เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ทูตใหญ่ก็ยิ่งงงมากขึ้นกว่าเดิมเหตุใดจูเก่อหลิวหลีถึงได้กังวลว่าจะเกิดเรื่องกับเจ้าตำหนักหยู่ขนาดนั้น โดยเฉพาะเมื่อเห็นตอนที่เธอเครียดจนต้องจับชายเสื้อเอาไว้แน่น ซึ่งมันก็ค่อนข้างที่จะเกินกว่าความเป็นห่วงแบบปกติไปมากแล้วเหตุใดท่านประมุขถึงได้มั่นใจขนาดนั้นว่าเจ้าตำหนักหยู่จะไม่เป็นไรหรือว่า?ทันใดนั้น ความคิดที่ดูเหมือนจะไร้สาระก็ผุดขึ้นในหัวของทูตใหญ่เจ้าตำหนักหยู่ก็คือเย่เทียนหยู่ คุณชายของพวกเขาหยู่เทียน เทียนหยู่!ถูกต้อง จะต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน!แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะแตกต่างกัน แต่ทูตใหญ่ก็พอจะมีความรู้อยู่บ้าง และรู้ว่ามีการปลอมตัวที่สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกได้ แต่นี่รูปร่างเองก็เปลี่ยนไปด้วยงั้นเหรอบางที ประมุขน้อยอาจจะใช้วิธีพิเศษบางอย่างก็ได้เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ทูตใหญ่ก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก ตื่นเต้นที่เห็นว่าพลังของประมุขน้อยแข็งแกร่งขนาดนี้ครั้งที่แล้วที่ต่อสู้กับชิงหลง ก็เอาชนะได้อย่างยากลำบากแต่ครั้งนี้กลับเห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งขึ้นมากแต่ว่า ก็ยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่ดี ยังไงซะ พลังของเจวี๋ยเทียนในตอนนี้แทบไม่ได้ด้วยไปกว่าชิ
ทูตใหญ่ตะโกนออกไปด้วยความร้อนใจ เพื่อที่จะแจ้งข่าวสำคัญให้ทุกคนทราบโดยทั่วกัน ว่าเจวี๋ยเทียนยังใช้เวทอาคมปีศาจคงเพิ่มพลังอย่างบ้าคลั่งไม่แปลกใจเลยที่แววตาของเขาดูโหดเหี้ยมขึ้น ใบหน้าดูบูดเบี้ยว ถึงขั้นแสดงความเจ็บปวดออกมาเลยอีกด้วยเกรงว่านี่อาจจะเกินกว่าขีดจำกัดที่เขาจะสามารถแบกรับเอาไว้ได้แล้วนอกจากนี้จะเห็นได้ว่า เจวี๋ยเทียนยังถูกเจ้าตำหนักหยู่บังคับให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าสิ้นหวังอีกด้วยเย่เทียนหยู่ได้ยินคำพูดของทูตใหญ่ แต่เขาก็ยังไม่มีการตอบสนองใด ๆ อยู่ดี เขายังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างสงบนิ่ง“เจ้าตำหนัดหยู่ รีบหยุดเขาเถอะ!”เยว่เหลียนหานเองก็สัมผัสได้เช่นกัน เธอกังวลจนแทบบ้า อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกไป“ไม่ต้องรีบ!”“ปล่อยให้เขาดูดซับไปเรื่อย ๆ!”ท่าทีของเย่เทียนหยู่ยังคงสงบนิ่ง ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบออกมาว่า “เพราะไม่อย่างนั้น เขาอาจจะไม่พอใจเอาได้”ทุกคนต่างรู้สึกหมดคำจะพูด!หมายความว่ายังไงที่บอกว่าเขาจะไม่พอใจ ปล่อยให้เขาเพิ่มพลังไปเรื่อย ๆ รู้รึเปล่าว่ากำลังพูดอะไรออกมา?หรือจะบอกว่า คุณมีความมั่นใจอย่างมากว่าตัวเองจะสามารถเอาชนะได้โดยไม่มีวันแพ้!แต่
เย่เทียนหยู่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่เขารู้สึกได้ถึงสัมผัสอันนุ่มนวลที่ฝ่ามือข้างขวา ก่อนที่เขาจะบีบมันเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว เป็นสัมผัสที่ไม่เลวเลยเมื่อเขาหันหน้าไปมอง ใบหน้าอันงดงามดุจสาวงามล่มเมืองก็เข้าสู่วิสัยทัศน์ของเขา ผิวพรรณขาวเนียนละเอียด และเปล่งปลั่งนุ่มนิ่ม“อ๊ะ…”หลินหว่านหรูถูกบีบจนตื่น ก่อนจะพบว่าเธอกำลังโป๊เปลือย เธอกรีดร้องแล้วผลักเย่เทียนหยู่ออกมือข้างหนึ่งดึงผ้าห่มไว้ และมืออีกข้างก็ถือหมอนทุบออกไปอย่างแรง“ไอ้คนชั่ว ไอ้คนลามก แกทำอะไรฉัน!”“เรื่องนั้น เหมือนจะทำไปทุกท่าเลย”“หน้าด้าน ไอ้คนไร้ยางอาย” หลินหว่านหรูทั้งอับอายทั้งโกรธ“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกมั้งครับ เมื่อคืนคุณเป็นคนเริ่มก่อนนี่” เย่เทียนหยู่น้อยเนื้อต่ำใจ“เหลวไหล ก็…”หลินหว่านหรูอยากจะเถียงแต่ก็พูดต่อไม่ออก เพราะสมองของเธอกำลังฉายภาพฉากเมื่อคืนเมื่อคืนวานเพื่อจะเก็บหนี้ก้อนโต เธอถูกคนวางยา และเมื่อพบความผิดปกติก็ใช้โอกาสหนีออกมาตอนไปเข้าห้องน้ำอีกฝ่ายพาเธอมาส่งที่ประตูโรงแรมและจะกลับออกไป แน่นอนว่าเธอเองเป็นคนรั้งเขาไว้และกระโจนใส่เขา“ฮือ ฮือ…”หลินหว่านหรูกลั้นเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป เธ
“นี่เป็นแบล็กการ์ดหลงเถิง ข้างในบัตรมีเงินอยู่ห้าร้อยล้านบาท สามารถใช้ได้ทุกร้านค้าที่อยู่ในเครือหอการค้าหลงเถิงเมืองเทียนไห่ครับ”“อีกทั้งท่านเองคงเพิ่งมาถึง น่าจะยังไม่มีที่พัก นี่เป็นบัตรคีย์การ์ดวิลล่าของโซนสกายพาเลซหนึ่งครับ ได้โปรดรับมันไว้เถอะ”“ใจกว้างดีนะครับ มีเรื่องอะไรก็ว่ามาเถอะ” เย่เทียนหยู่เผยแววตาลึกล้ำราวกับเขามองทุกอย่างออกอยู่แล้ว“ราชามังกรช่างปรีชา หยางเฉียนเฉียนลูกสาวของกระผมมักมีอาการตัวเย็นมาตลอดครึ่งปีที่ผ่านมานี้ เราหาหมอมาไม่น้อย แต่ไร้หนทางครับ” หยางต้าฝูรีบพูด“ไม่ต้องกังวล แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น รอพรุ่งนี้ผมหาเวลาว่างไปช่วยเธอรักษาก็พอแล้ว”“ยอดไปเลยครับ กระผมขอขอบคุณท่านราชามังกร!”หยางต้าฝูพูดด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็ได้สอบถามผู้คนไปทั่วสารทิศ จนในที่สุดก็ค้นพบความลับอันยิ่งใหญ่ราชามังกรหนุ่มองค์ใหม่กลายเป็นแพทย์เซียนที่เขาตามหามาแสนนานแต่หาไม่พบเสียที เป็นแพทย์เซียนที่ชอบหลบซ่อนตัวช่างเหลือเชื่อจริง ๆ ใครจะคิดว่า แพทย์เซียนในตำนานจะยังเด็กขนาดนี้ และยังเป็นราชามังกรแห่งหลงเหมินอีกด้วยหลังจากได้รับคำตอบแล้ว หยางต้าฝูมีความสุขมากเขาจึงพูดขึ
“เทียนหยู่ ตั้งแต่ปู่ได้รับสายจากแพทย์เซียนเฒ่า ปู่ก็รอหลานมาตลอดเลย ในที่สุดวันนี้หลานก็มาสักที แล้วนั่นจะยังยืนอยู่หน้าประตูทำไมเล่า?”หลังจากที่ท่านปู่ได้รับแจ้งการมาถึงและรออยู่สักพักแล้วพบว่าเขาไม่เข้าไป ท่านปู่จึงมาถึงหน้าประตูด้วยตัวเองเย่เทียนหยู่หันมองก่อนจะเรียกเขาพร้อมรอยยิ้ม “ท่านปู่หลิน!”“พวกหลานรู้จักกันรึ?” ท่านปู่มองดูหลานสาวที่อยู่ด้านข้างแล้วถามขึ้นด้วยความสงสัยสีหน้าของหลินหว่านหรูกร่อยไปเล็กน้อยในพริบตา“เจอกันตอนกลางวันน่ะครับ” เย่เทียนหยู่รีบช่วยอธิบาย“อย่างนั้นก็บังเอิญจริง ๆ บางที นี่อาจเป็นพรหมลิขิตของสวรรค์ก็ได้ พอดีวันนี้เป็นฤกษ์ดีสำหรับการแต่งงาน รอเราทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว พวกหลานก็ไปจดทะเบียนกันเถอะ” ท่านปู่หลินพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง แพทย์เซียนเฒ่ามีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นลูกศิษย์ของเขาก็น่าจะเก่งมากเช่นกันเย่เทียนหยู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่สุดท้ายเขาจะตระหนักได้ว่าสาวสวยคนนี้คือคู่หมั้นของเขา หลินหว่านหรู เขาอดไม่ได้ที่จะมองดูรูปร่างของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง โดยเฉพาะ ‘ส่วนสำคัญ’หลินหว่านหรูเองก็สังเกตเห็นสายตาลามกของเ
“ฝันไปเถอะย่ะ ต่อให้ฉันต้องไปชอบหมาตัวไหนก็คงไม่ชอบนายหรอก!”หลินหว่านหรูพูดด้วยความโมโห ชายหนุ่มที่ทั้งหล่อ รวย มีความสามารถมากกว่านายยังมีอีกตั้งเท่าไร ฉันยังไม่ถูกใจเลย แล้วจะให้ถูกใจนายเนี่ยนะ?“หว่านหรู!”ในตอนนั้นเอง ผู้หญิงหน้าตาสละสวยที่สวมชุดสุดร้อนแรงคนหนึ่งเดินเข้ามา กางเกงขาสั้นยาวถึงสะโพกกับเสื้อยืดรัดสะดือเผยให้เห็นเรียวขาและเอวเรียวบางของเธออย่างสมบูรณ์ อีกทั้งเนินขาวเนียนนั้นก็สะดุดตามากเธอเหลือบมองเย่เทียนหยู่ข้าง ๆ อย่างไม่ตั้งใจเขาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าธรรมดา ๆ แต่รูปร่างหน้าตาดีใช้ได้ แต่อย่างว่า คนบ้านนอกจากภูเขาแบบเขาไม่ว่าเขาจะใส่ชุดอะไร ก็คงเหมือนกับคางคกใส่สูทอยู่ดีเพ้อฝัน“มาสักที”หลินหว่านหรูกล่าวทักทาย ก่อนจะพูดกับเย่เทียนหยู่ “นี่คือเพื่อนสนิทของฉัน ซูถิง”เย่เทียนหยู่ยื่นมือออกแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: “สวัสดีครับ!”แต่ซูถิงไม่ชายตามองเขาเลยด้วยซ้ำ เธอจับมือของหลินว่านหรูแล้วพูดว่า “เราไปกันเถอะ นายน้อยหลิวและคนอื่น ๆ กำลังรอเราอยู่”หลินหว่านหรูพยักหน้า จากนั้นก็หันมาเรียกเขา “คุณก็มาด้วยกันสิ!”ซูถิงปรากฏตัวแค่เพียงเพื่อจัดการกับเขา ทำให้เขาลำ
ทุกคนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นี่เขากล้าขึ้นไปจริง ๆ เหรอ ก่อนจะพากันหัวเราะ“ฮ่า ๆ ฉันล่ะตลกเป็นบ้า คนบ้านนอกอย่างแกยังกล้าพูดจาอวดเบ่งขนาดนี้”“...”เย่เทียนหยู่ขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจพวกเขา เขาหยิบดาบขึ้นมาแล้วเร่งเร้า: “ยังไม่รีบอีก?”หลิวเจี๋ยรู้สึกสับสนเล็กน้อย เขาจึงเดินเข้าไปแล้วพูดว่า “แกไม่สวมอุปกรณ์ป้องกันเหรอ?”“ไม่จำเป็นหรอก”เมื่อหลิวเจี๋ยได้ยินแบบนั้นก็โกรธจัด เขายิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ดี ถ้าอีกพักแกเจ็บตัวก็อย่ามาโทษฉันภายหลังแล้วกัน” เขาคิดจะใช้โอกาสนี้ทำให้มือและเท้าของเขาพิการ“พูดมากจริงจังเลยครับ” เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วไม่ต้องพูดว่าหลิวเจี๋ยโกรธมากขนาดนั้น แต่ทุกคนต่างก็หมดคำจะพูดแค่ดูท่าถือดาบของเขา ก็มองออกเลยว่าเป็นคนนอกวงการ ดันกล้ามาอวดแบบนี้ นี่มันรนหาที่ตายชัด ๆ ไม่ใช่เหรอ?หลินหว่านหรูกังวลเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะไม่ชอบเย่เทียนหยู่ และอยากให้เขาออกจากชีวิตเธอไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่เธอก็ไม่ได้อยากให้มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับเขาซูถิงปลอบเธอทันที: “หว่านหรู ไม่ต้องกังวล ไม่เป็นไรหรอกหน่า นายน้อยหลิวมีทักษะมากและก็รู้จักขอบเขตด้วย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาหรอก”หลินห
“?”ความสนใจของทุกคนถูกดึงดูดเหมือนกันหมด“พวกคุณคงไม่รู้สินะ ว่าคืนนี้ประธานหยางแห่งหอการค้าหลงเถิงจะจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำด้วยตนเองเพื่อเป็นเกียรติแก่แขกคนสำคัญ”“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ เป็นคนใหญ่คนโตแบบไหนกันนะที่ทำให้ประธานหยางถึงกับมาต้อนรับด้วยตัวเองน่ะ?”“แน่นอนว่าเป็นคนที่ยิ่งใหญ่เทียมฟ้าเลยล่ะ ตอนนี้มีเพียงเหล่าตระกูลผู้ร่ำรวยที่เข้าร่วมหอการค้าเท่านั้นที่ได้รับการแจ้งเตือน”หลิวเจี๋ยยิ้มและพูดว่า “หว่านหรู ตระกูลหลินยื่นขอเข้าร่วมหอการค้าหลงเถิงมานานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? คืนนี้จะเป็นโอกาส”“ยังไงเหรอคะ?” หลินหว่านหรูรู้สึกหัวใจสั่นไหวทันทีแม้ว่าพวกเขาจะยื่นขอแล้ว และก็ได้เข้าเป็นหนึ่งในรายชื่อใหญ่ แต่สุดท้ายก็มีเพียงสามตระกูลเท่านั้น และความหวังของพวกเขาก็ริบหรี่เสียเหลือเกิน“ง่ายมาก อาหารค่ำคืนนี้ผมสามารถพาคนไปด้วยได้หนึ่งคน คุณเข้าไปกับผมนะ ผมจะช่วยให้คุณได้รู้จักเจ้าหน้าที่อาวุโสของหอการค้า ถึงตอนนั้นยังต้องกลัวว่าจะไม่ได้เข้าร่วมหอการค้าอีกเหรอ?”“ก็จริงนะ ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ต้องเตรียมตัวให้ดี” หลินว่านหรูกล่าวทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้นเย่เทียนหยู่ก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า
ทูตใหญ่ตะโกนออกไปด้วยความร้อนใจ เพื่อที่จะแจ้งข่าวสำคัญให้ทุกคนทราบโดยทั่วกัน ว่าเจวี๋ยเทียนยังใช้เวทอาคมปีศาจคงเพิ่มพลังอย่างบ้าคลั่งไม่แปลกใจเลยที่แววตาของเขาดูโหดเหี้ยมขึ้น ใบหน้าดูบูดเบี้ยว ถึงขั้นแสดงความเจ็บปวดออกมาเลยอีกด้วยเกรงว่านี่อาจจะเกินกว่าขีดจำกัดที่เขาจะสามารถแบกรับเอาไว้ได้แล้วนอกจากนี้จะเห็นได้ว่า เจวี๋ยเทียนยังถูกเจ้าตำหนักหยู่บังคับให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าสิ้นหวังอีกด้วยเย่เทียนหยู่ได้ยินคำพูดของทูตใหญ่ แต่เขาก็ยังไม่มีการตอบสนองใด ๆ อยู่ดี เขายังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างสงบนิ่ง“เจ้าตำหนัดหยู่ รีบหยุดเขาเถอะ!”เยว่เหลียนหานเองก็สัมผัสได้เช่นกัน เธอกังวลจนแทบบ้า อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกไป“ไม่ต้องรีบ!”“ปล่อยให้เขาดูดซับไปเรื่อย ๆ!”ท่าทีของเย่เทียนหยู่ยังคงสงบนิ่ง ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบออกมาว่า “เพราะไม่อย่างนั้น เขาอาจจะไม่พอใจเอาได้”ทุกคนต่างรู้สึกหมดคำจะพูด!หมายความว่ายังไงที่บอกว่าเขาจะไม่พอใจ ปล่อยให้เขาเพิ่มพลังไปเรื่อย ๆ รู้รึเปล่าว่ากำลังพูดอะไรออกมา?หรือจะบอกว่า คุณมีความมั่นใจอย่างมากว่าตัวเองจะสามารถเอาชนะได้โดยไม่มีวันแพ้!แต่
เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ทูตใหญ่ก็ยิ่งงงมากขึ้นกว่าเดิมเหตุใดจูเก่อหลิวหลีถึงได้กังวลว่าจะเกิดเรื่องกับเจ้าตำหนักหยู่ขนาดนั้น โดยเฉพาะเมื่อเห็นตอนที่เธอเครียดจนต้องจับชายเสื้อเอาไว้แน่น ซึ่งมันก็ค่อนข้างที่จะเกินกว่าความเป็นห่วงแบบปกติไปมากแล้วเหตุใดท่านประมุขถึงได้มั่นใจขนาดนั้นว่าเจ้าตำหนักหยู่จะไม่เป็นไรหรือว่า?ทันใดนั้น ความคิดที่ดูเหมือนจะไร้สาระก็ผุดขึ้นในหัวของทูตใหญ่เจ้าตำหนักหยู่ก็คือเย่เทียนหยู่ คุณชายของพวกเขาหยู่เทียน เทียนหยู่!ถูกต้อง จะต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน!แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะแตกต่างกัน แต่ทูตใหญ่ก็พอจะมีความรู้อยู่บ้าง และรู้ว่ามีการปลอมตัวที่สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกได้ แต่นี่รูปร่างเองก็เปลี่ยนไปด้วยงั้นเหรอบางที ประมุขน้อยอาจจะใช้วิธีพิเศษบางอย่างก็ได้เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ทูตใหญ่ก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก ตื่นเต้นที่เห็นว่าพลังของประมุขน้อยแข็งแกร่งขนาดนี้ครั้งที่แล้วที่ต่อสู้กับชิงหลง ก็เอาชนะได้อย่างยากลำบากแต่ครั้งนี้กลับเห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งขึ้นมากแต่ว่า ก็ยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่ดี ยังไงซะ พลังของเจวี๋ยเทียนในตอนนี้แทบไม่ได้ด้วยไปกว่าชิ
“ฮ่า ๆ.....”ในขณะเดียวกันนั้นเอง เจวี๋ยเทียนไม่สามารถอดทนต่อความตื่นเต้นได้อีกต่อไป เพราะผลที่ได้จากการดูดซับพลังเวทปีศาจในครั้งนี้ดีกว่าที่คาดเอาไว้มากสมบูรณ์แบบมากจริง ๆแน่นอน ทั้งหมดต้องขอบคุณเย่เทียนหยู่ที่รออยู่เฉย ๆ โดยที่ไม่มีการขัดจังหวะใด ๆ นั่นจึงทำให้เขาสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น จากนั้นจึงพูดพลางหัวเราะเสียงดังออกไปว่า “เทียนหยู่ เห็นแก่ที่เมื่อกี้นายให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี อีกเดี๋ยวฉันจะเหลือศพที่สมบูรณ์ให้นายก็แล้วกัน!”ในตอนนั้นเอง เขาได้ปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างบ้าคลั่งเริ่มแรกมาก็หยางผั่วจวิน จากนั้นก็มีคนที่ชื่อหยู่เทียนโผล่มา แต่ละคนต่างมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัว ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังเด็กขนาดนี้อีกต่างหากหากให้เวลามากกว่านี้ ทั้งสองคนอาจจะสามารถละลวงไปถึงระดับเทพยดาแดนดินเลยก็ได้ พอถึงตอนนั้น ต่อให้บรรพจารย์จะน่ากลัวมากแค่ไหน ก็เกรงว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขายังไงซะ อายุของพวกเขา รวมถึงพรสวรรค์ที่มีก็ชัดเจนมากอยู่แล้วดังนั้น เขาจึงมีความคิดที่จะฆ่าอีกฝ่ายขึ้นมาจริง ๆ“คุณจะฆ่าผมเหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยความตกใจ ก็แค่พลังเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวไม
“ภายใต้การรุกและถอย ดูเหมือนเจ้าตำหนักหยู่จะตกอยู่ในอันตรายเข้าให้แล้ว!”เมื่อประโยคนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็แตกตื่นทันที!เป็นแบบนี้จริง ๆ เหรอเนี่ย!ไม่แปลกใจเลยที่เจวี๋ยเทียนจะมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ได้ นี่มันชักจะไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว“แข็งแกร่ง แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ตู๋เปียนฝูจึงพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “ประมุขแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เกรงว่าคงแข็งแกร่งกว่าตอนที่หยางผั่วจวินแข็งแกร่งที่สุดอีกล่ะมั้ง สมแล้วที่เป็นถึงท่านประมุข!”คนจากสำนักเจวี๋ยฉิงรู้สึกตกตะลึง ต่างก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกต่อให้เจ้าตำหนักซิวหลัวจะซ่อนพลังเอาไว้จริง ๆ แล้วอย่างไร เมื่อต้องเผชิญหน้ากับประมุขสำนักเจวี๋ยฉิงของพวกเขา ก็มีแต่ต้องตายสถานเดียวในขณะเดียวกันนั้นเอง ทูตใหญ่ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนเตือนอย่างเร่งรีบออกไปว่า “เจ้าตำหนักหยู่ เจวี๋ยเทียนกำลังเล่นตุกติก เขาใช้เวทอาคมปีศาจเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเอง อย่าสู้กับเขา!”เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ศิษย์สำนักเจวี๋ยเทียนคนอื่น ๆ ก็ถึงได้เข้าใจ ว่าเหตุใดจู่ ๆ พลังของประมุขถึงได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วขนาดนี้“ไม่เป็นไร!”“แบบน
แม้ว่าจะเป็นเพียงกระบวนท่าเดียว แต่ก็สามารถทำให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของเย่เทียนหยู่ได้ ประมุกสำนักดอกไม้อย่างเยว่เหลียนหานและศิษย์ในสำนักนอกจากรู้สึกตกใจกับความแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่แล้ว ยังรู้สึกอับอายในใจอีกด้วยตอนแรกพวกเธอต่างพากันดูถูกอีกฝ่ายแทบจะตลอดเวลา กระทั่งยังคิดว่าอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กไม่รู้จักโตด้วยซ้ำแม้จะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงก่อนจะลงไปต่อสู้กับเจวี๋ยเทียน แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อถืออยู่ดี โชคดีที่ไม่ได้พูดออกไปจริง ๆ ไม่เช่นนั้นคงจะรู้สึกอายมากกว่านี้เป็นแน่ในเวลานี้ เมื่อเห็นท่าทีสง่างามและดูมั่นใจของเย่เทียนหยู่แล้ว ดวงตาของสองพี่น้องเยว่เหลียนหานและเยว่เหลียนเวยต่างก็แสดงออกถึงความชื่นชมอย่างลึกซึ้งออกมาคนที่มีความสง่างามและทรงพลังเช่นนี้ ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจและรู้สึกชอบได้จริง ๆเพียงแต่น่าเสียดาย ที่หน้าตาอาจจะบกพร่องไปนิดหน่อยเพราะไม่อย่างนั้น ป่านนี้คงทำให้ผู้หญิงนับหมื่นหลงใหลได้แน่ ต่อให้เป็นพวกเธอสองพี่น้องก็อาจจะตกหลุมรักได้เช่นกันหลินเจวี๋ยตาเบิกกว้าง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าตำหนักถึงไม่ต้องการให้เขาช่วย
“งั้นก็เข้ามาเลย!”สีหน้าเจวี๋ยเทียนดูเย็นชา เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีก ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะแค่ขู่เฉย ๆ ก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตนยังมีเวทอาคมที่เตรียมเอาไว้อยู่ในมือ ใครหน้าไหนจะสู้กับตนได้กัน?เสียงพูดยังไม่ทันจะจบ เขาก็เคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วราวกับภูตผี ก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ตรงตำแหน่งจุดศูนย์กลางของลานประลองทันทีเย่เทียนหยู่เองก็เช่นกัน เขาเคลื่อนไหวแทบจะในทันที ก่อนจะมายืนอยู่ตรงข้ามกับเจวี๋ยเทียนเพียงแต่ว่า พลังที่ทั้งสองแสดงออกมานั้นไม่ได้ชัดเจนสักเท่าไหร่ จึงยากที่จะบอกได้ว่าใครแข็งแกร่งกว่ากันโดยเฉพาะเย่เทียนหยู่ ดูเหมือนว่าพลังของเขานั้นจะถูกควบคุมเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับน้ำในบ่อที่นิ่งสงบ ซึ่งทำให้เขาดูไม่เหมือนปรมาจารย์ผู้ทรงพลังเลยแม้แต่น้อยแต่ยิ่งมันเป็นแบบนี้ เจวี๋ยเทียนก็ยิ่งไม่กล้าที่จะประมาท เขามองตรงไปข้างหน้า ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาออกไปว่า “เจ้าตำหนักหยู่ ผมจะลงมือแล้วนะ รับเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน!”“เริ่มเลยเถอะ!”เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็น ท่าทีดูไม่รีบร้อนแต่อย่างใดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูถูกตนแบบนี้ นั่นจึงทำให้เจวี๋ยเทียนรู้สึกโ
“ครับ เจ้านาย!”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนหยู่ หยางผั่วจวินก็กลับไม่โต้แย้งเลยแม้แต่คำเดียว เขาเพียงก้มตัวและโน้มศีรษะด้วยท่าทีเคารพเท่านั้น ก่อนจะถอยกลับไปฉากนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอีกครั้งอย่างอธิบายไม่ได้เมื่อกี้ท่าทีของหยางผั่วจวินดูหยิ่งยโสอย่างมาก แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงเขาได้เลย แต่เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักหยู่ กลับแสดงท่าทีเคารพออกมาเสียอย่างนั้น ให้เกียรติมากถึงขั้นเรียกว่าเจ้านายเลยด้วยที่สำคัญเลยก็คือ ดูเหมือนว่าเขาจะทำเพราะความเต็มใจเสียด้วยซ้ำนี่จึงยิ่งทำให้ในใจของเจวี๋ยเทียนเกิดความมืดมนขึ้นมานิดหน่อย แต่เมื่อลองนึกดูอีกที ต่อให้เจ้าตำหนักหยู่จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็คงไม่มีทางแข็งแกร่งถึงขั้นนั้นแน่นอนเว้นเสียแต่ว่า เขาจะเลื่อนขั้นถึงระดับเทพยดาแดนดินแล้วแต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในวัยแค่นี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้ส่วนหยางผั่วจวิน เจ้าเด็กนั่นมีร่างกายที่แปลกประหลาด เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง นั่นจึงไม่อาจมองเขาเป็นแค่คนธรรมดาได้เพราะด้วยเหตุนี้ เจวี๋ยเทียนจึงคิดว่าเย่เทียนห
แต่สีหน้าของเจวี๋ยซินกลับเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาถึงขั้นยอมสละทุกอย่างออกไปจนหมดแล้วแท้ ๆ แต่กลับทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยไม่มีกระทั่งบาดแผลเลยแม้แต่น้อย!เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกจากปาก ก่อนจะสลบไปในทันที“เจวี๋ยซิน!”เจวี๋ยเทียนตกใจมาก เขาจึงรีบตรวจสอบร่างกายของเขาโชคดี ที่มันเป็นแค่ผลข้างเคียงจากการใช้ยาจนร่างกายอ่อนแอลงก็เท่านั้น ก่อนจะนำยาสองสามเม็ดให้เขากิน จากนั้นจึงเรียกให้ยอดฝีมือคนอื่นพาไปดูแลต่อเมื่อเห็นเจวี๋ยซินกำลังถูกยกลงไปจากสนาม แววตาของหยางผั่วจวินก็เป็นประกาย ก่อนจะพูดว่า “เจวี๋ยเทียน เจวี๋ยซินถูกฉันจัดการจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว มันกลายเป็นสวะไปแล้ว งั้นแกก็รีบขึ้นมาแก้แค้นแทนเขาเถอะ มาจัดการฉันซะสิ?”“......”คนอื่น ๆ ต่างก็หมดคำจะพูด หยางผั่วจวินคนนี้ต้องการจะทำให้เจวี๋ยเทียนโกรธจนตายเลยรึไง อวดดีเกินไปแล้วพวกเขาคิดแค่ว่าหยางผั่วจวินกำลังตั้งใจจะดูถูกเจวี๋ยเทียน แต่จริง ๆ แล้วหยางผั่วจวินแค่ต้องการต่อสู้เท่านั้นทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจวี๋ยเทียน เพื่อดูว่าจะรับมือกับอีกฝ่ายอย่างไรหากเขาปฏิเสธ นั่นก็เท่ากับ
เจวี๋ยซินส่งเสียงคำรามออกมาเสียงดัง ร่างกายของเขากลับมามีพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำให้ท่าทีของเขาดูเหมือนคนบ้ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเขาแดงก่ำสีหน้าของหยางผั่วจวินดูมืดลง เขารู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้วหลังจากท่านี้ถูกปล่อยออกมา อีกฝ่ายจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแน่นอนตัวเขาเองก็ทำการรวบรวมกำลังภายในของตนด้วยเช่นกัน ความน่าสะพรึงกลัวของชี่แท้ถูกหลอมรวมเอาไว้ที่หมัดทั้งสองข้างทันที เพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่ดีที่สุดทุกคนต่างจ้องมองฉากตรงหน้าด้วยความตั้งใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าหลังจากทำการปล่อยท่านี้ออกไป ผลแพ้ชนะของทั้งสองก็จะปรากฏออกมาแล้วเป็นอย่างที่คิด เวลาหลังจากนั้นผ่านไปเพียงชั่วขณะ ความแข็งแกร่งอันทรงพลังทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงทันใดนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้นซ้อนกันเป็นระยะ ๆ ทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบมีเพียงกระแสของกำลังภายในที่น่าทึ่งลอยเต็มไปหมดพื้นที่ทั้งหมดถูกฉีกขาดอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นพายุหมุนที่พัดผ่านไปมาทั้งสองคนติดอยู่ด้านในกับสถานการณ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนผลกระทบที่เกิดจากพลังอันน