“ไม่ได้คิดอะไรกับเด็กคนนั้นจริง ๆ นะครับ”
“พี่ ผมจะสามสิบแล้วนะคิดบ้างสิ”
ที่พี่พูนเอาแต่ถามถึงเด็กดนัยนั่นเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเดินมาคุยกับเขาถึงโต๊ะขณะเขาฝากพี่พูนไปซื้อน้ำ เขาก็บอกตลอดทางมาวัดแล้วว่าเขาไม่ได้คิดอะไร มิหนำซ้ำยังรู้สึกไม่ชอบเสียด้วยซ้ำที่เด็กมันมุ่งจะจีบน้องสาวเขา หากเขาบอกว่าเพียงเรียนอยู่ในอาคารคงจะขึ้นไปหาเลยกระมัง ไม่คิดเลยว่าเจ้าของร้านทองจะมีสามีเป็นหมอทำงานอยู่ที่เดียวกัน โลกกลมจริง ๆ
“จริง ๆ นะ”
“ผมไม่ชอบคนเด็กกว่า”
“แสดงว่าชอบคนแก่กว่าใช่ไหม?”
“ใช่”
นายสถานีตอบฉะฉานขณะยื่นแจกันดอกไม้มายัดใส่มือนายตำรวจ ก่อนจะส่งมือมาจับปลายคางทู่นั้นด้วยความมันเขี้ยว แล้วจึงจัดแจงสั่งให้เอาแจกันนั้นไปวางยังตำแหน่งของมัน พูนจึงทำตามคำสั่งนำดอกไม้ตั้งยังโต๊ะหมู่บูชา ก่อนจะขอไปไหว้ศพคุณปู่คนนั้นก่อนที่ตัวเองจะต้องไปช่วยงานน้องแผนต่อ
ในงานนี้ไม่มีใครมาร่วมนอกเสียจากคนในครอบครัวจำนวนสองคนและตัวเขาซึ่งอาสามาช่วยเหลือหากมีสิ่งใดขาดตก พิธีสีดำนี้เรียบง่าย ไร้ซึ่งการตกแต่งด้วยพวงหรีดมากมาย มีเพียงโลงสีขาวตั้งตระหง่
ก้อนผ้าห่มผืนบางในม่านมุ้งขยับยุกยิกเมื่อใกล้เวลาแสงแรกของวัน ก่อนที่เจ้าของร่างจะสะลึมสะลือโผล่ศีรษะพ้นผ้าผวยชำเลืองมองคุณตำรวจซึ่งนอนอล่างฉ่างกินที่เสียเหลือเกิน ยิ่งไปกว่านั้นคือการเอาแขนมาพาดเหมือนเขาเป็นหมอนข้างอีกแล้วเจ้าของบ้านอย่างแผนยกท่อนแขนบึกบึนบนเอวออกโดยไม่กลัวว่าพี่ตำรวจแกจะตื่น แล้วจึงหยิบผ้าห่มคลุมตัวมาจุดเตาอั้งโล่เพื่อนำน้ำร้อนไปเทใส่โอ่งคลายความหนาวยามต้องชำระร่างกาย แผนนั่งมองเปลวไฟใต้หม้ออย่างเหม่อลอยพลางนึกถึงเมื่อคืนเขาเล่าทุกเรื่องให้ฟังในขณะที่พี่พูนเจ้าหอบเอากล่องปฐมพยาบาลมานั่งทายาให้เพราะกลัวว่าคนจะเห็นรอยช้ำตอนใส่เครื่องแบบนายสถานีซึ่งเป็นแขนสั้น ไม่ว่าจะนึกกลับไปกี่ทีก็น่าตกใจที่ลูกค้ามาบอกรักอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หากเขาไม่ชิงหนีลงมาก่อนแล้วละก็ไม่แน่ตัวเองอาจโดนขืนใจทั้ง ๆ อย่างนั้นเลยก็เป็นได้ว่าแล้วก็เหลือบมองพี่พูนที่ยังหลับปุ๋ยอยู่ในมุ้งบนฟูกนอน ดีนะเขาตื่นมาก่อนเพียง ไม่อย่างนั้นเด็กสาวคงได้เห็นภาพเขาถูกกอดเป็นแน่พี่บอกว่าวันนี้เป็นวันหยุดตรงกับเขาพอดีจึงสามารถนอนตื่นสายได้ เขาเตรียมดูเลยถึงคำว่าสาย
แผนต่อให้เมื่อวานพี่ตำรวจจะไม่สามารถเดินไปรับไปส่งได้ แต่เช้าวันรุ่งขึ้นเจ้าตัวไม่พลาดในการมารับถึงหน้าบ้าน เอาเข้าจริงเมื่อคืนที่ร้านเขาก็หวาดเสียวอยู่เหมือนกันว่าไอ้คุณรัญชน์จะมาตามมาตอแยถึงร้านหรือเปล่า แต่คืนสุดท้ายที่ร้านสุราลัยนั้นผ่านไปได้อย่างราบรื่นโดยไร้ซึ่งปัญหาใด ๆ และจากที่มารดาจะขอมาอยู่ ก็กลับคำบอกว่าจัดการปัญหาได้แล้วเสียอย่างนั้น ต่อให้จะมีข้อสงสัยเล็ก ๆ ถึงเงินก้อนที่แม่ได้มาบริหารเรื่องที่อยู่ ทว่าเรื่องของคนอื่นไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญเท่ากับครอบครัวของเขาเอง“พี่ไม่เหนื่อยเหรอ?”“พี่เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ”“แรงดีจังเลยนะ”แผนกล่าวแซวพี่พูน ตำรวจผู้เหนือมนุษย์ ไม่รู้ไปเอากำลังมาจากไหนเยอะแยะ แค่เขาเดินไปเดินมาในสถานีไม่ต้องวิ่งไล่จับโจรหรือลงพื้นที่ก็เหนื่อยสายตัวแทบขาดแล้ว“รับงานพี่ไอ้ด้วงมาทำต่อไม่หนักเลยเหรอ?”“หนักสิ แต่ถ้าไม่ขี้เกียจก็ไม่ยากอะไรนะ”“แสดงว่าที่ผ่านมาคือขี้เกียจสินะ”“เขาเรียกว่าเก็บแรงไว้ใช้ทีหลังต่างหากล่ะจ้ะ”ถึงพี่ตำรวจแกจะติดเล่นไปสักหน่อยแต่แผนก็เห็นถึงถุ
“คะ...ค่ะ ดิฉันจะลองหาวิธีอื่น...”“หวังว่าหลังจากผ่านวิธีนี้ไป ผมจะได้ในสิ่งที่เราตกลงกันไว้นะครับ คุณแม่”คำแพงได้แต่กัดฟันก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่งของชายอายุคราวลูกอย่างจำใจ ได้แต่คิดว่าป่านนี้ไอ้ลูกชายคนโตของเธอดึกดื่นป่านนี้มันไปอยู่ที่ไหนกันแน่ ทำไมถึงไม่ยอมกลับบ้านมารายงานสถานการณ์ตามที่ตกลงกันไว้ เพราะถ้าไม่สำเร็จเราสองคนมีหวังได้อดตายกันแน่“ว่าแต่คุณแม่บอกว่าจะทำให้สองคนนั้นแตกคอกันใช่ไหมครับ?”“ใช่ค่ะ ลูกชายฉันที่หน้าเหมือน-“ดูเหมือนลูกชายคุณแม่จะไม่ค่อยอยากทำเท่าไรนะครับ”ว่าแล้วก็หยิบภาพถ่ายขาวดำที่เก็บไว้ใต้เสื้อสูทสีน้ำตาลโยนลงบนพื้น ขบบุหรี่ในปากด้วยความไม่พอใจพลางเหลือบมองหญิงมีอายุที่กำลังมีใบหน้าซีดเซียวเมื่อเห็นภาพลูกตัวเองนั่งก๊งเหล้ายาปลาปิ้งในร้านริมทาง“ดะ...เดี๋ยวดิฉันจะจัดการให้ค่ะ”“ให้เวลาอีกแค่ ๑ อาทิตย์ ทำให้ได้”“ค่ะ...ค่ะ”คนเป็นแม่ทำได้แต่พยักหน้ารับคำสั่ง ก่อนจะต้องมานั่งกลุ้มใจห
ก่อนวันที่จะเกิดเรื่องขโมยต่างหูในโรงพักหลักสัปดาห์ จู่ ๆ ทนายรัญชน์ก็เดินเข้ามาในสน.โดยมีเป้าหมายคือการสนทนากับเขา พูนจึงจัดแจงทำโต๊ะให้โล่งเท่าที่จะเป็นไปได้ รวมไปถึงการฝากคนไปรินน้ำมาให้คุณทนาย เพราะแค่รู้ว่าหัวข้อเรื่องเป็นมารดาของน้องแผน เขาจึงคิดว่ามันคงใช้เวลานานเป็นแน่“แปลกนะครับที่คุณเอาเรื่องนี้มาบอกผม”รองผู้กำกับการกล่าวขึ้นด้วยแววตาประหลาดใจ ไม่คิดว่าทนายรัญชน์ที่น่าจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขากลับเดินทางมาสน.พระนครเพื่อเล่าเรื่องระหว่างตัวเองและแม่น้องแผนให้ฟัง ทั้งที่จะตอบรับมันไปเพื่อให้ตัวเองได้เปรียบก็ได้แท้ ๆ“ถึงข้อเสนอจะดูดี แต่ผมไม่ชอบทำงานกับคนโง่น่ะครับ”พูนฟังคุณทนายกล่าวพร้อมรอยยิ้มตามวิสัย เรื่องที่เจ้าตัวเล่ามามันเป็นเบื้องหลังที่หากเขาไม่รู้แล้วละก็มันอาจส่งผลกระทบต่อสองพี่น้อง หรือไม่เขาอาจจะมีอคติกับน้องแผนตามแผนการชั่วของสองแม่ลูกนั่นก็เป็นได้การบอกว่าจะดึงตัวเขาไปเป็นพวกโดยใช้รักแรกมันดูเป็นแผนที่สมเหตุสมผล เว้นเสียแต่ว่ารักแรกคนนั้นดันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือไปแล้วนี่สิ น่าเสียดายแทนจริง ๆ“ผ
