สีหน้าของหลินหว่านหรูเริ่มดูน่าเกลียดมากขึ้น และเธอก็มองไปที่เย่เทียนหยู่ด้วยความสิ้นหวังเย่เทียนหยู่พยักหน้า หันหลังกลับแล้วเดินออกไป เขารอให้หลินหว่านหรูติดตามเขาออกไปและบอกเธอว่าไม่มีอะไรต้องกังวล เขาสามารถรับมือกับภัยคุกคามจากตระกูลเย่ได้แต่ทันทีที่หลินหว่านหรูเคลื่อนไหว คุณปู่ตระกูลหลินก็พูดอย่างเย็นชา "คุณหมายความว่ายังไง คุณต้องการที่จะตามฉันออกไป อย่าลืม ตอนนี้คุณทั้งสองไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว"“แน่นอน หากคุณไม่ต้องการให้ฉันเป็นปู่ของคุณ พ่อแม่ของคุณ หรือตระกูลหลิน ได้โปรดทำ!”คำพูดเหล่านี้ทำให้หลินหว่านหรูหยุดทำอะไรไม่ถูกหลินหว่านหรู รักครอบครัว พ่อแม่ และปู่ของเธอในใจมาโดยตลอด แม้ว่าพ่อแม่ของเธอจะปฏิบัติต่อเธอแบบนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เธอยังคงห่วงใยพวกเขาลึก ๆ ในใจเย่เทียนหยู่เดินออกไปและเห็นว่าหลิน หว่านหรูไม่ได้ติดตามเขาไป เพียงเท่านี้ ฉันจะโทรหาเธอทีหลัง แต่ในขณะที่เขาเข้าไปในรถหลิวเมิ่งก็ปีนขึ้นไปเย่เทียนหยู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า "คุณปู่ตระกูลหลินขอให้คุณออกมาจริง ๆ หรือ"“พี่เขยอย่างลับๆ บอกความจริงมาว่าคุณสามารถจัดการกับตระกูลเย่ได้จริง ๆ และค
หลินหว่านหรูยังคงมีความรู้สึกผิดอยู่ในใจเล็กน้อย เมื่อเธอได้ยินแบบนั้น ใจของเธอก็สั่นเทา และเธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความโมโห "แม่ คุณคิดยังไงเมื่อแม่ตระกูลหลินได้ยินดังนั้น เธอก็ยิ่งโกรธและตอบโต้ด้วยความโมโห "คุณคิดยังไง ฉันเลี้ยงดูคุณมาอย่างดีและให้การศึกษาแก่คุณดีมาก ตอนนี้คุณกำลังบอกว่าฉันไม่มีคุณอยู่ในใจ"“ถ้าไม่ใช่สำหรับฉัน คุณจะบรรลุสิ่งที่คุณมีในวันนี้มั้ย แค่ฉันไม่เคยคิดว่าคุณจะเป็นหมาป่าตาขาว และคุณจะลืมที่จะไม่ตอบแทนฉัน และคุณจะฆ่าฉันและ ครอบครัวหลิน”ใบหน้าของหลินหว่านหรูเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโมโหกับคำพูดเหล่านี้ เธอไม่ต้องการพูดอะไรอีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงลุกขึ้นและจากไปความรักจะเป็นอะไรก็ได้เธอไม่สนใจหลิวเมิ่งรีบลุกขึ้นและติดตามเธอไป เธอยังรู้สึกว่าสิ่งที่ป้าของเธอพูดมากเกินไปจริง ๆเมื่อเห็นทั้งสองคนจากไป แม่ตระกูลหลินก็พูดต่อ "พ่อครับ ฉันรู้ว่าลูกรู้สึกเจ็บปวดเพราะหว่านหรู เราก็รู้สึกเจ็บปวดเช่นกัน แต่ดูสิว่าตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง"“ฉันคิดว่าเราทำได้แค่ทำตามสิ่งที่ฉันพูดไป บางทีความหวังยังมีริบหรี่อยู่”“ไม่อย่างนั้นก็จะจบลงโดยสมบูรณ์”คุณปู่ตระกูลหลินมีอา
“โอเค แค่นี้นะ ผมยังยุ่งอยู่”เย่เทียนหยู่วางสายโทรศัพท์ซูเหวินฮวาวางสายด้วยสีหน้าเหม่อลอย แต่ในไม่ช้า ดวงตาของเขาก็แสดงความตื่นเต้น พี่เย่ที่เขาติดตามช่างเป็นตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวจริง ๆ ไม่เพียงแต่ไม่กลัวตระกูลเย่ที่เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลมหาอำนาจของอาณาจักรมังกร แต่เขาไม่กลัวกระทั่งเทพเจ้าสงครามผู้พิทักษ์ของอาณาจักรมังกรด้วยซ้ำไม่นานหลังจากที่เขาวางสาย โทรศัพท์มือถือของเย่เทียนหยู่ก็ดังขึ้นอีกครั้ง และเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรับสายอีกครั้ง โดยไม่คาดคิดทันทีที่เชื่อมต่อสายก็มีเสียงเร่งด่วนดังขึ้น“แพทย์เซียนเย่ คุณอยู่ไหนครับเกิดเรื่องใหญ่แล้ว” เสียงที่กดดันและเร่งด่วนของหวงหงเจี้ยนมาจากอีกด้านหนึ่ง“เรื่องอะไร”เย่เทียนหยู่ถามว่าตระกูลเย่จะเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้ได้มั้ย“เมืองหลงตูโทรมา ขอให้เราจัดการให้ตำรวจร่วมมือกับการปิดล้อมของตระกูลหลินทั้งหมด ไม่มีใครรอดพ้นได้ โดยเฉพาะคุณ เราต้องกำจัดมันลง” หวงหงเจี้ยนกล่าวและรวดเร็วนี่เป็นคำสั่งที่ส่งมาจากด้านบนโดยไม่มีคำอธิบายใดๆ“กระบวนท่ารวดเร็วที่ดีนี่” เย่เทียนหยู่มีสีหน้าเศร้าหมอง เขาไม่คาดหวังว่าตระกูลเย่แทบรอไม่ไหวที่จะจ
หวงหงเจี้ยนหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมา โทรหาจางเจิ้งหรือสารวัตจางทันทีก่อนจะสั่งการ“ยกเว้นกำลังคนที่จำเป็นที่ต้องทิ้งไว้ข้างหลัง จงรวมกำลังตำรวจทั้งหมดไว้ ออกเดินทางสู่ตระกูลหลินภายในครึ่งชั่วโมง ร่วมมือกับนายพลเย่เพื่อควบคุมทุกคนในตระกูลหลิน และจับกุมเย่เทียนหยู่และหลินหว่านหรู”"อะไร!"จางเจิ้งตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง คิดว่าเขาได้ยินผิดไป ท้ายที่สุดแล้ว เจ้านายของเขาบอกเขาหลายครั้งก่อนหน้านี้ว่าเขาต้องระวังแพทย์เซียนเย่ให้มากสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ทุกอย่างจะเกิดขึ้นในคราวเดียวยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่นายพลเย่ก็ยังอยู่ที่นี่ พวกเขาประจำการอยู่ใกล้เมืองเทียนไห่ และเป็นไปไม่ได้ที่จะระดมพลพวกเขาภายใต้สถานการณ์ปกติ“รวบรวมกองกำลังตำรวจทั้งหมดเพื่อไปหาตระกูลหลินร่วมมือกับนายพลเย่เพื่อจับกุมเย่เทียนหยู่และหลินหว่านหรู และพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของพื้นที่โดยรอบ เข้าใจมั้ย”“เข้าใจแล้วครับ!”“จำไว้ว่าคุณไม่สามารถทำร้ายใครได้!”หวงหงเจี้ยนเตือนเขาเป็นพิเศษ เพราะถึงยังไงแพทย์เซียนเย่บอกว่าคุณสามารถทำอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ แต่คุณไม่สามารถไปไกลเกินไป"ใช่!"จางเจิ้
จางเจิ้งกลอกตาไปที่หลงเจี๋ยอย่างช่วยไม่ได้ และพูดอย่างหมดหนทาง “คำสั่งจากเบื้องบนเป็นแบบนั้น เราแค่ทำตามก็พอ”“ไม่ เราเป็นตำรวจที่รักษาความยุติธรรม จะยอมจำนนต่อคำสั่งอันไร้เหตุผลได้ยังไง”“เอาล่ะ แล้วเย่เทียนหยู่ทำร้ายใครหรือเปล่า ถ้าเขาทำเขาก็ควรจะถูกจับใช่รึเปล่าคะ” จางเจิ้งถามอย่างมีเชิงเมื่อเห็นว่าหลงเจี๋ยยังไม่มั่นใจ เขาก็กล่าวเสริมทันที "นอกจากนี้ ฉันแค่ขอให้คุณช่วย ไม่ใช่ขอให้คุณดำเนินการ"“เอาล่ะ แค่นั้น กลับไปเตรียมตัวกันเถอะเราจะออกเดินทางทันที”จางเจิ้งขัดจังหวะคำพูดของ หลงเจี๋ย จิตใจของหญิงสาวคนนี้เต็มไปด้วยความยุติธรรม และเธอก็ดื้อรั้นจริง ๆ แล้ว หลงเจี๋ยเข้าใจปัญหาของ จางเจิ้งแต่เธอก็ทนไม่ได้ เขารู้เกี่ยวกับเย่เซวียนเพราะลูกพี่ลูกน้องของเขาหลงอู่พูดถึงเรื่องนี้เขาเป็นคนหน้าซื่อใจคดใจร้ายที่ชอบเล่นกับผู้หญิง ลูกพี่ลูกน้องของฉันเกลียดเขามาตลอดยังไงก็ตามเย่เซวียนกำลังไล่ตามลูกพี่ลูกน้องของเขาเพียงว่าเธอเพิ่งไปที่เมืองหลงตูเพื่อเล่นและอยู่ได้ไม่นาน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ติดต่อกับเย่เซวียนเลยแต่คราวนี้เห็นได้ชัดว่าตระกูลเย่เป็นคนจัดการเรื่องนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าเขา
“คุณปู่ตระกูลหลิน ฉันไม่ได้คาดหวังจริง ๆ ว่าหว่านหรูซึ่งคุณรักมากที่สุดมาโดยตลอดจะพูดคำทำลายความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเช่นนี้”เมื่อเสียงนั้นดังขึ้น เย่เทียนหยู่ก็ปรากฏตัวขึ้นด้วย เขามองทุกคนในตระกูลหลินอย่างเย็นชาด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยวก่อนหน้านี้ฉันกินพอแล้ว โดยไม่คาดคิด ณ ตอนนี้ พวกเขาไม่เพียงแต่ล้มเหลวในการตระหนักถึงความผิดพลาดของตนเอง แต่ยังทำให้แย่ลงอีกด้วยหลินหว่านหรู ตกใจเล็กน้อย ทำไม เทียนหยู่ถึงกลับมา- แต่เมื่อฟังคำพูดของเขาและเฝ้าดูเขาพูดเพื่อตัวเองหลินหว่านหรูก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างควบคุมไม่ได้ในใจ และแทบจะอดไม่ได้ที่จะกอดเขาและร้องไห้คุณปู่ตระกูลหลินโกรธจัดทันที วันนี้เขาเสียหน้าและรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของเขาถูกทำให้ขุ่นเคือง เขาก่นด่าด้วยความโมโห "เย่เทียนหยู่ ฉันบอกให้คุณออกไปแล้วไม่ใช่หรือ คุณมาทำอะไรที่นี่อีก"“ผมต้องกลับมาแน่อยู่แล้ว ถ้าไม่กลับมาจะพวกคุณขายหว่านหรูเหมือนของชิ้นหนึ่งหรือไง” เย่เทียนหยู่ถามอย่างเย็นชา“ไร้สาระ ฉันทำทั้งหมดนี้เพื่อประโยชน์ของหว่านหรู แต่คุณต่างหากที่พาเธอลงสู่ขุมนรก” คุณปู่ตระกูลหลินตอบโต้ด้วยความโมโห“โง่จริง ๆ”เย่เทียนหยู่ตะคอกอย่าง
เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนั้น เขาก็ส่งเสียงพูดอย่างเย็นชา “คิดจะจับผมเหรอ”“เอาสิ ผมมาอยู่นี่แล้ว มาจับผมไปซะ”“หรือจะเข้ามาพร้อมกันเลยก็ได้”ใบหน้าของหลินเวยซีดลง และคนอื่น ๆ ก็ถอยกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกเขาจะรีบอธิบายอย่างหวาดระแวง “คือเรา แค่ล้อเล่นน่ะ พูดกันขำ ๆ เท่านั้นเอง”“ใช่ ๆ เราแค่ร้อนใจก็เลยพูดเล่นกันเอง”เย่เทียนหยู่ส่งเสียงเหอะอย่างเย็นชา โดยไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับพวกเขาในเวลานี้หลินหว่านหรูอดไม่ได้ที่จะถาม "เทียนหยู่คุณพูดจริง ๆ หรือไม่ว่าตระกูลเย่ได้ระดมทหารเพื่อมาจัดการกับพวกเรา"อะไร!ทันทีที่พูดจบหลินเวยและคนอื่น ๆ ก็ตกใจเมื่อได้ยินแบบนั้น สถานการณ์เป็นยังไง พวกเขากำลังจะดำเนินการ และมันเป็นกระบวนท่าครั้งใหญ่มากแต่เย่เทียนหยู่ยืนยันว่า "ใช่ และไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น รัฐมนตรีหวงก็ได้รับคำสั่งเช่นกัน คาดว่าตำรวจจะมาในไม่ช้า"อา……ในขณะนี้ทุกคนหน้าซีดสิ่งนี้เกิดขึ้นได้ยังไงคุณปู่ตระกูลหลินแทบไม่เชื่อเลย แต่เป็นไปไม่ได้ที่เย่เทียนหยู่จะโกหกพวกเขาโดยเจตนาเมื่อหลินเวยและคนอื่นๆ ได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็รีบพูดทันที "เอาล่ะ น้องชาย คุณค่อยๆ คุยกันเถอะ
หลินหว่านหรูคิดออกทั้งหมดแล้วก้าวไปข้างหน้าทันทีและพูดว่า "เทียนหยู่คุณเก่งการต่อสู้ ถ้าคุณหนีไปตามลำพัง พวกเขาจะไม่สามารถจับคุณได้ กรุณาออกไปอย่างรวดเร็ว"ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป คนอื่นๆ ต่างตกตะลึง โดยเฉพาะแม่ตระกูลหลินที่วิตกกังวลทันทีและพูดเสียงดังว่า "ไม่ ถ้าเขาจากไป ใครจะรับผิดชอบเรื่องนี้ เขาจะต้องไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไป"“ใช่ เขาคือผู้กระทำผิดรายใหญ่ที่สุดในเรื่องนี้ เขาจะต้องไม่ออกไป”“ไม่ เราต้องไม่ออกไป ไม่ว่ายังไงก็ตาม เราต้องหยุดเขา!”“ถูกต้องแล้ว เย่เทียนหยู่ คุณได้ยินฉันมั้ย คุณออกไปไม่ได้!” คุณปู่ตระกูลหลินยังพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มแต่เย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ฉันได้ยินแล้ว แต่ฉันต้องไปแล้ว ใครในพวกคุณที่จะหยุดฉันได้"ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป ภาพเหตุการณ์ก็เงียบลงด้วยความสามารถของพวกเขา ต่อให้จำนวนของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นร้อยเท่า แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดเย่เทียนหยู่จากการจากไปคุณปู่ตระกูลหลินดูเขินอายมากและไม่มีทางเลือกเลย ด้วยความสามารถของพวกเขา ไม่มีอะไรที่พวกเขาจะทำกับเย่เทียนหยู่ได้“เหอะ พวกคนหลงตัวเอง!”“คุณเป็นคนแบบ
พอคุณนายไป๋มาถึง พวกเฉินเฟยเฟยก็สังเกตเห็นได้ในทันที เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายไป๋ สีหน้าของพวกเธอก็เปลี่ยนไปแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาด้วยเหตุผลอะไร แต่ดูท่าทางแล้ว ค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียวเหอฉุนรีบพูดขึ้นว่า “เฟยเฟย เร็วเข้า รีบติดต่อคุณเย่เร็ว!”“เอ่อ ฉันว่าเราลองอ้างชื่อพี่เย่กันก่อนดีไหม?” เฉินเฟยเฟยกลัวว่าจะสร้างปัญหาให้เย่เทียนหยู่มากเกินไป“ไม่ได้ รีบโทรหาเขาด่วนเลย ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไป ดูจากท่าทีโกรธเกรี้ยวของเธอแล้ว เกรงว่าแค่อ้างชื่อออกไปจะไม่ได้ผลกับเธอแน่” “อีกอย่าง เกิดว่าเธอไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของราชามังกร แล้วยังโกรธเกรี้ยวอยู่เหมือนเดิม เราจะทำอย่างไรดี” เหอฉุนรีบพูดขึ้นมาอันที่จริงเฉินเฟยเฟยเองก็คิดถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เพียงแค่กลัวว่าจะทำให้เย่เทียนหยู่ลำบากก็เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้ไปสนใจเรื่องพวกนั้นอีกแล้ว เธอจึงรีบกดเบอร์โทรศัพท์โทรหาเย่เทียนหยู่ทันทีเพียงแต่ตอนนี้เย่เทียนหยู่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ จึงทำให้ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ เนื่องจากตอนที่หลินหว่านหรูตื่นเช้าขึ้นมา แล้วบอกว่าอยากกินบะหมี่เหมือนเมื่อวานอีกครั้งในเ
แถมยังเป็นดาราอีกต่างหาก!แม้ว่าจะยังไม่ทราบสถานการณ์ที่แน่ชัด แต่เฉินเฟยเฟยคนนี้ เธอจะต้องตายอย่างแน่นอนไม่ว่าเธอจะเป็นดาราดังมากแค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลไป๋ที่มีทรัพย์สินเป็นพันล้าน เธอก็เป็นได้แค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น!คุณนายไป๋หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดโทรออกเพื่อจัดการวางแผนต่าง ๆ ในขณะเดียวกันเธอก็พูดด้วยความโกรธขึ้นว่า “พยัคฆ์ทมิฬ ไปสืบมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าหากไม่สามารถหาที่อยู่ของนางนั่นมาได้ภายในเช้าของวันพรุ่งนี้ พวกแกก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อแล้ว”“แล้วก็ยังมีไอ้ฆาตกรอีกคน เดี๋ยวฉันจะส่งวิดีโอไปให้ พวกแกก็ลองตรวจสอบมันดูด้วย แต่ภารกิจหลักคือการตามหาที่อยู่ของเฉินเฟยเฟยมาให้ได้!”เพราะขอแค่หาเฉินเฟยเฟยเจอ ก็จะสามารถหาคนที่ทำร้ายหยางหยางเจอได้เช่นกัน ซึ่งก็คือไอ้ฆาตกรคนนั้นพยัคฆ์ทมิฬที่ได้ยินคำสั่ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ตั้งแต่ที่ตระกูลไป๋ชุบตัวขึ้นมาใหม่ เขาก็ยังไม่เคยเห็นเธอโกรธจัดเพียงแค่ต้องการให้สืบเรื่องของคนคนหนึ่งมาก่อนเลย เพราะงั้นเขาจึงได้รีบจัดการในทันทีพยัคฆ์ทมิฬเป็นหัวหน้าแก๊งพยัคฆ์ทมิฬ หนึ่งในแก๊งแห่งวงการอาชญากรรม การที่พวกเขาสามารถค
“เป็นอะไรไป ไม่อร่อยเหรอ?” ท่าทีของหลินหว่านหรูดูแปลก ๆ จึงทำให้เย่เทียนหยู่รู้สึกสับสนเล็กน้อย หรือว่าฝีมือทำครัวของตนจะแย่ลงรึเปล่านะแต่ถึงยังไง ก็คงไม่อร่อยจนถึงขั้นร้องไห้ออกมาหรอกมั้ง“เปล่าหรอก!”“อร่อยมาก อร่อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ!”หลินหว่านหรูร้องไห้ฮือออกมาเย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก จึงพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ถึงจะอร่อยก็ต้องค่อย ๆ กินนะ ไม่ต้องรีบ ผมก็คิดว่าคุณร้องไห้เพราะทนกับรสชาติที่ไม่อร่อยอยู่เสียอีก”คำพูดนี้ทำให้หลินหว่านหรูอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “อย่าทำให้ฉันขำสิ เอาซะฉันเกือบจะพ่นเส้นบะหมี่ออกมาแล้วเนี่ย”รอยยิ้มของหลินหว่านหรูนี้ ก็ทำให้รู้สึกว่าพื้นที่รอบตัวเปลี่ยนไปทันที ราวกับว่ามีดอกไม้สวยงามนับไม่ถ้วนกำลังบานสะพรั่ง ทำให้เย่เทียนหยู่ถึงกับต้องมองตาค้างกันเลยทีเดียว“มัวเหม่ออะไรอยู่”“ก็มองคุณอยู่ไง”“โกหก”หลินหว่านหรูหน้าแดงเล็กน้อย เธอกินต่ออีกสองสามคำ ก่อนเธออดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “เมื่อก่อนคุณเคยทำบะหมี่บ่อยมากเลยเหรอ?”“ก็ไม่ได้ทำบ่อยนักหรอก ผมยังทำอย่างอื่นเป็นด้วยนะ”“คุณทำอย่างอื่นเป็นด้วยงั้นเหรอ?”“แน่นอ
“คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอ?”หลินหว่านหรูถามด้วยความสงสัย แต่เมื่อลองคิดอีกที บะหมี่เองก็ค่อนข้างที่จะต้มง่าย แทบไม่มีความยากเลยด้วยซ้ำ แค่ไม่เผลอใส่เกลือมากเกินไปก็พอแต่อีกเดี๋ยว ไม่ว่าจะเค็มหรือไม่ก็ตาม เธอจะต้องอดทนกินมันให้หมด แม้ว่าจะรสชาติแย่แค่ไหนก็ตามถึงยังไง การที่คนอย่างเย่เทียนหยู่ยอมลงมือทำบะหมี่ให้เธอด้วยตัวเองแบบนี้ เธอก็รู้สึกมีความสุขมากแล้ว“อีกเดี๋ยวก็รู้แล้ว”เย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของเขานั้นรวดเร็ว และดูคล่องแคล่วมาก ไข่ไก่ที่อยู่ในมือของเขา ไม่นานก็ถูกตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน ก่อนจะถูกผสมลงไปกับเส้นบะหมี่ภายใต้การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและน่าตื่นตาตื่นใจของเขา ทั้งเส้นบะหมี่ไข่ผักก็ได้ถูกปรุงจนเสร็จเรียบร้อยแล้วหากรวมเวลาตั้งแต่ที่เขาเริ่มลงไปซื้อของด้วย เมื่อกี้มันเพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเองหลินหว่านหรูมองไปยังชามและตะเกียบที่วางอยู่ตรงหน้า ความสุขอันล้นหลามก็ห่อหุ้มตัวเธอเอาไว้ จากนั้นเธอก็รีบก้มหน้าคีบเส้นบะหมี่เข้าปากทันทีเดิมเธอคิดว่ามันไม่น่าจะกินได้แน่ ๆแต่ทันทีที่เธอได้สูดเส้นบะหมี่เข้าไป หลินหว่านหรูก็รู้สึกเหมือนถูกมนต์ส
“อือ งานยุ่งจนดึกมากขนาดนี้ คงหิวแล้วใช่ไหม?” เย่เทียนหยู่ถาม“ยังไหว ยังไม่หิวเท่าไหร่!”แต่ทันทีที่หลินหว่านหรูพูดจบ ท้องของเธอก็ส่งเสียงดังออกมา ซึ่งทำให้เธอหน้าแดงเล็กน้อย“ยังจะบอกว่าไม่หิวอีก ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปกินมื้อดึก”“มันดึกมากแล้ว ไม่ต้องไปหรอก สั่งเดลิเวอรีมาก็ได้” หลินหว่านหรูนึกขึ้นได้ว่าแถวนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้กินสักเท่าไหร่ นอกเสียจากต้องเดินออกไปไกลอีกหน่อย หรือไม่ก็ขับรถไปแบบนั้นมันดูจะยุ่งยากไปหน่อย ที่สำคัญคือกลัวว่ามันจะดึกเกินไป จนทำให้ส่งผลกระทบกับการทำงานของเธอในวันพรุ่งนี้เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วและส่ายหัว ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ของข้างนอกสามารถกินได้ แต่ก็ไม่ควรกินบ่อย ๆ ถ้าคุณกลัวว่ามันจะยุ่งยากจริง ๆ งั้นคุณก็รอผมเดี๋ยวนะ”เมื่อพูดจบ เขาก็เดินออกไปทันทีเขาจำได้ว่าข้างล่างห่างไปไม่ไกลนัก มีร้านขายของชำเล็ก ๆ อยู่ร้านหนึ่ง ซึ่งก็น่าจะมีบะหมี่อะไรแบบนั้นขายอยู่ด้วยด้วยความเร็วของเขา ไม่นานเขาก็กลับมา แถมยังซื้อของกลับมาได้อย่างรวดเร็วอีกด้วยไข่ไก่ บะหมี่ ผงปรุงรสรสไก่ แล้วก็ซีอิ๊วขาว ส่วนอย่างอื่นก็ไม่ได้ซื้ออะไรมาอีกแต่ถึงอย่างนั้น เจ้าของร้านท
ทันใดนั้น เหอฉุนก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เกรงว่าคุณเย่เองก็น่าจะมองออกตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเธอจะไม่กล้าทำอะไรแบบนั้น ถึงได้กล้ามอบเงินกว่าห้าหมื่นล้านให้กับเฟยเฟยโดยไม่คิดอะไรเกรงว่าคุณเย่อาจจะเดาได้แต่แรกแล้ว ว่าเฉินเฟยเฟยจะมอบเงินให้ตนเป็นคนจัดการ เขาไม่กลัวว่าตนจะฉ้อโกงเลยแม้แต่น้อยคุณเย่คนนี้ ช่างเป็นคนที่มีความสามารถมากจริง ๆ!คุณเย่คะ วางใจเถอะค่ะ ฉันรับรองว่าฉันจะทำให้สุดความสามารถ ทำให้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วให้ได้ และทำให้เงินลงทุนของคุณได้กำไรคืนทุนมากกว่าสิบเท่าให้ได้!แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย เย่เทียนหยู่ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น เขาแค่อยากให้เฉินเฟยเฟยได้มีที่ที่ปลอดภัยก็เท่านั้น จะหาเงินได้ไหม หรือว่าจะถูกฉ้อโกงรึเปล่า มันไม่สำคัญเลยสักนิดสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความสุขและความเป็นอิสระ!เงินแค่ห้าหมื่นล้าน ก็เป็นเพียงเศษเงินของเขาเท่านั้น หายไปก็ไม่เสียดายหลังจากที่เย่เทียนหยู่ออกจากโรงแรม เขาก็ตรงกลับไปยังที่พักทันที เกี่ยวกับห้องชุดนี้ เขาก็ได้ส่งกุญแจห้องให้หลินหว่านหรูตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วพร้อมทั้งบอกที่อยู่กับเธอแล้วด้วย และให้เธอเลิกงานเร็วหน่
สีหน้าของจางผิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นต่อไปนี้ จะไม่มีใครกล้ามารังแกพี่เฟยเฟยได้อีกแล้ว พวกเธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไปเมื่อเห็นว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว ทุกอย่างก็สามารถเริ่มดำเนินการได้ในทันที หลังจากนี้ก็คงต้องคิดชื่อบริษัทให้ดี ๆ แล้วล่ะเหอฉุนคิดอยู่สักพัก ก่อนที่จู่ ๆ จะพูดขึ้นว่า “ฉันนึกออกแล้วหนึ่งชื่อ ไม่งั้นเราก็ใช้ชื่อว่าเฟยเทียนมิวสิคคัลเจอร์กันเถอะ!”“เฟยเทียนงั้นเหรอ?”เฉินเฟยเฟยถามด้วยความอยากรู้ขึ้นว่า “ทำไมถึงต้องเรียกว่าเฟยเทียน หมายถึงการบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอะไรทำนองนั้นน่ะเหรอ?”เหอฉุนที่ได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ก่อนจะอธิบายออกไปว่า “อันที่จริงก็มีความหมายแบบนั้นแหละ แต่อักษรเฟยตัวนี้ไม่ได้หมายถึงอักษรที่แปลว่าบินทยานหรอก!”เฉินเฟยเฟยรู้สึกตกใจเล็กน้อย ทันใดนั้นเธอก็คิดออก แววตาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น ชื่อนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ“ฉันรู้แล้ว เป็นอักษรเฟยที่มาจากชื่อของพี่เฟยเฟยนี่เอง!”ครั้งนี้ จางผิงเองก็เข้าใจเช่นกัน ก่อนจะพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “เฟยที่หมายถึงพี่เฟยเฟย เทียนก็หมายถึงคุณเย่ เป็นการรวมเอาชื่อของพวกพี่มารวมกันได้พอดีเลย
ตอนแรกเธอคิดว่าหุ้นทั้งหมดควรเป็นของพี่เย่ แต่พอมาคิดดูแล้ว ยังไงชีวิตนี้เธอก็เป็นของพี่เย่ เพราะงั้น หุ้นของเธอก็เหมือนเป็นของพี่เย่ด้วยไม่ใช่รึไงสำหรับพี่เหอ อันที่จริงพี่เย่ก็พูดเอาไว้แล้ว หากว่าเธอไม่อยากบริหารบริษัทจริง ๆ ก็มอบหมายให้พี่เหอเป็นคนดูแลทั้งหมดเลยก็ได้ ดังนั้นก็ควรที่จะให้พี่เหอถือหุ้นบางส่วนเอาไว้ด้วยจึงจะดีที่สุดส่วนเรื่องจำนวนของหุ้นนั้น พี่เย่ก็ไม่ได้กำหนดเอาไว้“เดี๋ยวก่อนนะ เฟยเฟย เธอพูดว่าอะไรนะ เธอจะให้ฉันถือหุ้น 20 เปอร์เซ็นต์ด้วยงั้นเหรอ?” เหอฉุนรู้สึกตกใจมาก เพราะการที่มีหุ้นแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ จำนวนเงินก็ปาไปหมื่นล้านแล้ว“ใช่แล้วค่ะ พี่เหอรู้สึกว่ามันน้อยไปรึเปล่าคะ?”“ไม่หรอก ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันคิดว่ามันมากเกินไปต่างหาก”เหอฉุนรู้สึกตกใจอีกครั้ง“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงยังไงพี่เย่ก็เห็นด้วยแล้ว จะให้ฉันถือหุ้นมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี”“ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด ฉันไม่ได้มีส่วนร่วมในเงินทุนแม้แต่บาทเดียวเลยนะ จะให้ฉันถือหุ้นมากมายขนาดนั้นได้ยังไง” เหอฉุนเองก็มีความคิดที่จะร่วมลงทุนอยู่ด้วย แต่ปัญหาคืออยู่ ๆ ก็กลายเป็นผู้ร่วมลงทุนกว่าหมื่
“อะไรนะ!”ถึงจะเดาได้ว่าเย่เทียนหยู่ต้องการช่วยก่อตั้งบริษัททำเพลงให้ก็เถอะ แต่การที่ลงทุนให้ตั้งห้าหมื่นล้านก็ทำให้เหอฉุนรู้สึกตกใจมาก เพราะโดยทั่วไปแล้ว ไม่มีบริษัทที่ไหนจำเป็นต้องใช้เงินมากขนาดนั้นแล้วยังมาพูดอีกว่า แค่ช่วยออกเงินลงทุนให้ห้าหมื่นล้านเท่านั้น เงินก็คือเงินไม่ใช่รึไง?เหอฉุนไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า อีกฝ่ายต้องรู้สึกยังไง ถึงสามารถทำให้คนคนหนึ่งหยิบเงินออกมาลงทุนเป็นหมื่นล้านโดยไม่คิดอะไรได้ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไปเพื่อยืนยันความจริง “เฟยเฟย เธอบอกว่าเป็นเงินเท่าไหร่นะ ห้าหมื่นล้านงั้นเหรอ?”“ใช่แล้ว ห้าหมื่นล้าน หรือว่ามันยังไม่พอเหรอคะ?”“ถึงแม้ว่าจะไม่พอก็ไม่เป็นไร พี่เย่บอกเอาไว้แล้ว ว่าให้เอาเงินห้าหมื่นล้านนี้ไปใช้เล่น ๆ ก่อน หากยังไม่พอ เขาก็สามารถเพิ่มเงินลงทุนได้ทุกเมื่อเลยค่ะ” เฉินเฟยเฟยไม่ได้มีแนวคิดเกี่ยวกับการลงทุนมากนักตอนนั้นเธอเองก็ถูกตัวเลขที่เย่เทียนหยู่พูดทำให้ตกใจเช่นกัน แต่พี่เย่ก็บอกเอาไว้แล้วว่า เงินจำนวนนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะเขามีเงินที่ไม่ว่าจะใช้ยังไงก็ใช้ไม่หมดอยู่แล้วต่อให้เป็นแสนล้านเขาก็มี!ตัวเลขเหล่านั้น เธอแ