“จริงจังเกินไปแล้ว!”หลินหว่านหรูบ่นพึมพำ แต่ในใจกลับรู้สึกหวานราวกับน้ำผึ้งโดยเฉพาะเมื่อมองไปยังอาหารที่จัดวางอยู่ตรงหน้าอย่างประณีต แต่ละจานยังคงความสวยงามอยู่ ดูยังไงก็ไม่เหมือนกล่องข้าวธรรมดาทั่วไปเลยแม้แต่น้อยแถมยังเป็นอาหารที่ตัวเองชอบมากอีกด้วย ซึ่งมันทำเธอให้รู้สึกมีความสุขมากยิ่งขึ้นหยางไฉ่อวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “ประธานหลินคะ คุณเย่ดีกับคุณจังเลยนะคะ”“ของมันแน่อยู่แล้ว เมียใครใครก็รัก” เย่เทียนหยู่พูดพลางหัวเราะ“รำคาญ!”หลินหว่านหรูหน้าแดง จากนั้นเธอก็พูดขึ้นว่า “ไฉ่อวิ๋น เธอเองก็มานั่งกินด้วยกันเถอะ”“ไม่ดีกว่าค่ะ คุณเย่ตั้งใจซื้อมาให้คุณโดยเฉพาะเลยนะคะนั่น” หยางไฉ่อวิ๋นรีบพูดพร้อมกับส่ายหัว“ไม่เป็นไร ถึงยังไงก็มีตั้งเยอะ พวกเรากินไม่หมดหรอก”“ยังไงก็ไม่ดีกว่าค่ะ อาหารพวกนี้ดูแพงเกินไป”“ถึงแพงก็ทำให้คนกินอยู่ดีนั่นแหละ มานั่งกินด้วยกันเถอะ” เย่เทียนหยู่พูดขึ้นมาเมื่อได้ยินเย่เทียนหยู่พูด หยางไฉ่อวิ๋นถึงกล้าหย่อนก้นนั่งลง พอเห็นอาหารเหล่านี้ เธอก็รู้ได้ทันทีว่ามาจากโรงแรมหรูแน่นอน แถมกุ้งล็อบสเตอร์ก็ตัวใหญ่มากอีกต่างหาก ตั้งแต่
หยางไฉ่อวิ๋นเห็นท่าทีของหลินหว่านหรู่ที่เป็นแบบนี้ เธอจึงสับสนไปชั่วขณะ ในใจรู้สึกไม่เข้าใจเลยสักนิด ทั้งที่ความจริงถูกเปิดเผยแล้วแท้ ๆ นี่เป็นเรื่องที่ควรจะดีใจไม่ใช่เหรอแต่ดูเหมือนประธานหลินจะไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไหร่เธอเงยหน้าขึ้นและอ่านเนื้อหาที่ประกาศอีกครั้ง เมื่อเห็นรายชื่อแนะนำของหลิวอวิ๋นซิ่ว เธอก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเอ่อ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือแม่ของประธานหลินงั้นเหรอ“เธอออกไปก่อนเถอะ”เย่เทียนหยู่โบกมือให้สัญญาณหยางไฉ่อวิ๋นออกไปจากที่นี่ก่อนหยางไฉ่อวิ๋นพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกเสียใจขึ้นมาบางที ตนอาจไม่จำเป็นต้องรีบร้อนบอกทุกอย่างกับประธานหลินเร็วขนาดนี้ก็ได้เมื่อหยางไฉ่อวิ๋นจากไป เย่เทียนหยู่ก็ถึงเดินไปอยู่ข้าง ๆ เธอ และกอดเธอเอาไว้เบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นว่า “หว่านหรู!”หลินหว่านหรูน้ำตาคลอเบ้า ครั้งนี้เธอรู้สึกเสียใจมากเป็นพิเศษ เป็นความเสียใจที่ไม่อาจยอมรับได้ เธอบ่นพึมพำขึ้นว่า “เทียนหยู่ คุณรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วใช่ไหม?”เธอนึกถึงตอนที่หยางไฉ่อวิ๋นพูดถึงเรื่องนี้ เทียนหยู่ไม่เพียงแต่ไม่มีคำพูดใด ๆ แม้แต่ความประหลาดใจก็
