“ไอ้สารเลว เสียแรงที่พวกเราเชื่อใจแกมากตลอด แต่แกกลับกล้าโกหกพวกเรา”“แกมันคนโกหกไร้ยางอาย คืนเงิน รีบคืนมาให้เราเดี๋ยวนี้”หลิวอวิ๋นซิ่วกังวลมาก นั่นคือเงินออมทั้งหมดของเธอ“คืนเงินงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ”“ฉันจะบอกอะไรให้นะ ว่าเงินก้อนนั้นถูกโอนไปต่างประเทศตั้งนานแล้ว สักแดงเดียวก็ไม่เหลือ แล้วอย่างมาโทษกันล่ะ ถ้าจะโทษ ก็โทษที่พวกคุณน่ะมันโลภเกินไปต่างหาก”“เพราะไม่อย่างงั้น ตอนนั้นที่เย่เทียนหยู่พยายามโน้มน้าวพวกคุณมากขนาดนั้น พวกคุณทุกคนก็คงจะไม่ค้านหัวชนฝาขนาดนั้นเหรอก”เมื่อคนตระกูลหลินได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาก็รู้สึกราวกับว่าถูกฟ้าผ่า วันนี้ไม่ได้มีแต่ครอบครัวของนายท่านเท่านั้นที่อยู่ที่นี่ แต่สมาชิกหลายคนจากตระกูลของลูกพี่ลูกน้องของนายท่านก็อยู่ที่นี่ด้วยทุกคนต่างรู้สึกเสียใจอย่างมากโดยเฉพาะตอนที่หลิวเจี๋ยพูดถึงเย่เทียนหยู่ ก็ทำให้นึกถึงฉากในวันนั้นขึ้นมานายท่านหลินยิ้มอย่างขมขื่น เขาคิดไม่ถึงว่าแม้จะอายุปูนนี้แล้ว ก็ยังสามารถทำผิดพลาดในเรื่องที่ไร้สาระได้ขนาดนี้อยู่อีก เขาเชื่อใจว่าหลิวเจี๋ยมากเกินไป คิดว่าเขาจะชอบหลินหว่านหรูมากกว่าสิ่งอื่นใดซะอีกยิ่งไปกว่านั้น ตัวเองยัง
“จริงครับ อาจารย์ซา จะต้องเป็นเน่เทียนหยู่แน่นอน อย่าดูถูกว่ามันเป็นแค่คนไร้ค่าคนหนึ่ง แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีแผนการ ครั้งก่อน มันก็พึ่งใบบุญที่มันเคยรักษาลูกสาวของประธานหยาง จนทำให้ตระกูลหลินได้เข้าร่วมหอการค้าหลงเถิง”เมื่อซาป้าเทียนได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เย่เทียนหยู่เองก็อยู่ในรายชื่อที่เขาต้องการจะแก้แค้นด้วยเพราะก็ยังเป็นเย่เทียนหยู่ ที่บุกเข้าไปในวิลล่าของตระกูลซา“ยังมีอีกเรื่อง ผมสามารถมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลย” หลิวเจี๋ยนึกถึงเรื่องในโรงพยาบาล“เรื่องอะไร? ”“คนที่บุกไปโรงพยาบาล และทำร้ายคุณนายซา ก็คือเย่เทียนหยู่”หลิวเจี๋ยยังพูดยืนยันอีกว่า “ผมรับประกันได้ว่านี่เป็นความจริงอย่างแน่นอน หากคุณไม่เชื่อ ก็สามารถไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ทางเข้าโรงพยาบาล และตรวจสอบตามเวลาได้เลย หรือจะสอบถามพยาบาลแถวนั้นด้วยก็ได้”ซาป้าเทียนกระตือรือร้นกับเรื่องการตามหาว่าใครเป็นสาเหตุที่วางแผนจับกุมคนของตระกูลซาเอาไว้ล่วงหน้าอย่างมาก แต่เขารีบมาเร็วเกินไป ดังนั้นเขาจึงรู้แค่เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาล จนไม่ทันได้ตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่า
แต่เมื่อได้มาเจอกับตนที่นี่แล้ว นั่นหมายความว่าวันตายของอีกฝ่ายได้กำหนดเอาไว้แล้ว“แกสินะที่เป็นคนบุกเข้าไปในวิลล่าของตระกูลซา และทำร้ายผู้พิทักษ์ตระกูลซาจนบาดเจ็บสาหัส? ” ซาป้าเทียนถามด้วยท่าทีที่เย็นชา“ใช่! ”เย่เทียนหยู่เดินออกไปอย่างช้า ๆ ด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง ในดวงตาของเขาไม่มีร่องรอยของความกลัวเลยแม้แต่น้อยพอมาถึงตอนนี้ หัวใจของหลินหว่านหรูก็สั่นไหวเล็กน้อย ต้องเลยบอกว่า คนอย่างเย่เทียนหยู่ไม่รู้จักความกลัวเลยว่าคืออะไร และมักจะเป็นคนที่สงบนิ่งอยู่เสมอแต่ปัญหาคือ แบบนี้มันก็จะทำให้บุคคลที่น่ากลัวอย่างซาป้าเทียนโมโหได้ง่าย ๆ สุดท้ายก็ต้องทิ้งชีวิตของตัวเองหากสิ่งที่หลิวเจี๋ยพูดเป็นความจริง งั้นตอนนี้เย่เทียนหยู่ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้วล่ะแน่นอนว่าเมื่อซาป้าเทียนต้องมาเผชิญกับทัศนคติของเย่เทียนหยู่ เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น เจตนาฆ่าก็ยิ่งรุณแรงมากกว่าเดิม และพูดออกไปว่า “แกบุกเข้าไปในโรงพยาบาล และตบลูกสะใภ้ของฉันใช่ไหม? ”“ใช่! ” เย่เทียนหยู่พูดด้วยสีหน้าราบเรียบ“แล้วก็เป็นแกที่เรียกให้คนมาจับกุมคนตระกูลซาล่วงหน้าใช่ไหม? ”คำถามนี้ ไม่ได้มีแค่ซาป้าเทียนที่อยากรู้ แต่คนอื่น ๆ
หลังจากได้ยินคำพูดของไช่เสี่ยวโป ใบหน้าของซาป้าเทียนก็ดูไม่ค่อยดีนัก เขาจึงถามออกไปด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ทำไมเหรอครับ?”“เพราะเขาคือผู้มีพระคุณของฉัน”“เมื่อก่อนตอนที่หลานชายที่ฉันรักมากที่สุดถูกวางยา หากว่าเขาไม่ช่วยรักษา หลานชายของฉันอาจจะตายไปแล้ว”“เหล่าซา นายลองบอกมาสิ แบบนี้พอจะมีค่าให้ฉันออกหน้าแทนเขาสักครั้งไหม”หลังจากที่ได้ยินแบบนี้ ทุกคนในตระกูลหลินก็เข้าใจ ที่แท้ก็เป็นเพราะเย่เทียนหยู่บังเอิญเคยช่วยชีวิตลูกชายของไช่ซูจี้เอาไว้คราวที่แล้วก็เป็นลูกสาวของประธานหยาง คราวนี้ก็เป็นลูกชายของไช่ซูจี้ ดวงของเจ้าเด็กนี่ไม่ธรรมาดาเลยจริง ๆหลินหว่านหรูรู้สึกประหลาดใจ ที่แท้ก็เป็นเพราะทักษะทางการแพทย์ของเขาอีกแล้วเมื่อเป็นอย่างนี้ ก็แสดงว่าทักษะทางการแพทย์ของเย่เทียนหยู่นั้นดีมาก ๆ งั้นเมื่อก่อนที่เขาเคยคุยโม้ว่าทักษะทางการแพทย์ของตัวเองนั้นเก่งนักเก่งหนา ถึงขั้นพูดว่าเป็นถึงแพทย์เซียนอะไรนั่น คงไม่ใช่เรื่องจริงหรอกใช่ไหมเนี่ย?แต่พอมาลองคิดดูอีกครั้ง แพทย์เซียนอาจจะเป็นไปไม่ได้ ยังไงซะ อายุก็ยังน้อยอยู่เลย ยังไงก็คงแค่คุยโวเท่านั้นแต่ทักษะทางการแพทย์ของเขาก็น่าจะใช้ได้ อย่า
คราวนี้ หลิวอวิ๋นซิ่วก็พูดอีกครั้งว่า “ถ้าเขาจากไป แล้วซาป้าเทียนหาเขาไม่เจออีก จะต้องกลับมาระบายความโกรธกับตระกูลหลินเราอีกแน่นอน”“ถูกตัอง! ”“จะให้เขาจากไปแบบนี้ไม่ได้”“เขาเป็นคนที่ก่อปัญหาขึ้น เขาก็ต้องเป็นคนที่รับผลที่ตามมาเอง พวกเราทุกคนต่างก็เป็นแค่พลเมืองดีที่ปฏิบัติตามกฎเท่านั้น เราไปรับเคราะห์แทนเขาไม่ได้”“ถูกต้องแล้ว เย่เทียนหยู่ ตั้งแต่นี้ไป แกจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น อยู่ที่ตระกูลหลินอย่างเชื่อฟังซะเถอะ”“ใช่ ใช่ ต้องขังเอาไว้ด้วย! ”ทุกคนในตระกูลหลินต่างก็พยายามขวางเขาเอาไว้คนแล้วคนเล่า หลินจื่อตงถึงกับพูดขึ้นมาว่า “จากนี้ไป พวกเราจะคอยจับตาดูมันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย เพื่อป้องกันไม่ให้มันหนีไปได้”สำหรับความช่วยเหลือของเลขาธิการไช่เมื่อกี้ ทุกคนต่างก็ได้ยินหมดแล้ว ก็แค่เป็นการตอบแทนบุญคุณที่ช่วยรักษาให้กับหลานชายของเขาก็เท่านั้น เมื่อตอบแทนเสร็จ ก็จะไม่มีเกี่ยวข้องอะไรกันอีกดังนั้น ท้ายที่สุดแล้วเย่เทียนหยู่ก็ยังคงเป็นผู้แพ้ที่ไร้ประโยชน์อยู่ดี ยังไงก็จะต้องจบเห่อย่างแน่นอนในเวลานี้ หลิวเจี๋ยก็เห็นว่าไม่มีใครสนใจ เขาจึงรีบเดินออกไป เรื่องการล้มละลายก็ได้ถูกเปิ
“เอาล่ะ พวกเธอยังขายหย้ากันไม่พอรึไง?” ในเวลานี้ นายท่านหลินอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความโกรธ และหยุดการกระทำของทุกคนเอาไว้จากการดุด่า ทุกคนก็ตกตะลึงครู่หนึ่ง และอดไม่ได้ที่จะหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดลง“เทียนหยู่ ต่อให้คำพูดของหลิวเจี๋ยอาจไม่จริงไปซะทั้งหมด แต่ไม่ว่ายังไง เธอกับหว่านหรูก็มีชะตากรรมร่วมกัน เพราะงั้นวันนี้ ฉันจะไม่ขาวเธอเอาไว้”“เธอออกไปได้แล้ว ซ่อนให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป ตระกูลหลินของเราจะไม่เกี่ยวข้องกับเธออีก! ”นายท่านหลินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเมื่อได้ยินแบบนั้น เย่เทียนหยูก็ตกใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่านายท่านหลินยังคงมีอคติกับเขาอยู่ กระทั่งไม่ยอมให้เขากลับเข้าไปในตระกูลหลินอีกหลินหว่านหรูรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างอธิบายไม่ถูก เธอมักจะรู้สึกว่ามีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้เอ่อล้นอยู่ในใจ ราวกับว่าเธอกำลังจะสูญเสียบางสิ่งที่สำคัญไปแต่ว่า ตอนนี้นอกจากการหลบหนีแล้ว ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว“พ่อคะ ไม่ได้นะคะ คือว่า...... ”“หุบปาก ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว”นายท่านหลินพูดขัดจังหวะเย่เทียนหยู่ถอนหายใจ และพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ก็ได้ คุณปู่หลิน ด
ทันใดนั้น ทุกคนในตระกูลหลินก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย กระทั่งในภายหลัง คำพูดที่ไม่พึงประสงค์ก็ถูกพูดออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อต้องเผชิญกับเรื่องทั้งหมดนี้ ใบหน้าของหลินหว่านหรูก็ดูแย่ลง และเธอพูดด้วยความโกรธ “เอาล่ะ เรื่องของหลิวเจี๋ย ตอนนั้นก็เป็นทุกคนที่ยินยอมเอง พวกเราต่างก็ถูกหลอกกันหมด หากตามกลับมาไม่ได้ ก็คงต้องยอมรับว่าตัวเองโชคร้าย”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป ทุกคนก็ยิ่งโกรธมากขึ้น ถึงขั้นจะแตกหักกัน“ทุกคนหลุดเดี๋ยวนี้! ”“ทำอะไรกันอยู่ พวกเธอคิดว่านี่คือสถานที่แบบไหนกัน ต้องการที่จะพลิกชะตากันอยู่รึไง? ”นายท่านหลินโกรธมาก “เงินแค่เล็กน้อยของพวกเธอ ไม่มีแล้วยังไง ฉันจะบอกอะไรให้นะ ตอนนี้บริษัทตระกูลหลินกำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่อยู่ อาจถึงขั้นล้มละลายได้ เมื่อถึงตอนนั้น พวกเธอก็จะไม่เหลืออะไรแล้วจริง ๆ”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ทุกคนต่างก็ตกใจ แต่หลินเวย น้องชายของนายท่านหลินก็พูดขึ้นทันที “พี่ใหญ่ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ผมคิดว่าหลินหว่านหรูไม่มีคุณสมบัติที่จะนั่งตำแหน่งประธาน”“ถ้าไม่ใช่เพราะหลินหว่านหรู พวกเราก็คงไม่ถูกหลิวเจี๋ยฉ้อโกงเงินมากมายขนาดนี้ได้หรอ
ซูถิงยืนตะลึงงันอยู่ตรงนั้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เธอยังมีข้อสงสัยอยู่บ้างว่าเย่เทียนหยู่จะทำได้หรือเปล่า เมื่อกี้เธอก็กะว่าจงใจจะทดสอบความแข็งแกร่งของเขาแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เย่เทียนหยู่จะพูดคำที่น่าตกใจแบบนี้ออกมาแต่พอเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วเหมือนกัน หากมีอะไรเกิดขึ้นกับซาป้าเทียนจริง ๆ นั่นหมายความว่าความแข็งแกร่งของพี่เย่นั้นน่ากลัวกว่าที่เธอจินตนาการไว้มากแบบนั้นก็สามารถทำให้ตัวเองทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าได้อย่างแน่นอนเย่เทียนหยู่เข้าไปในรถ ในขณะที่เขาเริ่มออกเดินทาง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นพร้อมกับข้อความการโอนเงินเข้าของบัญชีธนาคารเป็นจำนวนยี่สิบห้าล้านนอกจากนี้ยังมีข้อมูลของตั๋วส่งมาด้วยเงินถูกโอนเข้ามาโดยหลินหว่านหรูเขาอดไม่ได้ที่จะตกใจเล็กน้อย เท่าที่เขารู้ ครอบครัวหลินถูกหลิวเจี๋ยหลอกเอาเงินไปแล้ว กระทั่งเงินทุนของบริษัทก็ถูกหลอกเอาไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นตอนนี้ตระกูลหลินต้องลำบากอยู่แน่ ๆแต่ถึงแม้สถานการณ์จะเป็นแบบนั้น แต่หลินหว่านหรูก็ยังโอนเงินยี่สิบห้าล้านให้กับตัวเองอีกจากนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น“เย่เทียนหยู่ ฉันเพิ่งจองเที่ยวบินต่างประเทศท
สีหน้าของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างเฉยเมย เขาส่ายหัวไปมา หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็สามารถมองออกหมดแล้ว การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายดูละเอียดอ่อนมากจริง ๆ น่าจะมีคนคอยชี้แนะอยู่แน่นอนเพราะไม่เช่นนั้น ด้วยวิธีการฝึกฝนของพวกเขา ไม่มีทางที่จะมีทักษะการเคลื่อนไหวแบบนี้แน่ แต่แล้วอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้อยู่ดีเหตุผลที่เขายังไม่ลงมือมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่ต้องการให้โอกาสพวกเขา แต่ในเมื่อพวกเขาไม่ต้องการ เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ไม่เกรงใจก็แล้วกันไป๋เถากลับไม่รู้อะไรเลย สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เดิมคิดว่าคนตรงหน้าคงเก่งกาจมากแน่ ๆ กลับคิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายเป็นคนถูกตนไล่ล่าแทน หากไม่เพราะเมื่อกี้มีโชคช่วยเอาไว้ ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายคงโดนตนโจมตีไปแล้วที่สำคัญเลยก็คือ ในที่สุดเขาก็สังเกตเห็นพลังของอีกฝ่าย ซึ่งอยู่ในระดับพลังจันทราสูงสุด และอยู่ต่ำกว่าตนหนึ่งระดับที่แท้ไอ้เด็กนี่มันก็มีฝีมือแค่นี้เอง แทบไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่ตนคิดเอาไว้เลยด้วยซ้ำไม่สำคัญว่าอีกฝ่ายจะอาศัยทักษะอันยอดเยี่ยมของร่างกายมากแค่ไหน พยัคฆ์ทมิฬเองก็อาจมีแนวโน้มที่จะถูกอีกฝ่ายโจมตีด้วยทักษะร่
“งั้นเหรอ คุณนายไปช่างเก่งกาจเสียจริง”“แน่นอน แต่ตอนนี้แกจะพูดอะไรมันก็สายไปแล้ว อีกเดี๋ยว แกก็จะได้รู้ ว่าการที่มาทำให้ฉันโกรธนั้น แกจะต้องเจอกับชะตากรรมที่น่าสมเพชมากแค่ไหน”“ดูท่าแล้ว คุณนายไป๋คงมั่นใจมากเลยสินะ งั้นเอาอย่างนี้ไหม พวกเรามาพนันกัน” เย่เทียนหยู่นึกถึงเงินห้าหมื่นล้านที่จะต้องให้เฉินเฟยเฟย ตอนนี้มีคนเอามาให้ถึงที่แล้วไม่ใช่รึไง“พนันงั้นเหรอ?”“ใช่แล้ว ถ้าผมชนะไป๋เถา คุณต้องให้ผมห้าหมื่นล้าน!”“ว่าไงนะ! ห้าหมื่นล้าน! ไอ้หนู แกรู้ไหม ว่าเงินห้าหมื่นล้านมันมากแค่ไหน แกจะเอาอะไรมาพนันกับฉัน?” คุณนายไป๋รู้สึกว่า ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้บ้า ก็คงเป็นคนโง่ที่ไม่รู้อะไรเลยอย่าว่าแต่เด็กน้อยอย่างเขาเลย ต่อให้เป็นหัวหน้าใหญ่ไป๋ก็เกรงว่าคงไม่กล้าลงเดิมพันมากถึงห้าหมื่นล้านแบบนี้แน่“ก็ใช้ชีวิตของผมไง ถ้าผมแพ้ ชีวิตของผม พวกคุณจัดการได้ตามสบายเลย!”“ชีวิตที่ไร้ค่าอย่างแกเนี่ยนะ กล้าดียังไงเอามาเทียบกับเงินห้าหมื่นล้าน?” คุณนายไป๋หัวเราะออกมาเสียงดัง อย่าว่าแต่ไอ้สวะนี่เลย ชีวิตใครบ้างที่จะมีค่าถึงห้าหมื่นล้าน?“งั้นจะไม่พนันก็ได้ มาสู้กันเลยเถอะ” เย่เทียนหยู่พูดด้วยท่าท
สารวัตรเฉินที่ได้ยินก็โกรธจัดทันที คุณนายไป๋คนนี้คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหน เธอไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ขณะที่กำลังจะทำการตักเตือนแต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง เย่เทียนหยู่ก็พูดขึ้นมาก่อน เขาพูดพร้อมรอยยิ้มออกไปว่า “สารวัตรเฉินครับ ในเมื่อพวกเขาชอบก่อความวุ่นวาย ไม่งั้นก็ให้โอกาสพวกเขาสักครั้งเถอะครับ”“เอาแบบนี้ คุณชื่อไป๋เถาใช่ไหม หากว่าคุณยินดี พวกเราก็มาประมือกันสักหน่อย แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองฝ่าย ก็จะไม่มีการรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น” ไป๋เถากำลังจะปฏิเสธ แต่คุณนายไป๋ก็กลับพูดขึ้นมาก่อนว่า “ได้ แกเป็นคนพูดเองนะ ต่อให้แกตายไปนั่นมันก็สมควรแล้ว”ไป๋เถารู้สึกอึ้งทันที พี่สะใภ้ นี่คุณกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไงก็พูดได้นี่ ยังไงก็ไม่ได้เป็นคนลงมือเองอยู่แล้ว แถมคนที่ถูกส่งไปตายก็ไม่ใช่ตัวเองอีกไม่ใช่รึไง?เขาเป็นคนที่ระมัดระวังตัวมาก ดังนั้น เขาจึงคอยสังเกตเย่เทียนหยู่อยู่ตลอดเวลาแต่ยิ่งสังเกตมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่กล้ามองข้ามเขาไปมากเท่านั้นโชคดีที่สารวัตรเฉินรีบปฏิเสธขึ้นมา “ไม่ได้ครับ พวกคุณอาจจะประมือกันก็ได้ แต่ที่นี่คือสถานีตำรวจ จะให้เกิดเหตุการณ์เลือดตกยา
เย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ หน้าตาดูไร้เดียงสา เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูราบเรียบออกไปว่า “เธอตบผม หรือว่าผมจะป้องกันตัวเองไม่ได้เลยงั้นเหรอ?”“ใช่ ถูกต้องครับ!”“ที่คุณเย่ทำถือเป็นการป้องกันตัวครับ” หวงลี่เองก็รู้สึกว่าทนดูต่อไปไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจพูดอย่างตรงไปตรงมาสารวัตรเฉินที่เห็นแบบนั้น ก็พยักหน้าให้กับหวงลี่เจ้าเด็กคนนี้ไม่เลวเลย ต่อไปถ้าฝึกฝนให้ดี เขาอาจจะสามารถเลื่อนตำแหน่งได้“การป้องกันตัวอะไรกัน ฉันไม่ได้ตบเขาสักหน่อย”คุณนายไป๋โกรธจัด เพราะเธอเพิ่งจะถูกตีไปแบบฟรี ๆ และที่สำคัญ ไอ้เด็กนี่ต่างหากเป็นคนที่ถูกจับตัวมา ทำไมถึงได้กล้าทำร้ายเธอได้“แต่คุณเป็นฝ่ายลงมือก่อน แถมอีกแค่นิดเดียวก็จะตบโดนเขาแล้ว ซึ่งในเวลานั้นก็สามารถป้องกันตัวได้ครับ แน่นอน หากตอนนี้เข้าพุ่งเข้าไปตบคุณต่อ แบบนั้นถึงจะถือว่าเขาทำผิดครับ”หวงลี่พูดยืนยันคุณนายไป๋ที่ได้ยินแบบนั้นก็โกรธจัด เธอจึงตะโกนออกไปว่า “เหลวไหล ไอ้หนู แกชื่ออะไร กล้าดียังไงมากลับดำเป็นขาว แกเชื่อไหมว่าฉันสามารถทำให้แกถอดเครื่องแบบออกได้ ณ เดี๋ยวนี้เลย?”สีหน้าหวงลี่เย็นชาขึ้นมาทันที ขณะที่เขากำลังจะพูดอยู่นั้นเอง“ผมไม
เย่เทียนหยู่ชะงักไปชั่วขณะ ผู้หญิงคนนี้กำลังพูดอะไรอยู่ พูดจาฟังไม่รู้ความ คงไม่ใช่ว่าน้ำไหลเข้าสมองไปแล้วหรอกนะ?หวงลี่ก็รู้สึกตกใจนิดหน่อย อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น นี่คุณนายไป๋เข้าใจอะไรผิดรึเปล่านะ แต่เขาก็ขี้เกียจที่จะอธิบาย เขาอยากที่จะพาเย่เทียนหยู่เดินผ่านไปให้เร็วที่สุดคุณนายไป๋เห็นสีหน้าของเย่เทียนหยู่ที่ดูสงบนิ่ง เกรงว่าอีกฝ่ายคงจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย เธอจึงพูดเยาะเย้ยขึ้นว่า “ดูท่าทางของแกแล้ว คงไม่รู้เลยสินะ ว่าชะตากรรมต่อไปของแกจะต้องเจอกับความอัปยศอดสูมากแค่ไหน!”“แกคงคิดสินะ ว่าแค่เข้าไปนอนในคุก ไม่นานก็จะถูกปล่อยตัวออกมา อย่าได้หวังลม ๆ แล้ง ๆ เมื่อแกเข้าไปข้างในแล้ว ฉันก็มีอีกร้อยแปดวิธีที่จะทำให้แกต้องทุกข์ทรมานยิ่งกว่าความตาย!” เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปหาหวงลี่ แล้วถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คุณตำรวจหวงครับ คุณคือตำรวจใช่ไหม?”หวงลี่อึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบพยักหน้าทันที “แน่นอนครับ!”“เช่นนั้นการที่เธอข่มขู่ผมต่อหน้าคุณแบบนี้ นี่ถือเป็นการหมิ่นประมาทรึเปล่าครับ?” เย่เทียนหยู่ถามหวงลี่นิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น แน่นอนว่านี่ถือเ
แต่เขากลับเป็นคนที่เข้าถึงได้ง่าย ไม่มีความเย่อหยิ่งเลยแม้แต่น้อยกลับกัน กลายเป็นว่าคุณนายไป๋ต่างหาก ที่มักจะเชิดจมูกขึ้น ให้ความรู้สึกราวกับว่าทุกคนคือลูกน้องของเธอ แถมยังแสดงท่าทีเหมือนเป็นผู้สั่งการอีกต่างหาก พูดคำพูดที่ดูไม่สุภาพออกมาต่าง ๆ นานาไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย คนประเภทนี้ ยังจะกล้ามาสั่งให้รีบไปจับคนมาให้เร็วที่สุดอีกและเป็นเพราะหมายจับไม่สามารถออกมาได้ในทันที พวกเขาจึงได้โดนเธอด่าทออย่างรุนแรง ใช้คำพูดถากถางต่าง ๆ นานา แถมยังขู่ว่าจะปลดสารวัตรของพวกเขาออกอีกด้วยยังดีที่สารวัตรเฉินควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้ กลับกัน หากเป็นตน ต่อให้ต้องคืนชุดเครื่องแบบ ตนก็จะต้องด่ากลับให้ได้อย่างแน่นอนนอกจากเขาแล้ว คนอื่น ๆ เองก็ดูเหมือนจะไม่ชอบคุณนายไป๋เช่นกัน ไม่สามารถรับพฤติกรรมที่ทั้งหยิ่งยโสและเอาแต่ใจของเธอได้จริง ๆก็แค่ไม่มีทางเลือกเท่านั้น ใครใช้ให้ตระกูลไป๋มีอำนาจมากขนาดนั้นกันล่ะ ตามที่ได้ยินมาจากผู้นำหลาย ๆ คน ทุกครั้งที่ได้เจอกับคุณนายไป๋ ก็มักจะสุภาพกับเธอเป็นพิเศษ ถึงขั้นให้ความเคารพอย่างมากเลยด้วยซ้ำเมื่อเห็นว่าหวังหลี่เดินค่อนข้างเร็ว เย่เทียนหยูก็ส่าย
“ใช่แล้ว พวกเราพี่น้องร่วมมือกัน บวกกับผู้ส่งสารทั้งสามคนในสำนักศักดิ์สิทธิ์ คนหนึ่งเป็นถึงปรมาจารย์ขั้นสูง อีกสองคนก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นปลาย ในโลกใบนี้แทบไม่มีศัตรูเลยเลยจริง ๆ” สีหน้าของเจวี๋ยซินเองก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน“ในบรรดาสี่ตระกูล นอกจากสำนักเงาที่พอจะมีอำนาจอยู่บ้าง ตระกูลอื่น ๆ ก็แทบไม่มีอะไรให้ต้องกลัว” สีหน้าของเจวี๋ยฉิงเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง ความบ้าอำนาจที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน“ก็จริงอย่างที่ว่ามา แต่ก็กลัวว่าคนนอกอาจจะเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยนะสิ” พอเจวี๋ยซินนึกถึงบุคคลที่น่ากลัวสองคนนั้นขึ้นมา ก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา“คนนอกงั้นเหรอ?”“แกหมายถึงชิงหลง หรือว่าอดีตราชามังกรแห่งพรรคมังกรกันล่ะ?” เจวี๋ยฉิงพูดอย่างเย็นชา“ก็พวกเขานั่นแหละ ความแข็งแกร่งของทั้งสองคนน่ากลัวเกินไป” เมื่อนึกถึงสองคนนั้น แววตาของเจวี๋ยซินก็เต็มไปด้วยความหวาดระแวงไม่มีใครรู้เลยว่า พลังของอดีตราชามังกรนั้นแข็งแกร่งกว่าที่ทุกคนเคยได้ยินมามาก ซึ่งเกรงว่าคงไม่ด้อยไปกว่าชิงหลงเสียด้วยซ้ำหากไม่มีโอกาสบังเอิญมาเผชิญหน้ากันสักครั้ง พวกเขาก็จะไม่รู้เลย“ไม่เป็นไร ตามที่ฉั
“แน่นอน ยินดีให้ความร่วมมือเสมอ!”“ไม่งั้น อีกเดี๋ยวให้ฉันไปด้วยตัวเองเลยดีไหม?” เย่เทียนหยู่กล่าว“ถ้าได้แบบนั้นก็ดี ไว้ฉันจะให้คนไปรอรับนายที่ประตูก็แล้วกัน” ผู้ว่าการหวังรีบตอบกลับ“ได้!”เย่เทียนหยู่กดวางสาย และเตรียมตัวจะเดินทางไปในทันที แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ก็มีเสียงหวานอันไพเราะดังขึ้นที่ข้างหู “คุณชายคะ!”เป็นจูเก่อหลิวหลี!น้ำเสียงแบบนี้ ถึงกับทำให้ชายที่เดินผ่านต้องรีบหันกลับมามองเลยทีเดียว เขาหันมองจูเก่อหลิวหลีด้วยท่าทีประหลาดใจ จนถึงขั้นงงงวย ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาเดินชนเข้ากับเสาไฟฟ้าทันที!“บังเอิญจังเลยนะคะ เมื่อกี้ฉันกำลังจะโทรหาคุณชาย แต่ก็ได้เจอกับคุณเข้าพอดี” บนใบหน้าของจูเก่อหลิวหลีปรากฏรอยยิ้มออกมา ทำให้เธอดูมีเสน่ห์อย่างมากแม้เธอจะบอกว่าซื้อบ้านขนาดใหญ่เพื่อจะได้มีห้องเหลือให้เธอสักห้องก็เถอะ แต่เธอก็ไม่ได้เก็บกุญแจเอาไว้หรือเพิ่มลายนิ้วมือของตัวเองเข้าไปแต่อย่างใด เพราะเธอเข้าใจดี ว่านี่เป็นที่ส่วนตัวของคุณชายกับคุณผู้หญิง“อือ มาหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ?” เย่เทียนหยู่ถามพร้อมกับพยายามกดความรู้สึกกระวนกระวายเอาไว้“เปล่าหรอกค่ะ ฉันแค่คิดถึงคุณชา
แม่ตระกูลหลินยังไม่ทันได้มีเวลาคิดอะไรมากนัก ไม่นานตำรวจก็ได้มาถึงหน้าประตูห้องทำงานของประธานบริษัท พวกเขาเคาะประตู ก่อนจะเดินเข้าไปโดยตรง แล้วแสดงบัตรประจำตัวทันที จากนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า “หลิวอวิ๋นซิ่ว คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับ......”เมื่อได้ยินคำพูดของตำรวจ สีหน้าของแม่ตระกูลหลินก็ดูไม่ดีสักเท่าไหร่ และรู้สึกสั่นเล็กน้อยทะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!หรือลูกสาวตนเป็นคนแจ้งความให้ตำรวจมาจับงั้นเหรอ?คนอย่างนางเด็กนั่นจะโหดร้าย จะไร้ความปรานีมากขนาดนี้ได้ยังไง ตนเป็นแม่แท้ ๆ เชียวนะในเวลานี้ เธอรู้สึกลนลานมากจริง ๆ ร่างกายของเธอสั่นไม่หยุดเลยเห็นได้ชัดว่าแม่ตระกูลหลินไม่เข้าใจสถานการณ์ภายในเลยสักนิด กระทั่งเธอยังไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องประเภทนี้เลยแม้แต่น้อย แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติ เพราะการดำเนินการแบบนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบถึงแม้จะไม่ได้ใส่กุญแจมือ แต่การถูกพาออกไปแบบนี้ต่อหน้าสาธารณชน ก็ทำให้เกิดการพูดคุยกันไปต่าง ๆ นานาในบริษัท ไม่นานทุกคนก็เข้าใจเหตุผลของเบื้องหลังเรื่องนี้คนที่ทำให้ประธานหลินของพวกเขาเสื่อมเสียชื่อเสียงบนโลกออนไลน์นั้น กลับเ