเขาจะได้คบกันนั้นจะไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว เจอรัลด์จึงตัดสินใจที่จะไม่ทำให้เธอเสียเวลาในการตัดใจเริ่มต้นใหม่อีกต่อไป โดยไม่คำนึงถึง เจอรัลด์สังเกตเห็นว่าวินน์ดีต่อกีย่ามากก่อนหน้านี้ แม้เจอรัลด์ไม่ได้ชอบวินน์เป็นพิเศษก็ตาม แต่เขาก็วางใจว่าวินน์เพียงต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กีย่าเท่านั้น มันคือเหตุผลที่ทำไมเจอรัลด์ถึงไม่ได้อยู่ต่อเพื่อรักษาข้อเท้าให้เธอในตอนนั้น อย่างไรซะ เขาก็เห็นได้ว่ามีคนที่จะดูแลเธอเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เขาส่ายหัวของเขา จากน
แม้ว่าการเดินทางผ่านทะเลทรายจะทั้งยาวนานและร้อน แต่นักวิจัยและนักท่องเที่ยวก็ทำได้ดีด้วยความช่วยเหลือของผู้เชี่ยวชาญแห่งทะเลทราย หลังจากสองวันของการเดินทางผ่านไป กลุ่มก็มาถึงจุดศูนย์กลางของทะทราย อย่างที่คาดไว้ จากจุดที่พวกเขาอยู่ในเวลานี้ ไม่มีเห็นแม้แต่คนเดียวภายในแผ่นดินที่เต็มไปด้วยผืนทรายเลย ขณะนั้นไม่นานเวลาพลบค่ำก็มาถึงดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะหยุดพักตรงที่กำบังซึ่งผุพังไปครึ่งหนึ่งแล้ว ขอบคุณ มันยังคงดีพอที่จะให้พวกเขาพักค้างคืนได้อยู่ “ฉันสงสัยว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นยังไงบ้าง…เธอคิดว่าเขามุ่งหน้ากลับไปที่เมืองหรือเปล่า…?” กีย่าพึมพำ ขณะที่เธอนั่งข้างกองไฟ โดยกำลังคิดถึงผู้ชายที่ช่วยเหลือเธอไว้ “ฉันก็สงสัย เขาดูไม่เหมือนว่าจะเป็นคนแบบนั้นนะ! วิธีที่เขาแสดงตัวเอง เขาทั้งเป็นผู้ใหญ่และเชื่อถือได้! จริง ๆ แล้ว เดี๋ยวนะ…ทำไมเธอถึงคอยแต่จะคิดถึงเขาอยู่ร่ำไปล่ะ? เธอไม่ได้พูดว่าเธอรักเจอรัลด์หรอกเหรอ…? อาจเป็นไปได้ไหมว่าเธอหมกมุ่นถึงเรื่องเขาเพราะเขาทั้งคู่ดูเหมือนกัน และทำให้เธอนึกถึงเจอรัลด์หรือเปล่า…?” เมเรดิธตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างไม่พอใจ วิธีที่เธอพูดนั้น มันเหมื