แม่ตระกูลหลินแอบรู้สึกพอใจอยู่ลึก ๆ จัดการกับเย่เทียนหยู่ไม่ได้ แต่จะจัดการกับลูกสาวตัวเองไม่ได้ด้วยรึไง เธอจึงพูดขึ้นว่า “คืออย่างนี้ ช่วงนี้เครื่องสำอางแบรนด์ปัวเรต์ขายดีมาก แต่ว่าสูตรของส่วนผสมชนิดหนึ่งกลับอยู่ที่เย่เทียนหยู่”“ซึ่งวิธีนี้ก็ถือว่าดีมากจริง ๆ สามารถหลีกเลี่ยงการถูกลอกเลียนแบบไป ก่อนหน้านี้มันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ถึงยังไงพวกแกก็อยู่ที่บริษัทตลอด แต่ตอนนี้พวกแกไปแล้ว มันเลยเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นน่ะ”“แกช่วยขอสูตรจากเย่เทียนหยู่ส่งมาให้ที่บริษัทหน่อยได้ไหม?”ปากก็บอกว่าทำเพื่อบริษัท ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง เธอทำไปก็เพื่อให้บริษัทไปได้ดี ซึ่งก็เป็นการทำเพื่อตระกูลหลินหลังจากที่หลินหว่านหรูได้ยิน เธอก็เริ่มรู้สึกว่านี่ไม่ถูกต้อง ไม่ได้จะโทรมาขอโทษเธอหรอกเหรอ ทำไมถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกไปว่า “แม่คะ แม่ไม่มีเรื่องอื่นจะพูดแล้วเหรอคะ?”เมื่อแม่ตระกูลหลินได้ยินแบบนั้น เธอก็รู้สึกไม่พอใจ ที่พูดมาหมายความว่ายังไง เธอจึงพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เรื่องอื่นอะไรกัน นี่แกทำใจมอบสูตรของส่วนผสมให้ฉันไม่ได้อย่างนั้นใช่ไหม?”เย่เทียนหยู่ที่อยู่ข้าง ๆ เ
แม่ตระกูลหลินตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว ไม่ว่าอย่างไร ขอแค่เธอไม่ยอมรับว่าตนเป็นคนทำ เรื่องนี้ก็จะถือว่าตนไม่ได้เป็นคนทำ ต่อให้ผลการตรวจสอบจะออกมายังไง ก็จะต้องเป็นผลการตรวจสอบที่ผิดพลาดของพวกเขาอย่างแน่นอนเมื่อได้ยินคำแก้ตัวที่ดูร้อนรนและฟังดูมีเหตุผลของแม่ หลินหว่านหรูก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมา เดิมทีเธอก็คิดอยู่แล้วว่าแม่ไม่ได้เป็นคนทำ เพราะมันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด และไม่มีเหตุผลที่เธอจะทำเช่นนั้นได้นี่จึงทำให้เธอไม่รู้จะตอบออกไปอย่างไรดีเย่เทียนหยู่กลับไม่เชื่อคำพูดของคุณแม่หลินเลยแม่แต่น้อย เขาพูดออกไปตรง ๆ ว่า “นี่ป้า ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย ขอแค่คุณอธิบายเรื่องนี้ออกมาให้ชัดเจน อธิบายว่าทำไมถึงทำร้ายหว่านหรู ผมจะส่งสูตรนั้นให้คุณทันที!”“ไม่ใช่ฉันจริง ๆ นะ!”“เทียนหยู่ เธอกำลังเข้าใจฉันผิดอยู่นะ!”แม่ตระกูลหลินรู้สึกน้อยใจ จึงพูดออกไปว่า “ฉันรู้นะ ว่าเป็นเพราะสถานะเมื่อก่อนของฉัน มันเลยทำให้ระหว่างเราเกิดความเข้าใจผิดกัน แต่ว่า ที่ฉันทำไปก็เพื่อหลินหว่านหรูทั้งนั้น แค่อยากให้เธอได้แต่งงานกับคนดี ๆ ก็เท่านั้น”“แต่พอเป็นตอนนี้ ฉันก็รู้แล้วว่า เธอนั้นยอดเยี่ยม
โดยเฉพาะเรื่องหลังจากนี้ ยังต้องมีการเริ่มแผนขั้นต่อไปอีก“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ จริงอยู่ที่แม่ของฉันเป็นคนเห็นแก่ตัว แถมยังเอาแต่ใจ คิดแต่เรื่องของตัวเอง แต่ว่า เรื่องนี้ฉันเดาเหตุผลที่เธอจะทำไม่ออกเลยจริง ๆ”หลินหว่านหรูอดไม่ได้ที่จะพูดแย้งออกไป ไม่ว่าเรื่องไหนเขาก็พร้อมที่จะเชื่อใจเย่เทียนหยู่ แต่ว่าเรื่องนี้นั้น เธอไม่สามารถยอมรับได้จริง ๆ“ก็อาจใช่ แต่อีกไม่นานคุณก็คงจะได้รู้ผลแล้วล่ะ การเปิดเผยข้อมูลเป็นแค่ก้าวแรกเท่านั้น ขั้นตอนต่อไปแม่ของคุณจะต้องถูกตรวจสอบ กระทั้งอาจจะมีการฝากขังอีกด้วย”“ว่าไงนะ!”หลินหว่านหรูตกใจ และถามอย่างกังวลออกไปว่า “ทำไมถึงต้องมีการฝากขังด้วยล่ะ นี่......”“อย่าเพิ่งรีบร้อน!”เย่เทียนหยู่รีบปลอบ “เป็นเรื่องปกติที่จะต้องฝากขัง แต่ถ้าหากแม่ของคุณได้รับการให้อภัยจากผู้เสียหาย และได้มีการชดเชยที่เหมาะสมแล้ว มันก็จะไม่มีปัญหาอะไร”“คุณหมายความว่า ขอแค่ฉันให้อภัย ทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”“อือ ผมได้ทำความเข้าใจมาแล้ว เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ปฏิบัติการแบบนี้ ค่อนข้างเปิดกว้าง ขอแค่ต่างฝ่ายเข้าใจกันได้ก็พอ”“แต่เงื่อนไขก็คือ เธอจะต้องยอมรั
หยางต้าฝูพยายามคิดอย่างรวดเร็วและแม่นยำหากท่านราชามังกรต้องการให้พวกเขาดูแลตระกูลหลินต่อ แม้จะพูดออกมาแค่สองคำ ก็คงจะพูดว่า “ทำต่อ” แต่เขากลับไม่ได้พูดมันออกมา ที่เขาพูดคือคำว่า “แล้วแต่” แบบส่ง ๆ เท่านั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการให้เข้าไปช่วยอีกแต่เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างท่านราชามังกรกับหลินหว่านหรู จึงไม่สะดวกที่จะพูดออกมาโดยตรง ดังนั้น จึงทำได้แค่พูดอ้อม ๆ เพื่อแจ้งให้ทราบแทนเกรงว่าท่านราชามังกรอาจจะหวังให้พวกเขาสร้างแรงกดดันให้หลินซื่อกรุ๊ปเลยด้วยซ้ำแต่สิ่งนี้เป็นเพียงการคาดเดาเบื้องต้นของหยางต้าฝูเท่านั้น ยังไม่มีการยืนยันที่แน่ชัด ดังนั้น เขาจึงไม่กล้าที่จะลงมือจริง ๆ เพราะไม่เช่นนั้น คนที่ซวยก็อาจจะเป็นตนได้แต่ไม่ว่ายังไง การที่ตนไม่ช่วยก็จะไม่ถือว่าทำผิดอย่างแน่นอนเมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้ หยางต้าฝูก็ได้รีบสั่งการให้ยกเลิกการคุ้มครองหลินซื่อกรุ๊ป รวมถึงทรัพยากรต่าง ๆ ทั้งหมดในทันทีภายใต้คำสั่งของหยางต้าฝู หลายคนก็เริ่มเห็นทิศทางของลม พวกเขาเฝ้าจับตามองหยางต้าฝูมาโดยตลอด ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มตามกระแสทันทีเพียงแค่เรื่องนี้อาจจะมีผลกระทบอยู่บ้าง และอาจจะต้องให้เว
นี่จึงทำให้เธอรู้สึกลังเล ว่าเธอควรจะมอบให้ดีไหมแต่ถึงแม้เทียนหยู่จะบอกว่าเธอมีสิทธิ์ในการตัดสินใจเรื่องสูตรนี้ก็เถอะ แต่หลินหว่านหรูก็พอจะเข้าใจความคิดของเย่เทียนหยู่เช่นกัน เขาไม่ต้องการที่จะมอบให้ในตอนนี้เขาอยากที่จะให้ความจริงปรากฏออกมาก่อน แล้วค่อยมอบให้แม่ตระกูลหลินเห็นว่าหลินหว่านหรูไม่ได้พูดอะไร ท่าทีดูเหมือนจะไม่เต็มใจ เธอจึงพูดต่อว่า “นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว หว่านหรู แกต้องเปิดตาให้กว้างขึ้นนะ ต้องคิดถึงตระกูลหลินให้มาก ๆ นะ”“แม่คะ นี่แม่หมายความว่ายังไง?”“ก็ไม่ได้มีอะไร มันก็เป็นแค่การคาดเดานิดหน่อยเท่านั้น พอพูดถึงเย่เทียนหยู่ เขาเองก็เป็นคนที่มีภูมิหลังที่ดี แถมยังเก่งมากอีกต่างหาก”“แต่ว่านะ การที่เขายังหวงสูตรเอาไว้ไม่ยอมปล่อยแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาจงใจทำแบบนั้น ในความเห็นของฉัน เขากำลังจงใจขัดขวางแกอยู่”“ที่ฉันจะสื่อก็คือ ในตอนนี้แกไม่ได้อยู่ที่บริษัท หรือต่อให้แกจะยังอยู่ที่บริษัท เขาก็จะใช้เรื่องนี้มาเป็นข้อต่อรอง ซึ่งเขาสามารถทำลายสูตรส่วนผสมนี้ได้ทุกเมื่อยังไงล่ะ”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา หลินหว่านหรูก็รู้สึกโกรธทันที ก่อนหน้านี้ยังมีความลังเลอยู่บ้าง แ
แม่ตระกูลหลินยังไม่ทันได้มีเวลาคิดอะไรมากนัก ไม่นานตำรวจก็ได้มาถึงหน้าประตูห้องทำงานของประธานบริษัท พวกเขาเคาะประตู ก่อนจะเดินเข้าไปโดยตรง แล้วแสดงบัตรประจำตัวทันที จากนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า “หลิวอวิ๋นซิ่ว คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับ......”เมื่อได้ยินคำพูดของตำรวจ สีหน้าของแม่ตระกูลหลินก็ดูไม่ดีสักเท่าไหร่ และรู้สึกสั่นเล็กน้อยทะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!หรือลูกสาวตนเป็นคนแจ้งความให้ตำรวจมาจับงั้นเหรอ?คนอย่างนางเด็กนั่นจะโหดร้าย จะไร้ความปรานีมากขนาดนี้ได้ยังไง ตนเป็นแม่แท้ ๆ เชียวนะในเวลานี้ เธอรู้สึกลนลานมากจริง ๆ ร่างกายของเธอสั่นไม่หยุดเลยเห็นได้ชัดว่าแม่ตระกูลหลินไม่เข้าใจสถานการณ์ภายในเลยสักนิด กระทั่งเธอยังไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องประเภทนี้เลยแม้แต่น้อย แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติ เพราะการดำเนินการแบบนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบถึงแม้จะไม่ได้ใส่กุญแจมือ แต่การถูกพาออกไปแบบนี้ต่อหน้าสาธารณชน ก็ทำให้เกิดการพูดคุยกันไปต่าง ๆ นานาในบริษัท ไม่นานทุกคนก็เข้าใจเหตุผลของเบื้องหลังเรื่องนี้คนที่ทำให้ประธานหลินของพวกเขาเสื่อมเสียชื่อเสียงบนโลกออนไลน์นั้น กลับเ
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป