“ถามเรื่องเฉินเข่อซินไม่ใช่เหรอ ทำไมพูดถึงเรื่องนี้ล่ะ?”เย่เทียนหยู่ถามกลับไปพลางครุ่นคิดในขณะเดียวกัน ควรบอกตัวตนของตัวเองกับหลินหว่านหรูหรือไม่ แต่ถ้าทำแบบนั้นเป็นไปได้มากว่าจะพาหลินหว่านหรูเข้าไปเสี่ยงกับตนด้วย“อย่าขัดสิ คุณพูดความจริงมา เป็นเพราะคุณช่วยหลานชายของไช่ซูจี้ใช่ไหม จากนั้นไช่ซูจี้ก็เลยนำปิดข่าวเรื่องการกระทำของตระกูลซาล่วงหน้า เพื่อตอบแทนบุญคุณ?”หลินหว่านหรูรู้สึกว่านอกจากความเป็นไปได้นี้ ก็คืออย่างอื่นไม่ออกแล้ว“ทำไมคุณถึงคิดแบบนี้ล่ะ?”“ฉันต้องคิดได้อยู่แล้ว ฉันพูดถูกใช่ไหมล่ะ”หลินหว่านหรูเอ่ยขึ้นอย่างทอดถอนใจ “นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าไช่ซูจี้จะทดแทนบุญคุณของคุณแบบนี้ ทำเรื่องมากมายขนาดนี้ กระทั่งสุดท้ายยังเผชิญหน้ากับซาป้าเทียน เพื่อช่วยให้คุณได้โอกาสรอดสามวัน”“ไม่อย่างนั้นละก็ เดิมทีคุณก็ดันซาป้าเทียนให้ธาตุไฟเข้าแทรกไม่ได้หรอก พูดไปพูดมา ตอนนี้ไช่ซูจี้มีบุญคุณต่อคุณอย่างใหญ่หลวงทีเดียว วันหน้าคุณต้องขอบคุณเขาดี ๆ ล่ะ”“เอ่อ...”เย่เทียนหยู่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ทว่าในเมื่อเธอวินิจฉัยอย่างแน่ชัดขนาดนี้แล้ว ก็ไม่ต้องอธิบายอะไรมากมายอีก ถึงยังไงตัวเองในตอนนี
นอกจากคุณแล้ว ก็ไม่มีใครทำร้ายผมได้อีก!ประโยคง่าย ๆ เพียงประโยคเดียว ทว่ากลับตกกระทบในส่วนลึกของจิตใจหลินหว่านหรูอย่างต่อเนื่อง ทำให้เธอสั่นไปทั้งตัวอยู่เล็กน้อยอันที่จริงหากคิดดี ๆ แล้ว ตั้งแต่เข้ามาในตระกูลหลินตอนแรก ๆ เย่เทียนหยู่นอกจากจะชอบคุยโวเป็นครั้งคราวแล้ว เขาก็นิสัยดีมากมาตลอด ที่สำคัญคือปกป้องดูแลตัวเธอเป็นพิเศษไม่ว่าคนที่ต้องเผชิญหน้าจะเป็นคุณชายตระกูลไฮโซ หรือว่าพวกเร่ร่อนไม่เอาการเอางาน เขาก็ไม่เคยสนใจ ทว่ามักจะมาปกป้องต่อหน้าตัวเธอทันทีแม้บางครั้งจะใจร้อนเป็นอย่างมาก กระทั่งนำมาซึ่งผลลัพธ์อันน่ากลัว แต่น้ำใจที่มีให้กับเธอนั้น กลับชัดเจนสุด ๆ ทว่าตัวเธอกลับมองข้ามไปครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งวิพากษ์วิจารณ์เขาเสียด้วยซ้ำเมื่อนึกถึงเรื่องพวกนี้แล้ว หลินหว่านหรูก็นึกถึงเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือตอนนั้นหลิวเจี๋ยบอกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลย หากหลิวเจี๋ยไม่ได้เป็นคนทำ แล้วการรอดพ้นจากวิกฤติครั้งแล้วครั้งเล่าในก่อนหน้านั้นมันเรื่องอะไรกันหลินหว่านหรูส่ายหน้า บางทีมีแค่ต้องเจอตัวหลิวเจี๋ยถึงจะรู้แจ้งแจ่มชัดได้ กระทั่งเป็นไปได้ว่าจะเป็นฝีมือของหลิวเจี๋ย จงใจทำให้ตัวเธอสับสนแต
เย่เทียนหยู่กระทั่งว่าขี้เกียจจะขยับตัวมากมาย ยกมือขวาขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ในชั่วพริบตาเดียวก็ชิงแท่งเหล็กมาได้แท่งหนึ่ง จากนั้นก็เขย่าเบา ๆทุบไปบนหน้าอกของอีกฝ่ายอ๊า!ชายหนุ่มรู้สึกเพียงว่าเจอเข้ากับการโจมตีที่น่ากลัวเข้าแล้ว เขากระเด็นออกไปโดยไม่ทันได้รู้ตัว แล้วล้มลงไปกองกับพื้นอย่างแรงต่อจากนั้นก็กวัดแกว่งมือไปอย่างง่าย ๆ อีกทีหนึ่งการเคลื่อนไหวที่ง่ายมาก ๆ ๆ ทว่ากลับมีอานุภาพที่น่าตกตะลึงอ๊า!ให้ตายเถอะ!เพียงแค่เวลาสั้น ๆ ไม่กี่วินาที สามคนที่เหลือล้วนประสบเข้ากับการโจมตีอย่างหนัก ร่วงลงไปบนพื้นที่อยู่ไกล ๆ ล้มลงไปกองรวมกัน น้ำเสียงเจ็บปวดต่าง ๆ นานาแว่วดังขึ้นมาพวกเขาไม่ได้เสแสร้ง ในตอนนี้โหดเหี้ยมมากจริง ๆ อย่างนั้นก็ซ้อมจนซี่โครงของพวกเขาหักไปสองสามท่อนทันใดนั้นก็เหลือเพียงแค่หลินจื่อตงยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียวตามลำพังหลินจื่อตงงงเป็นไก่ตาแตก ทีแรกเขาตั้งใจลองทักษะการต่อสู้ของทั้งสองสามคน ให้พวกเขาแสดงละครกันนิดหน่อยแต่ละคนดูแล้วยอดเยี่ยมกันเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าหนึ่งคนต่อกรกับคนได้หนึ่งกลุ่มเลยเนื่องด้วยเหตุนี้เขายังจ่ายเงินไปหนึ่งล้านเต็ม ๆ ไม่นึกเลยว่า
“โม้ได้ถ้วย แกจนขนาดนี้ ถ้ามีวิธีจริง ๆ คงไม่ใส่เสื้อผ้าอย่างพวกคนจนอยู่ทุกวันหรอก” หลินจื่อตงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นอยู่ข้าง ๆ“หลินจื่อตง!”หลินหว่านหรูเอ่ยขึ้นด้วยความเดือดดาลหลินจื่อตงหดตัว แล้วรีบโบกไม้โบกมือก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ผมไม่พูดแล้ว พี่พูดเลย!”หลินหว่านหรูถึงได้หมุนตัวแล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย “คุณมีวิธีอะไรเหรอ?”“คือว่า...”ในเวลาเพียงชั่วครู่เย่เทียนหยู่ไม่รู้จะพูดยังไงเลยจริง ๆ หรือจะบอกว่าด่านหลังเหมินมีอุตสาหกรรมเกือบห้าล้านล้าน หยิบเศษ ๆ มาตามอำเภอใจคุณก็ใช้ไม่ไหมดแล้วเหรอ“คุณเนี่ยนะ!”“ช่างเถอะ เรื่องนี้ฉันจัดการเองได้ ไม่ต้องลำบากหรอก”อันที่จริงหลินหว่านหรูจะพูดว่า คุณเนี่ยนะ ชอบแต่คุยโม้โอ้อวดนั่นแหละ ทว่าก็อดกลั้นเอาไว้“ได้จริง ๆ เหรอ?”“แน่นอนอยู่แล้ว!”หลินหว่านหรูพูดอย่างมั่นใจ ทว่าแอบคิดอยู่ในใจว่า ต่อให้ไม่ได้ก็ใช่ว่าคุณจะมีวิธีนี่“เอาเถอะ ถ้ามีปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้ ก็โทรมาหาผมนะ” ในเมื่อไม่ต้องการ เย่เทียนหยู่ก็ย่อมไม่บีบบังคับอยู่แล้ว“อืม!”หลินหว่านหรูพยักหน้า ทว่าในใจกลับรู้สึกว่า บอกกับคุณไปแล้วจะมีประโยชน์อะไรถึงยังไงบุญคุณก็จะใช้
ความคั้นคนของราชามังกรเฒ่าทะลักออกมา“เยี่ยมไปเลย ถ้ามีท่านอาจารย์อยู่ละก็ ผมก็วางใจแล้ว”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮ่า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ แว่วดังขึ้นมา จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์กำลังทำอะไรอยู่น่ะ?”“ฉัน แน่นอนว่ากำลังบำเพ็ญวรยุทธ์อย่างยากลำบากน่ะสิ...โอ๊ย ๆ ลึกอีกหน่อย...”“...”เย่เทียนหยู่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ที่ท่านอาจารย์บำเพ็ญวรยุทธ์ไร้เทียมทานศาสตร์นี้เชียวหรือเขาวางโทรศัพท์ลง ทั้งตัวเขากลับไปสงบเยือกเย็นไม่สะทกสะท้านอย่างก่อนหน้านี้อีกครั้ง กระทั่งทำให้มีความรู้สึกไม่ได้รับการจำกัดอย่างหนึ่งครั้นมาถึงห้องที่โรงแรม บนใบหน้าจองเฉินเข่อซินเห็นได้ชัดว่าเผยความปลื้มปีติออกมา ก่อนจจะเอ่ยขึ้นอย่างดีใจว่า “พี่เย่ เรื่องของพี่เสร็จสิ้นแล้วเหรอ?”“อืม!”“ไม่มีเรื่องอะไรพอดี ฉันพาพวกเธอไปซื้อห้องก่อนก็แล้วกัน”เย่เทียนหยู่เอ่ย“โอเค”เฉินเข่อซินรีบตอบรับอย่างดีใจ เมื่อครู่เธอได้รับมาห้าล้าน ตอนนี้มีทั้งหมดสามสิบห้าล้าน ไปเลือกห้องชุดที่ไม่เลวได้ชุดหนึ่งเลย และสามารถทำให้แม่อยู่อย่างสบายใจได้หน่อยแน่นอนว่าเฉินหมินเองก็ไม่คัดค้านอะไ
เมื่อเย่เทียนหยู่เห็นว่าหลิวอิ๋งอิ๋งนิ่งเงียบ เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามว่า “ไม่มีเหรอครับ?”เขาเห็นว่าชุมชนแห่งนี้ไม่เพียงแต่มีหรูหรา แต่ยังมีแผนผังที่เป็นระบบแล้ว ถ้าหากซื้อมาก็สามารถปรับปรุงตกแต่งและย้ายเข้ามาอยู่ได้อย่างรวดเร็ว“มีค่ะ มี คุณลองมาดูตรงนี้ก่อนสิคะ” หลิวอิ๋งอิ๋งพาพวกเขาไปด้านข้างของห้องโถงเพื่อแนะนำทันทีอันที่จริงคอมมูนิตี้แห่งนี้ขายไปเกือบหมดแล้ว จะเหลือก็ที่ราคาสูงลิบอีกเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น แถมทำเลยังค่อนข้างด้อยกว่าราคาไปบ้างในเวลานี้ พนักงานขายหลายคนที่อยู่ไม่ไกลออกไปได้ยินบทสนทนาของเย่เทียนหยู่ต่างทำสีหน้ารังเกียจ โดยเฉพาะตอนที่พวกเขาได้ยินเรื่องการซื้อวิลล่า สีหน้าของพวกเขาก็ยิ่งเผยความเยาะเย้ยเขาขึ้นไปอีก“เหอะ ๆ ดูสิ เหมือนว่าหลิวอิ๋งอิ๋งจะพบลูกค้ารายใหญ่ซะแล้วนะ ยังพาไปดูวิลล่าด้วย”“อย่างพวกนั้นเหรอจะซื้อวิลล่า? นี่กะให้ฉันขำตายเลยหรือเปล่า ดูท่าทางประหม่าของผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขากับกระโปรงฟอกขาวมาจนสว่างขนาดนั้นก็บอกได้เลยว่าใส่มากี่ปีแล้ว”“ใช่ ผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆ นั่นก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนักหรอก ถึงจะดูสะอาดและเรียบร้อย แต่ก็เห็นชัด ๆ ว่าเขา
“ลูกค้าเหรอ?”“อย่างผู้ชายคนนั้นถือเป็นลูกค้าได้ด้วยเหรอ? เธอไม่หัดมองดูบ้างเลยหรือไง ฉันดูท่าทางพวกเขาแล้ว ก็แค่เข้ามารับลมแอร์กับสัมผัสความสะดวกสบายของวิลล่าเท่านั้นล่ะ”พนักงานขายที่เพิ่งพูดคุยกันก็เข้ามาร่วมพูด“แต่ฉันสัญญากับเขาแล้ว แล้วฉันก็คิดว่าเขาจริงใจจะซื้อมันนะคะ”“จริงใจเหรอ?”“หลิวอิ๋งอิ๋ง อย่างพวกเขาน่ะเหรอจะซื้อวิลล่า แถมยังเป็นหลังนั้นอีก ฉันว่าเธออยากจะได้ออเดอร์จนเป็นบ้าไปแล้ว” อีกคนก็พูดเช่นกัน“นั่นสิ หลิวอิ๋งอิ๋ง เธอมองตรงไหนถึงเห็นว่าพวกเขาจะใช้เงินห้าร้อยล้านซื้อวิลล่า วิลล่านั้นน่ะเงินห้าร้อยล้านก็ซื้อไม่ได้หรอก”“แต่……”“เอาล่ะ เลิกแต่ได้แล้ว! หลิวอิ๋งอิ๋ง ถ้าเธอต้องการพาเขาไปดูจริง ๆ ฉันจะให้กุญแจเธอก็ได้ แต่พอดูจบแล้ว อย่าลืมเช็ดวิลล่าทั้งหลังให้ฉันด้วย”พี่ลี่พูดอย่างเย็นชาวิลล่าใหญ่มากการเช็ดทำความสะอาดไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะที่พี่ลี่พูด คือการทำความสะอาดวิลล่าทั้งหลัง ต่อให้ทำอีกหลายวันอาจจะทำไม่เสร็จก็ได้“ได้ค่ะ ถ้าเขาไม่ซื้อ ฉันจะทำความสะอาดทั้งหลังเอง!”หลิวอิ๋งอิ๋งกัดฟันพูด“เธอนี่มัน ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณเอาซะเลย!” พี่ลี่โกรธมาก เธอพบ
หลิวอิ๋งอิ๋งยืนตกตะลึงอยู่กับที่ เธอเองเห็นว่าลูกค้ากำลังรีบขาย เธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “หมอเย่คะ คุณลองต่อรองราคาหน่อยดีไหมคะ มันง่ายมาก ๆ เลยนะคะ”“ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากแบบนั้นหรอกครับ!”“รีบโทรศัพท์ไปเถอะ”เย่เทียนหยู่กล่าวด้วยความหงุดหงิด ถึงแม้ว่าเขาจะมีเวลาเหลือเฟือ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้“ก็ได้ค่ะ!”โดยไม่มีทางเลือก หลิวอิ๋งอิ๋งโทรหาผู้จัดการหวังจากแผนกขายทันที เธอไม่มีกระทั่งข้อมูลติดต่อของลูกค้าด้วยซ้ำเมื่อผู้จัดการได้ยินว่ามีคนต้องการซื้อวิลล่าหลังนี้และเสนอเงินห้าร้อยล้าน เขาก็ดีใจมากและรีบโทรหาซู่เหวินฮวาทันที ถ้าหากสะดวกก็ให้เธอไปพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทันทีซูเหวินฮวาเองก็ต้องการเงินเร่งด่วนเช่นกัน เธอจึงตอบตกลงทันทีในเมื่อดูบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว เย่เทียนหยู่และคนอื่น ๆ ก็เดินทางกลับมารวมกันเพียงแต่หลิวอิ๋งอิ๋งยังไม่สามารถเรียกสติของเธอกลับคืนมาได้ยันตอนที่เธอกลับไปถึงสำนักงานขาย แม้ว่าจะเห็นท่าทางมั่นใจของแพทย์เซียนเย่ และคิดว่ามีโอกาสที่อาจจะปิดดีลได้แต่เธอไม่ได้คิดเลยว่า จะสามารถปิดดีลการขายได้จริง ๆ แถมยังง่ายมากขน
แต่ในขณะที่ทุกคนคิดว่าหัวหน้าใหญ่ไป๋มีโอกาสที่จะชนะแบบร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่นั้น เย่เทียนหยู่ก็กลับส่ายหัว ก่อนจะยกมือขวาขึ้นมา พร้อมกับก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางที่ดูสบาย ๆซึ่งมันก็เป็นการรับมือที่สบายมากจริง ๆ ไม่นาน เขาก็สามารถจับกรงเล็บที่เต็มไปด้วยพลังแห่งจิตสังหารของหัวหน้าใหญ่ไป๋เอาไว้ได้หัวหน้าใหญ่ไป๋ยังคงรู้สึกตื่นเต้นไม่หาย แต่เขาก็กลับพบว่ามือที่เขาใช้โจมตีนั้น ได้ถูกอีกฝ่ายจับเอาไว้ได้ นอกจากนี้ สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พลังที่อยู่ภายในมือของเขากลับจางหายไปอย่างสิ้นเชิงอีกด้วยทะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!จากนั้นก็พบว่าร่างกายไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป และถูกอีกฝ่ายเหวี่ยงออกไปตามแนวระนาบ ก่อนจะกระแทกลงอย่างรุนแรงอ้าก!หัวหน้าใหญ่ไป๋ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาจึงส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดและน่าสงสารออกมา ไม่นานความเจ็บปวดก็กระจายไปทั่วทั้งร่างกาย ซึ่งทำให้ร่างกายของเขาถึงกับต้องสั่นสะเทือนเดิมทีด้วยพลังที่เขามี เขาสามารถทนต่อความเจ็บปวดทั่วไปได้ แต่ในครั้งนี้ เขาไม่สามารถทนได้จริง ๆคุณนายไป๋รู้สึกสับสนทันทีนะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ลูกน้องที่ตามมาด้วยต
ไม่มีท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งอะไรนั่นหรอก ก็แค่ระดับหมิงจิ้นขั้นสูงธรรมดาเท่านั้น ขนาดระดับพลังจันทราขั้นต้นก็ยังไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ เย่เทียนหยู่ย่อมจัดการอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายอยู่แล้วผ่านไปไม่นาน ทั้งสามคนก็ทรุดตัวลงบนพื้นด้วยความเจ็บปวดทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสนสีหน้าคุณนายไป๋ดูหม่นหมองลง เธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าทั้งสามคนแทบจะทำอะไรเขาไม่ได้เลย ตอนนี้ยิ่งเป็นการทำให้ไอ้เด็กนั่นได้ใจมากกว่าเดิมไม่ใช่รึไง เธอจึงรีบพูดออกไปว่า “พี่เฉิน ถึงเด็กนั่นจะไม่เก่งเท่าพี่ แต่พลังของมันก็ไม่ธรรมดา เกรงว่าพี่อาจจะต้องลงมือด้วยตัวเองแล้วล่ะ”“ฉันรู้แล้ว!”หัวหน้าใหญ่ไป๋รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย เมื่อกี้ทั้งสามคนยังไม่ทันจะทำให้เย่เทียนหยู่เผยความสามารถออกมาเลยด้วยซ้ำ ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมาเย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดประชดออกไปว่า “ทำไม ถ้ายังไม่พร้อมล่ะก็ คุณจะลองโทรให้คนตรวจสอบความแข็งแกร่งของผมดูสักหน่อยไหมล่ะ?”“อวดดี!”“การจัดการกับเด็กที่ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างแก ฉันไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอะไรทั้งนั้น!”หัวหน้าใหญ่ไป๋พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “เมื่อกี้ ฉัน
“ความลับงั้นเหรอ?”ซึ่งมันก็ทำให้เย่เทียนหยู่รู้สึกสับสนอยู่นิดหน่อย หรืออีกฝ่ายรู้ตัวตนราชามังกรของตนแล้วงั้นเหรอ? ในเมื่อรู้แล้ว แต่กลับยังกล้าทำตัวหยิ่งยโสอยู่อีก ก็แสดงว่าคนที่คอยหนุนหลังพวกเขาอยู่นั้น มีสถานะที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน“เหอะ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วยังจะเสแสร้งอยู่อีก!”สีหน้าคุณนายไป๋ดูพอใจอย่างมาก เธอจึงพูดเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ก็แค่อาศัยการเคลื่อนไหวแปลก ๆ นั่นของแก แล้วจู่โจมอย่างกะทันหันไม่ใช่รึไง หากไม่ใช่แบบนี้ แกก็คงจัดการกับพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เถาไม่ได้หรอก!”“ตอนนี้ แกได้สูญเสียความลับวิธีการโจมตีที่สำคัญไปแล้ว และพี่เฉินเองก็มีพลังที่เหนือกว่าที่แกจะจินตนาการได้เสียอีก อย่าว่าแต่แกจะใช้วิธีนี้ไม่ได้อีก ต่อให้แกจะมีวิธีอื่น แกก็ต้องตายอย่างแน่นอน”เมื่อได้ยินคำนี้ ในที่สุดเย่เทียนหยู่ก็เข้าใจว่าความลับที่พูดถึงคืออะไร เขาจึงหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “นี่คือความลับที่คุณพูดถึงเหรอ?”“ถูกต้อง ถึงแกจะไม่ยอมรับก็ไม่มีประโยชน์” คุณนายไป๋พูดอย่างเย็นชาหัวหน้าใหญ่ไป๋โบกมือไปมา ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา “ไอ้หนู พูดจาไร้สาระให้น้อย ๆ หน่อย ตอนนี้
แต่พอลองคิดดูอีกที อีกเดี๋ยวหัวหน้าใหญ่ไป๋ก็จะมาถึงแล้ว เขาจึงรู้สึกมั่นใจขึ้นมาในทันที พร้อมกับพูดเสียงดังออกไปว่า “ไอ้หนู กะ แกคิดจะทำอะไร?”เย่เทียนหยู่หมดคำจะพูด ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูราบเรียบออกไปว่า “ไม่ใช่ว่าพวกคุณให้ผมหยุดหรอกเหรอ?”“ใช่ พะ พวกเราสั่งให้แกหยุดอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่ให้แกเดินเข้ามาสักหน่อย”“......”เย่เทียนหยู่ส่ายหัว พร้อมกับพูดอย่างเรียบเฉยออกไปว่า “ผมไม่ว่างมาเสียเวลาอยู่ที่นี่หรอกนะ” ทันทีที่พูดจบ เขาก็หันหลังเดินไปที่รถทันทีเมื่อทั้งสองที่เห็นแบบนั้น พวกเขาก็รู้ว่าจะปล่อยให้จากไปแบบนี้ไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดที่จะลองเสี่ยงดู ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนจะพุ่งตัวไปข้างหน้า โดยโจมตีเข้าขนาบจากทั้งซ้ายขวาพร้อมกันยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งพบว่าอีกฝ่ายไม่แม้แต่จะหันมามองเลยด้วยซ้ำในใจพวกเขาก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา คิดว่าตัวเองอาจจะมาถูกทางโดยบังเอิญก็ได้ และอาจจะสามารถสร้างผลงานชิ้นใหญ่ให้กับตัวเองได้ด้วยแต่ไม่นาน พวกเขาก็รู้ว่าตนคิดผิด และมันก็ผิดมหันต์เลยล่ะ เห็นเพียงแค่หมัดของพวกเขาเข้าใกล้อีกฝ่ายเท่านั้น แต่หมัดยังไม่ทันจะโดน ก็รู้สึกถึงพล
ครั้งนี้ ไป๋เถารู้สึกเจ็บใจมากจริง ๆ ทุกคำทุกประโยคที่เขาคิด คือต้องการคิดหาวิธีที่จะลากตระกูลไป๋ลงน้ำและเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกว่าหัวหน้าใหญ่ไป๋จะต้องตายอย่างแน่นอน นั่นเพราะเขาเพิ่งจะได้รับข่าวที่น่าตกใจมาก ๆ มา เรื่องที่ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงราชามังกรแห่งพรรคมังกรที่แท้ระหว่างทางมาที่โรงพยาบาล ไป๋เถาที่กำลังตกอยู่ในความสิ้นหวังนั้น ก็ได้นึกถึงการต่อสู้ครั้งนี้ขึ้นมา ก่อนที่จู่ ๆ เขาจะพบว่าตนเองอาจจะคาดการเรื่องทั้งหมดนี้ผิดไปก็ได้ที่อีกฝ่ายรับการป้องกันได้ไม่ใช่เพราะการโจมตีของตนแข็งแกร่ง แต่เป็นเพราะตนยังไม่ทันได้มีเวลาลงมือเลยต่างหากที่สำคัญเลยก็คือ หลังจากที่ตนมาถึงโรงพยาบาลได้ไม่นาน เพื่อนจากสถานีตำรวจก็โทรมาหาตำแหน่งของเพื่อนคนนี้ไม่ได้สูงมากนัก แต่เป็นเพราะเขาบังเอิญได้ยินบทสนทนาของสารวัตรเฉินกับหวงลี่ นั่นจึงทำให้เขาได้รู้ความลับที่น่าตกใจอย่างหนึ่งเข้าพูดกันว่าความเป็นมาของเย่เทียนหยู่นั้นน่ากลัวมาก เขาเป็นถึงราชามังกรแห่งพรรคมังกรเมื่อได้ยินคำว่าราชามังกรแห่งพรรคมังกร ทันใดนั้นไป๋เถาก็เกิดรู้สึกงงงวยขึ้นมาไม่ว่าไป๋เถาจะคิดยังไง เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าตนจะเผลอไปล
“โดยทั่วไปแล้ว เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมจริง ๆ แต่วิธีการเคลื่อนไหวของเขานั้นแปลกประหลาดมาก เป็นการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างพิเศษจริง ๆ เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง โดยเฉพาะกระบวนท่าที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนั่น”ไป๋เถาอธิบายต่อ “พวกเราต่างก็ดูถูกเขาเกินไป คิดว่าจะสามารถจัดการได้ง่าย ๆ แต่สุดท้ายอีกฝ่ายกลับลงมืออย่างกะทันหัน จนทำให้พวกเราติดกับ”“อย่างนี้นี่เอง ฉันก็ว่าอยู่ ทั้ง ๆ ที่นายเป็นคนท้าดวลเขาแท้ ๆ ทำไมจู่ ๆ นายถึงเป็นฝ่ายที่โดนเสียเอง”“ไหนจะพยัคฆ์ทมิฬนั่นอีก เขาเองก็มีสภาพเดียวกัน ยังไม่ทันได้แสดงฝีมือของตัวเองเลยด้วยซ้ำ สุดท้ายก็กลับถูกอีกฝ่ายโจมตีจากด้านหลังเสียอย่างนั้น”คุณนายไป๋เองก็เป็นผู้ที่อยู่ในเหตุหารณ์ทั้งสอง จึงได้พูดอธิบายสิ่งที่รู้อยู่อยู่ข้าง ๆ ด้วยเช่นกัน ยิ่งไอ้เด็กนั่นอ่อนแอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้นเมื่อหัวหน้าใหญ่ไป๋ได้ยิน เขาก็เข้าใจได้ในทันทีเขาเองก็คิดอยู่เหมือนกัน ว่าแค่เด็กหนุ่มอายุยี่สิบกว่า ๆ จะแข็งแกร่งและน่ากลัวขนาดนั้นได้ยังไงถึงเขาจะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ก็ไม่มีทางอยู่ในระดับปรมาจารย์แน่นอนแถมตอนนี้ตนก็อยู่ในระดับพลังผลัดเปล
เมื่อได้ยินคำถามนี้ สีหน้าของไป๋เถาก็แดงก่ำขึ้นมาทันที ก่อนจะจ้องมองไปยังคุณนายไป๋ด้วยความโกรธ หลังจากที่เขาโทรเรียกรถพยาบาล 120 จนกระทั่งมาถึงโรงพยาบาล เขายิ่งคิดก็ยิ่งโกรธเคืองขึ้นเรื่อย ๆคุณนายไป๋รู้สึกตกใจเมื่อถูกเขาจ้องมองด้วยสายตาที่ดุร้าย เธอรู้สึกอึดอัด ก่อนจะพูดด้วยความกลัวออกไปว่า “เธอ เธอจ้องมองฉันทำไม?”หัวหน้าใหญ่ไป๋เองก็มีสีหน้าไม่พอใจเช่นกัน แม้เขาจะรู้ว่าคำพูดของภรรยามีคำพูดโกหกอยู่บ้าง แต่ทั้งที่ตนถูกคนอื่นทำร้ายมาจนหมดสภาพมาแท้ ๆ ยังไงก็ไม่ควรมาพาลใส่คนอื่นแบบนี้ เขาจึงพูดด้วยเสียงต่ำออกไปว่า “ไป๋เถา นายหมายความว่ายังไง?”“พี่ใหญ่ พี่ไม่รู้อะไร ทั้งหมดก็เป็นเพราะพี่สะใภ้ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สะใภ้ ผมก็คงไม่ต้องไปประมือกับไอ้เด็กนั่นหรอก ยิ่งไม่มีทางลงเอยแบบนี้แน่” ไป๋เถาอธิบายด้วยความโกรธแต่หัวหน้าใหญ่ไป๋ที่ได้ยินก็กลับโกรธขึ้นอย่างมาก ก่อนจะด่าออกไปว่า “ไร้สาระ!”“เรื่องที่นายประมือกับเจ้าเด็กนั่นฉันรู้หมดแล้ว ร่างกายก็เป็นของนาย ถ้าหากไม่อยากประมือกับเขา แค่ไม่ลงมือก็ไม่มีทางเป็นแบบนี้ได้หรอก”เมื่อไป๋เถาได้ยินแบบนั้น ก็รู้สึกมึนงงขึ้นมาทันที เขารู้ว่าพี
ดูจากข้อมูลที่ทำความเข้าใจแล้วในปัจจุบัน การทำลายตระกูลไป๋นั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างตระกูลไป๋กับแก๊งของพยัคฆ์ทมิฬ รวมถึงเรื่องที่ตระกูลไป๋เคยมีประวัติที่ไม่สะอาดมาก่อนดังนั้น เขาจึงไม่รีบร้อนที่จะจัดการกับตระกูลไป๋ แม้ว่าอีกเดี๋ยวเขายังจะต้องไปเข้าร่วมการประชุมศักดิ์สิทธิ์อยู่ก็ตามกลับคิดไม่ถึงเลยว่า คุณนายไป๋คนนี้จะชอบรนหาที่ตายมากขนาดนั้นในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็ทำให้พวกเขาสมปรารถนาก็แล้วกัน!ที่แท้ ในตอนที่เห็นเย่เทียนหยู่เดินจากไป คุณนายไป๋ก็รู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมาก เธอจึงหันไปพูดด้วยความโกรธว่า “ไป๋เถา แกเป็นอะไรไป แค่เด็กที่ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแค่นี้ก็จัดการไม่ได้ เลี้ยงขยะแบบแกเอาไว้จะมีประโยชน์อะไร!”ขยะงั้นเหรอ?ฉันเนี่ยนะขยะ!หากเป็นตอนปกติ ไป๋เถาอาจจะพออดทนได้ แต่ในตอนนี้ ความโกรธที่เต็มเปี่ยมกลับพุ่งทะลักออกมาหากไม่ใช่เพราะเธอ ด้วยการระมัดระวังตัวของฉัน คิดว่าฉันจะเจอกับชะตากรรมแบบนี้รึไง“ทำไม นี่แกยังกล้ามาจ้องหน้าฉันอีกงั้นเหรอ แกจำใส่หัวเอาไว้นะ เพราะแกนั่นแหละ แกรู้ไหมว่าแกทำให้ตระกูลไป๋ต้องสูญเสียไปมากแค่
เย่เทียนหยู่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เรื่องนี้ในมุมมองของเขา ถือเป็นเรื่องที่แน่นอนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาจึงถามออกไปว่า “สายจากตำรวจใช่ไหม?”“อือ โทรกลับมาแล้วล่ะ!”“บ่ายวันนี้แม่ของฉันถูกตำรวจพาตัวไปแล้ว ทันทีที่เธอเข้าไป เธอก็สารภาพทุกอย่างออกมาอย่างละเอียดทันที”ก่อนหน้านี้ได้ยินแม่สาบานอย่างมั่นใจแล้วแท้ ๆ บวกกับที่ไม่ว่ายังไงเธอก็คิดเหตุผลที่อีกฝ่ายจะทำแบบนั้นไม่ออก เดิมทีคิดว่าคงจะไม่มีอะไรเกี่ยวกับแม่แล้วจริง ๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าแม่จะหลอกเธอมาโดยตลอดแม่ตระกูลหลินเองก็รู้สึกหมดหนทางเช่นกัน ตอนที่ถูกพาตัวไป แขนขาเธอก็รู้สึกอ่อนแรงขึ้นมายิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายยังพูดอีกว่า หากยอมสารภาพความจริงทั้งหมดออกมา และได้รับการให้อภัยจากผู้เสียหาย พร้อมกับลงนามในเอกสารยินยอม เธอก็จะสามารถออกไปได้ทันทีเพราะไม่เช่นนั้น เธอก็จะต้องติดคุกอย่างแน่นอน ส่วนจะติดกี่ปีนั้น ก็ขึ้นอยู่กับทัศนคติของตน และความร้ายแรงของความผิดที่ทำลงไปในตอนนี้ แม่ตระกูลหลินคิดว่าหลินหว่านหรูจะต้องให้อภัยตนอย่างแน่นอน เพราะเธอไม่มีทางที่จะส่งแม่แท้ ๆ เข้าคุกได้แน่ ดังนั้นจึงไม่ลังเลใจที่จะเปิดเผยทุกอย่างออกไป