“จริงครับ อาจารย์ซา จะต้องเป็นเน่เทียนหยู่แน่นอน อย่าดูถูกว่ามันเป็นแค่คนไร้ค่าคนหนึ่ง แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีแผนการ ครั้งก่อน มันก็พึ่งใบบุญที่มันเคยรักษาลูกสาวของประธานหยาง จนทำให้ตระกูลหลินได้เข้าร่วมหอการค้าหลงเถิง”เมื่อซาป้าเทียนได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เย่เทียนหยู่เองก็อยู่ในรายชื่อที่เขาต้องการจะแก้แค้นด้วยเพราะก็ยังเป็นเย่เทียนหยู่ ที่บุกเข้าไปในวิลล่าของตระกูลซา“ยังมีอีกเรื่อง ผมสามารถมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลย” หลิวเจี๋ยนึกถึงเรื่องในโรงพยาบาล“เรื่องอะไร? ”“คนที่บุกไปโรงพยาบาล และทำร้ายคุณนายซา ก็คือเย่เทียนหยู่”หลิวเจี๋ยยังพูดยืนยันอีกว่า “ผมรับประกันได้ว่านี่เป็นความจริงอย่างแน่นอน หากคุณไม่เชื่อ ก็สามารถไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ทางเข้าโรงพยาบาล และตรวจสอบตามเวลาได้เลย หรือจะสอบถามพยาบาลแถวนั้นด้วยก็ได้”ซาป้าเทียนกระตือรือร้นกับเรื่องการตามหาว่าใครเป็นสาเหตุที่วางแผนจับกุมคนของตระกูลซาเอาไว้ล่วงหน้าอย่างมาก แต่เขารีบมาเร็วเกินไป ดังนั้นเขาจึงรู้แค่เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาล จนไม่ทันได้ตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่า
แต่เมื่อได้มาเจอกับตนที่นี่แล้ว นั่นหมายความว่าวันตายของอีกฝ่ายได้กำหนดเอาไว้แล้ว“แกสินะที่เป็นคนบุกเข้าไปในวิลล่าของตระกูลซา และทำร้ายผู้พิทักษ์ตระกูลซาจนบาดเจ็บสาหัส? ” ซาป้าเทียนถามด้วยท่าทีที่เย็นชา“ใช่! ”เย่เทียนหยู่เดินออกไปอย่างช้า ๆ ด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง ในดวงตาของเขาไม่มีร่องรอยของความกลัวเลยแม้แต่น้อยพอมาถึงตอนนี้ หัวใจของหลินหว่านหรูก็สั่นไหวเล็กน้อย ต้องเลยบอกว่า คนอย่างเย่เทียนหยู่ไม่รู้จักความกลัวเลยว่าคืออะไร และมักจะเป็นคนที่สงบนิ่งอยู่เสมอแต่ปัญหาคือ แบบนี้มันก็จะทำให้บุคคลที่น่ากลัวอย่างซาป้าเทียนโมโหได้ง่าย ๆ สุดท้ายก็ต้องทิ้งชีวิตของตัวเองหากสิ่งที่หลิวเจี๋ยพูดเป็นความจริง งั้นตอนนี้เย่เทียนหยู่ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้วล่ะแน่นอนว่าเมื่อซาป้าเทียนต้องมาเผชิญกับทัศนคติของเย่เทียนหยู่ เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น เจตนาฆ่าก็ยิ่งรุณแรงมากกว่าเดิม และพูดออกไปว่า “แกบุกเข้าไปในโรงพยาบาล และตบลูกสะใภ้ของฉันใช่ไหม? ”“ใช่! ” เย่เทียนหยู่พูดด้วยสีหน้าราบเรียบ“แล้วก็เป็นแกที่เรียกให้คนมาจับกุมคนตระกูลซาล่วงหน้าใช่ไหม? ”คำถามนี้ ไม่ได้มีแค่ซาป้าเทียนที่อยากรู้ แต่คนอื่น ๆ
หลังจากได้ยินคำพูดของไช่เสี่ยวโป ใบหน้าของซาป้าเทียนก็ดูไม่ค่อยดีนัก เขาจึงถามออกไปด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ทำไมเหรอครับ?”“เพราะเขาคือผู้มีพระคุณของฉัน”“เมื่อก่อนตอนที่หลานชายที่ฉันรักมากที่สุดถูกวางยา หากว่าเขาไม่ช่วยรักษา หลานชายของฉันอาจจะตายไปแล้ว”“เหล่าซา นายลองบอกมาสิ แบบนี้พอจะมีค่าให้ฉันออกหน้าแทนเขาสักครั้งไหม”หลังจากที่ได้ยินแบบนี้ ทุกคนในตระกูลหลินก็เข้าใจ ที่แท้ก็เป็นเพราะเย่เทียนหยู่บังเอิญเคยช่วยชีวิตลูกชายของไช่ซูจี้เอาไว้คราวที่แล้วก็เป็นลูกสาวของประธานหยาง คราวนี้ก็เป็นลูกชายของไช่ซูจี้ ดวงของเจ้าเด็กนี่ไม่ธรรมาดาเลยจริง ๆหลินหว่านหรูรู้สึกประหลาดใจ ที่แท้ก็เป็นเพราะทักษะทางการแพทย์ของเขาอีกแล้วเมื่อเป็นอย่างนี้ ก็แสดงว่าทักษะทางการแพทย์ของเย่เทียนหยู่นั้นดีมาก ๆ งั้นเมื่อก่อนที่เขาเคยคุยโม้ว่าทักษะทางการแพทย์ของตัวเองนั้นเก่งนักเก่งหนา ถึงขั้นพูดว่าเป็นถึงแพทย์เซียนอะไรนั่น คงไม่ใช่เรื่องจริงหรอกใช่ไหมเนี่ย?แต่พอมาลองคิดดูอีกครั้ง แพทย์เซียนอาจจะเป็นไปไม่ได้ ยังไงซะ อายุก็ยังน้อยอยู่เลย ยังไงก็คงแค่คุยโวเท่านั้นแต่ทักษะทางการแพทย์ของเขาก็น่าจะใช้ได้ อย่า
คราวนี้ หลิวอวิ๋นซิ่วก็พูดอีกครั้งว่า “ถ้าเขาจากไป แล้วซาป้าเทียนหาเขาไม่เจออีก จะต้องกลับมาระบายความโกรธกับตระกูลหลินเราอีกแน่นอน”“ถูกตัอง! ”“จะให้เขาจากไปแบบนี้ไม่ได้”“เขาเป็นคนที่ก่อปัญหาขึ้น เขาก็ต้องเป็นคนที่รับผลที่ตามมาเอง พวกเราทุกคนต่างก็เป็นแค่พลเมืองดีที่ปฏิบัติตามกฎเท่านั้น เราไปรับเคราะห์แทนเขาไม่ได้”“ถูกต้องแล้ว เย่เทียนหยู่ ตั้งแต่นี้ไป แกจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น อยู่ที่ตระกูลหลินอย่างเชื่อฟังซะเถอะ”“ใช่ ใช่ ต้องขังเอาไว้ด้วย! ”ทุกคนในตระกูลหลินต่างก็พยายามขวางเขาเอาไว้คนแล้วคนเล่า หลินจื่อตงถึงกับพูดขึ้นมาว่า “จากนี้ไป พวกเราจะคอยจับตาดูมันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย เพื่อป้องกันไม่ให้มันหนีไปได้”สำหรับความช่วยเหลือของเลขาธิการไช่เมื่อกี้ ทุกคนต่างก็ได้ยินหมดแล้ว ก็แค่เป็นการตอบแทนบุญคุณที่ช่วยรักษาให้กับหลานชายของเขาก็เท่านั้น เมื่อตอบแทนเสร็จ ก็จะไม่มีเกี่ยวข้องอะไรกันอีกดังนั้น ท้ายที่สุดแล้วเย่เทียนหยู่ก็ยังคงเป็นผู้แพ้ที่ไร้ประโยชน์อยู่ดี ยังไงก็จะต้องจบเห่อย่างแน่นอนในเวลานี้ หลิวเจี๋ยก็เห็นว่าไม่มีใครสนใจ เขาจึงรีบเดินออกไป เรื่องการล้มละลายก็ได้ถูกเปิ
“เอาล่ะ พวกเธอยังขายหย้ากันไม่พอรึไง?” ในเวลานี้ นายท่านหลินอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความโกรธ และหยุดการกระทำของทุกคนเอาไว้จากการดุด่า ทุกคนก็ตกตะลึงครู่หนึ่ง และอดไม่ได้ที่จะหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดลง“เทียนหยู่ ต่อให้คำพูดของหลิวเจี๋ยอาจไม่จริงไปซะทั้งหมด แต่ไม่ว่ายังไง เธอกับหว่านหรูก็มีชะตากรรมร่วมกัน เพราะงั้นวันนี้ ฉันจะไม่ขาวเธอเอาไว้”“เธอออกไปได้แล้ว ซ่อนให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป ตระกูลหลินของเราจะไม่เกี่ยวข้องกับเธออีก! ”นายท่านหลินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเมื่อได้ยินแบบนั้น เย่เทียนหยูก็ตกใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่านายท่านหลินยังคงมีอคติกับเขาอยู่ กระทั่งไม่ยอมให้เขากลับเข้าไปในตระกูลหลินอีกหลินหว่านหรูรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างอธิบายไม่ถูก เธอมักจะรู้สึกว่ามีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้เอ่อล้นอยู่ในใจ ราวกับว่าเธอกำลังจะสูญเสียบางสิ่งที่สำคัญไปแต่ว่า ตอนนี้นอกจากการหลบหนีแล้ว ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว“พ่อคะ ไม่ได้นะคะ คือว่า...... ”“หุบปาก ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว”นายท่านหลินพูดขัดจังหวะเย่เทียนหยู่ถอนหายใจ และพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ก็ได้ คุณปู่หลิน ด
ทันใดนั้น ทุกคนในตระกูลหลินก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย กระทั่งในภายหลัง คำพูดที่ไม่พึงประสงค์ก็ถูกพูดออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อต้องเผชิญกับเรื่องทั้งหมดนี้ ใบหน้าของหลินหว่านหรูก็ดูแย่ลง และเธอพูดด้วยความโกรธ “เอาล่ะ เรื่องของหลิวเจี๋ย ตอนนั้นก็เป็นทุกคนที่ยินยอมเอง พวกเราต่างก็ถูกหลอกกันหมด หากตามกลับมาไม่ได้ ก็คงต้องยอมรับว่าตัวเองโชคร้าย”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป ทุกคนก็ยิ่งโกรธมากขึ้น ถึงขั้นจะแตกหักกัน“ทุกคนหลุดเดี๋ยวนี้! ”“ทำอะไรกันอยู่ พวกเธอคิดว่านี่คือสถานที่แบบไหนกัน ต้องการที่จะพลิกชะตากันอยู่รึไง? ”นายท่านหลินโกรธมาก “เงินแค่เล็กน้อยของพวกเธอ ไม่มีแล้วยังไง ฉันจะบอกอะไรให้นะ ตอนนี้บริษัทตระกูลหลินกำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่อยู่ อาจถึงขั้นล้มละลายได้ เมื่อถึงตอนนั้น พวกเธอก็จะไม่เหลืออะไรแล้วจริง ๆ”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ทุกคนต่างก็ตกใจ แต่หลินเวย น้องชายของนายท่านหลินก็พูดขึ้นทันที “พี่ใหญ่ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ผมคิดว่าหลินหว่านหรูไม่มีคุณสมบัติที่จะนั่งตำแหน่งประธาน”“ถ้าไม่ใช่เพราะหลินหว่านหรู พวกเราก็คงไม่ถูกหลิวเจี๋ยฉ้อโกงเงินมากมายขนาดนี้ได้หรอ
ซูถิงยืนตะลึงงันอยู่ตรงนั้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เธอยังมีข้อสงสัยอยู่บ้างว่าเย่เทียนหยู่จะทำได้หรือเปล่า เมื่อกี้เธอก็กะว่าจงใจจะทดสอบความแข็งแกร่งของเขาแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เย่เทียนหยู่จะพูดคำที่น่าตกใจแบบนี้ออกมาแต่พอเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วเหมือนกัน หากมีอะไรเกิดขึ้นกับซาป้าเทียนจริง ๆ นั่นหมายความว่าความแข็งแกร่งของพี่เย่นั้นน่ากลัวกว่าที่เธอจินตนาการไว้มากแบบนั้นก็สามารถทำให้ตัวเองทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าได้อย่างแน่นอนเย่เทียนหยู่เข้าไปในรถ ในขณะที่เขาเริ่มออกเดินทาง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นพร้อมกับข้อความการโอนเงินเข้าของบัญชีธนาคารเป็นจำนวนยี่สิบห้าล้านนอกจากนี้ยังมีข้อมูลของตั๋วส่งมาด้วยเงินถูกโอนเข้ามาโดยหลินหว่านหรูเขาอดไม่ได้ที่จะตกใจเล็กน้อย เท่าที่เขารู้ ครอบครัวหลินถูกหลิวเจี๋ยหลอกเอาเงินไปแล้ว กระทั่งเงินทุนของบริษัทก็ถูกหลอกเอาไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นตอนนี้ตระกูลหลินต้องลำบากอยู่แน่ ๆแต่ถึงแม้สถานการณ์จะเป็นแบบนั้น แต่หลินหว่านหรูก็ยังโอนเงินยี่สิบห้าล้านให้กับตัวเองอีกจากนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น“เย่เทียนหยู่ ฉันเพิ่งจองเที่ยวบินต่างประเทศท
เนื่องจากตัวเขาเองได้ฝึกฝนเทคนิคการฝึกร่างกายที่ไม่มีใครเทียบได้มา เขาจึงใช้พลังชี่แท้ของตัวเองโดยตรงเพื่อนำทางให้หยางผั่วจวินฝึกฝนชิงหลงเจวี๋ยให้ผ่านสามระดับแรกหลังจากโคจรพลังนานกว่าสองชั่วโมง หยางผั่วจวินไม่เพียงแต่คุ้นเคยกับวิธีการฝึกจิตสามระดับแรกเท่านั้น แต่เขายังรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตัวเขาอีกด้วย รู้สึกว่าร่างกายตัวเองเต็มไปด้วยพลังที่ไม่สิ้นสุด“ฝึกฝนให้ดี รอจนถึงตอนที่คุณเลื่อนระดับชิงหลงเจวี๋ยสามระดับแรกได้สำเร็จแล้ว ผมจะสอนการฝึกจิตในส่วนที่เหลือให้คุณอีก”ตอนนี้ เย่เทียนหยู่ไม่เพียงแต่แนะนำหยางผั่วจวินให้คุ้นเคยกับเทคนิคการฝึกจิตของชิงหลงเจวี๋ยเท่านั้น แต่ยังเปิดเส้นลมปราณในร่างกายของเขาให้อีกด้วย นี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้หยางผั่วจวินรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเขาพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆหยางผั่วจวินเกิดมาพร้อมพลังเหนือธรรมชาติ แต่เขากลับไม่ได้พัฒนามัน หลังจากปฏิบัติการของเย่เทียนหยู่ ความแข็งแกร่งของเขาก็ผ่านการเปลี่ยนแปลงที่สามารถสั่นสะเทือนโลกได้ไปแล้วภายใต้ปรมาจารย์ ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นถึงยอดฝีมือระดับหมัดตัดกระดูกก็ตาม เขาก็อาจจะสามารถต่อสู้ด้วยได้ แน่นอน หาก
“อย่าลืมสิ คุณเป็นคนพูดเองนะ ว่าตระกูลซุนสามารถทำลายตระกูลสวี่ของพวกเราได้ในพริบตา หากตระกูลที่แข็งแกร่งขนาดนี้ยังจัดการไม่ได้ แล้วพวกเราจะจัดการได้ยังไง”“คุณ!”แม่ตระกูลซุนโกรธมาก แต่โชคดีที่ในขณะนั้น ในที่สุดอาจารย์จูก็หยุดมือแล้ว แม้ว่าเย่เทียนหยู่จะไม่ได้สั่งให้หยุด แต่เขาก็ไม่กล้าทำต่อไปอีกอยู่ดีขืนยังทุบตีต่อ เขาได้ตายจริง ๆ แน่ หากเขาตาย ตนก็คงจบเห่ไปด้วยแต่ในตอนนี้ ใบหน้าของผู้นำตระกูลซุนก็ได้บวมจนเหมือนหัวหมูไปแล้ว แทบมองไม่เห็นโครงเดิมเลยด้วยซ้ำแต่ก็ยังถือว่าโชคดี ที่เขายังสามารถลุกขึ้นยืนได้ปกติดูเหมือนว่าอาจารย์จูจะไม่ได้ตีแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เขายังพอมีขอบเขตอยู่บ้าง เพราะไม่อย่างนั้น ด้วยความแข็งแกร่งของเขา แค่สองสามทีก็สามารถทำให้ซุนต้าอวี่ตายได้ในทันทีแต่ซุนต้าอวี่เองก็รู้สึกถึงความอับอายอย่างมาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธปนเศร้า ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก ที่ทำไมเขาถึงพาคนมาเพียงเท่านี้กันหากเขาเรียกตำรวจหรือคนอื่น ๆ มาที่นี่เดี๋ยวนี้ ยังจะกลัวว่าจะจัดการกับเด็กหนุ่มพวกนี้ไม่ได้อีกงั้นเหรออาจารย์จูไม่สนใจเขา และหันไปหาเย่เทียนหยู่แทน พร้อมกับพูดอย่
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา ทุกคนตกตะลึกขึ้นอีกครั้งทั้งสวี่กวงและสวี่อี้ต่างก็ตาโตปากค้างเป็นรูปตัวโอ พวกเขาคาดหวังให้เย่เทียนหยู่โชคร้ายอยู่ตลอด ทำไมจู่ ๆ ถึงได้กล่าวขอโทษได้ล่ะพ่อตระกูลสวี่และคนอื่น ๆ ยังคงยืนอึ้งกันอยู่ ไม่เข้าใจสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อพ่อตระกูลสวี่ลองนึกย้อนดู หรือว่าอาจารย์จูสัมผัสถึงความเก่งกาจของเย่เทียนหยู่ได้กันนะซุนซวี่และแม่ตระกูลซุนต่างก็มีสีหน้าที่ดูบิดเบี้ยวและน่าเกลียดอย่างมากผู้นำตระกูลซุนหน้าตาเคร่งเครียด และพูดด้วยความโกรธว่า “อาจารย์จู คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”อาจารย์จูไม่สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ เพิกเฉยต่อเขาโดยสิ้นเชิง ได้แต่ก้มหัวและโน้มตัวลง รอให้เย่เทียนหยู่พูดออกมาเย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ก่อนที่จะชี้ไปทางผู้นำตระกูลซุน แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่เลว ดีที่คุณยังรู้ตัวได้ทันเวลา เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณก็จัดการกับตาแก่นี่ให้กลายเป็นหัวหมูซะ เรื่องวันนี้ผมก็จะไม่เอาความคุณอีก”ทุกคนต่างตกใจไปชั่วขณะ ทำร้ายแม่ตระกูลซุนกับซุนซวี่ไม่พอ นี่ถึงขั้นจะทำร้ายผู้นำตระกูลซุนอีกนี่มันแทบจะพลิกโลกแล้ว!ในตอนนี้เอง ทุกคนจ้องมองไปทาง
เมื่อเห็นท่าทีของน้องชายที่แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง หลินหว่านหรูก็หันไปมองเย่เทียนหยู่ และกล่าวด้วยความซาบซึ้ง “เทียนหยู่ ขอบคุณนะ!”หากไม่มีการสั่งสอนและการชี้แนะจากเย่เทียนหยู่ น้องชายของเธอก็คงไม่มีความสามารถ ไม่มีความรับผิดชอบ และความกล้าที่ทำอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้แน่นอนเห็นได้ชัดว่า ที่น้องชายของเธอได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วง ส่วนหนึ่งก็ได้รับอิทธิพลมาจากเทียนหยู่แม้จะมีการบาดเจ็บระหว่างทางอยู่หลายครั้ง แต่หลินจื่อตงก็ไม่เคยยอมถอยเลยสักครั้ง แววตาแห่งความมุ่งมั่น เขาต่อสู้กับอีกฝ่ายคนแล้วคนเล่าอย่างไม่ย่อท้อหลังจากการต่อสู้ที่หนักหน่วง ในที่สุดคนเหล่านี้ก็ถูกโจมตีจนต้องถอยร่นกลับไปถึงแม้ว่า ด้วยพลังของเย่เทียนหยู่ อย่าว่าแต่เอาชนะพวกมือสังหารเล็ก ๆ เหล่านี้เลย เขาสามารถทำให้ร่างกายของบอดี้การ์ดเหล่านี้หายไปในพริบตาได้เลยด้วยซ้ำในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่พวกหลินหว่านหรูเท่านั้น แม้แต่พ่อแม่ตระกูลสวี่เองก็แอบพยักหน้าเงียบ ๆ แม้ว่าหลินจื่อตงจะไม่ได้เก่งกาจอะไร แต่ความมุ่งมั่นของเขาก็ไม่เคยลดลงเลยแม้แต่น้อยการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ไม่กลัวความเจ็บปวด การแส
ผู้คนรอบข้างต่างก็พากันตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนในระหว่างที่กำลังต่อสู้ ตระกูลซุนก็กลับทะเลาะกันเองขึ้นมาเสียอย่างนั้นพ่อตระกูลสวี่และคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกงงงวย เขาเริ่มไม่แน่ใจในสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว แต่ผู้ชมที่อยู่ข้าง ๆ กลับเห็นได้อย่างชัดเจน เขามักจะรู้สึกว่าเย่เทียนหยู่นั้นไม่ธรรมดา และการที่อาจารย์จูล้มลงก็อาจจะเป็นฝีมือของเขาก็ได้ในตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของสวี่กวงก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นอาจารย์ของเขาที่โทรมา เขาก็ละความสนใจจากละครฉากใหญ่ระหว่างอาจารย์จูและแม่ตระกูลซุนที่อยู่ตรงหน้าทันที ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปด้านข้างเพื่อรีบรับสายโทรศัพท์“อาจารย์ครับ!”“อืม พ่อของเธออยู่ที่บ้านไหม?” อาจารย์เฉินแห่งสำนักหมัดมวยเว่ยอู่ เพิ่งจะผ่านทางมาที่บ้านตระกูลสวี่พอดี เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคยสัญญาเอาไว้ว่าจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บภายในให้กับพ่อตระกูลสวี่ เขาจึงกะว่าแวะมาช่วยจัดการให้สักหน่อย“อยู่ครับ อยู่!”สวี่กวงพยักหน้ารัว ๆ พร้อมกับถามออกไปอย่างรีบเร่งว่า “อาจารย์มีธุระอะไรรึเปล่าครับ หากต้องการให้ผมช่วยอะไร ก็บอกมาได้เลยนะครับ”สถานะอาจารย์ถือว่าไม่ธรรมดา การได้คำนับ
พ่อตระกูลสวี่ที่เห็นฉากนี้ ก็แอบส่ายหัวเงียบ ๆเด็กคนนี้จบเห่แล้วเขาต้องตายแน่นอน!แทบทุกคนต่างก็เชื่อแบบนั้น รวมถึงสวี่เจียเจียเองก็ด้วยมีเพียงหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูสองคนเท่านั้น โดยเฉพาะหลินหว่านหรู เธอเคยเห็นการโจมตีที่แข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่มาแล้วหลายครั้ง ความเร็วแค่นี้ถือว่ากระจอกมากสำหรับเขาที่สำคัญก็คือ เย่เทียนหยู่นิ่งเฉยได้ขนาดนี้ จะต้องไม่มีปัญหาแน่นอนเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่มือขวาของเขาจะดีดถั่วเมล็ดหนึ่งเบา ๆ ให้ลอยออกไป ตาเนื้อของคนทั่วไปแทบจะมองไม่เห็นเลยด้วยซ้ำแต่ท่านอาจารย์จูกลับถูกโจมตีเข้าที่ขาอย่างกะทันหัน ทำให้เขาล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้นในทันทีเดิมทีเขายังพอจะสามารถใช้มือพยุงตัวได้ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มือของเขากลับถูกอะไรบางอย่างโจมตีจนหมดแรงไปซะดื้อ ๆจนล้มลงไปกองเหมือนหมาทันใดนั้น ทุกคนต่างก็อึ้งกันหมดพวกเขาเพียงแค่เห็นว่าอาจารย์จูพุ่งเข้าไปด้วยแรงที่ทรงพลัง มือขวาของเขาราวกับกรงเล็บ พุ่งตรงไปยังเย่เทียนหยู่ด้วยความน่าสะพรึงกลัว แต่ใครจะคิดล่ะว่า วินาทีต่อมาเขาจะเป็นแบบนี้เย่เทียนหยู่หัวเราะ ฮึ ๆ
แม่ตระกุลซุนรีบร้อนหลบหลีกอย่างเห็นได้ชัด แต่เห็น ๆ อยู่ว่าไม่สามารถหลบเมล็ดถั่วมากมายเหล่านั้นได้ จนถึงขั้นทำให้ผมบนหัวหลุดลุ่ยราวกับคนบ้าเลยทีเดียวความเจ็บปวดก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าด้วยเช่นกัน!ทันใดนั้นคุณแม่ตระกูลซุนก็ระเบิดอารมณ์ออกมา แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “ไอ้หนู แกรอก่อนเถอะ ฉันจะทำให้แกไม่ได้ตายดีแน่ ไม่ว่าใครก็ห้ามฉันไม่ได้”“ประโยคนี้อีกแล้วเหรอ หมดลูกแล้วก็ยังมีแม่อีก ต่างก็เป็นเศษสวะกันหมด”เย่เทียนหยู่ไม่เพียงแต่ไม่กลัวการข่มขู่ แต่ยังแสดงสีหน้าที่ดูไม่แยแสออกมาอีกด้วยท่าทีของคนตระกูลสวี่ดูตกใจกันอย่างสิ้นเชิง กระทั่งสวี่กวงเองก็เริ่มคาดหวังด้วยแล้วว่า อีกเดี๋ยวไอ้เด็กนี่คงได้ตายอย่างน่าสังเวชเป็นแน่ นอกจากนี้ยังทำให้เขาลืมเรื่องที่จะขอให้พ่อของเขาจัดการกับเย่เทียนหยู่ไปแล้วด้วยและในตอนนั้นเอง ก็มีคนเดินเข้ามารายงานว่า ผู้นำตระกูลซุนได้พาคนบุกเข้ามาแล้ว เมื่อพ่อตระกูลสวี่ได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ก่อนที่จะรีบเดินไปที่ประตูในช่วงเวลานั้นเอง ก็มีคนสองคนล้มลงตรงหน้าประตูอย่างแรง ซึ่งก็คือคนรับใช้ของตระกูลสวี่ในขณะเดียวกัน ก็มีชายอายุประมาณห้าสิบปีคน
“ดูจากท่าทางตึงเครียดของแกแล้ว แบบนี้ยังจะกล้ามาสู่ขอเจียเจียอยู่อีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหัว แล้วพูดว่า “ฉันก็แค่อยากจะถามแก ว่าพ่อของแกจะมาถึงเมื่อไหร่?”“เอ่อ น่าจะประมาณครึ่งชั่วโมงล่ะมั้ง” แม้ว่าตำแหน่งของพ่อแม่จะอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก แต่ก็ยังมีระยะห่างอยู่บ้างพ่อบอกแล้ว ว่าเขาจะรีบมาในทันที เห็นได้ชัด ว่าพ่อแม่ไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้คนอื่นจัดการกับเย่เทียนหยู่ แต่เขาต้องการที่จะจัดการด้วยตัวเองโดยตรง“ยังต้องรออีกนานเลยเหรอ ช้าเกินไปแล้ว”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวทุกคนต่างก็ยิ้มด้วยความขมขื่น เห็นคนที่รนหาที่ตายมาก็มาก แต่กลับไม่เคยเห็นใครที่รีบร้อนรนหาที่ตายมากขนาดนี้ พอพ่อตระกูลซุนมาถึง เกรงว่านายคงตายได้น่าสังเวชมากแน่ ๆเย่เทียนหยู่ไม่สนใจสายตาของผู้คนเลยแม้แต่น้อย เขามองไปที่โต๊ะ แล้วพูดขึ้นว่า “ในเมื่อยังต้องรออีกสักพัก ที่นี่มีผลไม้ที่น่ากินมากมายอยู่พอดีเลย”“มาเถอะ ทุกคนมานั่งกินด้วยกันเถอะ กินไปรอไป!”ขณะที่เขาพูด ตัวเขาก็ได้เดินไปนั่งเรียบร้อยแล้ว แถมยังหยิบแก้วที่ยังไม่ได้ใช้ขึ้นมารินชาอีก เขาค่อย ๆ กินถั่วที่อยู่ตรงหน้าไปเรื่อย ๆ ทั้งยังเรียกหลินจื่อตงและหลิน
สีหน้าของพ่อตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีมากนัก ยังไงซะที่นี่ก็เป็นบ้านตระกูลสวี่การที่แม่ตระกูลซุนและคุณชายซุนโดนทำร้ายในบ้านตระกูลสวี่นั้น พวกเขาตระกูลสวี่จะต้องได้รับผลกระทบแน่นอนสวี่อี้และสวี่กวงต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ พวกเขาไม่สามารถตอบสนองได้ในทันทีสองแม่ลูกตระกูลซุนโกรธจนแทบจะระเบิด โดยเฉพาะซุนซวี่ เขาพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “พวกแก ได้ตายสมใจแน่ ต่อให้เป็นพระเจ้าก็ช่วยพวกแกไม่ได้ จำคำของฉัน ซุนซวี่คนนี้เอาไว้ให้ดี!”ขณะที่พูด ซุนซวี่ก็ได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และกดโทรหาพ่อของเขาสวี่อี้ที่เห็นสถานการณ์ตรงหน้า ก็รีบพูดด้วยความโกรธขึ้นทันทีว่า “พวกแกกล้าดียังไง ถึงได้กล้าทำร้ายคุณชายซุนและคุณหญิงซุน สวี่กวง มัวยืนบื้ออะไรอยู่ รีบจัดการพวกมันซะ”หากตอนนี้ยังไม่ลงมือ รอจนคนของตระกูลซุนมาถึง พวกเขาก็อดขอความดีความชอบกันพอดี และอาจถึงขั้นโดนตระกูลซุนตำหนิเลยก็ได้ในที่สุดสวี่กวงก็ได้สติ และรีบพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “ไอ้หนู แกเป็นคนรนหาที่เองนะ อย่าโทษฉันก็แล้วกัน”ขณะที่พูด เขาก็พุ่งตรงไปทางเย่เทียนหยู่ด้วยความดุเดือดเขาได้ฝึกฝนมวยเว่ยหวู่กับอาจารย์เฉิน เจ้าของศาสตร์มานา
ซุนซวี่หัวเราะเยาะอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางดุดัน “ไอ้หนู แกรอก่อนเถอะ แกจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้อย่างแน่นอน”“พอถึงตอนนั้น ก็อย่ามาอ้อนวอนขอความเมตตาก็แล้วกัน ฮ่า ๆ......”ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของซุนซวี่ บวกกับคำพูดเหล่านั้น หลินจื่อตงยังไม่ทันจะพูดอะไร สวี่เจียเจียก็เริ่มได้สติ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “พ่อคะ นี่พ่อ......”“เจียเจีย เรื่องถัดจากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะสามารถจัดการได้ เขาเพิ่งบอกว่าเขาสามารถปกป้องตัวเองได้ใช่ไหม เช่นนั้นต่อไปก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาแล้ว” พ่อตระกูลสวี่พูดขัดขึ้นมา“จะดูความสามารถอะไรกัน เขาเป็นแค่คนที่มาจากครอบครัวธรรมดา จะเอาอะไรไปสู้กับตระกูลซุนได้” สวี่เจียเจียพูดด้วยความร้อนใจ“เจียเจีย ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ตระกูลซุนมีการดำรงอยู่แบบไหน ลูกก็เข้าใจดี พ่อของลูกสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ก็ถือว่าทุ่มความสามารถทั้งหมดที่มีของตระกูลสวี่แล้ว”คุณแม่ตระกูลสวี่พูดขึ้น พร้อมส่ายหัวว่า “หลังจากนี้ ก็ต้องดูที่ตัวเขาแล้วล่ะ หากเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ แม่ก็จะสนับสนุนให้พวกลูกคบกัน”“ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่พวกลูกสองค