“นั่นเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของคุณแล้ว ผมเกรงว่าคงมีแค่นักฆ่าห้าอันดับแรกของโลกเท่านั้นถึงจะเทียบเคียงได้ ผมจะไปมีความสามารถทำร้ายคุณได้อย่างไร”“นายผิดแล้ว”เย่เทียนหยู่ส่ายหัว“ผิดงั้นเหรอครับ? ”หรือว่าความแข็งแกร่งของดาวตกไม่สามารถรับมือกับห้าอันดับแรกได้?พอมาลองคิดดูแล้วก็ใช่ แม้ว่าเรื่องที่เขาทำมันจะสุดยอดมากแค่ไหนก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นการลอบสังหาร ซึ่งแตกต่างจากการเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัว“อืม นักฆ่าห้าอันดับแรกพวกนั้น ยกเว้นอันดับแรกที่อาจจะต้องใช้แรงมากหน่อย ส่วนที่เหลือ ต่อให้ลงมือพร้อมกัน ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันอยู่ดี” เย่เทียนหยู่พูดด้วยท่าทีที่ราบเรียบ“......”“นี่นับเป็นครั้งที่สามแล้วที่เราได้เจอกัน ใช่หรือเปล่า? ”“ใช่ครับ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตผมไว้ในสองครั้งแรก ส่วนครั้งนี้ ผมยิ่งรู้สึกละอายใจมากกว่าเดิมอีกครับ”“เราถูกลิขิตให้มาพบกัน ส่วนนี่ ให้นายนะ” เย่เทียนหยู่หยิบหนังสือออกมา แล้วโยนมันไปให้เขาทันทีในฐานะราชามังกรแห่งด่านหลงเหมิน บวกกับที่เขาเองก็เคยได้รับโอกาสมาเช่นกัน สิ่งที่มีก็คือทรัพยากร“มันคืออะไรเหรอครับ! ”นักฆ่าหมายเลข
“คุณชาย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”จางลี่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังชี่ในตัวของเย่เทียนหยู่“ไม่เป็นไร นายคุ้นเคยกับเถ้าแก่ที่นี่หรือเปล่า? ”“คุ้นเคยสิครับ คุ้นเคยมากด้วย”“หาคนช่วยฉันจับตาดูห้องนี้เอาไว้ อีกเดี๋ยวถ้ามีผู้หญิงเข้ามาแล้ว จำไว้ว่าต้องมาบอกให้ฉันทราบโดยเร็วที่สุด”“ครับ! ”หลังจากที่จางลี่ฟังจบ เขาก็โทรหาผู้จัดการที่รับผิดชอบทันที และอธิบายทุกอย่างให้ฟังไม่นานหลังจากที่เขาเข้ามาและนั่งลง จางลี่ก็ได้รับข่าวมาทันที หลังจากที่เย่เทียนหยู่รู้เรื่องแล้ว เขาก็ลุกขึ้นและเดินออกไปทันทีภายใต้การแนะนำของหลิวเจี๋ย หลินหว่านหรูก็ตามเข้ามา และในไม่ช้าก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงที่นั่งหลัก เมื่อพิจารณาจากรูปร่างหน้าตาของเขาแล้ว เขาก็น่าจะเป็นนายน้อยฉู่ในเวลานี้ หลิวเจี๋ยก็รีบพูดด้วยความเคารพ "นายน้อยฉู่! ”นายน้อยฉู่ยังคงรักษาท่าทางของเขาไว้ มองไปที่หลินหว่านหรู แล้วพูดอย่างใจเย็น “เธอคือหลินหว่านหรูที่คุณพูดถึงอย่างงั้นน่ะเหรอ? ”“ใช่ครับ! ”“นั่งลงเถอะ” นายน้อยฉู่กล่าว“หว่านหรู มา พวกเราดื่มให้กับนายน้อยฉู่สักแก้วดีกว่า”ในเวลานี้ บนโต๊ะมีไวน์และอาหารมากมาย หล
“นั่นเป็นเพราะว่า ไวน์เหยือกนี้มีบางอย่างผิดปกติ นี่คือเหยือกยวนยาง ข้างในมีไวน์สองชนิด สามารถควบคุมไวน์ที่อยู่ข้างในได้ สามารถเลือกเทไวน์หนึ่งในนั้นได้ตามต้องการ”เย่เทียนหยู่อธิบาย“ไร้สาระ เย่เทียนหยู่ นายมาที่นี่เพื่อเล่าเรื่องรึไง? ” หลิวเจี๋ยรู้สึกลนลาน“เอาล่ะ เถียงกันพอแล้วรึยัง เจ้าหนู นายรู้ไหม พูดจาใส่ร้ายผู้อื่นต่อหน้าฉันแบบนี้ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงแค่ไหน” นายน้อยฉู่พูดอย่างเย็นชาด้วยสีหน้าโกรธเคือง“ก็แค่ของปลอม มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ” เย่เทียนหยู่เยาะเย้ยจู่ ๆ ท่าทางของนายน้อยฉู่ก็เปลี่ยนไป เขาคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมองออก มันทำให้เขาตื่นตระหนกอย่างมากแต่หลินหว่านหรูเองก็ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้น เพราะวันนี้นายน้อยฉู่คือฟางช่วยชีวิตของเธอ แล้วจะไม่ให้เธอโกรธเคืองขนาดนี้ได้อย่างไร เธอลุกขึ้นและพูดด้วยความโกรธกับเย่เทียนหยู่ “เย่เทียนหยู่ นายกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ นี่นายอยากตายมากขนาดนั้นเลยรึไง? แต่ต่อให้นายจะอยากตายจริง ๆ นายเคยนึกถึงตระกูลหลินบ้างไหม”“ฉัน……”“นายมันทำไม นายไสหัวออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ที่นี่ไม่ต้อนรับนาย” หลินหว่านหรูกลัวว่าจะไปล่วงเกินนายน้อยฉู่เ
เมื่อเห็นนายน้อยฉู่จากไปอย่างเด็ดเดี่ยวแบบนั้นแล้ว หลินหว่านรูก็หน้าซีดลง ได้แต่นั่งลงอย่างว่างเปล่าหลิวเจี๋ยถอนหายใจและพูดว่า “หว่านหรู ผมไม่ได้จะตำหนิคุณนะ แต่ทำไมคุณถึงยังเข้าไปพัวพันกับคนอย่างเย่เทียนหยู่อยู่อีก? ตราบใดที่ยังมีเขาอยู่ ช้าเร็วเขานั่นแหละที่อาจจะทำร้ายคุณได้”“ไม่ใช่สิ ตอนนี้เขาก็ได้ทำร้ายคุณไปแล้ว”“ฉันเองก็คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะโผล่มา” หลินหว่านหรูรู้สึกหดหู่มาก และถามออกไปว่า “นายน้อยหลิว คุณพอจะคิดหาวิธีอื่นได้อีกไหมคะ? ”“ผมขอลองคิดดูก่อนก็แล้วกัน”หลิวเจี๋ยเข้าใจดี ว่าวันนี้หากมีเย่เทียนหยู่อยู่ด้วย เขาก็จะไม่ประสบความสำเร็จแน่ อาจจะต้องปรับเปลี่ยนแผนการหน่อย“คุณอยู่ที่นี่รอผมนะ ผมจะลองตามไปดู”“ได้ค่ะ! ”หลินหว่านหรูกลัวว่านายน้อยฉู่จะไม่ต้องการพบเธออีก ดังนั้นเธอจึงได้แต่นั่นรอขณะที่หลิวเจี๋ยกำลังจะลงไปชั้นล่าง เขาก็เห็นเย่เทียนหยู่ เขาพูดถูก เย่เทียนหยู่กำลังจับตาดูเขาอยู่ตลอด หากอยู่ที่นี่วันนี้แผนที่วางไว้ก็จะไม่มีทางสำเร็จแน่นี่ทำให้ในใจเขาเต็มไปด้วยความโกรธเมื่อไม่มีหลินหว่านหรูอยู่ข้าง ๆ หลิวเจี๋ยก็ไม่อ่อนโยนเหมือนปกติอีกต่อไป และพูดอย่
“เฮ้อ เย่เทียนหยู่เองก็ทำเกินไปจริง ๆ แต่ยังไงเขาก็ไม่ได้มีเจตนาเลวร้ายอะไรเลย แค่บางทีเขาอาจจะอิจฉาและเข้าใจเราผิดไปก็เท่านั้น” หลินหว่านหรูไม่รู้ว่าทำไม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะอธิบายเพื่อเย่เทียนหยู่“จนถึงตอนนี้ คุณยังหาเหตุผลเพื่อเข้าข้างเขาอีกเหรอ? ”“ผมจะบอกอะไรคุณให้นะ ขืนคุณยังไม่กำจัดคนแบบนี้ออกไปจากชีวิต ช้าเร็วก็จะถูกเขาทำร้ายในสักวัน ไม่สิ ตอนนี้ก็ถูกเขาทำร้ายไปแล้วนี่” หลิวเจี๋ยโกรธมากหลินหว่านหรูยิ้มอย่างขมขื่น ในเวลานี้ปู่ของเธอโทรมาถามถึงความคืบหน้าของเรื่องนี้ ด้วยความสิ้นหวัง เธอเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอธิบายอย่างตรงไปตรงมาว่าเกิดอะไรขึ้นนายท่านโกรธมากในตอนแรก แต่ไม่นานก็ถอนหายใจ บางที นี่อาจเป็นชะตากรรมก็ได้จากนั้นเธอก็กลับไปทานอาหารเย็น พอดีกับที่ครอบครัวได้มีโอกาสพูดคุยเรื่องนี้กันอีกครั้ง แม้แต่หลิวเจี๋ยเองก็ได้รับเชิญให้กลับไปด้วย หลิวเจี๋ยเองก็มีความสุขมากที่ได้ไปด้วยหลังจากกลับไปแล้ว ทุกคนต่างก็พูดดูถูกเย่เทียนหยู่ จากนั้นจึงกล่าวชมเชยหลิวเจี๋ยในทุก ๆ เรื่องอาหารมื้อนี้ หลิวเจี๋ยทานได้อย่างมีความสุขมากหลังจากที่เย่เทียนหยู่และหลินหว่านรู่แยกจาก
“เจ้าหนู ยังถือว่าแกพอจะฉลาดอยู่บ้าง” ซาป้าเทียนพูดอย่างเย็นชาทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ทุกคนในตระกูลหลินก็ตกตะลึงและหน้าซีดเผือดกันหมด คิดไม่ถึงเลยว่าชายชราที่อยู่ตรงหน้าหรือก็คือซาป้าเทียน ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงผู้ทรงพลังที่โด่งดังในเมืองเทียนไห่หลินจื่อตงเพิ่งจะออกมา เลยไม่รู้ชื่อเสียงของซาป้าเทียนผู้นี้ หลังจากที่โดนโจมตี ก็กลับทำให้เขาโกรธมาก จนเกือบจะพ่นคำด่าออกไป แต่นายท่านหลินก็ได้หยุดเขาเอาไว้ก่อนสีหน้าของนายท่านหลินดูไม่สบอารมณ์อย่างมาก ในที่สุดซาป้าเทียนก็ไล่ตามมาถึงที่จนได้ แถมยังป่าวประกาศว่าต้องการตัวลูกสาวของตนอีกจะทำยังไงดี ตอนนี้จะทำยังไงดีซาป้าเทียนเหลือบมองทุกคนอย่างเย็นชา และพูดว่า “พวกแกฟังไว้ดี ฉันคือซาป้าเทียน วันนี้ที่ฉันมาที่นี่ ก็มีแค่จุดประสงค์เดียวเท่านั้น ก็คือตามหาคนที่ทำร้ายคนของตระกูลซา”“ดังนั้น ตราบใดที่พวกแกตอบคำถามของฉันอย่างตรงไปตรงมา ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย แต่ถ้าไม่ล่ะก็ ฉันรับประกันได้เลย ว่าวันนี้ในปีหน้า มันจะกลายเป็นวันระลึกถึงพวกแกแทน”“ใช่ ใช่ หากอาจารย์ซามีอะไรอยากจะถามก็เชิญถามมาได้เลย ไม่ว่ายังไง หากเป็นสิ่งที่พวกเรารู้
หลิวเจี๋ยรู้สึกหวาดกลัวมาก และต้องการที่จะปกป้องตัวเองหลินจื่อตงก็โกรธขึ้นทันที และพูดออกไปเสียงดัง “ใช่แล้ว เป็นนายน้อยหลิวนั่นแหละ คุณรู้ไหมว่านายน้อยหลิวเป็นใคร เขาเป็นถึงนายน้อยของตระกูลหลิว เป็นนายน้อยของฉีเฟยกรุ๊ป กล้ายั่วโมโหเขา ฉันว่าแม้แต่คำว่าตายแกยังสะกดไม่ถูกด้วยซ้ำ”เวรเอ้ย!ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา หลิวเจี๋ยก็เกือบจะทรุดตัวลง เขาจึงพูดด้วยความกลัว “ไม่ใช่ มันไม่ใช่อย่างนั้น...... ”“นายน้อยหลิว คุณเป็นอะไรไป ทำไมคุณต้องกลัวเขาด้วย เขาทำให้พวกเราไม่พอใจขนาดนี้ คุณก็แค่เชิญคนใหญ่คนโตมา ในพวกเขาได้รู้ว่ายังมีคนที่อยู่เหนือกว่าพวกเขาอยู่”หลินจื่อตงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ“หุบปาก ฉันสั่งให้แกหุบปากเดี๋ยวนี้! ”หลิวเจี๋ยแทบจะจะหลั่งน้ำตาออกมา เขาจึงตะคอกด้วยความโกรธนายท่านหลินเองก็พูดอย่างเร่งรีบ “จื่อตง หยุดพูดได้แล้ว ท่านนี้คืออาจารย์ซา เป็นถึงปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่”“เป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แล้วยังไง ตอนนี้เราอยู่ในสังคมแบบไหนกันแล้ว ทักษะศิลปะการต่อสู้ของเขาน่าทึ่งมากรึไง แค่โทรศัพท์จากนายน้อยหลิวเพียงสายเดียว ก็ทำให้เขาตายฝังดินได้ภายในไม่กี่นาที”หลังจากพูดจบ
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา หลิวเจี๋ยก็กังวลมากจนแทบจะผายลมเรออยู่ตรงนั้นเมื่อซาป้าเทียนได้ยินดังนั้น เขาก็โกรธขึ้นทันที และพูดอย่างโกรธแค้น “เจ้าหนู ที่แท้ก็เป็นแกที่บุกเข้าไปในโรงพยาบาล และทำร้ายลูกสะใภ้ของฉัน ฉันจะฆ่าแกทิ้งซะ! ”ทันทีที่เขาพูดจบ ก่อนที่หลิวเจี๋ยจะทันได้ตอบสนอง เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก ตัวคนได้ลอยออกไปชนกับเสา แล้วล้มลงกับพื้นรู้สึกเหมือนอวัยวะภายในทั้งหมดกำลังย้ายที่แต่ตอนนี้เขาแทบจะไม่สนใจความเจ็บปวดในร่างกายของเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะความกลัวทางจิตทำให้เขาสิ้นหวังมากกว่า เขาคุกเข่าลงอีกครั้งและร้องขอความเมตตา “ไม่ใช่ ไม่ใช่จริง ๆ เรื่องพวกนี้ผมไม่ได้ทำจริง ๆ”“จริงอยู่ที่ตระกูลหลิวของผมพอจะมีกำลังอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีความสามารถที่จะทำแบบนั้นได้”“ก็จริงอยู่ที่ว่าไม่มีความสามารถที่จะทำแบบนั้นได้ แต่ไม่ใช่ว่าแกยังมีบริษัทที่กำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์คอยสนับสนุนอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ใช้สิทธิ์ในผู้ถือหุ้นของแกเชิญคนใหญ่คนโตมาล่ะ? ” ซาป้าเทียนพูดอย่างเย็นชา “หรือที่จริงแล้ว ที่พวกนั้นพูดมาทั้งหมด เป็นเรื่องโกหกอย่างงั้นน่ะเหรอ? ”“แน่นอนว่าเป็นเรื่องโกหกครั
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก
หลังจากวางสาย เย่เทียนหยู่ก็เดินทางไปยังบ้านพักของตระกูลหยางและแจ้งให้หยางเฉียนเฉียนทราบด้วยตัวเองว่าปัญหาแก้ไขแล้ว หรือให้พูดตามตรงก็คือ เขาไม่อยากทำให้เธอต้องเสียใจวินาทีแรกที่หยางเฉียนเฉียนได้ยิน เธอก็ยินยอมรับปากเย่เทียนหยู่ สำหรับเธอขอแค่พี่เย่มีความสุขเธอก็มีความสุขต่อมาแม้เธอจะผิดหวังอยู่บ้าง ที่สุดท้ายเธอไม่ได้ลงเอยกับพี่เย่ แต่อย่างน้อยเธอก็ได้จัดงานแต่งงานที่สมบูรณ์แบบกับเขา และยังได้รับใบทะเบียนสมรสกับเขาด้วยหยางต้าฝูดูหดหู่มากกว่า เขาได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นดูเหมือนว่า ความมั่งคั่งมหาศาลนั่น จะไม่ใช่ของตระกูลหยางของพวกเขาหลังจากจัดการเรื่องนี้แล้ว เย่เทียนหยู่ก็ขับรถกลับไปที่วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่งแต่ทันทีที่เขามาถึงหน้าประตู เขาก็พบแขกที่ไม่ได้รับเชิญสองคนถูกเขาลงโทษไปแล้ว เจ้าโง่นั่นก็ไม่ยอมแพ้แถมยังตามเขามาถึงที่นี่ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาคงไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกใช่มั้ย!เดี๋ยวก่อน หลิวเมิ่งก็อยู่ที่นี่ด้วย แม้ว่าจะน่ารำคาญเล็กน้อย แต่เธอกับหว่านหรูก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันพวกเขาทั้งสองเห็นเย่เทียนหยู่แล้วรีบรุดหน้ามาทันที
ใบหน้าของหลินหว่านหรูแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีเล็กน้อย เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืน เธอรู้สึกถึงความปรารถนาที่อธิบายไม่ได้ในใจ“เฮ้ คุณบอกว่าคุณต้องการมันมากใช่ไหม” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ดี เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากแก้ไขปัญหานี้ไม่อย่างนั้น เขารู้สึกจริง ๆ ว่าเขาเป็นหนี้หยางเฉียนเฉียนมากจนเขาไม่รู้ว่าจะเผชิญมันยังไง ในอนาคต“อะไรนะ ฉันจะมีอารมณ์คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง” ในเวลานี้ หลินหว่านหรูรู้สึกเหนื่อยมากเมื่อเธอคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น“เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น ตระกูลสวี่มาที่นี่หรือเปล่า” เย่เทียนหยู่ถาม ปัจจุบัน ตระกูลหลินควรจะมีเพียงธุรกิจของ หลินจื่อตงเท่านั้น“นั่นไม่เป็นความจริง แต่ตระกูลสวี่และตระกูลซุนตกลงกันว่าพ่อแม่ทั้งสองจะหมั้นกันในวันพรุ่งนี้ เราจะรอจนกว่าจะเลือกวันอันเป็นมงคลอื่นก่อนจึงจะจัดงานแต่งงานอย่างเป็นทางการ”“แล้วจื่อตงก็เริ่มวิตกกังวล พรุ่งนี้เขาต้องไปเยี่ยมตระกูลสวี่เขาบอกว่าแม้ว่าเขาจะตาย เขาก็จะไม่ปล่อยให้สวี่เจียเจียหมั้นหมายกับตระกูลซุนเลย” หลินหว่านหรูกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ในความเป็นจริง เขารู้สึกว่าทั้งสองฝ่ายเพิ่งหมั้นกันและ
หลินหว่านหรูขมวดคิ้วทันที มาจนถึงตอนนี้แล้วทำไมแม่เธอยังไม่ได้สติอีก ถ้าแม่เธอยังเป็นอยู่แบบนี้ ต่อให้เย่เทียนหยู่กลับมา จะช้าเร็วก็คงเกิดปัญหาอยู่ดีเมื่อแม่ตระกูลหลินเห็นหน้าตาของลูกสาว เธอก็รำคาญทันที “สายตาอะไรของลูกฮะ หรือแกจะทนดูน้องชายตัวเองตายไปทั้งแบบนี้รึไง”คุณปู่ตระกูลหลินเองก็รีบ “หว่านหรู ไม่ว่ายังไงก็ น้องก็คอยสนับสนุนหลานมาโดยตลอด หลานต้องช่วยเขานะ”“ใช่ หว่านหรู ลูกต้องช่วยจื่อตงนะ” หลินหงรีบพูดเสริมหลินจื่อตงเปิดปาก เขาไม่ต้องการรบกวนพี่สาว เพราะมีหลายเรื่องเกิดขึ้นในช่วงนี้ แถมความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลกับพี่เขยก็จบลงไปแล้วแต่เขาไม่อยากเสียสวี่เจียเจียไปเลยจริง ๆเมื่อมองดูสายตาของคนในตระกูล หลินหว่านหรูรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งและพูดว่า “คิดว่าหนูจะไม่ช่วยจื่อตงเหรอคะ”คุณปู่ตระกูลหลินดูไม่ค่อยดีนัก แต่หลินจื่อตงก็พูดทันที “พี่ อย่าฟังคุณปู่กับทุกคนเลยครับ ผมเชื่อพี่อยู่แล้ว ถ้าพี่ไม่สะดวกจริง ๆ ผมจะไปเองครับ”“นายก็ยังไม่เชื่อพี่อยู่ดี”หลินหว่านหรูโกรธ เธอหันหลังกลับและเดินกลับห้องด้วยความโมโหคุณปู่ตระกูลหลินและคนอื่นๆ ที่ถูกทิ้งไว้ มองหน้ากันอย่างไม่เช
“แต่เธอจะมาที่นี่เร็วๆ นี้”“โอเค ถ้างั้นผมจะรอ”ตอนนี้ ขอแค่แม่ของเขาสบายดีแล้ว เย่เทียนหยู่ก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น แต่เขากังวลว่าตอนนี้แม่ของเขาเป็นอิสระแล้วจริง ๆ หรือเปล่า“ผมขอยืนยันอีกที พวกคุณไม่ขอให้ผมจดทะเบียนกับหยางเฉียนเฉียนแล้วใช่มั้ย” เย่เทียนหยู่ถามย้ำ“ใช่!”“โอเค ถ้างั้นผมไปละ!”เย่เทียนหยู่จากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ แม้ว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาจะมีเสน่ห์มากและดูเหมือนเธอจะไม่ได้ต่อต้านการการลุกล้ำของเขาเลยด้วยซ้ำจูเก่อหลิวหลีตกอยู่ในอาการมึนงง นี่เขา ออกไปแล้วเหรอตัวเธอมีเสน่ห์ไม่พอเลยหรือไงนี่เป็นครั้งแรกที่เธอสงสัยในความสวยของตัวเอง!เธอรู้สึกมาโดยตลอดว่าถ้าเธอเต็มใจ ก็คงไม่มีใครต้านทานเสน่ห์ของเธอได้ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่ โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น ท่านผู้หญิงของเธอโทรมา“ท่านผู้หญิง ฉันขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน” จูเก่อหลิวหลีรับสายและพูดทันที“ไม่เป็นไร!”“ฉันเพิ่งรู้ว่าเทียนหยู่ได้รับพลังลมปราณซวนหมิงของหยางเฉียนเฉียนมาแล้ว เพราะงั้นเขาจะอยู่กับหยางเฉียนเฉียนหรือไม่ก็ไม่สำคัญ”ท่านผู้หญิงตอบ“พลังลมปราณซวนหมิงนั่นคืออะไรคะ” จูเก่อหลิวหลีไม่เคยรู้