ในเวลานี้ เย่เทียนหยู่ยังไม่รับรู้เรื่องราว เขาไม่รู้เลยว่าการกระทำอันหลบซ่อนของเขาตกอยู่ในสายตาของผู้เป็นแม่หมดแล้วและเพราะภาพฉากสัมพันธ์ทางกายของทั้งสองไม่เหมาะกับเด็กเท่าไหร่นัก เราคงไม่ต้องอธิบายอย่างละเอียดเช้าวันรุ่งขึ้น ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ ลอยสูงขึ้นไปเหนือฟ้า แสงแดดสะท้อนผ่านผ้าม่าน และหลินหว่านหรูก็ค่อย ๆ เปิดตาของเธอด้วยอาการสะลึมสะลือเธอมองไปรอบ ๆ ด้วยความประหม่าทันที ในตอนนี้เทียนหยู่ลุกขึ้นนั่งบนเตียงอยู่ก่อนแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่สังเกตว่าเธอตื่นแล้วทุกอย่างเมื่อวานไม่ใช่ความฝันสินะเป็นครั้งแรกที่ความทรงจำของเธอเลือนลาง แต่ภาพฉากเมื่อคืนกลับชัดเจนอยู่ในสมองของเธอโดยเฉพาะความรู้สึกแบบนั้น มันชัดเจน น่าตื่นเต้นและเธอก็ชอบมันมากเมื่อนึกถึงความบ้าคลั่งของตัวเองเมื่อคืน ใบหน้าของหลินหว่านหรูก็แดงก่ำด้วยความเขินอาย แม้ว่าเมื่อคืนนี้เย่เทียนหยู่จะเป็นคนเริ่มก่อน แต่ตลอดกระบวนการเธอก็กะตือรือร้นให้ความร่วมมือไม่น้อยยิ่งเธอคิดว่าตัวเธอตอนอยู่บนเตียงเป็นยังไงบ้าง เธอก็ยิ่งรู้สึกเขินอายมากขึ้นไปอีกเธอช่างไร้ยางอายขนาดนั้นได้ยังไง!เธอรีบหลับตาอีกครั้งและแกล้งทำเป็นหลับ
“อาจจะไม่เป็นแบบนั้นก็ได้นะ ระยะหลังมานี้ลูกคอยสนับสนุนเขาอยู่ตลอดเลยนี่ บางทีเขาอาจจะดีกับลูกมากกว่าคนอื่น ๆ ก็ได้นะ”“ช่างมันเถอะครับ ผมจะได้นะว่าตอนแรกผมทำตัวแย่กับเขาที่สุดเลย”“เฮ้อ โทษที่ก่อนหน้านั้นเราต่างก็หน้ามืดตามัว ไม่เคยเชื่อลูกเลยสักครั้ง ไม่อย่างนั้น เราก็คงไม่เดินมาถึงจุดนี้กันหรอก”คุณปู่ตระกูลหลินถอนหายใจและพูดอย่างช่วยไม่ได้“คุณปู่ พูดแบบนั้นจะมีประโยชน์อะไรครับ ผมเคยบอกไปแล้วว่าพวกปู่จะต้องผิดหวังแน่”หลินจื่อตงพูดด้วยความหดหู่ ถ้าพี่เขยของเขายังอยู่ที่นี่ เขาก็คงมีวิธีจัดการกับเรื่องนี้แน่นอน เพราะถึงยังไง พี่เขยของเขาก็สามารถต่อกรกับตระกูลเย่แห่งเมืองหลงตูได้ แล้วเขาจะกลัวตระกูลซุนได้ยังไง “พี่ตง ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ช่างมันเถอะค่ะ ฉันจะกลับไปทำให้พวกเขาสงบลงก่อน แล้วเราค่อยมองหาโอกาสกันทีหลัง” สวี่เจียเจียพูดเสียงแผ่วสวี่เจียเจียเป็นคนตัวเล็ก ท่าทางดูเป็นเด็กดี ทำให้มองแล้วสบายตา รูปลักษณ์งดงามและรูปร่างได้สัดส่วนไม่ว่าจะเป็นต้นกำเนิดหรือรูปลักษณ์ อันที่จริงตระกูลหลินถูกใจเธอมาก“ไม่ เรื่องแบบนี้ผู้ชายควรเป็นคนรับผิดชอบ ผมจะปล่อยให้คุณไปออกหน้าแทนได้ยัง
“แม่!”หลินจื่อตงตะโกนห้ามเธอทันที นี่มันเวลาไหนแล้ว ทำไมถึงยังไปรบกวนพี่อีก“แม่อะไรของแก เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จะไม่บอกพี่แกหน่อยเหรอ หรือคิดจะไม่สนใจใยดีแฟนแก แล้วให้เธอต้องคอยทุนทุกข์ระกำลำบากไปตลอดชีวิตหรือไง” แม่ตระกูลหลินจงใจถามเสียงดังหลินหว่านหรูได้ยินทุกอย่างอย่างชัดเจน และอดไม่ได้ที่จะถามทันที “จื่อตง เกิดอะไรขึ้นเหรอ”“พี่สาว คุณเป็นแบบนี้ ฉันไม่อยากจะพูดในตอนแรก แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่นจริง ๆ” หลินจื่อตงพูดสั้น ๆ เกี่ยวกับกิจการของบ้านแฟนสาวของเขาหลังจากได้ยินแบบนั้น หลินหว่านหรูก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองเย่เทียนหยู่เพียงเพื่อจะพบว่าเขากำลังจ้องมองที่หน้าอกของเธอ เธอก้มศีรษะลงแล้วพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ “คุณกำลังทำอะไรอยู่”หลินจื่อตงตกใจเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะได้ยินไม่ชัดเจน แต่เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาถามด้วยเสียงต่ำ “พี่ พี่สบายดีมั้ย”“พี่ พี่สบายดี แต่อย่ากังวลเรื่องนี้ ฉันจะช่วยคุณคิดหาวิธีแก้ปัญหา” หลินหว่านหรูกล่าว“โอเค ขอบคุณนะพี่!”หลินจื่อตงวางสายโทรศัพท์ และในขณะนี้สวี่เจียเจียพูดด้วยความตื่นตระหนก “มันจบลงแล้ว พี่ชายของฉันมาที่เมืองเทียนไห่ด้วย
แต่ยิ่งเย่เทียนหยู่เป็นแบบนี้ หัวใจของหลินหว่านหรูก็ยิ่งรู้สึกผิด เธออดไม่ได้ที่จะถามเขาว่า “เทียนหยู่ ก่อนหน้านี้ฉันทำตัวงี่เง่าขนาดนั้น ไม่เคยเชื่อนายเลยตั้งหลายครั้ง แถมยังหย่ากับนายอีก นายไม่โกรธฉันเลยเหรอ”“ผมไม่โทษคุณหรอก ถ้าผมโกรธละก็ ผมคงไม่มาเจอหน้าคุณแล้ว”“ส่วนเรื่องที่เราหย่ากัน ผมเข้าใจว่าตอนนั้นคุณกลัวจะเอี่ยวผมไปลำบากด้วย”เย่เทียนหยู่ยิ้มเมื่อได้ยินแบบนั้น หลินหว่านหรูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดอย่างมีความสุข “เทียนหยู่ นายดีจังเลย!”“ใช่ แถมผมยังเก่งด้วยนะ โดยเฉพาะร่างกายผมเนี่ย เก่งคูณสอง!”“อะไรของนาย แต่ก่อนไม่ได้ร้ายขนาดนี้นี่”“อะไร คุณคิดอะไรอยู่ ผมหมายถึง ผมสุขภาพดี คุณคิดมากไปหรือเปล่า”หลินหว่านหรูอายมาก วันนี้เธอดูเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่เพิ่งได้ลิ้มรสความรักเป็นครั้งแรก ไร้ซึ่งท่าทีประธานบริษัทอย่างสิ้นเชิงตอนนี้ความบาดหมางในอดีตได้ยุติลงแล้ว แต่เพื่อหลีกเลี่ยงบุคคลลึกลับรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับหลินหว่านหรู เย่เทียนหยู่จึงบอกให้หลินหว่านหรูระวังตัวตอนอยู่ด้านนอกตอนนี้พวกเขายังคงเลิกกันอยู่ในเวลานี้ แขกไม่ได้รับเชิญหลายคนบุกเขามา
สวี่กวางทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อนแล้ว หลังจากรู้ว่าลูกสาวของพวกเขามีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหลินจื่อตงมาก พวกเขาจึงทำการตรวจสอบประวัติของหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงคนนี้เป็นแค่พวกไร้ความสามารถ ชอบถเลถไหลในทางกลับกันระยะหลังมานี้ตระกูลหลินทำผลงานได้ไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับตระกูลของพวกเขาแล้วก็ยังห่างชั้นกันมากสิ่งที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้เธอเป็นที่ชอบพอของนายน้อยตระกูลซุนจากสี่ตระกูลหลักเมืองตงเฉิง มันเป็นคู่ต่อสู้ที่สมบูรณ์แบบจากสวรรค์ เขาจะได้รับอันตรายจากตระกูลขยะเช่นนี้ได้ยังไงใบหน้าของคุณปู่หลินกลายเป็นสีแดงและขาวหลังจากถูกดุ เขารู้สึกเขินอายอย่างยิ่ง ถ้าเขารู้ เขาคงไม่ออกมาเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เนื่องจากเขาขับไล่เย่เทียนหยู่ออกไป เขาจึงรู้สึกอับอายทุกวัน และใบหน้าเก่าของเขาก็หายไปเดิมทีหลินหงต้องการออกมาเพื่อปกป้องภรรยาของเขา แต่ในเวลานี้เขาเพียงปฏิเสธที่จะออกมาเขารู้สึกว่าการออกมาเป็นเพียงอีกคนหนึ่งที่ทำให้อีกฝ่ายต้องอับอาย และมันจะไม่ส่งผลอื่นใดเลยไม่มีทาง ทำไมพวกเขาถึงเรียกว่าตระกูลอ่อนแอในตอนนั้นเอง เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเย่เทียนหยู่หากเทียนหยู่อ
สวี่เจียเจียสีหน้าย่ำแย่มาก เธออดไม่ได้ที่จะหันไปมองหลินจื่อตงหลินจื่อตงรู้สึกร้อนใจมาก “เจียเจีย อย่าไปฟังเขา ผมไม่กลัวเขาหรอก” เขารีบตอบกลับ“เจ้าหนู ดูเหมือนว่าเจ้าอยากจะตายจริง ๆ โอเค ข้าจะฆ่าเจ้าก่อน” สวี่กวางได้เรียนรู้วิชาวรยุทธ์แล้ว และความแข็งแกร่งของเขาก็ดีมากนี่คือสาเหตุที่สวี่เจียเจียกังวลและกลัวมากสวี่เจียเจียรีบพูดว่า “ไม่ พี่ชาย ฉันจะไปกับคุณ ฉันจะกลับไปกับคุณ”“เจียเจีย...”“พี่ตง พอเถอะค่ะ หนูจะกลับไปก่อน ไม่ต้องกังวล ฉันจะรอคุณ”สวี่เจียเจียพูดอย่างรวดเร็ว“ผม…”หลินจื่อตงต้องการพูดอย่างอื่น แต่เขารู้สึกกดดันอย่างมากที่มาที่เขา สวี่กวางเหลือบมองเขาอย่างเย็นชาราวกับว่าเขากำลังจะฆ่าเขาเมื่อใดก็ได้แต่เขายังคงกัดฟันและพูดว่า “เจียเจีย รอฉันด้วย ฉันจะไปรับคุณที่ตงเฉิงแน่นอน!”“อือ!”สวี่เจียเจียหันหน้าไปทางพี่ชายของเธออีกครั้งและพูดเสียงดัง “พี่ชาย ถ้าคุณกล้าทำร้ายพี่ตง ฉันจะไม่กลับไปจนกว่าฉันจะตาย”ใบหน้าของ สวี่กวางเปลี่ยนเป็นเย็นชาและเขาพูดอย่างเย็นชา “ฮะ ฉันขี้เกียจเกินไปที่จะทำอะไรกับขยะประเภทนี้ แต่ถ้าเขากล้ามาที่ตงเฉิงเพื่อตามหาคุณ ฉันสัญญาว่าจะหักมือแล
เดิมทีหลินหว่านหรูไม่ได้คิดจะกลับบ้านเร็วขนาดนี้ แต่เพราะได้ยินว่าเกิดเรื่องกับน้องชาย เธอจึงตัดสินใจกลับมาเร็วกว่าเดิม เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์แต่ไม่คิดเลยว่า ทันทีที่เธอกลับมา เธอจะได้ยินแม่ของเธอกำลังกล่าวโทษเทียนหยู่ที่ไม่ยอมกลับมาหาตระกูลหลิน แต่เรื่องนี้จะตำหนิเย่เทียนหยู่ได้ยังไงกัน“แม่ สิ่งที่แม่พูดไม่ใช่แค่ผิดนะ แต่ยังผิดมหันต์เลยด้วย!”“ตอนที่เทียนหยู่ยังอยู่ ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาไม่ยื่นมือมาช่วยเรา แต่ตอนนั้นเป็นเราเองที่ทำให้เขาเสียใจแล้วยังขับไล่เขาออกจากบ้าน”“แล้วทำไมตอนที่เราอยากไล่เขาไป เขาก็ต้องไป ตอนเราอยากให้เขามา เขาก็ต้องมา คิดว่าเขาเป็นใครกันคะ”หลินหว่านหรูถามอย่างโกรธ ๆ แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้าน แต่เธอก็รับคำพูดของแม่เธอไม่ได้จริงๆแม่ตระกูลหลินพูดไม่ออกเมื่อถูกถาม และเธอก็พูดด้วยความโกรธทันที “หลินหว่านหรู แกไม่รับสายเราเลยนะ แล้วกล้าดียังไงกลับมาเอาป่านนี้”“แกไปอยู่ไหนมาตอนที่แม่แก ปู่แก กระทั่งน้องชายของแกกำลังถูกนายน้อยสวี่ดูถูกฮะ”“ตอนที่แฟนน้องชายแกถูกแย่งเอาตัวไป แกมัวไปมุดหัวอยู่ไหนมา”“ลูกก็ไม่ได้สนใจครอบครัวตัวเองนักหรอก สนใจแต่
ถ้าเธอไม่ได้คืนดีกับเย่เทียนหยู่ เธอก็จะพยายามจัดการกับเรื่องนี้ แต่เห็นได้ชัด ว่าเธอไม่มั่นใจเลยแต่ตอนนี้ มีเย่เทียนหยู่คอยช่วยเธอ เธอจึงมั่นใจมาก“จริงเหรอพี่ พี่จะไปขอความช่วยเหลือจากพี่เขยเหรอ” หลินจื่อตงถามทันทีเมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น เธอก็ลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่เย่เทียนหยู่เคยบอกเธอว่า ใครจะรู้ว่ากำแพงมีหูประตูมีช่อง เธอจึงรีบตอบกลับไปทันที “ไม่ใช่หรอก พี่มีวิธีอื่น”“ยังไงก็เถอะ นายไม่ต้องห่วงนะ แค่ขอเวลาให้พี่หน่อย”“อือ ได้ครับ” หลินจื่อตงพยักหน้า แน่นอนว่าเขาไม่มีความสามารถแบบนั้น ต่อให้เขาเปลี่ยนตัวเองขนาดไหนเขาก็ไม่มี เขาทำได้แค่รอหลินหว่านหรูคิดหาหนทางหลังจากนั้นไม่นาน คุณปู่ตระกูลหลินก็พาแม่ตระกูลหลินเข้ามาแล้วพูดว่า “หว่านหรู เมื่อกี้แม่ของคุณเป็นคนหุนหันพลันแล่นจริง ๆ เธอไม่ควรพูดแบบนั้นเกี่ยวกับเทียนหยู่”“ใช่ หว่านหรู มันเป็นความผิดของแม่คุณ ดังนั้นฉันจะขอโทษคุณ” แม่ตระกูลหลินพูดโดยไม่คำขอโทษใดๆ บนใบหน้าของเธอหลินหว่านหรูส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร มันจบแล้ว อย่าพูดอะไรที่ไม่ดีเกี่ยวกับเย่เทียนหยู่อีกเลยตั้งแต่นี้เป็นต้นไป”“เอาล่ะ
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป