เมื่อเย่เทียนหยู่เห็นว่าหลิวอิ๋งอิ๋งนิ่งเงียบ เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามว่า “ไม่มีเหรอครับ?”เขาเห็นว่าชุมชนแห่งนี้ไม่เพียงแต่มีหรูหรา แต่ยังมีแผนผังที่เป็นระบบแล้ว ถ้าหากซื้อมาก็สามารถปรับปรุงตกแต่งและย้ายเข้ามาอยู่ได้อย่างรวดเร็ว“มีค่ะ มี คุณลองมาดูตรงนี้ก่อนสิคะ” หลิวอิ๋งอิ๋งพาพวกเขาไปด้านข้างของห้องโถงเพื่อแนะนำทันทีอันที่จริงคอมมูนิตี้แห่งนี้ขายไปเกือบหมดแล้ว จะเหลือก็ที่ราคาสูงลิบอีกเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น แถมทำเลยังค่อนข้างด้อยกว่าราคาไปบ้างในเวลานี้ พนักงานขายหลายคนที่อยู่ไม่ไกลออกไปได้ยินบทสนทนาของเย่เทียนหยู่ต่างทำสีหน้ารังเกียจ โดยเฉพาะตอนที่พวกเขาได้ยินเรื่องการซื้อวิลล่า สีหน้าของพวกเขาก็ยิ่งเผยความเยาะเย้ยเขาขึ้นไปอีก“เหอะ ๆ ดูสิ เหมือนว่าหลิวอิ๋งอิ๋งจะพบลูกค้ารายใหญ่ซะแล้วนะ ยังพาไปดูวิลล่าด้วย”“อย่างพวกนั้นเหรอจะซื้อวิลล่า? นี่กะให้ฉันขำตายเลยหรือเปล่า ดูท่าทางประหม่าของผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขากับกระโปรงฟอกขาวมาจนสว่างขนาดนั้นก็บอกได้เลยว่าใส่มากี่ปีแล้ว”“ใช่ ผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆ นั่นก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนักหรอก ถึงจะดูสะอาดและเรียบร้อย แต่ก็เห็นชัด ๆ ว่าเขา
“ลูกค้าเหรอ?”“อย่างผู้ชายคนนั้นถือเป็นลูกค้าได้ด้วยเหรอ? เธอไม่หัดมองดูบ้างเลยหรือไง ฉันดูท่าทางพวกเขาแล้ว ก็แค่เข้ามารับลมแอร์กับสัมผัสความสะดวกสบายของวิลล่าเท่านั้นล่ะ”พนักงานขายที่เพิ่งพูดคุยกันก็เข้ามาร่วมพูด“แต่ฉันสัญญากับเขาแล้ว แล้วฉันก็คิดว่าเขาจริงใจจะซื้อมันนะคะ”“จริงใจเหรอ?”“หลิวอิ๋งอิ๋ง อย่างพวกเขาน่ะเหรอจะซื้อวิลล่า แถมยังเป็นหลังนั้นอีก ฉันว่าเธออยากจะได้ออเดอร์จนเป็นบ้าไปแล้ว” อีกคนก็พูดเช่นกัน“นั่นสิ หลิวอิ๋งอิ๋ง เธอมองตรงไหนถึงเห็นว่าพวกเขาจะใช้เงินห้าร้อยล้านซื้อวิลล่า วิลล่านั้นน่ะเงินห้าร้อยล้านก็ซื้อไม่ได้หรอก”“แต่……”“เอาล่ะ เลิกแต่ได้แล้ว! หลิวอิ๋งอิ๋ง ถ้าเธอต้องการพาเขาไปดูจริง ๆ ฉันจะให้กุญแจเธอก็ได้ แต่พอดูจบแล้ว อย่าลืมเช็ดวิลล่าทั้งหลังให้ฉันด้วย”พี่ลี่พูดอย่างเย็นชาวิลล่าใหญ่มากการเช็ดทำความสะอาดไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะที่พี่ลี่พูด คือการทำความสะอาดวิลล่าทั้งหลัง ต่อให้ทำอีกหลายวันอาจจะทำไม่เสร็จก็ได้“ได้ค่ะ ถ้าเขาไม่ซื้อ ฉันจะทำความสะอาดทั้งหลังเอง!”หลิวอิ๋งอิ๋งกัดฟันพูด“เธอนี่มัน ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณเอาซะเลย!” พี่ลี่โกรธมาก เธอพบ
หลิวอิ๋งอิ๋งยืนตกตะลึงอยู่กับที่ เธอเองเห็นว่าลูกค้ากำลังรีบขาย เธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “หมอเย่คะ คุณลองต่อรองราคาหน่อยดีไหมคะ มันง่ายมาก ๆ เลยนะคะ”“ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากแบบนั้นหรอกครับ!”“รีบโทรศัพท์ไปเถอะ”เย่เทียนหยู่กล่าวด้วยความหงุดหงิด ถึงแม้ว่าเขาจะมีเวลาเหลือเฟือ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้“ก็ได้ค่ะ!”โดยไม่มีทางเลือก หลิวอิ๋งอิ๋งโทรหาผู้จัดการหวังจากแผนกขายทันที เธอไม่มีกระทั่งข้อมูลติดต่อของลูกค้าด้วยซ้ำเมื่อผู้จัดการได้ยินว่ามีคนต้องการซื้อวิลล่าหลังนี้และเสนอเงินห้าร้อยล้าน เขาก็ดีใจมากและรีบโทรหาซู่เหวินฮวาทันที ถ้าหากสะดวกก็ให้เธอไปพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทันทีซูเหวินฮวาเองก็ต้องการเงินเร่งด่วนเช่นกัน เธอจึงตอบตกลงทันทีในเมื่อดูบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว เย่เทียนหยู่และคนอื่น ๆ ก็เดินทางกลับมารวมกันเพียงแต่หลิวอิ๋งอิ๋งยังไม่สามารถเรียกสติของเธอกลับคืนมาได้ยันตอนที่เธอกลับไปถึงสำนักงานขาย แม้ว่าจะเห็นท่าทางมั่นใจของแพทย์เซียนเย่ และคิดว่ามีโอกาสที่อาจจะปิดดีลได้แต่เธอไม่ได้คิดเลยว่า จะสามารถปิดดีลการขายได้จริง ๆ แถมยังง่ายมากขน
“อะไรนะ?”“ลูกค้าจะซื้อ?”อู๋ลี่และคนอื่น ๆ สับสนไปหมด เป็นไปได้ยังไง?เธอยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้จนถึงกับเสียการควบคุม “เป็นไปไม่ได้ ก็สภาพคนพวกนั้นอย่างกับขอทาน จะไปมีปัญญาซื้อวิลล่าไหวได้ยังไงกัน”“นักต้มตุ๋น ต้องเป็นพวกนักต้มตุ๋นแน่!”“หุบปาก!”“ลูกค้าคือพระเจ้า พูดแบบนั้นได้ยังไง? ออกไปไตร่ตรองกับตัวเองซะ!”เมื่อผู้จัดการหวังได้ยินดังนั้นเขาก็ตะโกนด้วยความโกรธทันทีคนที่อยู่รอบหลิวอิ๋งอิ๋งคงจะเป็นลูกค้าสินะ พวกเขายืนอยู่ข้าง ๆ แท้ ๆ แต่กลับยังกล้าพูดแบบนั้น แต่แบบนั้นก็ดี จะได้กระตุ้นนายเด็กคนนี้เสียหน่อยเพราะมองเด็กหนุ่มตรงหน้านี่ ก็ดูเหมือนจะซื้อวิลล่าไม่ไหวจริง ๆ เขาหันกลับมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: “สวัสดีครับ คุณคือลูกค้าที่อิ๋งอิ๋งพูดถึงหรือเปล่าครับ”“ไม่ต้องมาพูดไร้สาระกันหรอกครับ”“ผมจะซื้อวิลล่าหลังนี้แน่นอน!”เย่เทียนหยู่กล่าว“ได้ครับ คุณเย่ เชิญด้านนี้ครับ เราไปนั่งคุยกันที่ห้องวีไอพีดีกว่า” เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้จัดการหวังก็ยิ้มออกมาทันทีและเชิญเขาอย่างสุภาพ“คุณยังถือว่าไม่เลวนะครับ ถึงคุณจะไม่เชื่อว่าผมซื้อไหว แต่ก็ยังรักษาท่าทางของตนไว้”เย่เทียนหยู่พูด “ส
เมื่อได้ยินดังนั้น เย่เทียนหยู่ก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดเป็นเพราะหลิวอิ๋งอิ๋งพูดทวงความยุติธรรม ถึงได้ทำให้เธอเกิดอันตรายจริง ๆ!ในสายตาคนอื่น เหตุการณ์ในโรงพยาบาลมาถึงจุดนี้แล้วถือว่าจบลงได้อย่างสวยงาม แต่ในมุมมองของเย่เทียนหยู่ เป็นแบบนี้มันยังไม่พอเขารู้สึกว่า หม่าจวี๋ ลูกพี่ลูกน้องของหม่าจุนต้องเป็นคนที่ถูกลากเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้น การลงโทษเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอแล้วเดิมทีถ้าเขาปฏิบัติต่อหลิวอิ๋งอิ๋งอย่างดี เย่เทียนหยู่อาจไม่รู้เรื่องนี้ก็ได้ และเขาคงไม่มีทางทำอะไรมากไปกว่านี้ แต่วันนี้เป็นพวกเขาเองที่ทำตัวเอง“หลิวอิ๋งอิ๋ง ไม่ต้องกังวล ผมจะคืนความยุติธรรมให้คุณในเรื่องนี้อย่างแน่นอน” เย่เทียนหยู่ยืนยัน“อย่าดีกว่าค่ะ ถึงยังไงพวกเขาก็มีอำนาจมาก ฉันได้ยินมาว่านายกเทศมนตรีสื่อก็ช่วยเหลือพวกเขาด้วย หมอเย่ คุณเก่งแค่ทักษะทางการแพทย์เท่านั้น และตอนนี้พวกเขาก็ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากคุณนนะคะ อย่าให้เรื่องนี้มันไปทำร้ายคุณเลยนะคะ”หลิวอิ๋งอิ๋งกล่าวเป็นแค่หมอเหรอ?ผู้จัดการหวังขมวดคิ้ว หมอคนหนึ่งจะซื้อวิลล่าได้เหรอ?ดูท่าว่าที่อู๋ลี่ทำไปเมื่อกี้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไ
“นั่นสิคะ นายน้อยซู มีตำแหน่งใหญ่โตขนาดไหน ฉันกลัวแต่ว่าเขาคงจะไม่รู้ฐานะของท่านน่ะสิคะ” อู๋ลี่กล่าวนายน้อยซูขมวดคิ้วเมื่อได้ยินดังนั้น แต่ไม่ว่าจะยังไง หากเขากล้าทำการหลอกลวง เขาจะทำให้อีกฝ่ายเสียใจที่มาเกิดบนโลกนี้อย่างแน่นอน ต่อจากนั้นเขาก็เดินจากไปพร้อมกับอารมณ์ขุ่นมัวอู๋ลี่ดูภูมิใจ เมื่อเห็นนายซูเป็นแบบนี้ เขาคงจะโกรธมากหลิวอิ๋งอิ๋ง อย่างแกยังคิดจะมาสู้กับฉัน กับไอ้ยาจกนั่นยังคิดจะให้ผู้จัดการหวังมาจัดการเธอ ไม่แหกตาดูเลยหรือไงว่าฉันเป็นอะไรกับผู้จัดการหวังและก็เป็นไปตามคาด ผู้จัดการหวังไม่ได้สนใจไอ้หมอนั่น ก็แค่พูดอย่างที่ควรพูดกับลูกค้าเท่านั้นหวงโหยว่เหว่ยส่ายหน้าแล้วเดินตามไปก่อนจะพูดว่า: “พี่ซู ไม่ต้องรีบร้อน ถามให้ชัดเจนก่อนค่อยจัดการ”หลังจากทะเลาะกับเย่เทียนหยู่เมื่อคราวก่อน เขาก็เติบโตขึ้นไม่น้อย ซึ่งนั่นก็ทำให้หวงหงเจียนมีความสุขมาก และรู้สึกขอบคุณเย่เทียนหยู่มากยิ่งขึ้นครั้งล่าสุด เขาไม่เพียงแต่ได้สร้างศักดิ์ศรีลูกผู้ชายคของเขา ทั้งยังไม่ถูกภรรยาและตระกูลของเธอคอยบงการ แม้แต่ลูกชายของเขาก็ยังซื่อสัตย์และเชื่อฟังมากขึ้นสิ่งสำคัญที่สุดคือเขารู้สึกได้ว่าลูกช
เย่เทียนหยู่ตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหวงโหยวเหว่ย เขาไม่คิดว่าจะได้พบเขาที่นี่เมื่อเห็นกลุ่มคนที่เดินเข้ามา หลิวอิ๋งอิ๋งก็ยืนขึ้นโดยเพื่อทักทายพวกเขาตามสัญชาตญาณ ถึงจะยังไงซะฐานะของคนที่มาก็ไม่ธรรมดา พวกเขาเป็นถึงนายน้อยหวงและนายน้อยซูเย่เทียนหยูไม่ได้ห้ามเธอ ถึงเขาจะไม่ได้ใส่ใจ แต่หลิวอิ๋งอิ๋งก็ไม่ใช่เขา“นายน้อยหวง!”หลิวอิ๋งอิ๋งทักทายด้วยความเคารพเมื่อคุณชายหวงเห็นคนที่อยู่ข้าง ๆ เย่เทียนหยู่ลุกขึ้น เขาก็พยักหน้าและเดินอย่างเข้าไปอย่างรวดเร็วหลิวอิ๋งอิ๋งเองก็กล่าวทักทายซูเหวินฮวาด้วยคราวนี้ซูเหวินฮวาตอบรับอย่างสุภาพ จากนั้นจึงเดินไปที่ตำแหน่งของเย่เทียนหยู่กับผู้จัดการหวัง“แพทย์เซียนเย่ คุณมาที่นี่ได้ยังไงกันครับ?”หวงโหยวเหว่ยเผยรอยยิ้มประจบประแจงบนใบหน้าของเขา หลังจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ในระยะนี้รวมกับที่พ่อของเขายังเพิ่งเตือนเขามาเมื่อคืนนี้ ว่าในอนาคตเขาจะต้องให้ความเคารพเย่เทียนหยู่ถึงที่สุดพ่อยังบอกอีกว่าไม่เพียงแต่ตระกูลซาเท่านั้นที่ถูกทำลายโดยเย่เทียนหยู่ แต่แม้แต่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างซาป้าเทียนก็เสียชีวิตด้วยน้ำมือของแพทย์เซียนเย่เช่นกันหวงโหยวเหว่ยในตอนนั้นต
ไม่ต้องพูดถึงพวกเขา แม้แต่หวงโหยวเหว่ยที่รู้ถึงอำนาจและความสามารถของเย่เทียนหยู่อยู่แล้วก็ยังตกตะลึงเขารู้ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ซูเหวินฮวาขาดเงินและต้องการแลกวิลล่าเป็นเงิน แต่ในตอนนี้เพื่อเอาใจแพทย์เซียนเย่ เขาคิดจะมอบมันไปโดยไม่เอาเงินสักบาทแต่หลังจากคิดดูอีกครั้ง เขาก็พอจะเดาได้คร่าว ๆ ว่าซูเหวินฮวากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาเองก็ต้องแอบถอนหายใจ เพราะซูเหวินฮวากล้าหาญและเด็ดขาดกว่าเขามากยังไงซะนี่ก็เป็นเงินมากถึงห้าร้อยล้านความประหลาดใจแวบขึ้นมาในดวงตาของเย่เทียนหยู่ เขามองไปที่ซูเหวินฮวาและดูเหมือนเขาจะเดาความในใจของเขาออก จากนั้นเขาก็เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่จำเป็นหรอกครับ ไม่ได้มีบุญคุณอะไรต่อกันผมก็จะไม่รับน้ำใจนี้ไว้ ผมไม่ชอบให้ใครต้องมาเสียเปรียบให้ผม”ผู้จัดการหวัง อู๋ลี่และคนอื่น ๆ ตกตะลึงอีกครั้ง เพียงแต่วันนี้พวกเขาตระหนักได้ว่าการที่พกวเขาดูถูกเย่เทียนหยู่ก่อนหน้านี้มันเป็นความผิดมหันต์“เรื่องนั้น… ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ได้ไหมครับ ผมคิดว่าราคาห้าร้อยล้านผมไม่กล้ารับ ผมรับเป็นราคาสี่ร้อยล้านบาท แพทย์เซียนเย่ ขอแค่ให้โอกาสผมได้รู้จักคุณเถอะนะครับ”ซูเหวินฮวาไม่เพี
อันที่จริงแล้ว ครั้งนี้ไม่ใช่การเตรียมการของเย่เทียนหยู่ แต่เป็นการเตรียมการของมู่หรงอิน อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่ามู่หรงอินเองก็ไม่ได้รังเกียจที่จะจัดการเรื่องนี้ กระทั่งเธอยังยินดีที่จะทำเสียด้วยซ้ำเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทเทียนเฟิงกรุ๊ปสาขาตะวันออก ข้อมูลก็ได้ถูกส่งไปถึงหูของมู่หรงอินแล้ว ใบหน้าของเธอก็ปรากฏรอยยิ้มออกมาแม้จะมีความช่วยเหลือจากเย่เทียนหยู่อยู่แล้ว แต่การแสดงออกของหลินหว่านหรูนั้นก็ทำให้เธอพอใจมากจริง ๆเดิมทีภาพรวมของเทียนเฟิงกรุ๊ปก็ดีมากอยู่แล้ว เพียงแค่ปัญหาร้ายแรงบังเอิญมาเกิดที่สาขานี้ก็เท่านั้น เธอแค่ต้องการอยากจะเห็นการแก้ปัญหาของหลินหว่านหรู และจะใช้เวลานานแค่ไหนในการจัดการคิดไม่ถึงเลยว่าจะจัดการได้เร็วขนาดนี้ แถมยังกระตุ้นความกระตือรือร้นของพนักงานให้มีแรงผลักดันมากขึ้นอีกด้วยไม่เสียแรงที่ตนให้คนเตรียมข้อมูลพนักงานที่ละเอียดขนาดนั้นเอาไว้ให้เธอเลยจริง ๆในตอนที่เย่เทียนหยู่เดินออกจากบริษัท เขาเองก็กำลังคิดว่าจะหาบ้านที่เหมาะสมในบริเวณใกล้เคียง แล้วซื้อเอาไว้สักหลัง ไม่ว่ายังไงก็จะให้หลินหว่านหรูพักอยู่โรงแรมตลอดไปไม่ได้หรอกนี่เห็นได้ชัดว่ามันไม่เ
“เพราะเขาเป็นคนพูดเองว่า ไม่ว่าโลกจะกว้างใหญ่แค่ไหน แต่ภรรยาก็คือที่สุด!”“ถ้าไม่มีการอนุญาตจากฉัน เขาจะทำอะไรบุ่มบ่ามแน่นอน”“ฮ่า ๆ......”พอทุกคนได้ยินคำพูดของหลินหว่านหรู ก็แทบจะหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว จู่ ๆ ก็คิดว่าประธานหลินคนนี้ไม่เลวเลยจริง ๆเห็น ๆ อยู่ว่าอำนาจในมือนั้นเกินคาดเดา แต่เจ้าตัวกลับเป็นคนที่อ่อนโยนเช่นนี้เมื่อพูดถึงว่าภรรยาเป็นใหญ่ สีหน้าของหลินหว่านหรูก็แดงเพราะความเขินอายขึ้นมา สิ่งสำคัญคือเธอรู้สึกว่าควรจะดึงบรรยากาศกลับมาสักหน่อย เพื่อไม่ให้ทุกคนมุ่งคิดแต่จะเอาใจเธออย่างเดียว จนละเลยหน้าที่ในบริษัท แบบนั้นคงไม่ดีแน่เย่เทียนหยู่สามารถที่จะไม่สนใจผลประโยชน์ของบริษัทได้ กระทั่งปล่อยให้บริษัทล้มละลายไปเลยก็ตาม แต่เธอเองกลับไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ถ้าตั้งใจจะทำแล้ว ก็ต้องทำให้ถึงที่สุด แล้วก็จะต้องแข็งแกร่งยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยเพราะไม่เช่นนั้น เธอจะมีหน้าไปพบอนาคตแม่สามีได้อย่างไรเมื่อเห็นปฏิกิริยาของทุกคน หลินหว่านหรูก็รู้สึกว่าตนทำถูกต้องแล้ว จากนั้นจึงกล่าวขึ้นอีกว่า “แต่ว่านะ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้เอาแต่ใจเท่ากับเขา แต่สำหรับเรื่องงานแล้ว ฉันกลับมีความเข้
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงและสั่นสะเทือนในใจขึ้นมาอีกครั้งถึงขนาดไม่สนใจว่าบริษัทจะล้มละลาย แม้แต่การขอร้องจากประธานบริษัทเองก็ยังไม่ได้ผลเลยด้วยซ้ำ!นี่เป็นเผด็จการและการปกป้องที่ไร้เหตุผลชัด ๆ!ในใจหลายคนก็อดสงสัยไม่ได้ว่าชายหนุ่มคนนี้คือใคร อาจจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานบริษัท หรืออาจจะมีสถานะที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็ได้เมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น พวกเขาก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหลินหว่านหรูด้วยความรู้สึกอิจฉาโดยเฉพาะผู้หญิงบางคน ในใจพวกเธอก็อดคิดไม่ได้ ว่าหากพวกเธอมีผู้ชายแบบนี้สักคน ต่อให้จะเป็นเพียงหนึ่งในหมื่น พวกเธอก็คงจะมีความสุขจนตายได้เลยการปกป้องที่ไม่มีเหตุผลแบบนี้ แม้แต่หลินหว่านหรูที่ถูกเย่เทียนหยู่ทะนุถนอมตลอดเวลาก็ยังรู้สึกใจเต้นเช่นกันเทียนหยู่ได้ทุ่มเททุกอย่างให้กับเธออย่างแท้จริง เขาทั้งมุ่งมั่นและตั้งใจทำเพื่อเธอพอนึกย้อนกลับไป เขาก็คอยปกป้องเธออยู่เงียบ ๆ มาโดยตลอดมาเช่นกันเพียงแค่ตัวเองก่อนหน้านี้นั้นกลับโง่เขลาเกินไป ไม่สามารถแยกแยะสถานการณ์ได้ ไม่เพียงแต่ไม่เข้าใจ แถมยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับเขาตั้งหลายครั้งอีกด้วยตอนนี้พอมาคิดดูแล้
ดูท่าแล้ว อนาคตเธอคงจะก้าวหน้ามากแน่นอนพวกเขาอาจจะต้องระมัดระวังในการรับมือเอาไว้ให้ดีเมื่อจัดการเรื่องของจางเฉียงเสร็จ เรื่องของที่นี่โดยทั่วไปก็ถือว่าจบลงแล้ว เย่เทียนหยู่เองก็ไม่อยากอยู่ต่อ เขาจึงกล่าวเสียงต่ำขึ้นว่า “ทุกท่านก็คงเห็นกันแล้ว วันนี้ ที่นี่เกิดเรื่องที่ไม่ค่อยน่าพอใจบางอย่างขึ้น”“แต่โชคดีที่ผลลัพธ์ออกมาค่อนข้างดี ในที่สุดก็ขจัดเนื้อร้ายของบริษัทออกไปได้ ทำให้ทุกคนสามารถตั้งใจแสดงความสามารถของตนเองได้อีกครั้ง”“ผมรู้ดี นอกจากพวกเขาเหล่านี้แล้ว ในบริษัทก็ยังมีปัญหาน้อยใหญ่อยู่อีกมากมาย การเรียกเก็บส่วยใต้โต๊ะก็มีไม่น้อย ตามความคิดเดิมของผม ผมไม่คิดจะปล่อยไปเลยแม้แต่คนเดียว ต้องการจะจัดการให้หมดทุกคน”“อย่างมาก บริษัทก็อาจจะตกอยู่ในวิกฤตสักระยะ เพื่อเผชิญกับผลกระทบบางอย่าง”“อย่าว่าแต่วิกฤตเล็ก ๆ เลย ต่อให้จะขาดทุนไปหลายร้อยล้าน หรือหลายพันล้านก็ตาม มันก็ไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น ผมไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย!”เย่เทียนหยู่ยืนอยู่บนที่สูง แววตาดูมีอำนาจ เขากวาดสายตามองไปทั่วทุกทิศทาง ทุกคนที่ถูกเขามอง ต่างก็รีบก้มหน้าหลบเลี่ยงในทันที ไม่มีใครกล้าสบตาเขาเลยสักคนผ
“พอเถอะ!”เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เย่เทียนหยู่เองก็ไม่อยากเปลืองน้ำลายแล้ว จึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ผมเคยบอกไปแล้ว ผมไม่ได้สนใจเงินเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ผิดพลาดที่สุดของพวกคุณคือการดูถูกภรรยาของผม!”“ดังนั้น นอกจากจางเฉียงแล้ว พวกคุณที่เหลือ เอาเงินมาชดใช้ให้หมด แล้วไสหัวออกไปจากบริษัทซะ แล้วเราจะไม่ตามเอาความอีก!”“แต่ว่านะ จางเฉียง ไม่ว่าคุณจะแสดงออกยังไงก็ไม่มีประโยชน์ เก็บน้ำตาที่ไม่มีค่าเหล่านั้นเอาไว้เถอะ”“ไสหัวไปซะ แล้วเตรียมตัวรับหมายศาลเอาไว้ให้ดี!”เมื่อได้ยินดังนั้น หลายคนต่างก็พากันรู้สึกซาบซึ้งจนถึงขั้นน้ำตาไหลเมื่อต้องเผชิญหน้ากับบุคคลที่น่ากลัวเช่นนี้ การที่ตนสามารถถอยกลับมาได้อย่างปลอดภัยนั้น ก็นับว่าโชคดีที่สุดแล้วแต่จางเฉียงกลับรู้สึกอ่อนแรงอย่างสิ้นเชิง คิดไม่ถึงเลยว่าการที่ใบหน้าทั้งสองข้างบวมเป่งนั้นจะไม่มีผลอะไรเลย เมื่อนึกถึงชะตากรรมที่น่ากลัวของตัวเองแล้ว ใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวทันทีเขาหันไปมองหลินหว่านหรูอีกครั้ง ความโกรธเคืองเกิดขึ้นในใจทันที ความชั่วร้ายภายในเองก็ปะทุขึ้นมา เขาจึงควักมีดเล่มเล็กออกมาจากกระเป๋า แล้ววิ่งตรงไปทางหลินหว่านหรูอ
“ขอโทษครับ ผมผิดไปแล้ว!”“ประธานหลินครับ ผมยังมีแม่อายุร้อยปีที่ต้องดูแล ไหนจะลูกน้อยที่อายุเพิ่งจะครบเดือนอีก ขอให้คุณเห็นแก่หน้าผู้สูงอายุและเด็กน้อยตาดำ ๆ ให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะนะครับ”“คุณวางใจได้ เงินที่ถูกยักยอกไปทั้งหมด เราจะคืนกลับมาให้ครบถ้วน หากมีความต้องการอื่น ๆ ก็สามารถบอกได้เลยครับ”“ขอแค่ยอมปล่อยพวกเราไป พวกเราก็พร้อมทำทุกอย่างครับ”“......”สรุปแล้ว ทุกคนต่างก็พากันคุกเข่าลงบนพื้นและพูดขอร้อง อีกทั้งยังยอมที่จะชดใช้ค่าเสียหายอีกด้วยเพราะตอนนี้ปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องเงินแล้ว แต่เป็นเรื่องที่จะต้องติดคุกจริง ๆ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาตัวเลขจากคดีของพวกเขาแล้ว เกรงว่าระยะเวลาในการรับโทษคงไม่ใช่น้อย ๆอีกอย่าง สำนักงานใหญ่ก็เป็นคนพูดเอง ว่าทุกอย่างประธานหลินสามารถจัดการได้ตามที่ต้องการนั่นหมายความว่า หากประธานหลินให้พวกเขามีชีวิตอยู่ พวกเขาก็จะมีชีวิตอยู่ หากประธานหลินให้พวกเขาตาย พวกเขาก็จะมีเพียงทางเลือกเดียว ซึ่งก็คือความตายดังนั้น พวกเขาในตอนนี้ จึงไม่ใส่ใจเรื่องหน้าตาหรือศักดิ์ศรีได้อีกต่อไปเมื่อเห็นคนรอบข้างพากันคุกเข่าลงกันทีละคน ในที่สุดจางเฉียงเองก็รู้สึก
กี่ปีแล้ว ในฐานะคุณหนูสามตระกูลหนานกง หนานกงย่าไม่เคยได้รับความอับอายเช่นนี้มาก่อน และตระกูลหนานกงเองก็ไม่เคยโดนดูถูกเช่นนี้มาก่อนเหมือนกันเธอเกือบจะพลิกโต๊ะด้วยซ้ำ เพื่อที่จะต่อสู้กับเทียนเฟิงกรุ๊ปให้ถึงที่สุด ไม่ใช่เพื่อจางเฉียง แต่เพื่อความรู้สึกโกรธในใจของเธอเองแต่สุดท้ายแล้ว เธอก็ยังต้องกดความโกรธในใจเอาไว้ เพราะเธอรู้ดีว่า เทียนเฟิงกรุ๊ปนั้นน่ากลัวเพียงใด ภายในมีแต่ประธานที่ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งนั้น แถมยังมีผู้มีชื่อเสียงระดับสูงอีกมากมายที่ถือหุ้นในนั้นด้วยเกรงว่าเธอคนเดียวคงจะแบกรับเอาไว้ไม่ไหวจริง ๆ!ประการที่สอง ก็เป็นเพราะตอนนี้คือช่วงเวลาสำคัญที่ตระกูลหนานกงจะต้องก้าวข้ามตระกูลเย่อย่างเด็ดขาด จะให้เกิดความผิดพลาดขึ้นไม่ได้ และจะทำให้เสียการใหญ่เพราะเรื่องเล็กน้อยไม่ได้ด้วยเช่นกันแค่จางเฉียงคนเดียว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำถึงขนาดนั้นส่วนเรื่องศักดิ์ศรีของตัวเอง ศักดิ์ศรีของตระกูลหนานกงนั้น จะต้องมีสักวัน ที่เธอสามารถเรียกคืนมันกลับมาได้แน่นอนและด้วยเหตุนี้ เมื่อเธอได้รับโทรศัพท์จากจางเฉียง หนานกงย่าจึงได้แสดงความโกรธออกมาอย่างเต็มที่ และด่าทอเขาอย่างรุนแรงไป
เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า “พี่ย่าครับ ทางนี้หลินหว่านหรูถึงขั้นกล้าให้คนปลอมตัวเป็นประธานเย่ แล้วยังบอกอีกว่า ให้อำนาจเธอจัดการกับผมตามใจอีกด้วย”“ผมเพิ่งจะโทรหาประธานเย่ อยากที่จะรายเรื่องนี้กับเขา แต่ก็ติดต่อไม่ได้ รบกวนพี่ช่วยรายเรื่องนี้กับเขา แล้วควรจะจัดการพวกเขา......”“จัดการกับผีน่ะสิ!”หนานกงย่าโกรธจนถึงขั้นสบถคำหยาบออกมาในทันทีกี่ปีมาแล้ว ที่เธอขึ้นชื่อในด้านความสง่างาม และไม่เคยพูดคำหยาบเช่นนี้มาก่อนน้ำเสียงที่ปะทุออกมานั้น ต่อให้ไม่เปิดลำโพง ก็คงลอยไปถึงหูของทุกคนอยู่ดีประเด็นสำคัญคือ ทุกคนต่างก็พากันเงียบสงบ และรอคอยบทสรุปจากโทรศัพท์สายนี้อย่างใจจดใจจ่อแต่คิดไม่ถึงเลยว่า ทันทีที่มีการเชื่อมสาย ประโยคแรกที่อีกฝ่ายพูด จะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึง จนตาเบิกโพลง“นี่แกยังจะกล้าโทรไปรายงานประธานเย่อีกเหรอ นี่แกอยากตายมากแค่ไหนถึงกล้าทำแบบนี้!”หนานกงย่าดูโกรธมากจริง ๆ เธอตะโกนด้วยความโกรธขึ้นว่า “ฉันจะบอกอะไรให้นะ แกกล้าล่วงเกินผู้จัดการที่ประธานคณะกรรมการแต่งตั้งขึ้นด้วยตัวเอง ทั้งยังกล้าหมิ่นประมาทเธออีก แกช่างกล้านักนะ!”“ต่อให้แกไม่ได้เป็นคนทำเรื่องที่น่ารัง
พรรคพวกคนอื่น ๆ ของจางเฉียงต่างก็พากันชะงักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบหันไปมองจางเฉียงในทันทีเพราะพวกเขาต่างรู้ดี ว่าจางเฉียงเคยไปประชุมที่สำนักงานใหญ่ ทั้งยังพูดคุยอย่างสนิทสนมกับประธานเย่อีกด้วย เช่นนั้นก็น่าจะคุ้นเคยกับน้ำเสียงเป็นอย่างดีแค่ได้ยินก็จะต้องระบุตัวตนได้อย่างแน่นอนเพียงแต่ ไม่นานพวกเขาก็สังเกตเห็นสีหน้าที่ดูไม่ดีของจางเฉียงได้อย่างรวดเร็ว ในใจพลันคิดขึ้นว่า หรือนี่จะเป็นเรื่องจริงพวกเขาต่างก็พากันตระหนกในทันที!จางเฉียงรู้สึกงงงวย เสียงนี้ฟังดูคุ้นเคยมากจริง ๆ นี่คือเสียงของประธานเย่ซาน ไม่มีผิดแน่นอนแต่เหตุใดท่าทีของเขาถึงได้สุภาพมากขนาดนี้ แม้จะถูกกั้นด้วยสายโทรศัพท์ เขากลับยังพูดว่ายินดีที่ได้รู้จักคุณอะไรนั่นด้วย ใช้คำว่าคุณเชียวนะไม่ถูกสิ จะต้องเป็นเพราะเกรงใจอยู่แน่ ๆ ยังไงซะ หลินหว่านหรูก็ยังมีคนคอยหนุนหลังอยู่เขาจะต้องถูกจัดการเป็นลำดับถัดไปเป็นแน่ อย่างน้อยก็ต้องหาทางรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ก่อนใช่ จะต้องเป็นแบบนี้แน่นอน!จางเฉียงทำได้แค่เพียงปลอบใจตัวเองอย่างสุดความสามารถเท่านั้นหลินหว่านหรูรู้สึกตกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสุภาพขนาดนี้ แต่เธอ