ระหว่างมื้อดึกพูนก็ได้เล่าเรื่องที่สน.ให้น้องแผนฟังอย่างคร่าว ๆ ว่าเขาเจรจากับแม่เจ้าตัวรวมถึงสัญญาซึ่งจะไม่มารบกวนชีวิตอีก ทว่าเขาไม่กล้าพูดจะถึงวิธีการเจรจา รวมไปถึงไอ้เงินเก้าพันที่มอบให้ไปด้วยเช่นกัน เพราะหากบอกแล้วคนอย่างน้องแผนต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อหาเงินมาคืนให้จงได้เป็นแน่“พวกผมขออาศัยอยู่ที่นี่ไปจนกว่าเพียงจะสอบได้ไหม เดี๋ยวพวกผมจะช่วยเรื่องทำความสะอาดบ้านเอง”“ได้อยู่แล้วครับ ส่วนเรื่องงานบ้านเราดูแลแค่ในส่วนของตัวเองก็พอ”พูนกล่าวพลางตักชิ้นเนื้อในต้มข่าให้เจ้าน้องที่มักคิดเล็กคิดน้อยอยู่เสมอ นี่แค่เรื่องมาอยู่บ้านนะ ถ้าเขาบอกเรื่องแม่ไปจริง ๆ ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายจะขอรับผิดชอบด้วยวิธีการใด“ถ้าระหว่าง ๓ เดือนนี้ไม่สะดวกอย่างไร บอกได้เลยนะพี่”ถ้าตัวเขาคนเดียวน่ะ ในตอนนี้คงสามารถอยู่บ้านได้แล้ว ติดก็แต่เขาเป็นห่วงเพียงที่ยังขวัญเสียกับหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา ไหนจะต้องการความเงียบสงบเวลาอ่านหนังสือหลังจากการเรียนกับพี่วิภาหากมองในภาพรวมโดยไม่เกรงใจกัน ที่นี่ก็เป็นบ้านที่กว้างขวางและเงียบสงบมากเลยทีเดียว“ไม่ต้องกังวล
ดูเหมือนว่าไอ้เพิ่มมันจะไม่ได้มาร้าย ซ้ำยังมาขอโทษเรื่องของแม่ที่ทำให้เขาต้องหัวหมุนมาพักใหญ่ มันเองใจจริงไม่ได้อยากขอเงินจากคนอื่นนักหรอก เพียงแต่หลงผิดไปชั่วขณะเพราะอย่างไรผู้นำก็คือแม่แท้ ๆ“ฉันขอโทษจริง ๆไม่น่าทำไปแบบนั้นเลย”“เอาเป็นว่าฉันรู้แล้ว ไม่ต้องขอโทษขนาดนั้นก็ได้”แฝดน้องกล่าวอย่างใจเย็น เขาเองทีแรกก็โกรธอยู่หรอกแต่พอเห็นท่าทีรู้สึกผิดแบบนี้ติดกันมาหลักชั่วโมงก็เริ่มใจอ่อนเสียแล้ว การที่แม่กลับมาในรูปแบบของการคุกคามรีดไถแบบนี้มันให้อภัยได้ลำบากสำหรับตัวเขาก็จริง แต่ในเมื่อเพิ่มมันสัญญาบอกจะพาแม่ไปอยู่ที่ไกล ๆ แล้วเขาก็วางใจ“แล้วที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”แผนเป็นฝ่ายเปิดประเด็นถามกลับบ้างขณะยื่นโหลแก้วให้แฝดพี่ย้ายลงกล่อง ได้ยินว่าพ่อเลี้ยงรวยมาก ท่าจะอยู่สุขสบายในบ้านหลังโต มีคนรับใช้นับสิบนับร้อยเหมือนในละครเป็นวิทยุทำนองนี้กระมัง“ฮ่า ๆ กดดันกว่าที่คิดเยอะเลย เขารวยน่ะใช่ แต่นิสัยฉันแต่เดิมมันไม่ได้เป็นอย่างพวกคนเหล่านั้นน่ะสิ”แผนได้ฟังฝาแฝดตัวเองเล่าเรื่องก็พยักหน้าหงึก ๆ พลางทำความเข้าใจ เพรา
ในการย้ายมาอยู่บ้านเดียวกับพี่พูนนั้นไร้ซึ่งปัญหากวนใจ เพราะการอาศัยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาความติดขัดเพียงอย่างเดียวคือการแย่งกันใช้ห้องน้ำเวลาพวกเขากลับบ้านมาพร้อมกันในช่วงหัวค่ำ มันไม่เชิงว่าแย่งแต่พวกเขาสองคนมักเดินนุ่งผ้าขาวม้าลงมาในเวลาไล่เลี่ยกันมากกว่า รวมไปถึงตอนเช้าแบบนี้ทุกคนต่างต้องทำเวลา ดีหน่อยที่คุณน้าทั้งสองต้องลงไปตระเตรียมวัตถุดิบตั้งแต่ตีสี่ และเพียงก็ไม่ได้เคร่งเรื่องเวลาเท่าคนวัยทำงาน พวกเขาจึงวนผลัดใช้ห้องน้ำกันสองคนและเช้านี้ก็เป็นเขาที่ได้ใช้ห้องน้ำก่อนพี่พูน ก่อนที่จะขึ้นมาสวมเครื่องแบบติดกิ๊บเหน็บไรผมหน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งประจำห้อง ทว่ามันเป็นขณะเดียวกันกับเพียงซึ่งนุ่งกระโจมอกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้า พี่ชายอย่างเขาจึงพยายามหลบเข้ามุมเพราะเกรงใจน้องสาวแผนคิดเรื่องนี้มาสักพักตั้งแต่เห็นแผนผังของบ้านว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ตัวเองรู้สึกลำบากใจเวลาน้องสาวเข้ามาแต่งตัว เพราะเธอก็ดูจะอาย ๆ ตามประสาหญิงสาววัยสะพรั่ง รวมไปถึงพี่ชายคนนี้เองก็อึดอัดใจเช่นกัน สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คงจะมีเพียงการรีบแต่งตัวและลงไปทานมื้อเช้าให้ได้ไวที่สุดว่าแล
เช้าอันแสนวุ่นวายจบไปด้วยการที่ตำรวจสามารถจับคุมนักโทษไปได้ทั้งหมด ๕ ราย หลายคนอาจเห็นว่าเป็นจำนวนที่น้อยแต่หลายคนกลับบอกเป็นจำนวนที่มากและกล่าวขอบคุณ กระนั้นสังคมยังคงเปี่ยมไปด้วยความกังวล ตลอดครึ่งวันผู้คนที่เดินเข้าสถานีมาพบกับตำรวจหลายนายก็ต่างใจไม่ดี เข้ามาถามเจ้าหน้าที่รถไฟกันใหญ่ตัวข่าวแม้จะถูกสำนักพิมพ์ตีแผ่ในวันนี้ ทว่าเรื่องการแหกคุกที่ว่านั้นผ่านมาหลักเดือนจากการพยายามปิดข่าว ไหนนักโทษบนหน้าหนังสือพิมพ์ที่มีภาพปรากฏไม่ครบด้วยหลายปัจจัย จนถึงตอนนี้พวกเขาจึงไม่หยุดตรวจกระเป๋าเลย“ผมจำได้ว่าสน.พี่มีคนเยอะกว่านี้นะ”“นอกจากมาสถานีรถไฟแล้วก็มีคนไปดูรถราง รถเมล์ เรือเมล์ด้วยน่ะครับ”ในตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงตรงหลังจากพวกเขาตรวจสัมภาระรอบสายเสร็จ และพอมีเวลาราว ๆ หนึ่งชั่วโมงระหว่างรอรถไฟเข้าเทียบ พวกเขาจึงพากันมานั่งพูดคุยกันในศูนย์อาหาร“ดูทุกป้ายไม่เหนื่อยแย่เหรอ?”“สุ่มตรวจเอาน่ะครับ แล้วก็มีสน.อื่นที่ร่วมด้วย”“แล้วทำไมประกาศถึงได้ออกมาไวจัง”“โชคดีที่มีม้าเร็ววิ่งส่งเอกสารลงมาน่ะครับ ไม่อย่างนั้นพี่คงลงพื้
นับเป็นโชคดีของพูนที่เย็นวันนั้นป๊าเข้ามาในห้องทันก่อนที่สถานการณ์จะบานปลายทั้งยังช่วยไกล่เกลี่ยอธิบายให้สองพี่น้องเข้าใจกัน ในสายตาเขาน้องเพียงก็แค่ไปกินข้าวตามที่เพื่อนชวนเท่านั้นทั้งทุกอย่างยังอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ ไม่คิดเลยว่าน้องแผนจะหวงน้องเพียงมากขนาดนี้ส่วนเรื่องตั๋วเข้าพักสถานตากอากาศที่พวกเขาได้รับมานั้นจะต้องไปในวันพฤหัสบดีอาทิตย์หน้าเท่านั้น พูนจึงใช้สิทธิ์ลาพักผ่อนต่ออีกหนึ่งสัปดาห์เพื่อเดินทางขึ้นรถไฟมายังจังหวัดชะอำ แต่ตัวเขาที่ขึ้นรถไฟมาตอนเช้าโดยไร้ซึ่งยาดมนั้นก็ได้แต่นั่งคุดคู้เอนพิงเบาะอยู่ ขนาดเป็นตู้ชั้น ๑ ที่สบายกว่าคนอื่นโขแผนในขณะที่จัดแจงกระเป๋าภาระก็นึกเห็นใจเจ้าพี่ที่ยังอุตส่าห์ตามมาทั้งที่ต้องใช้เวลาอยู่บนตู้กว่า ๔ ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ เขาอยากจะจองรถไฟรอบกลางคืนอยู่หรอก พี่เจ้าจะได้นอนหลับไม่ต้องมานั่งพะอืดพะอมอยู่แบบนี้ หรือเขาควรจะเรียกเพื่อนนายสถานีมาดึงเตียงให้ดีตู้รถไฟนั้นมีด้วยกันทั้งหมด ๓ ชั้นเรียงลำดับขึ้นไปตามความสะดวกและสายและความหรูหราเท่าที่กรมรถไฟในสภาวะสงครามจะสามารถมอบให้แก่ผู้โดยสารได้โดย
“พี่...ขอโทษจริง ๆ ครับ”“ไม่ให้อภัย”แผนกล่าวขึ้นด้วยเสียงสะลึมสะลือเหล่มองพี่ตำรวจในชุดไปรเวทเดินถือถาดอาหารเช้าเข้ามาในห้องหลังเห็นว่าเขาตื่น เมื่อคืนหลังจากจบบนเตียงลงไปเข้าห้องน้ำรอบที่สี่ก็ได้เริ่มขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แล้วเขาก็ดันบ้าจี้ยอมพี่ไปหมดเสียทุกอย่างจนร่างกายสลบเหมือดทันทีเมื่อเอาหัวลงหมอนดีนะที่วันนี้เป็นวันหยุดของเขาพอดีไม่เช่นนั้นเขาได้โดนหักเงินเดือนเพราะไปทำงานสายแน่ ๆ เพราะแค่ตื่นก็ปาไปจะสิบโมงแล้ว“แต่ถ้ามาทาให้จะยกโทษให้ก็ได้”“จริงเหรอ!?”พี่พูนกล่าวด้วยความดีใจรีบจัดแจงวางมื้อเช้าของน้องแผนไว้ยังโต๊ะข้างเตียง รีบหาหยูกยามาตระเตรียมไว้ นึกภาพไม่ออกเลยว่าหากเขาตื่นขึ้นมาตอนตีสี่ตีห้าที่ทุกคนอยู่กันเต็มบ้านและลงไปอาบน้ำในสภาพนี้จะเป็นเช่นไรแค่บนเตียงก็ทำเขาแทบทรุดไปต่อในห้องน้ำยิ่งไปกันใหญ่ เป็นคนบ้าพลังอะไรขนาดนี้ ทำเอานึกถึงไอ้ความดุดันที่เจ้าแตงเคยพูดเลยเชียว หากจะแม่นขนาดนี้ดูท่าเด็กคนนั้นน่าจะไปเป็นหมอดูได้นะนี่“จะไปอาบน้ำเหรอครับ ให้พี่ช่วยอุ้ม-“ไม่ให้อุ้มแล้ว!”“
“เพียงวันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง?”“พี่วิภาให้ลองทำข้อสอบชุดเก่าอย่างเดียวแล้วจ้ะ”ยามกลางคืนเป็นเพียงเวลาเดียวที่พี่ชายอย่างเขาจะได้สนทนาถามไถ่น้องสาวอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ยิ่งเพียงโตเป็นสาวเรื่องที่ชายหญิงจะคุยได้ก็น้อยลง ไหนสาวเจ้ายังสุขุมขึ้นเป็นเท่าตัวจากแต่เดิมมีอะไรไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยมักจะเอามาเล่าสู่กันฟังเสมอ“แล้วครูเขาเอาข้อสอบมาจากไหนเหรอ?”“เห็นว่าขออาจารย์เก่ามาน่ะจ้ะ”“ของ่ายกันขนาดนั้นเลยเหรอ”“เห็นว่าสมัยก่อนพี่วิภาสนิทกับอาจารย์น่ะจ้ะ”แผนนั่งช่วยน้องพับผ้าไปก็คิดตาม พี่วิภาแกเองก็สดใสร่าเริงเป็นทุนเดิม การเข้าหาอาจารย์ที่ตนเองเคยเป็นศิษย์เก่าแล้วนั้นคงไม่เป็นการยากอะไรส่วนเรื่องในบ้านดูเหมือนเพียงจะชอบที่เขาย้ายตัวออกไปนอนห้องพี่พูน ไม่ใช่แค่ชอบที่ได้มีห้องนอนส่วนตัว แต่สาวเจ้าบอกว่าชอบเวลาเห็นพี่ชายสองคนเดินออกมาจากห้องด้วยกัน สมแล้วที่เคยอวยให้เขารีบคบหา รีบย้ายบ้านมาไว ๆ“ฉันไปนอนก่อนนะจ๊ะ”“อื้อ เดี๋ยวตรงนี้พี่เอาไปเก็บเองนะ”“จ้ะ ฝันดีล่วงหน้านะจ๊ะ”หากเป็นที่บ้
‘จันทร์หน้าพี่ต้องออกต่างจังหวัดลงพื้นที่นะครับ กลับน่าจะอีกเดือนสองเดือนเลย’‘อื้อ ไปทำงานสู้ ๆ นะ’เขากล่าวให้กำลังใจออกไปเช่นนั้นในกลางคืนขณะพวกเขากำลังจะเข้านอน จู่ ๆ พี่พูนมาบอกกันแบบนี้ทำเอาเขาใจหายจนเก็บอาการแทบไม่อยู่เหมือนกัน นึกว่าของพวกนี้ทางการต้องแจ้งให้เตรียมตัวเป็นเดือนเสียอีก แต่เรื่องขโมยขโจรแบบนี้เป็นที่รู้กันดีว่าต้องรีบสะสางให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แผนเดินกลับเข้าห้องนอนมาด้วยความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวพิกล สงสัยคงเป็นเพราะเวลาสามย่างสี่ทุ่มแบบนี้จะมีพี่พูนเดินไปเดินมาไม่ก็จัดแจงเตียงนอนอยู่ ว่าแล้วนายสถานีในชุดนอนท่อนบนยาวจรดต้นขาก็เดินละจากตู้เสื้อผ้ามาตรวจทานสัมภาระสำหรับการทำงานในวันรุ่งก่อนจะดับตะเกียงหัวเตียงเตรียมตัวนอนในตอนที่พูดให้กำลังใจพี่พูน ใจจริงเขาไม่อยากให้พี่เจ้าไปที่ไหนไกลหรือนานหลักเดือนเลยเสียด้วยซ้ำ อยากให้พี่ยังคงอยู่ในสายตาตลอดเพราะตอนนี้แค่ได้มองเห็นก็ชวนให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาแล้ว แต่เขารู้ดีว่านั่นคือความเห็นแก่ตัว ตำรวจถือเป็นของหลวงจำต้องทำหน้าที่ปกป้องช่วยเหลือประชาชนโดยในบางครั้งอาจต้องแลกมา
เย็นวันนี้มีเรื่องเกิดขึ้น ไม่ใช่กับตัวเขา ไม่ใช่กับเพียง และไม่ใช่กับครอบครัวพี่พูน แต่เป็นไอ้ด้วงที่ดันโชคร้ายเดินไปเจอนักโทษหลบหนีเข้าจนต้องเข้าโรงพยาบาลมาในสภาพสะบักสะบอมไม่ได้สติ ดังนั้นตัวเขาจึงขอพี่ว่าจะไปรอดูอาการไอ้ด้วงในโรงพยาบาลก่อน แต่คนอย่างพี่พูนย่อมเดินตามหลังมาด้วยอยู่แล้วที่นี่เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ไกรวิชญ์พี่ชายไอ้ด้วงวิ่งหอบร่างพามา ต่อให้เขาจะเคยมาแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนแต่คราวนั้นเขาหาได้สังเกตอะไรมากมาย มาคราวนี้ระหว่างรอดูอาการเพื่อนสนิทเขาก็ได้รับการบริการให้ข้อมูลจากพยาบาลเป็นอย่างดี จนได้มานั่งรอข้างกับพี่ชายไอ้ด้วงที่เลือดเปื้อนเสื้อเปื้อนตัวเต็มไปหมดทั้งยังตัวเปียกปอนเพราะวิ่งตากฝนมา ไม่อยากนึกเลยว่าก่อนหน้าที่ไอ้ด้วงจะมาที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น แผนนั่งรอไปเรื่อย ๆ จนเกือบชั่วโมงแต่คุณหมอก็ไม่มีท่าทีจะออกมาพร้อมคำตอบ ยิ่งทำคนเป็นเพื่อนอย่างเขารู้สึกใจไม่ดีเข้าไปใหญ่‘แผนครับ วันนี้เรากลับกันก่อนดีกว่าไหม’พูนซึ่งเห็นน้องนายสถานีแววตาสั่นไหวอยู่ไม่เป็นสุขก็เข้าใจหัวอกคนเป็นเพื่อน แต่นี่มันดึกแล้วรวมไปถึงตัวของน้องด้ว
หากมีครั้งแรกแล้วย่อมมีครั้งที่สองตามมาก่อนมันจะลามไปยังครั้งที่สามสี่ห้าและกลายเป็นกิจวัตรในที่สุด การหลับนอนในห้องของพี่พูนก็เช่นกัน โดยครั้งที่สองเขาหลงเชื่อว่าพี่ตำรวจกลับมาไข้ขึ้นตัวร้อนจึงพลอยได้นอนด้วยกัน ก่อนที่ครั้งที่สามพี่พูนจะมากล่าวขอโทษที่หลอกกันก่อนจะขอเขานอนด้วยอีกคืนตรง ๆ แต่ใครจะไปรู้ว่าพี่พูนจะขอทุกคืน และเขาเองก็โอนอ่อนตามในทุกค่ำคืนเช่นกันทว่าเมื่อคืนนั้นทำเอาเขาอยากจะขนย้ายเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายกลับไปกบดานอยู่ห้องน้องสาวเมื่อจู่ ๆ พี่เจ้าก็ดันละเมอเรื่องลามก กอดเขาอยู่ดี ๆ ดันล้วงมือจับนู่นจับนี่ไปทั่วจนเสื้อเอยอะไรเอยหลุดลุ่ยจนคล้ายเรื่องราวอย่างว่าเข้าไปทุกที คราวจะแกะออกก็ไม่ได้เพราะก็รู้กันอยู่ว่าผู้ชายคนนี้แรงเยอะขนาดไหน ในท้ายที่สุดเขาก็ต้องตะโกนปลุกพี่ขึ้นมาดูผลงานตัวเองที่ทำเขาเกือบนอนไม่หลับต่อให้จะไม่มีปากเสียงแต่เขาก็ไม่พอใจอยู่ดี แถมตื่นมายังบอกอีกว่า ‘ขอโทษครับ พี่ฝันดีไปหน่อย’ เขารู้ว่ายังไม่หายเมาดีจากที่ดื่มมากกับเพื่อนจะมีคิดเรื่องพิเรนทร์และบอกกล่าวมาอย่างเถรตรงบ้างนั้นไม่แปลก แต่เขาอยากจะรู้เหลือเกินว่าไ
ยามราตรีคืนนี้ยังคงสว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากสถานบันเทิงและร้านอาหารเครื่องดื่มรอบข้าง ทว่าเพียงแค่แผนเดินถัดมาอีกซอยเสียงพูดคุยครึกครื้นต่างกลายเป็นความสงบเงียบคลอไปกับสายลมเย็นซึ่งพัดพาเหล่าใบไม้แห้งผ่านร่างไปนายสถานีในบทบาทผู้จัดการร้านสุราเปิดกระเป๋าขึ้นตรวจสอบเงินในซองอย่างอารมณ์ดี ในช่วงรอยต่อระหว่างหน้าที่บริกรกับผู้จัดการร้านแม้จะเหนื่อยกายยกเครื่องแก้วหนัก เหนื่อยใจกับความครัดเคร่งละเอียดถี่ถ้วนกับตัวเลขบนหน้ากระดาษทว่าผลที่ได้รับกลับสมน้ำสมเนื้อเมื่อลุงเจ้าของร้านเริ่มให้ความไว้วางใจหลังจากการตรวจบัญชีประเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดแล้ว ดังนั้นเขาต้องการใช้วันว่างอย่างเต็มที่โดยไม่ให้งานใด ๆ เข้ามาแทรก ยิ่งมีแรงใจจากการมองเงินก้อนวันนี้แล้วยิ่งชื่นใจดังนั้นสมุดบัญชีใหม่ที่ได้มา ทำให้เสร็จภายในคืนนี้เลยเสียดีกว่า ผู้จัดการบอกเขาด้วยว่าหากทำได้ดีต่อไปแบบนี้จะแบ่งสัดส่วนกำไรให้ ถึงไม่ได้มากมาย แต่เมื่อนำมารวมกันตลอดทั้งเดือนมันก็ใกล้แตะเลขเงินเดือนนายสถานีซึ่งเขาพอใจแล้ว*แกร๊ก* เดินคิดเรื่องราวผาสุกที่เกิดขึ้นไป ๆ มา ๆ ก็เดินถึงบ้านเส
แผนเมื่อตั้งสติเสร็จจึงตัดสินใจเดินเข้าสถานี ในวันนี้สติเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแต่เช้าเลย มีหวังถ้ามัวแต่คิดเรื่องพี่พูนคงไม่เป็นอันทำงานกันพอดีเนื่องจากหลายวันมานี้เขารับจ้างกับคุณปู่นายสถานีที่ต้องเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาล ถึงจะเป็นไม่กี่นาทีแต่เขาสามารถมาสายได้นิดหน่อยเข้าไปในห้องประชาสัมพันธ์ก็เห็นพี่ ๆ นั่งพูดคุยบ้างก็ทำหน้าที่ขายตั๋วในช่องตัวเอง เห็นว่าตำรวจมากันแล้วสงสัยจะไปนั่งประจำอยู่จุดอื่นกระมัง“สวัสดีตอนเช้าครับพี่”น้องเล็กกล่าวทักทายพี่ ๆ ด้วยความสดใส ทำตัวให้ดูมีชีวิตชีวาเข้าไว้ทักคนอื่น ๆ คุยไปคุยมาเดี๋ยวเรื่องพี่พูนก็ออกไปจากหัวเองนั่นแหละ“จ้ะ สวัสดีจ้ะ สามีพี่ซื้อข้าวหลามมาฝากเราเอาไปกินสิ”“ขอบคุณคร้าบ”แผนกล่าวอย่างมั่นใจก่อนจัดแจงวางของ ปลดผ้าพันคอเสื้อกันหนาวพาดไว้กับเบาะเสร็จสรรพก่อนจะหย่อนก้นลงมานั่งข้างเพื่อนด้วงที่วันนี้ก็ยังมีบรรยากาศอึมครึมรายล้อมอยู่เหมือนเดิม เอื้อมมือหยิบกระบอกไม้ไผ่สั้นในกล่องใจกลางโต๊ะมามอง ๆ ก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนคนสนิทไม่ให้เฉาจนเกินไป“ด้วง เอ็งได้กินไปรึยัง อร่
“ไหนบอกจะไม่ตามผม”“นี่เป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ฉันแค่มาหาที่สูบบุหรี่”รัญชน์ว่าแล้วก็แสดงกล่องพกบุหรี่ไฟแช็กก่อนจะเก็บมันลงกระเป๋า เพราะไหน ๆ นี่ก็เป็นเรื่องบังเอิญแล้วใช้มันให้พอเป็นประโยชน์สักหน่อยก็แล้วกัน“กำลังจะกลับบ้านใช่ไหม เดี๋ยวฉันไปส่ง”“ไม่เป็นไรครับ”“เธอก็รู้ว่าแถวบ้านเธอมันอันตรายจะตายไป”ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ส่งคนสะกดรอยตามเขาแล้วจริง ๆ จึงไม่ทราบว่าตอนนี้เขาย้ายบ้านไปอยู่กับคนอื่นแล้ว แต่มาทำแบบนี้ทั้งที่ไม่มีพันธะต่อกันอย่างไรเขาก็ไม่สบายใจอยู่ดี“ผมอยู่ได้มาตั้งนาน ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณสำหรับน้ำใจ”“ฉันแค่อยากจะขอโทษ”“ถ้ามีอะไรก็คุยกันตรงนี้เถอะครับ ผมไม่อยากถูกเข้าใจผิด”“ยังไงเธอก็จะเลือกตำรวจคนนั้นเหรอ?”“ผมเคยตอบคำถามนี้ไปแล้วนะครับ”คล้ายว่าคุณรัญชน์จะไม่พอใจกับคำตอบ สงสัยที่บอกว่ารักคงจะมีส่วนจริงอยู่นิดหน่อย ไม่เช่นนั้นคงไม่เอาแต่พูดเกลี้ยกล่อมเขาแบบนี้ทุกครั้งที่พบหน้าหรอก“ถ้าเธอเลิก-“คุณรัญชน์ครับ”ตัวเขาอาจจะเป็นฝ่ายผิดที่คิดจะยกเลิ