“ไม่มีปัญหา” หลินหว่านหรูตอบอย่างรวดเร็ว“ได้ งั้นก็ตกลงตามนี้ อ่อ ใช่แล้ว ครั้งนี้คุณอาจจะต้องเตรียมเงินหรือของมีค่าบางส่วนเอาไว้ด้วยนะ พวกเราอาจจะต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยของบางอย่าง”หลิวเจี๋ยเตือน“อืม เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง”ยิ่งพูดมาแบบนี้ หลินหว่านหรูก็ยิ่งเชื่อในความถูกต้องของมันมากขึ้นเท่านั้นยังไงซะ ทุกคนในโลกต่างก็สนใจแต่เรื่องของผลกำไร จะมีใครบ้างล่ะที่จะทำอะไรโดยไม่หวังผลกำไรสายโทรศัพท์ถูกตัดทันที โดยที่ไม่รอให้หลินหว่านหรูพูด หลิวอวิ๋นซิ่ว แม่ตระกูลหลินรีบพูดขึ้นว่า “ฉันว่าแล้ว เรื่องพวกนี้ยังไงก็ต้องพึ่งนายน้อยหลิว นายน้อยหลิวต่างหากถึงจะเป็นดาวนำโชคของตระกูลหลินเรา คอยช่วยพวกเราครั้งแล้วครั้งเล่า”“นั่นสิ ลองคิดดูสิ แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ผ่านมา นายน้อยหลิวช่วยพวกเราเอาไว้แล้วตั้งกี่ครั้ง ไม่เหมือนตัวปัญหาอย่างเย่เทียนหยู่นั่น ดีแต่นำพาความชิปหายมาให้พวกเราอยู่ตลอด”“หว่านหรู เธอเห็นไหม ยังไงก็ต้องเป็นนายน้อยหลิว ต่อไปต้องพิจารณานายน้อยหลิวไว้บ้างได้แล้วนะ” หลินหงกล่าว“อืม! ”หลินหว่านหรูตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ แล้วพูดว่า “แต่ยังไงสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการเตรี
“คุณชายเย่ ผมไม่รู้จะขอบคุณยังไงจริง ๆ ต่อจากนี้ไป หากคุณมีอะไรที่จะสั่ง ก็สามารถสั่งการผมได้เสมอ ต่อให้จะต้องปีนขึ้นไปบนภูเขาดาบ หรือต้องลงไปในกระทะน้ำมันก็ตาม ผมก็จะทำให้สำเร็จอย่างแน่นอน”จางลี่พูดอย่างมั่นใจ“เอาล่ะ อย่างนายเนี่ยนะ เวลาเจอเรื่องอันตราย ก็ไม่รู้ว่าวิ่งหนีหายไปซ่อนที่ไหนแล้ว” เย่เทียนหยู่ส่ายหัวแล้วพูดต่อว่า “ต่อไป ก็พาคนของนายมาช่วยฉันเถอะ”“จริงเหรอครับ เยี่ยมไปเลยครับ ต่อไปก็สั่งการได้เต็มที่เลยครับ! ” จางลี่กล่าวทันทีแม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ก็ได้เห็นพลังและความน่ากลัวของคุณชายเย่ครั้งแล้วครั้งเล่าแค่ทักษะทางการแพทย์เพียงอย่างเดียวนี้ก็ไม่มีใครในโลกสามารถเทียบได้แล้ว หากติดตามคนแบบนี้ อนาคตก็จะสดใสแน่นอน“อย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไป เมื่อมาทำงานให้ฉันแล้ว แต่นายก็ห้ามไปทำเรื่องอะไรที่มันผิดต่อกฎหมายเด็ดขาด”“คุณชายโปรดวางใจ คุณพูดอะไร เราก็จะทำแบบนั้น”“ดี จำสิ่งที่นายพูดเอาไว้ให้ดี ไม่อย่างนั้นล่ะก็ การลงมือของฉันนายเองก็รูดีนี่”หลังจากที่เย่เทียนหยู่เตือนเสร็จ เขาก็ถามว่า “ทำไมนักฆ่าถึงต้องการสังหารนาย? ”เมื่อเขาพูดถึงเรื่องนี้ จางลี่ก็กัดฟั
“นั่นเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของคุณแล้ว ผมเกรงว่าคงมีแค่นักฆ่าห้าอันดับแรกของโลกเท่านั้นถึงจะเทียบเคียงได้ ผมจะไปมีความสามารถทำร้ายคุณได้อย่างไร”“นายผิดแล้ว”เย่เทียนหยู่ส่ายหัว“ผิดงั้นเหรอครับ? ”หรือว่าความแข็งแกร่งของดาวตกไม่สามารถรับมือกับห้าอันดับแรกได้?พอมาลองคิดดูแล้วก็ใช่ แม้ว่าเรื่องที่เขาทำมันจะสุดยอดมากแค่ไหนก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นการลอบสังหาร ซึ่งแตกต่างจากการเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัว“อืม นักฆ่าห้าอันดับแรกพวกนั้น ยกเว้นอันดับแรกที่อาจจะต้องใช้แรงมากหน่อย ส่วนที่เหลือ ต่อให้ลงมือพร้อมกัน ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันอยู่ดี” เย่เทียนหยู่พูดด้วยท่าทีที่ราบเรียบ“......”“นี่นับเป็นครั้งที่สามแล้วที่เราได้เจอกัน ใช่หรือเปล่า? ”“ใช่ครับ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตผมไว้ในสองครั้งแรก ส่วนครั้งนี้ ผมยิ่งรู้สึกละอายใจมากกว่าเดิมอีกครับ”“เราถูกลิขิตให้มาพบกัน ส่วนนี่ ให้นายนะ” เย่เทียนหยู่หยิบหนังสือออกมา แล้วโยนมันไปให้เขาทันทีในฐานะราชามังกรแห่งด่านหลงเหมิน บวกกับที่เขาเองก็เคยได้รับโอกาสมาเช่นกัน สิ่งที่มีก็คือทรัพยากร“มันคืออะไรเหรอครับ! ”นักฆ่าหมายเลข
“คุณชาย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”จางลี่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังชี่ในตัวของเย่เทียนหยู่“ไม่เป็นไร นายคุ้นเคยกับเถ้าแก่ที่นี่หรือเปล่า? ”“คุ้นเคยสิครับ คุ้นเคยมากด้วย”“หาคนช่วยฉันจับตาดูห้องนี้เอาไว้ อีกเดี๋ยวถ้ามีผู้หญิงเข้ามาแล้ว จำไว้ว่าต้องมาบอกให้ฉันทราบโดยเร็วที่สุด”“ครับ! ”หลังจากที่จางลี่ฟังจบ เขาก็โทรหาผู้จัดการที่รับผิดชอบทันที และอธิบายทุกอย่างให้ฟังไม่นานหลังจากที่เขาเข้ามาและนั่งลง จางลี่ก็ได้รับข่าวมาทันที หลังจากที่เย่เทียนหยู่รู้เรื่องแล้ว เขาก็ลุกขึ้นและเดินออกไปทันทีภายใต้การแนะนำของหลิวเจี๋ย หลินหว่านหรูก็ตามเข้ามา และในไม่ช้าก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงที่นั่งหลัก เมื่อพิจารณาจากรูปร่างหน้าตาของเขาแล้ว เขาก็น่าจะเป็นนายน้อยฉู่ในเวลานี้ หลิวเจี๋ยก็รีบพูดด้วยความเคารพ "นายน้อยฉู่! ”นายน้อยฉู่ยังคงรักษาท่าทางของเขาไว้ มองไปที่หลินหว่านหรู แล้วพูดอย่างใจเย็น “เธอคือหลินหว่านหรูที่คุณพูดถึงอย่างงั้นน่ะเหรอ? ”“ใช่ครับ! ”“นั่งลงเถอะ” นายน้อยฉู่กล่าว“หว่านหรู มา พวกเราดื่มให้กับนายน้อยฉู่สักแก้วดีกว่า”ในเวลานี้ บนโต๊ะมีไวน์และอาหารมากมาย หล
“นั่นเป็นเพราะว่า ไวน์เหยือกนี้มีบางอย่างผิดปกติ นี่คือเหยือกยวนยาง ข้างในมีไวน์สองชนิด สามารถควบคุมไวน์ที่อยู่ข้างในได้ สามารถเลือกเทไวน์หนึ่งในนั้นได้ตามต้องการ”เย่เทียนหยู่อธิบาย“ไร้สาระ เย่เทียนหยู่ นายมาที่นี่เพื่อเล่าเรื่องรึไง? ” หลิวเจี๋ยรู้สึกลนลาน“เอาล่ะ เถียงกันพอแล้วรึยัง เจ้าหนู นายรู้ไหม พูดจาใส่ร้ายผู้อื่นต่อหน้าฉันแบบนี้ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงแค่ไหน” นายน้อยฉู่พูดอย่างเย็นชาด้วยสีหน้าโกรธเคือง“ก็แค่ของปลอม มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ” เย่เทียนหยู่เยาะเย้ยจู่ ๆ ท่าทางของนายน้อยฉู่ก็เปลี่ยนไป เขาคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมองออก มันทำให้เขาตื่นตระหนกอย่างมากแต่หลินหว่านหรูเองก็ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้น เพราะวันนี้นายน้อยฉู่คือฟางช่วยชีวิตของเธอ แล้วจะไม่ให้เธอโกรธเคืองขนาดนี้ได้อย่างไร เธอลุกขึ้นและพูดด้วยความโกรธกับเย่เทียนหยู่ “เย่เทียนหยู่ นายกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ นี่นายอยากตายมากขนาดนั้นเลยรึไง? แต่ต่อให้นายจะอยากตายจริง ๆ นายเคยนึกถึงตระกูลหลินบ้างไหม”“ฉัน……”“นายมันทำไม นายไสหัวออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ที่นี่ไม่ต้อนรับนาย” หลินหว่านหรูกลัวว่าจะไปล่วงเกินนายน้อยฉู่เ
เมื่อเห็นนายน้อยฉู่จากไปอย่างเด็ดเดี่ยวแบบนั้นแล้ว หลินหว่านรูก็หน้าซีดลง ได้แต่นั่งลงอย่างว่างเปล่าหลิวเจี๋ยถอนหายใจและพูดว่า “หว่านหรู ผมไม่ได้จะตำหนิคุณนะ แต่ทำไมคุณถึงยังเข้าไปพัวพันกับคนอย่างเย่เทียนหยู่อยู่อีก? ตราบใดที่ยังมีเขาอยู่ ช้าเร็วเขานั่นแหละที่อาจจะทำร้ายคุณได้”“ไม่ใช่สิ ตอนนี้เขาก็ได้ทำร้ายคุณไปแล้ว”“ฉันเองก็คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะโผล่มา” หลินหว่านหรูรู้สึกหดหู่มาก และถามออกไปว่า “นายน้อยหลิว คุณพอจะคิดหาวิธีอื่นได้อีกไหมคะ? ”“ผมขอลองคิดดูก่อนก็แล้วกัน”หลิวเจี๋ยเข้าใจดี ว่าวันนี้หากมีเย่เทียนหยู่อยู่ด้วย เขาก็จะไม่ประสบความสำเร็จแน่ อาจจะต้องปรับเปลี่ยนแผนการหน่อย“คุณอยู่ที่นี่รอผมนะ ผมจะลองตามไปดู”“ได้ค่ะ! ”หลินหว่านหรูกลัวว่านายน้อยฉู่จะไม่ต้องการพบเธออีก ดังนั้นเธอจึงได้แต่นั่นรอขณะที่หลิวเจี๋ยกำลังจะลงไปชั้นล่าง เขาก็เห็นเย่เทียนหยู่ เขาพูดถูก เย่เทียนหยู่กำลังจับตาดูเขาอยู่ตลอด หากอยู่ที่นี่วันนี้แผนที่วางไว้ก็จะไม่มีทางสำเร็จแน่นี่ทำให้ในใจเขาเต็มไปด้วยความโกรธเมื่อไม่มีหลินหว่านหรูอยู่ข้าง ๆ หลิวเจี๋ยก็ไม่อ่อนโยนเหมือนปกติอีกต่อไป และพูดอย่
“เฮ้อ เย่เทียนหยู่เองก็ทำเกินไปจริง ๆ แต่ยังไงเขาก็ไม่ได้มีเจตนาเลวร้ายอะไรเลย แค่บางทีเขาอาจจะอิจฉาและเข้าใจเราผิดไปก็เท่านั้น” หลินหว่านหรูไม่รู้ว่าทำไม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะอธิบายเพื่อเย่เทียนหยู่“จนถึงตอนนี้ คุณยังหาเหตุผลเพื่อเข้าข้างเขาอีกเหรอ? ”“ผมจะบอกอะไรคุณให้นะ ขืนคุณยังไม่กำจัดคนแบบนี้ออกไปจากชีวิต ช้าเร็วก็จะถูกเขาทำร้ายในสักวัน ไม่สิ ตอนนี้ก็ถูกเขาทำร้ายไปแล้วนี่” หลิวเจี๋ยโกรธมากหลินหว่านหรูยิ้มอย่างขมขื่น ในเวลานี้ปู่ของเธอโทรมาถามถึงความคืบหน้าของเรื่องนี้ ด้วยความสิ้นหวัง เธอเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอธิบายอย่างตรงไปตรงมาว่าเกิดอะไรขึ้นนายท่านโกรธมากในตอนแรก แต่ไม่นานก็ถอนหายใจ บางที นี่อาจเป็นชะตากรรมก็ได้จากนั้นเธอก็กลับไปทานอาหารเย็น พอดีกับที่ครอบครัวได้มีโอกาสพูดคุยเรื่องนี้กันอีกครั้ง แม้แต่หลิวเจี๋ยเองก็ได้รับเชิญให้กลับไปด้วย หลิวเจี๋ยเองก็มีความสุขมากที่ได้ไปด้วยหลังจากกลับไปแล้ว ทุกคนต่างก็พูดดูถูกเย่เทียนหยู่ จากนั้นจึงกล่าวชมเชยหลิวเจี๋ยในทุก ๆ เรื่องอาหารมื้อนี้ หลิวเจี๋ยทานได้อย่างมีความสุขมากหลังจากที่เย่เทียนหยู่และหลินหว่านรู่แยกจาก
“เจ้าหนู ยังถือว่าแกพอจะฉลาดอยู่บ้าง” ซาป้าเทียนพูดอย่างเย็นชาทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ทุกคนในตระกูลหลินก็ตกตะลึงและหน้าซีดเผือดกันหมด คิดไม่ถึงเลยว่าชายชราที่อยู่ตรงหน้าหรือก็คือซาป้าเทียน ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงผู้ทรงพลังที่โด่งดังในเมืองเทียนไห่หลินจื่อตงเพิ่งจะออกมา เลยไม่รู้ชื่อเสียงของซาป้าเทียนผู้นี้ หลังจากที่โดนโจมตี ก็กลับทำให้เขาโกรธมาก จนเกือบจะพ่นคำด่าออกไป แต่นายท่านหลินก็ได้หยุดเขาเอาไว้ก่อนสีหน้าของนายท่านหลินดูไม่สบอารมณ์อย่างมาก ในที่สุดซาป้าเทียนก็ไล่ตามมาถึงที่จนได้ แถมยังป่าวประกาศว่าต้องการตัวลูกสาวของตนอีกจะทำยังไงดี ตอนนี้จะทำยังไงดีซาป้าเทียนเหลือบมองทุกคนอย่างเย็นชา และพูดว่า “พวกแกฟังไว้ดี ฉันคือซาป้าเทียน วันนี้ที่ฉันมาที่นี่ ก็มีแค่จุดประสงค์เดียวเท่านั้น ก็คือตามหาคนที่ทำร้ายคนของตระกูลซา”“ดังนั้น ตราบใดที่พวกแกตอบคำถามของฉันอย่างตรงไปตรงมา ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย แต่ถ้าไม่ล่ะก็ ฉันรับประกันได้เลย ว่าวันนี้ในปีหน้า มันจะกลายเป็นวันระลึกถึงพวกแกแทน”“ใช่ ใช่ หากอาจารย์ซามีอะไรอยากจะถามก็เชิญถามมาได้เลย ไม่ว่ายังไง หากเป็นสิ่งที่พวกเรารู้
“อย่าลืมสิ คุณเป็นคนพูดเองนะ ว่าตระกูลซุนสามารถทำลายตระกูลสวี่ของพวกเราได้ในพริบตา หากตระกูลที่แข็งแกร่งขนาดนี้ยังจัดการไม่ได้ แล้วพวกเราจะจัดการได้ยังไง”“คุณ!”แม่ตระกูลซุนโกรธมาก แต่โชคดีที่ในขณะนั้น ในที่สุดอาจารย์จูก็หยุดมือแล้ว แม้ว่าเย่เทียนหยู่จะไม่ได้สั่งให้หยุด แต่เขาก็ไม่กล้าทำต่อไปอีกอยู่ดีขืนยังทุบตีต่อ เขาได้ตายจริง ๆ แน่ หากเขาตาย ตนก็คงจบเห่ไปด้วยแต่ในตอนนี้ ใบหน้าของผู้นำตระกูลซุนก็ได้บวมจนเหมือนหัวหมูไปแล้ว แทบมองไม่เห็นโครงเดิมเลยด้วยซ้ำแต่ก็ยังถือว่าโชคดี ที่เขายังสามารถลุกขึ้นยืนได้ปกติดูเหมือนว่าอาจารย์จูจะไม่ได้ตีแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เขายังพอมีขอบเขตอยู่บ้าง เพราะไม่อย่างนั้น ด้วยความแข็งแกร่งของเขา แค่สองสามทีก็สามารถทำให้ซุนต้าอวี่ตายได้ในทันทีแต่ซุนต้าอวี่เองก็รู้สึกถึงความอับอายอย่างมาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธปนเศร้า ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก ที่ทำไมเขาถึงพาคนมาเพียงเท่านี้กันหากเขาเรียกตำรวจหรือคนอื่น ๆ มาที่นี่เดี๋ยวนี้ ยังจะกลัวว่าจะจัดการกับเด็กหนุ่มพวกนี้ไม่ได้อีกงั้นเหรออาจารย์จูไม่สนใจเขา และหันไปหาเย่เทียนหยู่แทน พร้อมกับพูดอย่
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา ทุกคนตกตะลึกขึ้นอีกครั้งทั้งสวี่กวงและสวี่อี้ต่างก็ตาโตปากค้างเป็นรูปตัวโอ พวกเขาคาดหวังให้เย่เทียนหยู่โชคร้ายอยู่ตลอด ทำไมจู่ ๆ ถึงได้กล่าวขอโทษได้ล่ะพ่อตระกูลสวี่และคนอื่น ๆ ยังคงยืนอึ้งกันอยู่ ไม่เข้าใจสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อพ่อตระกูลสวี่ลองนึกย้อนดู หรือว่าอาจารย์จูสัมผัสถึงความเก่งกาจของเย่เทียนหยู่ได้กันนะซุนซวี่และแม่ตระกูลซุนต่างก็มีสีหน้าที่ดูบิดเบี้ยวและน่าเกลียดอย่างมากผู้นำตระกูลซุนหน้าตาเคร่งเครียด และพูดด้วยความโกรธว่า “อาจารย์จู คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”อาจารย์จูไม่สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ เพิกเฉยต่อเขาโดยสิ้นเชิง ได้แต่ก้มหัวและโน้มตัวลง รอให้เย่เทียนหยู่พูดออกมาเย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ก่อนที่จะชี้ไปทางผู้นำตระกูลซุน แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่เลว ดีที่คุณยังรู้ตัวได้ทันเวลา เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณก็จัดการกับตาแก่นี่ให้กลายเป็นหัวหมูซะ เรื่องวันนี้ผมก็จะไม่เอาความคุณอีก”ทุกคนต่างตกใจไปชั่วขณะ ทำร้ายแม่ตระกูลซุนกับซุนซวี่ไม่พอ นี่ถึงขั้นจะทำร้ายผู้นำตระกูลซุนอีกนี่มันแทบจะพลิกโลกแล้ว!ในตอนนี้เอง ทุกคนจ้องมองไปทาง
เมื่อเห็นท่าทีของน้องชายที่แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง หลินหว่านหรูก็หันไปมองเย่เทียนหยู่ และกล่าวด้วยความซาบซึ้ง “เทียนหยู่ ขอบคุณนะ!”หากไม่มีการสั่งสอนและการชี้แนะจากเย่เทียนหยู่ น้องชายของเธอก็คงไม่มีความสามารถ ไม่มีความรับผิดชอบ และความกล้าที่ทำอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้แน่นอนเห็นได้ชัดว่า ที่น้องชายของเธอได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วง ส่วนหนึ่งก็ได้รับอิทธิพลมาจากเทียนหยู่แม้จะมีการบาดเจ็บระหว่างทางอยู่หลายครั้ง แต่หลินจื่อตงก็ไม่เคยยอมถอยเลยสักครั้ง แววตาแห่งความมุ่งมั่น เขาต่อสู้กับอีกฝ่ายคนแล้วคนเล่าอย่างไม่ย่อท้อหลังจากการต่อสู้ที่หนักหน่วง ในที่สุดคนเหล่านี้ก็ถูกโจมตีจนต้องถอยร่นกลับไปถึงแม้ว่า ด้วยพลังของเย่เทียนหยู่ อย่าว่าแต่เอาชนะพวกมือสังหารเล็ก ๆ เหล่านี้เลย เขาสามารถทำให้ร่างกายของบอดี้การ์ดเหล่านี้หายไปในพริบตาได้เลยด้วยซ้ำในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่พวกหลินหว่านหรูเท่านั้น แม้แต่พ่อแม่ตระกูลสวี่เองก็แอบพยักหน้าเงียบ ๆ แม้ว่าหลินจื่อตงจะไม่ได้เก่งกาจอะไร แต่ความมุ่งมั่นของเขาก็ไม่เคยลดลงเลยแม้แต่น้อยการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ไม่กลัวความเจ็บปวด การแส
ผู้คนรอบข้างต่างก็พากันตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนในระหว่างที่กำลังต่อสู้ ตระกูลซุนก็กลับทะเลาะกันเองขึ้นมาเสียอย่างนั้นพ่อตระกูลสวี่และคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกงงงวย เขาเริ่มไม่แน่ใจในสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว แต่ผู้ชมที่อยู่ข้าง ๆ กลับเห็นได้อย่างชัดเจน เขามักจะรู้สึกว่าเย่เทียนหยู่นั้นไม่ธรรมดา และการที่อาจารย์จูล้มลงก็อาจจะเป็นฝีมือของเขาก็ได้ในตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของสวี่กวงก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นอาจารย์ของเขาที่โทรมา เขาก็ละความสนใจจากละครฉากใหญ่ระหว่างอาจารย์จูและแม่ตระกูลซุนที่อยู่ตรงหน้าทันที ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปด้านข้างเพื่อรีบรับสายโทรศัพท์“อาจารย์ครับ!”“อืม พ่อของเธออยู่ที่บ้านไหม?” อาจารย์เฉินแห่งสำนักหมัดมวยเว่ยอู่ เพิ่งจะผ่านทางมาที่บ้านตระกูลสวี่พอดี เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคยสัญญาเอาไว้ว่าจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บภายในให้กับพ่อตระกูลสวี่ เขาจึงกะว่าแวะมาช่วยจัดการให้สักหน่อย“อยู่ครับ อยู่!”สวี่กวงพยักหน้ารัว ๆ พร้อมกับถามออกไปอย่างรีบเร่งว่า “อาจารย์มีธุระอะไรรึเปล่าครับ หากต้องการให้ผมช่วยอะไร ก็บอกมาได้เลยนะครับ”สถานะอาจารย์ถือว่าไม่ธรรมดา การได้คำนับ
พ่อตระกูลสวี่ที่เห็นฉากนี้ ก็แอบส่ายหัวเงียบ ๆเด็กคนนี้จบเห่แล้วเขาต้องตายแน่นอน!แทบทุกคนต่างก็เชื่อแบบนั้น รวมถึงสวี่เจียเจียเองก็ด้วยมีเพียงหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูสองคนเท่านั้น โดยเฉพาะหลินหว่านหรู เธอเคยเห็นการโจมตีที่แข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่มาแล้วหลายครั้ง ความเร็วแค่นี้ถือว่ากระจอกมากสำหรับเขาที่สำคัญก็คือ เย่เทียนหยู่นิ่งเฉยได้ขนาดนี้ จะต้องไม่มีปัญหาแน่นอนเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่มือขวาของเขาจะดีดถั่วเมล็ดหนึ่งเบา ๆ ให้ลอยออกไป ตาเนื้อของคนทั่วไปแทบจะมองไม่เห็นเลยด้วยซ้ำแต่ท่านอาจารย์จูกลับถูกโจมตีเข้าที่ขาอย่างกะทันหัน ทำให้เขาล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้นในทันทีเดิมทีเขายังพอจะสามารถใช้มือพยุงตัวได้ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มือของเขากลับถูกอะไรบางอย่างโจมตีจนหมดแรงไปซะดื้อ ๆจนล้มลงไปกองเหมือนหมาทันใดนั้น ทุกคนต่างก็อึ้งกันหมดพวกเขาเพียงแค่เห็นว่าอาจารย์จูพุ่งเข้าไปด้วยแรงที่ทรงพลัง มือขวาของเขาราวกับกรงเล็บ พุ่งตรงไปยังเย่เทียนหยู่ด้วยความน่าสะพรึงกลัว แต่ใครจะคิดล่ะว่า วินาทีต่อมาเขาจะเป็นแบบนี้เย่เทียนหยู่หัวเราะ ฮึ ๆ
แม่ตระกุลซุนรีบร้อนหลบหลีกอย่างเห็นได้ชัด แต่เห็น ๆ อยู่ว่าไม่สามารถหลบเมล็ดถั่วมากมายเหล่านั้นได้ จนถึงขั้นทำให้ผมบนหัวหลุดลุ่ยราวกับคนบ้าเลยทีเดียวความเจ็บปวดก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าด้วยเช่นกัน!ทันใดนั้นคุณแม่ตระกูลซุนก็ระเบิดอารมณ์ออกมา แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “ไอ้หนู แกรอก่อนเถอะ ฉันจะทำให้แกไม่ได้ตายดีแน่ ไม่ว่าใครก็ห้ามฉันไม่ได้”“ประโยคนี้อีกแล้วเหรอ หมดลูกแล้วก็ยังมีแม่อีก ต่างก็เป็นเศษสวะกันหมด”เย่เทียนหยู่ไม่เพียงแต่ไม่กลัวการข่มขู่ แต่ยังแสดงสีหน้าที่ดูไม่แยแสออกมาอีกด้วยท่าทีของคนตระกูลสวี่ดูตกใจกันอย่างสิ้นเชิง กระทั่งสวี่กวงเองก็เริ่มคาดหวังด้วยแล้วว่า อีกเดี๋ยวไอ้เด็กนี่คงได้ตายอย่างน่าสังเวชเป็นแน่ นอกจากนี้ยังทำให้เขาลืมเรื่องที่จะขอให้พ่อของเขาจัดการกับเย่เทียนหยู่ไปแล้วด้วยและในตอนนั้นเอง ก็มีคนเดินเข้ามารายงานว่า ผู้นำตระกูลซุนได้พาคนบุกเข้ามาแล้ว เมื่อพ่อตระกูลสวี่ได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ก่อนที่จะรีบเดินไปที่ประตูในช่วงเวลานั้นเอง ก็มีคนสองคนล้มลงตรงหน้าประตูอย่างแรง ซึ่งก็คือคนรับใช้ของตระกูลสวี่ในขณะเดียวกัน ก็มีชายอายุประมาณห้าสิบปีคน
“ดูจากท่าทางตึงเครียดของแกแล้ว แบบนี้ยังจะกล้ามาสู่ขอเจียเจียอยู่อีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหัว แล้วพูดว่า “ฉันก็แค่อยากจะถามแก ว่าพ่อของแกจะมาถึงเมื่อไหร่?”“เอ่อ น่าจะประมาณครึ่งชั่วโมงล่ะมั้ง” แม้ว่าตำแหน่งของพ่อแม่จะอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก แต่ก็ยังมีระยะห่างอยู่บ้างพ่อบอกแล้ว ว่าเขาจะรีบมาในทันที เห็นได้ชัด ว่าพ่อแม่ไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้คนอื่นจัดการกับเย่เทียนหยู่ แต่เขาต้องการที่จะจัดการด้วยตัวเองโดยตรง“ยังต้องรออีกนานเลยเหรอ ช้าเกินไปแล้ว”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวทุกคนต่างก็ยิ้มด้วยความขมขื่น เห็นคนที่รนหาที่ตายมาก็มาก แต่กลับไม่เคยเห็นใครที่รีบร้อนรนหาที่ตายมากขนาดนี้ พอพ่อตระกูลซุนมาถึง เกรงว่านายคงตายได้น่าสังเวชมากแน่ ๆเย่เทียนหยู่ไม่สนใจสายตาของผู้คนเลยแม้แต่น้อย เขามองไปที่โต๊ะ แล้วพูดขึ้นว่า “ในเมื่อยังต้องรออีกสักพัก ที่นี่มีผลไม้ที่น่ากินมากมายอยู่พอดีเลย”“มาเถอะ ทุกคนมานั่งกินด้วยกันเถอะ กินไปรอไป!”ขณะที่เขาพูด ตัวเขาก็ได้เดินไปนั่งเรียบร้อยแล้ว แถมยังหยิบแก้วที่ยังไม่ได้ใช้ขึ้นมารินชาอีก เขาค่อย ๆ กินถั่วที่อยู่ตรงหน้าไปเรื่อย ๆ ทั้งยังเรียกหลินจื่อตงและหลิน
สีหน้าของพ่อตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีมากนัก ยังไงซะที่นี่ก็เป็นบ้านตระกูลสวี่การที่แม่ตระกูลซุนและคุณชายซุนโดนทำร้ายในบ้านตระกูลสวี่นั้น พวกเขาตระกูลสวี่จะต้องได้รับผลกระทบแน่นอนสวี่อี้และสวี่กวงต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ พวกเขาไม่สามารถตอบสนองได้ในทันทีสองแม่ลูกตระกูลซุนโกรธจนแทบจะระเบิด โดยเฉพาะซุนซวี่ เขาพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “พวกแก ได้ตายสมใจแน่ ต่อให้เป็นพระเจ้าก็ช่วยพวกแกไม่ได้ จำคำของฉัน ซุนซวี่คนนี้เอาไว้ให้ดี!”ขณะที่พูด ซุนซวี่ก็ได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และกดโทรหาพ่อของเขาสวี่อี้ที่เห็นสถานการณ์ตรงหน้า ก็รีบพูดด้วยความโกรธขึ้นทันทีว่า “พวกแกกล้าดียังไง ถึงได้กล้าทำร้ายคุณชายซุนและคุณหญิงซุน สวี่กวง มัวยืนบื้ออะไรอยู่ รีบจัดการพวกมันซะ”หากตอนนี้ยังไม่ลงมือ รอจนคนของตระกูลซุนมาถึง พวกเขาก็อดขอความดีความชอบกันพอดี และอาจถึงขั้นโดนตระกูลซุนตำหนิเลยก็ได้ในที่สุดสวี่กวงก็ได้สติ และรีบพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “ไอ้หนู แกเป็นคนรนหาที่เองนะ อย่าโทษฉันก็แล้วกัน”ขณะที่พูด เขาก็พุ่งตรงไปทางเย่เทียนหยู่ด้วยความดุเดือดเขาได้ฝึกฝนมวยเว่ยหวู่กับอาจารย์เฉิน เจ้าของศาสตร์มานา
ซุนซวี่หัวเราะเยาะอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางดุดัน “ไอ้หนู แกรอก่อนเถอะ แกจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้อย่างแน่นอน”“พอถึงตอนนั้น ก็อย่ามาอ้อนวอนขอความเมตตาก็แล้วกัน ฮ่า ๆ......”ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของซุนซวี่ บวกกับคำพูดเหล่านั้น หลินจื่อตงยังไม่ทันจะพูดอะไร สวี่เจียเจียก็เริ่มได้สติ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “พ่อคะ นี่พ่อ......”“เจียเจีย เรื่องถัดจากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะสามารถจัดการได้ เขาเพิ่งบอกว่าเขาสามารถปกป้องตัวเองได้ใช่ไหม เช่นนั้นต่อไปก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาแล้ว” พ่อตระกูลสวี่พูดขัดขึ้นมา“จะดูความสามารถอะไรกัน เขาเป็นแค่คนที่มาจากครอบครัวธรรมดา จะเอาอะไรไปสู้กับตระกูลซุนได้” สวี่เจียเจียพูดด้วยความร้อนใจ“เจียเจีย ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ตระกูลซุนมีการดำรงอยู่แบบไหน ลูกก็เข้าใจดี พ่อของลูกสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ก็ถือว่าทุ่มความสามารถทั้งหมดที่มีของตระกูลสวี่แล้ว”คุณแม่ตระกูลสวี่พูดขึ้น พร้อมส่ายหัวว่า “หลังจากนี้ ก็ต้องดูที่ตัวเขาแล้วล่ะ หากเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ แม่ก็จะสนับสนุนให้พวกลูกคบกัน”“ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่พวกลูกสองค