พอคิดถึงการแต่งงานใหม่ แม่ตระกูลหลินก็ทำเวลาทันที เธอก้าวตรงเข้าไปโดยไม่รีรอและพูดว่า “ก่อนหน้านี้มันเป็นความผิดของแม่ฉันทั้งหมด มันเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่!”“แม่เข้าใจคุณผิดมาโดยตลอด จะทำร้ายตบตีแม่ยังไงก็ได้เลยนะแต่อย่าโทษหว่านหรูเลย เพราะหว่านหรูถูกพวกเราบังคับ”“ใช่ ใช่ หัวใจของหว่านหรูมีต่อคุณเสมอ เพียงในฐานะพ่อแม่ เราคิดมากเกินไปและมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคุณมากเกินไป พ่อมาเพื่อขอโทษคุณโดยเฉพาะ”หลินหงรีบไปข้างหน้าทันทีเย่เทียนหยู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น พ่อแม่เหล่านี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ พวกเขาจำพ่อแม่ของตนได้เร็วมาก ภาพเบื้องหน้าดูเหมือนจะคุ้นเคยเล็กน้อยเขาส่ายหัวและพูดอย่างสงบ “ก่อนอื่น ผมไม่ได้ตำหนิหว่านหรูมาแต่ไหนแต่ไร”“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว…” แม่ตระกูลหลินพยักหน้าอย่างมีความสุข และตอนนี้ก็มีความหวังว่าจะได้แต่งงานใหม่“แต่หว่านหรูกับผมหย่ากันแล้ว ผมไม่กล้าข้องแวะกับพวกคุณอีก”“อย่างที่คุณบอก หย่ากันแล้วก็หย่าไป แต่พวกคุณสองคนเป็นชายโสดสาวโสด ก็กลับมาแต่งกันได้นะ”แม่ตระกูลหลินรีบพูดทันที“ใช่แล้ว คุณสองคนคือคู่ต่อสู้ที่ถูกสร้างขึ้นมาในสวรรค์ หากคุณ
หากนี่เป็นครั้งแรก เย่เทียนหยู่คงไม่คิดมาก แต่หลังจากเหตุการณ์เล่านั้น เขากลับดูสงบและพูดอย่างสงบ "มันไม่สำคัญ ฉันคุ้นเคยกับมันแล้ว"“คุณยังโทษปู่อยู่เลย”คุณปู่ตระกูลหลินยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า "ถ้าอย่างนั้นให้ฉันแสดงความเห็นที่นี่ ฉันสาบานว่าฉันจะสนับสนุนคุณและวันรูอย่างเต็มที่นับจากนี้ไป"“ฉันด้วย ฉันก็ด้วย” แม่ตระกูลหลินรีบพูด"และฉัน!"หลินหงก็พูดทันทีหลินหว่านหรู ยิ้มอย่างขมขื่น แต่ภายในเธอมีความสุขเพราะสุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีใครหยุดเธอจากการอยู่กับเย่เทียนหยู่ได้เย่เทียนหยู่ส่ายหัวอย่างลับๆ จากนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ทันทีที่ฉันผ่าน ฉันได้ยินเนื้อหาของคำพูดของอีกฝ่าย และใบหน้าของฉันก็มืดมนเล็กน้อยหลังจากวางสาย เขาก็ตะโกนว่า "เฉียนเฉียน!"ที่แท้แล้วหยางเฉียนเฉียนปรากฏตัวแล้วตั้งแต่ต้น เธอกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเย่เทียนหยู่ ดังนั้นเธอจึงอาศัยวรยุทธ์ดีๆ ของเธอเพื่อซ่อนตัวอยู่บริเวณรอบๆ และพร้อมที่จะช่วยเหลือตลอดเวลาแม้ว่าพ่อของเขาจะบอกว่าพี่เย่คือราชามังกรและไม่จำเป็นต้องกังวล แต่การเห็นก็เชื่อ ตอนนี้ดูเหมือนสถานการณ์จะประมาณเดิม ถ้าไม่มีปัญหา เราก็ควรออ
คุณแม่ตระกูลหลินยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น รู้สึกไม่รู้จะทำอย่างไรกันแน่ ทำไมเรื่องถึงได้กลายเป็นแบบนี้? หรือนี่คือลูกเขยที่ยอดเยี่ยมจริงๆ จะหนีไปแบบนี้เหรอ?โดยเฉพาะเด็กสาวเมื่อครู่นี้ที่มีรูปหน้าสวยงาม บริสุทธิ์และสะอาดราวกับนางฟ้า ดูสวยไม่แพ้ลูกสาวของตนเลยแม้แต่นิดไหนจะมีชายใดสามารถต้านทานเสน่ห์ที่เหนือชั้นได้?และอีกฝ่ายยังเป็นคุณหนูจากตระกูลใหญ่ในเมืองเทียนไห่ ทุกอย่างมันช่างเพอร์เฟ็กต์คุณปู่ตระกูลหลินก็สังเกตเห็นทุกอย่างนี้ หากเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาคงไม่แคร์ แต่หยางเฉียนเฉียนมีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมเกินไป สถานการณ์ทางบ้านของเธอนั้นตระกูลหลินไม่สามารถเปรียบเทียบได้เลย"พ่อ จะทำยังไงดี?"“ควรไปตามไปขอโทษเขาดีไหม? ฉันเชื่อว่าเขายังมีความรู้สึกต่อหว่านหรูอยู่ เขาคงแค่โกรธเรา" คุณแม่ตระกูลหลินพูดด้วยความกระวนกระวายแม้กระทั่งจะให้เธอคุกเข่าขอร้องก็ไม่เป็นปัญหา แค่เย่เทียนหยู่ยอมกลับไปคืนดีกับลูกสาว"ไม่ต้องรีบ รอจนถึงวันพรุ่งนี้ค่อยดูก็ได้"คุณปู่ตระกูลหลินส่ายหน้า การไปขอร้องตรงๆ แบบนี้ เขาคงโดนข่มเหงกลับ จึงไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย"นี้ มันจะไม่สายเกินไปจริงหรอ!" คุณแม่ตระกูลหลินรู
"พอดี เวลากำลังจะหมดแล้ว ผมถามแค่คำเดียว คุณจะยอมทำตามที่ผมพูดไหม? ถ้าไม่ให้บอกลากันไปเลย!" ฝ่ายตรงข้ามดูเหมือนจะรู้ว่าเย่เทียนหยู่กำลังถ่วงเวลาอยู่"ถ้าคุณไม่บอกเหตุผล ผมไม่มีทางตอบตกลงได้""ถ้างั้น ก็ลาไปเลย!""เดี๋ยวก่อน!"เย่เทียนหยู่รีบพูด "บอกมาสิ เรื่องที่สอง คืออะไรกัน? และนี่ยังเป็นเรื่องสุดท้ายใช่ไหม? ถ้าไม่เป็นแบบนั้น ทุกอย่างจะไม่มีความหมาย""ไม่ต้องห่วง นี่จะเป็นเรื่องสุดท้ายจริงๆ ""เรื่องอะไร?""เกี่ยวกับเรื่องสำคัญในชีวิตของคุณ นั่นคือการแต่งงานกับหยางเฉียนเฉียน รับเอาพรหมจรรย์ของเธอไป และจัดพิธีแต่งงานใหญ่โต โดยที่ผมได้เลือกวันให้แล้ว จะเป็นในอีกสามวัน""พวกคุณบ้าหรือเปล่า!" เย่เทียนหยู่ไม่ได้เกลียดหยางเฉียนเฉียน แต่เหตุผลของพวกเขาช่างน่าขยะแขยง"คุณคิดแบบนั้นได้ ดังนั้นคุณก็สามารถปฏิเสธได้""เปลี่ยนเรื่องเถอะ""ไม่มีทาง ตอนนี้ ถึงเวลาที่คุณต้องบอกคำตอบแล้ว""ถ้าผมตอบตกลง จะได้พบแม่ของผมหรือเปล่า?" เย่เทียนหยู่ถาม"หลังจากงานแต่งงานเสร็จสิ้น ผมรับรองว่าจะให้คุณได้พบ" เย่เทียนหยู่มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก แม้ว่าเรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่ยาก แต่เขาก็ไม่สามารถก้าวข้
"น้อยใจฉันถ้าอย่างนั้นหมายความว่าฉันต้องลำบากตามที่พี่เย่บอกใช่ไหม? งั้นเราก็ต้อง..." หยางเฉียนเฉียนคิดถึงเรื่องนั้น สีหน้าของเธอแดงขึ้นและก้มหน้าลงเล็กน้อย"จริงๆ ก็ไม่จำเป็น...""พี่เย่ไม่ต้องใส่ใจฉันก็ได้ ไม่มีปัญหาหรอก" หยางเฉียนเฉียนพูดขึ้นมาก่อน"ถ้าพี่เย่ต้องการอะไร ให้ฉันช่วยได้เลย ฉันตั้งใจไว้อยู่แล้ว ว่าชาตินี้จะไม่แต่งงาน ถ้าจำเป็นก็ทำตามที่พวกเขาบอก""รอให้จัดการเรื่องนี้เสร็จ เราค่อยหย่ากัน แล้วตอนนั้นพี่จะกลับไปอยู่กับหลินหว่านหรู ฉันจะไม่มีการรบกวนใดๆ"เมื่อได้ยินแบบนั้น เย่เทียนหยู่ก็ไม่อาจช่วยยิ้มได้เรื่องเมื่อคืนทำให้เขารู้สึกผิดกับเธอมากอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีความสัมพันธ์ แต่ความใกล้ชิดก็เพียงพอแล้วสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง เรื่องแบบนี้ถือว่าขาดมารยาทอย่างใหญ่หลวงตอนนี้เขายังจะต้องไปทำให้เธอเสียเกียรติยศเสียอีก มีการจดทะเบียนและจัดพิธีแต่งงาน รวมถึงมีความสัมพันธ์ด้วยถ้าต้องทำแบบนี้ เขาจะสามารถทอดทิ้งหยางเฉียนเฉียนได้จริงๆ หรือ?เอาเถอะ คิดไปก่อน ค่อยหาทางออกทีหลัง"เฉียนเฉียน ผมจะส่งคุณกลับบ้าน?" เย่เทียนหยู่ถาม"ไม่เป็นไร ฉันกลับเองได้""ให้ผม
การสอบถามรายละเอียดให้ชัดเจนเพื่อที่จะให้เย่เทียนหยู่ลับไปอยู่กับหลินหว่านหรูแต่ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงของลูกน้องดังขึ้นอย่างเร่งรีบว่า “ท่านปู่! ท่านปู่! ด้านนอกมีบุคคลสำคัญมาเยือน! ท่านประธานตระกูลเฉินมาที่นี่ด้วย! แล้วยังมีคนอีกมากมาย!”คุณปู่ตระกูลหลินชะงักไปเล็กน้อย พวกเขาไม่มีความสัมพันธ์กับตระกูลเฉินเลย พวกเขามาที่นี่ทำไม แต่บุคคลระดับนี้เขาต้องรีบออกไปรับด้วยตนเองครอบครัวของพวกเขาไม่ทันคิดอะไรมาก รีบเดินไปที่ประตู และทันใดนั้นก็เห็นท่านประธานตระกูลเฉินเฉินฉางเหอเดินเข้ามาหลังจากที่เขาได้ทำเรื่องที่ทำให้เย่เทียนหยู่ไม่พอใจในครั้งก่อนเขารู้สึกตกใจกลัวและเป็นกังวลว่าเย่เทียนหยู่จะลงโทษเขา และตอนนี้เมื่อรู้ถึงสถานะที่น่ากลัวของเย่เทียนหยู่ เขาจึงมีโอกาสที่จะมาเยี่ยมเยียน จึงรีบมาที่นี่ทันทีเมื่อเห็นเฉินฉางเหอก้าวเข้ามา คุณปู่ตระกูลหลินก็รีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โค้งตัวอย่างระมัดระวังแล้วกล่าวว่า "ท่านประธานตระกูลเฉิน ท่านมาเยี่ยมเยียนที่บ้านนี้ทำไม?" "ท่านคุณปู่ตระกูลหลิน ให้เกียรติมากเลย ผมมาที่นี่โดยเฉพาะเพื่อเยี่ยมเยียนท่านราชามังกรครับ""มาคนครับ ช่วยนำของขวัญ
"ฮ่าๆ ถือว่าจริงนะ" เฉินฉางเหอรู้สึกพอใจมาก ตอนแรกที่เตรียมของก็รู้สึกเจ็บใจอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงประโยชน์ที่ตามมาก็ขบฟันแน่นแต่ไม่คิดเลยว่าคนเหล่านี้ทุกคนไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย โชคดีที่สิ่งที่เตรียมมานั้นมีมูลค่าสูง ตอนนี้เขารู้สึกโชคดีมากไม่เช่นนั้นถ้าไม่ได้รับการยอมรับในที่สุด ความประทับใจก็คงไม่แข็งแกร่งเท่าไร ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงอีกเสียงดังขึ้น "ท่านประธานตระกูลซ่ง ซ่งเหวินป๋อ มาที่นี่เพื่อเยี่ยมเยียนราชามังกร ขอเสนอของเล็กน้อยให้ท่านรับไว้""นี่คือผลิตภัณฑ์จากบริษัทอัญมณีที่ชื่อหลงซีและโรงงานฟางซิงของตระกูลซ่ง โดยเฉพาะเพื่อมอบให้ราชามังกร""ว้าว การที่ตระกูลซ่งจัดการมานี้ก็ไม่ธรรมดาจริงๆ โรงงานทั้งสองนี่เป็นโรงงานหลักของพวกเขา มูลค่าไม่น่าจะต่ำกว่า 1พันล้าน""นั่นน่ะสินะ นี่ไม่ใช่แค่ว่าจะได้ข้อเสนอที่มีมูลค่าเยอะ แต่ที่สำคัญคือ เป็นอุตสาหกรรมหลักของพวกเขา มันเหมือนการมอบส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมหลักให้กับคู่แข่ง""ใช่ไหม? นี่มันทำลายอนาคตตัวเองชัดๆ จริงๆ ตระกูลซ่ง ผู้คนใจกล้าจริงๆ"ซ่งเหวินป๋อได้ยินคำพูดเหล่านี้ แต่เมื่อคิดถึงเย่เทียนหยู่ที่ช่วยชีวิตตระกูลซ่ง และเมื่อไ
หลายร้อยล้านจะเอาพาไปไหนได้ล่ะด้วยความที่คนมากมายเดินเข้ามา จนแทบจะทำให้ทั้งหมู่บ้านแน่นขนัดคุณปู่ตระกูลหลินและคนอื่นๆ ยืนอึ้งอยู่แล้ว พวกเขาไม่รู้จะต้อนรับอย่างไร และตระกูลหลินก็ไม่สามารถจัดการกับจำนวนคนมากมายแบบนี้ได้หลินหว่านหรูเองก็ออกมาจากห้อง เพราะเสียงด้านนอกมันดังมาก เธอได้ยินเสียงระเบิดๆ ที่ประตู จึงตกใจและไม่รู้จะทำอย่างไรแท้จริงแล้ว พลังในการดึงดูดของเขาช่างมีมากมายเพียงแค่การเปิดเผยสถานะ ก็ทำให้บุคคลสำคัญหลายคนมาที่นี่อย่างตั้งใจ โดยเฉพาะของขวัญที่พวกเขานำมาทั้งหมดนั้นเกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้โดยเฉพาะแม่หลิน เธอสั่นไปทั้งตัวเธอเคยคิดว่าเย่เทียนหยู่มีสถานะที่สูงส่ง แต่ไม่เคยคิดว่าจะน่ากลัวขนาดนี้ ขนาดทำให้คนจำนวนมากตื่นเต้นได้ขนาดนี้ไปตายเถอะ เย่เซวียน! มีราชามังกรเป็นลูกเขย ไม่ต้องการเย่เซวียนก็ได้!ของขวัญพวกนี้ เธอจะต้องเอาทั้งหมด ไม่มีลดน้อยลง!“อ้อ ท่านคุณปู่ตระกูลหลิน ราชามังกรอยู่ข้างในไหม? เราจะเข้าไปเยี่ยมท่านได้หรือไม่?” หยางต้าฝู มองไปที่คุณปู่ตระกูลหลินที่ยืนอยู่อย่างเหม่อลอยแสดงสีหน้าหมดหนทางผู้เฒ่าคนนี้ไม่เข้าใจหรือไง? คนจำนวนมากมา
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป