"แต่ป้ามีข้อเสนอนะถ้าหนูโอเคกับข้อเสนอป้า ป้าจะยกหนี้ทั้งหมดที่พ่อแม่หนูติดป้า"คุณป้าเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนกับอ่อนโยนแต่กับแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ไปในตัว
"ข้อเสนออะไรคะป้า"ฉันที่สนใจอดถามไม่ได้ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงฉันก็พร้อมยอมทำตามที่คุณป้าเสนอ "เข้ามาใกล้ ๆ ป้าสิ มาตรงนี้ป้าจะบอก" คุณป้าบอกฉันขณะที่ฉันขยับเข้าไปใกล้ตามที่คุณป้าบอก ก่อนที่คุณป้าจะยกฝ่ามือขึ้นมาป้องที่ใบหูฉันพร้อมกับยืนปากเข้ามากระซิบด้วยเสียงแผ่วเบา "หนูต้องช่วยป้าเรื่องหนึ่งทำอย่างไรก็ได้ให้ตาสายฟ้าไม่ต้องกลับไปอังกฤษ"เมื่อฉันได้ยินกับทำให้ฉันเบิกตาโพรง ก่อนจะคิดว่ามันเป็นข้อเสนอที่ยากเหลือเกิน แต่ถ้าเราทำได้หนี้ทั้งหมดก็จะเป็นศูนย์เลยนะ คุณป้าขยับออกเล็กน้อยก่อนจะหันมาถามฉันอีกรอบ "เอาไงจะช่วยป้าไหม แต่หนูไม่ได้ทำคนเดียวหรอกนะเพราะป้าจะช่วยเหลือหนูอีกแรง"คุณป้าพูดโน้มน้าวฉันขณะที่ฉันยังสองจิตสองใจว่าจะเอาดีนะ ถ้าทำได้ครอบครัวจะหลุดจากหนี้สินที่พะรุงพะรังอยู่ตอนนี้ "คือ..."ฉันเริ่มทำน้ำเสียงติดขัดก่อนที่คุณป้าจะพูดสวนขึ้นมา "เอาแบบนี้ ป้าให้หนูลองไปคิดดูก่อนแล้วช่วงเย็นป้าจะมาเอาคำตอบ"ฉันได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ ก่อนจะลาท่านออกจากห้องทำงานเพื่อมาทำงานของตัวเองที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ จนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงสาย ๆ ของวันคุณป้าเดินมาหาฉันที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ "หนูม่านน้ำว่างหรือเปล่าจ๊ะช่วยยกกาแฟกับขนมเข้าไปในห้องตาสายฟ้าที"คุณป้าเรียกฉันพร้อมยกถาดกาแฟเดินตรงมาหาฉัน ฉันจะปฎิเสธก็ไม่ได้จึงต้องรับปากท่านถึงแม้ในใจจะไม่อยากจะเจอหน้าคนใจดำก็ตามตอนแรกคิดว่าเขาไม่อยู่ที่รีสอร์ทเสียอีกเพราะไม่เห็นรถจอดอยู่แต่เมื่อคุณป้าพูดมาเช่นนั้นแสดงว่าเขายังอยู่ที่นี่ยังไม่ไปไหน "คะคุณป้า"ฉันรับถาดที่มีแก้วกาแฟและขนมมาถือไว้ก่อนจะสาวเท้าไปตามทางเดินจนมาหยุดที่ห้องพักส่วนตัวของคนใจดำ มือบางกำมือไว้พอหลวม ๆ ก่อนจะเคาะประตูห้องเพื่อรักษามารยาท ก๊อก ก๊อก ก๊อก! ไม่นานประตูห้องถูกเปิดออกแต่สิ่งที่ฉันเห็นตอนนี้คนใจดำนุ่งเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบเอวไว้ส่วนมือเขาถือผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเช็ดลงกลุ่มผมที่เปียกชื้นจากการสระผมขณะที่จมูกฉันสัมผัสได้กับกลิ่นหอมสดชื่นของครีมอาบน้ำที่ลอยฟุ่งอยู่บนชั้นอากาศก่อนที่ฉันจะร้องด้วยความตกใจ "ว๊าย...ทำไมคุณไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยละคะ"ฉันรีบยกมืออีกข้างที่ไม่ได้ถือถาดกาแฟปิดดวงตาฉันไว้ คนบ้าดูสินุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวดันมาเปิดประตูให้ดูอีก ถึงหุ่นเขาจะดี มีกล้ามเป็นมัด มัด ก็ตามแต่ฉันที่เป็นสาวโสดไม่เคยเห็นผู้ชาย โป๊เปลือยมาก่อนก็มีบ้างละที่ต้องอาย คนบ้าฉันได้แต่ก่นด่าเขาในใจ "มีอะไร"ขณะที่คนใจดำถามฉัน "คุณป้าให้เอากาแฟมาให้คะ" "อืมว่างไว้บนโต๊ะนั้นแหละ"คนใจดำบอกขณะที่ฉันเบี่ยงสายตาไปทางโต๊ะหนังสือที่อยู่ข้างเตียงนอนก่อนจะสาวเท้าเพื่อเอาถาดกาแฟวางไว้ตามที่เขาบอก เมื่อฉันว่างถาดกาแฟเรียบร้อยดีแล้วฉันหมุนตัวเพื่อที่จะเดินออกจากห้อง แต่จังหวะนรกก็เกิดขึ้นเมื่อคนใจดำดันมายืนข้างหลังฉันตอนไหนไม่รู้ด้วยความตกใจบวกกับความที่ฉันไม่ระวังตัวส่งผลใก้ฉันเซถอยหลังจนเท้าฉันสะดุดเข้ากับอะไรบ้างอย่างจนฉันล้มลงไปกองที่เตียงนอนพร้อมกับส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ "ว้าย" ฉันร้องกรี๊ดทันทีเมื่อร่างบางฉันล้มหงายหลังลงที่เตียงนอน แต่ไอ้มือเจ้ากรรมดันไปคว้าท่อนแขนเขาไว้เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวไม่ให้ตัวเองล้มลง แต่กลายเป็นว่าเราทั้งสองล้มลงบนเตียงนอนด้วยท่าทางที่หมิ่นเหม่ และที่สำคัญคือริมฝีปากของเขาตอนนี้แนบชิดริมฝีปากฉัน...โอ้ย...อิแม่จะเป็นลมนี่ฉันเสียจูบแรกให้เขาเหรอนี่ อีกทั้งผิวบางบริเวณแก้มของฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่ปะทะอยู่บนพ่วงแก้มของฉัน ส่งผลให้ใบหน้าฉันตอนนี้เริ่มรู้สึกเห่อร้อนขึ้นมา ก่อนที่ฉันเริ่มจะตั้งสติได้ฝ่ามือบางรีบดันคนใจดำออกพร้อมกับส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ "อืม..." ขณะที่เขาถอดริมฝีปากออกก่อนจะใช้แขนตัวเองยันตัวขึ้นเล็กน้อย "ออกไปเถอะคะ แล้วเอารีโมตที่คุณถือมาออกไปด้วยมันว่างอยู่บนขาฉัน"ฉันรีบเอ่ยบอกขณะที่เขาชักสีหน้างงเล็กน้อยก่อนจะลุกออกจากฉันอย่างว่าง่ายก่อนจะดึงผ้าเช็ดตัวให้แน่นกว่าเก่า ฉันที่เห็นว่าเขาออกจากตัวฉันแล้วรีบลุกขึ้นแล้วสาวเท้าออกจากห้องเขาด้วยหัวใจที่เต้นโครมคราม อีกด้าน วันนี้เป็นวันที่สองที่ผมเดินทางมาหาพ่อกับแม่ที่ประเทศไทย ถามว่าเมื่อคืนนี้ผมนอนหลับสบายไหมที่ได้กลับมานอนที่บ้านตัวเอง ผมบอกเลยว่ากว่าผมจะข่มตาหลับได้ใช้เวลานานอยู่อาจคงเป็นเพราะช่วงเวลาที่สองประเทศห่างกันมาก กว่าจะหลับไม่รู้ว่าเป็นเวลาอะไร ทำให้วันนี้ผมตื่นนอนในช่วงเวลาที่สายมาก หลังตื่นนอนผมเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเรียกความสดชื่นให้กับตัวเอง ก่อนจะเดินออกมาด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันช่วงรอบเอวไว้พอหลวม ๆ เพราะอย่างไรเสียห้องนี้ก็เป็นพื้นที่ส่วนตัวของผมคงไม่มีใครเข้ามาที่ห้องนี้ได้ ขณะที่ผมหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมที่ผ่านการสระมาจนสะอาด ก่อนจะได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดังเข้ามา ผมจึงสาวเท้าไปเปิดประตูในทันที เพราะห้องนี้เป็นห้องส่วนตัวไม่เป็นพ่อก็แม่นั้นแหละที่มาเรียกผมแต่เมื่อผมเห็นว่าคนที่เคาะห้องเป็นใครผมแอบสงสัยอยู่บ้างเพราะแม่กับพ่อจะไม่ค่อยให้พนักงานเอาอาหารหรือน้ำขึ้นมาให้ผมถึงห้องนอน แต่ผมก็ยอมให้เธอถือถาดกาแฟเข้ามาในห้องผมอย่างว่าง่ายแต่สิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อ สาวน้อยร่างบางคงเกิดความตกใจคว้าแขนผม ขณะที่ผมยังไม่ทันตั้งตัวส่งผลให้ผมลงไปนอนทับร่างบอบบางอีกทั่งริมฝีปากผมประกบจูบกับกลีบปากบางสีชมพูอ่อนอย่างไม่ได้ตั้งใจ ขณะที่จมูกผมแนบชิดที่พ่วงแก้มเนียนใสที่ตอนนี้เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยขึ้นมาปะทะจมูกผมเรื่อย ๆ จนผมเผลอลืมดันตัวเองออก จนได้ยินเสียง อู้อี้ ในลำคอบางทำให้ผมเริ่มมีสติขึ้น ใช้ท่อนแขนดันตัวเองขึ้นเล็กน้อยแต่คนตัวเล็กยังอยู่ใต้ร่างผมอยู่ ก่อนผมจะได้ยินเสียงหวานเอ่ยขึ้น"ออกไปเถอะคะ แล้วเอารีโมตที่คุณถือมาออกไปด้วยมันวางอยู่บนขาฉัน"ผมถึงกับขมวดคิ้วสงสัยคนตัวเล็กคงไม่รู้ว่าไอ้ที่อยู่บนขาน้องมันคืออะไร แต่ผมก็ไม่ได้บอกกลัวว่าคนตัวเล็กจะเขินอาย ผมทำได้เพียงยอมลุกขึ้นตามคนตัวเล็กบอกก่อนผมจะเห็นคนตัวเล็กวิ่งออกจากห้องผมไป อยู่ ๆ ผมก็เผลอยิ้มขึ้นอย่างลืมตัว ก่อนจะหุบยิ้มแล้วปิดประตูห้องเพื่อแต่งตัวและจะออกไปหาเพื่อนที่ผมนัดไว้ฉันกลับมาถึงบ้านช่วงเย็น ขณะที่พ่อกับแม่เริ่มทยอยแพ๊คของใส่กล่องไว้เพื่อเตรียมตัวย้ายออกจากบ้านที่ฉันอยู่มาตั้งแต่เด็ก"สวัสดีคะพ่อแม่ เหลืออีกเยอะไหมเดี๋ยวน้ำช่วย"ฉันถามท่านด้วยความห่วงใยกลัวว่าพ่อกับแม่จะเหนื่อย เพราะทั้งสองช่วยกับแพ็คและเก็บของเพียงลำพัง "หนูไปพักเถอะลูก เก็บแค่ตรงนี้อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว"คุณแม่บอกพร้อมกับไล่ให้ฉันขึ้นไปพักผ่อน "คะแม่ "ฉันขานรับอย่างว่าง่ายก่อนจะสาวเท้าเข้าห้องตัวเองเพื่อที่จะอาบน้ำและพักผ่อน หลังจากฉันอาบน้ำและออกมาทานข้าวกับพ่อกับแม่ที่ห้องครัวและกลับเข้าห้องนอนเพื่อที่จะพักผ่อน ดวงตาคู่สวยที่พยายามปิดตาลงเท่าไหร่ก็ไม่สามารถปิดลงสักทีก็ในหัวฉันดันคิดแต่เรื่องที่คุณป้ายื่นข้อเสนอให้ฉันวันนี้ ก่อนที่สมองฉันจะคิดประมวลผลถึงข้อดีข้อเสียที่ตัวเองจะได้รับ อยู่ ๆ ฉันก็คิดถึงเรื่องช่วงสายขึ้นมา มือบางลูบลงกลีบปากบาง ใบหน้าเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่ฉันเสียจูบแรกในวันนี้"บ้าเอ่ยแล้วจะคิดถึงทำไมเนี่ย"ฉันได้แต่กร่นด่าตัวเองในใจทว่าขณะที่ฉันกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ กับได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังเข้ามา มือเรียวกดรับสายเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทโ
"สวัสดีครับสาว ๆ มาดื่มเหรอครับ"ผู้ชายหนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นขณะที่นางเพชรชี่ดันฉันให้ออกห่างจากตัวเอง ก่อนจะยกฝ่ามือปัดลงเบาะโซฟาข้างตัวเอง"พวกเรามาดื่มครับ เชิญนั่งก่อน"อีเพชรชี่แสดงความแฟรนรี่ทันที ขณะที่ผู้ชายอีกคนในกลุ่มเอ่ยขึ้น"ถ้างั้นพวกผมไม่เกรงใจนะครับ"ผู้ชายคนนั้นดันหลังให้คนใจดำนั่งคั่นกลางระหว่างฉันกับนางเพชรชี่ ส่วนอีกสองคนก็นั่งข้างยัยดาวและยัยเดือน"ว่าแต่พวกพี่ชื่ออะไรกันบ้างคะ ส่วนหนูชื่อเดือนคนที่หน้าเหมือนหนูชื่อดาว ส่วนคนนั้นชื่อม่านน้ำคะและอีกคนที่นั่งริมสุดชื่อเพชรชี่ "ขณะที่ยัยเดือนไล่แนะนำเพื่อนที่ละคนให้คนที่มาร่วมกลุ่มรู้จัก"พี่ชื่อเป้ครับส่วนคนที่นั่งข้างน้องดาวชื่อนิก แล้วคนนั้นชื่อสายฟ้า"ขณะคนชื่อเป้แนะนำ"แล้วมาเที่ยวกันพรุ่งนี้ไม่มีเรียนกันเหรอครับ"คนชื่อเป้ถามขึ้นก่อนเพื่อนฉันนางดาวรีบตอบทันควัน"พวกหนูฝึกงานคะ เรียนปีสุดท้ายแล้วพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของพวกเราเลยนัดกันมาเที่ยว""เรียนปีสุดท้ายแล้วเหรอหน้ายังกับเด็กปีหนึ่ง"คนชื่อนิกพูดสวนขึ้น"ว่าแต่น้องม่านน้ำทำไมไม่ค่อยพูดเลยครับ อายพวกพี่หรือเปล่า"พี่เป้ถามขึ้นบ้างเพราะตั้งแต่พวกเขามานั่งในกลุ่มฉันเลือกที
ขณะที่กลุ่มเพื่อนสนิทที่มองทั้งสองคนเต้นกันก็ถึงกับอ้าปากค้างไม่คิดว่า นางน้ำจะกล้าให้ผู้ชายจูบแบบนี้ เพชรชี่ขยับเข้ามานั่งใกล้กับเดือนเมื่อดาวเห็นว่าเพชรชี่ขยับมานั่งใกล้แฝดน้องตัวเองจึงลุกตามมาร่วมกลุ่มสมทบเช่นกัน ขณะที่สองหนุ่มยกแก้วใบใสจิบเหล้าเบา ๆ มุมปากยกยิ้มอย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะคิดในใจไอ้เสือร้ายกำลังจะออกอาละวาดอีกแล้วสงสัยสาวผมบลอนด์ที่มันขั้วอยู่ไม่ถูกใจเลยกลับจะมาเอาสาวเอเชียคนนี้แน่ ๆ"อีเพชรชี่มึงผสมเหล้าสูตรไหนให้อีน้ำกิน มันถึงกล้าทำแบบนี้"เดือนถามเพื่อนสนิททันทีหรือเป็นเพราะ ฤทธิ์เหล้าอีเพื่อนตัวดีถึงมีความบ้าบิ่นขนาดนี้"ก็ผสมเหมือนเดิม มันอารมณ์ไหนวะกูไม่เคยเห็นมันยั่วผู้แบบนี้มาก่อน หรือผีเข้าพรุ่งนี้เช้ารีบพามันไปรดน้ำมนต์ด่วนเลยนะ"เพชรชี่เอ่ยบอกพร้อมยังเสนอวิธีแก้ไขแบบข้าง ๆ คลู ๆ ส่วนสองฝาแฝดอย่างเดือนและดาวพยักหน้าเห็นด้วย สงสัยเพื่อนคงโดนผีตัวใดตัวหนึ่งเข้าแน่ ๆตัดมาที่ม่านน้ำและสายฟ้าที่ยืนจูบกันหน้าเวทีอย่างไม่แคร์สายตาใครดั่งว่าพวกเขาอยู่กันแค่สองคนท่อนแขนแกร่งโอบกอดคนตัวเล็กจนแนบชิด ฝ่ามือหนาลูบไล้แผ่นหลังบอบบางอย่างแผ่วเบา ขณะดุ้นลิ้นร้ายที่ทำหน้าที่ไ
ช่วงเย็นฉันยังอยู่ที่รีสอร์ทและยังคงนั่งทำงานอยู่ที่เคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ จนเวลาล่วงเลยเกือบใกล้จะ 1 ทุ่มฉันถึงเห็นร่างสูงของคนที่หายหน้าไปสองวันสาวเท้าเข้ามา เขาเหลือบตามองฉันก่อนเดินตรงเขามาหาฉัน"ยังไม่เลิกงานอีกเหรอ"เสียงทุ้มเอ่ยถามมองคนตัวเล็กที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษา อดแปลกใจไม่ได้เพราะช่วงเวลานี้เธอน่าจะกลับบ้านได้แล้ว"ยังคะ"ฉันแค่ตอบสั้น ๆ ไม่ได้ตอบอะไรที่มันยืดยาวเขาก็พยักก่อนจะยื่นใบหน้าหล่อคมเข้ามาใกล้ ทว่าจมูกโด่งคมที่ยืนออกมาจรดลงที่พ่วงแก้มเนียนใสของฉันแล้วเขายังจงใจสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะพ่นลมหายใจอุ่นไอร้อนปะทะแก้มเนียนใสอย่างจงใจ ทว่าเหมือนอุณหภูมิภายในร่างกายของฉันตอนนี้กำลังสูงขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งหัวใจฉันกับเต้นแรงเหมือนจังหวะตีกลอง จากที่คิดว่าจะทำให้เขาตกหลุมรักไม่ใช่เป็นฉันนะที่จะตกหลุมพรางรักเขาเสียเอง"ฉีดน้ำหอมอะไรทำไมหอมจัง"ฉันถึงกับเลิกลักไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำเช่นนี้"คุณเล่นอะไร ไม่กลัวคุณป้ามาเห็นเหรอ"ฉันที่แกล้งพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม ถ้าวันนี้เขาโดนเล่นงานเขาจะเกลียดฉันไหมนะ ฉันได้แต่คิดในใจระหว่างนั้นเองคุณป้าก็เดินมาหยุดยืนอยู่หน้าเคาน์เตอ
หึ ! อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนผมทำอะไรบ้า ๆ ตอนที่ผมไม่รู้ตัว ว่าแต่ใครวะที่นอนอยู่ข้าง ๆ ผมแต่ดูจากแผ่นหลังขาวเนียนทำให้ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคืองมันช่างคุ้นเคยเหมือนเคยเห็นที่ไหน อีกทั้งกลิ่นตัวหอมสดชื่นที่ส่งกลิ่นลอยมาตามอากาศ ผมอดไม่ได้เลยที่จะจรดจมูกคมดอมดมช่วงต้นแขนขาวเนียนไปหนึ่งฟอดใหญ่ แต่ผมต้องสะกดอารมณ์ตัวเองไว้ก่อนเพราะอยากรู้ว่าสาวที่นอนอยู่นั้นคือใคร มือหนาเอื้อมไปจับคนที่นอนหลับฝันหวานพลิกตะแคงมาดูทันทีดวงตาคู่คมเบิกกว้างด้วยความตกใจที่เห็นหญิงสาวตัวเล็กที่ผมคิดจะเคลมเมื่อหลายวันก่อนแต่ตอนนี้คนตัวเล็กดันมานอนอยู่บนเตียงข้าง ๆ ผม อีกทั้งหลังจากที่พิจารณาจากการมองดูผ้าห่มที่คลุมอยู่แค่ช่วงเนินอกขาวเนียนที่โพล่พ้นผ้าห่มขึ้นมาคาดการว่าตอนนี้คนตัวเล็กอาจมีสภาพโป๊เปลือยไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ หัวใจดวงแกร่งคันหยุบหยิบเกิดอาการไม่พอใจขึ้นทันที ก่อนจะใช้สมองอันชาญฉลาดค่อย ๆ คิดไปต่าง ๆ นา ๆ แล้วทำไมเธอถึงกล้ามานอนในห้องของผมได้หละ หรือที่จริงแล้วการที่คนตัวเล็กเข้าหาผมเมื่อหลายวันก่อนเธออาจมีบ้างอย่างที่ผมคิดไม่ถึงก็ได้แล้วอะไรหละที่เธอต้องการ ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ก่อนที่ทุกอย่างจะแย่
แล้วงานหมั้นที่ถูกจัดด้วยความรวดเร็วเพียงระยะเวลาแค่ 7 วันหลังเกิดเรื่อง บรรยากาศภายในงานที่ถูกจัดภายในฟ้ามณีรีสอร์ท ดูจากภายนอกนั้นอาจดูหวานชื่นตลบอบอวล ไปด้วยความรักและความอบอุ่นที่มีแต่ญาติสนิทกับเพื่ิอนไม่กี่คนมาร่วมงานของฉันกับพี่สายฟ้าแต่ถ้าสังเกตุให้ดีภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาของคู่หมั้นหนุ่มที่อยู่ในชุดไทยตัวเสื้อเป็นสีครีมโจงกระเบงสีน้ำตาลทองเข้าเซ็ทกับฉันเขากับชักสีหน้าท่าทางเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบด้วยใบหน้าที่บึงตึงไม่ยิ้มแย้มจนคุณป้าต้องกระซิบบอกพี่เขาให้ทำตัวดี ๆ ยิ้มแย้มหน่อย ขณะที่ฉันยิ้มเพียงเล็กน้อยพอเป็นพิธีเท่านั้นตอนนี้ฉันส่วมใส่ชุดไทยประยุกต์สีครีมทอง ผ้าลายสุโขทัยซ้อนทับด้วยสไบสีทอง ทำให้ขับสีผิวที่ขาวเนียนละเอียดดูโดดเด่นเปล่งประกายออร่า เพราะความสวยหรือเปล่าฉันแอบเห็นสายตาของพี่สายฟ้าแอบมองฉันเป็นระยะ หรือฉันคิดไปเองพอฉันหันไปสบตาเขาพี่สายฟ้ากับเสมองไปทิศทางอื่นเหมือนไม่ค่อยสนใจฉันเท่าไหร่ทางด้านสายฟ้าที่จริงวันนี้คนตัวเล็กสวยมากผมไม่คิดว่าเมื่อคนตัวเล็กแต่งองค์ทรงเครื่องแล้วกับสวยเหมือนกับนางฟ้าแต่ทว่าผมต้องเก็บซ่อนอารมณ์ตัวเองไว้สุดฤทธิ์ เพราะยังขุ่นเคืองคนเป็นค
เมื่อเข้ามาถึงห้องนอนของพี่สายฟ้า คนตัวสูงไม่พูดพร่ำทำเพลงอยู่ ๆ เขาก็ถอดเสื้อผ้าออกเหลือแต่ตัวเปล่าล่อนจ้อน อวดโชว์หุ่นโป๊เปลือยให้ฉันดู ฉันที่ตกใจไม่เคยเห็นผู้ชายแก้ผ้ามาก่อนรีบยกมือบางขึ้นมาปิดตาไว้ถึงแม้เขาจะมีหุ่นที่กำยำ กล้ามตั้งแต่หน้าอกคู่แกร่งไล่ลงมาจนถึงหน้าท้องและหยุดลงที่วีเชฟไร้ไขมันจะเรียงตัวเป็นร่อนอย่างสวยงามก็เถอะ ก็นะจะให้ฉันทำอย่างไรได้ถึงปากจะเอ่ยว่าเขาแต่สายตายังแอบลอบมองเขาดูระหว่างง้ามนิ้วมือตัวเองอยู่ดีก็เขาดูหล่อน่ากินอย่างนี้ไง ฉันจึงยอมทำตามแผนการที่คุณป้าวางไว้ "ทำอะไรคะ แก้ผ้าทำไม" "หึ อยากอาบน้ำ ร้อน"คนตัวสูงพูดเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเดินอวดโชว์หุ่นกำยำที่มีไอ้กร้านโลกปัดปายไปมาอยู่ในอากาศให้ฉันใจสั่นเล่นแล้วเขาก็เดินเข้าห้องน้ำไป "แล้วทำไมไม่ไปถอดที่ห้องน้ำล่ะคะ หรือไม่ก็เอาผ้าเช็ดตัวพันไว้หน่อยก็ยังดี"ฉันเสนอความคิดเมื่อเห็นว่าเขาโผล่มุดเข้าไปในห้องน้ำจนสุดตัวแล้วแต่ยังมิวายคนตัวสูงกับเอี่ยวหน้าโผล่พ้นออกมาจากห้องน้ำแค่เพียงเสียวใบหน้าหล่อก่อนเขาจะบอกฉันว่า "เธอควรทำตัวให้ชินนะเพราะนี่มันห้องนอนส่วนตัวฉัน ฉันจะแก้ผ้าตรงไหนก็ได้"พูดจบเขาก็มุดเข้าไปในห้อ
"อุ๊ย...ทำอะไรเนี่ย"ฉันส่งเสียงหวานออกมาด้วยความตกใจที่อยู่ ๆ คนตัวสูงก็ยกท่อนแขนมากระชับกอดเอวคอดกิ่วฉัน แต่กับไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมาเขายังคงนอนนิ่งสอดมือหนากระชับกอดเอวฉันไว้แน่นอะไรกันหรือว่าจะละเมอฉันได้แต่คิด ก่อนฉันจะยกมือของฉันขึ้นกุมมือคนตัวสูงไว้แน่นพร้อมกับตวัดออกรอบเอวฉันแต่ทว่าคนตัวสูงกับกระชับกอดแรงกว่าเก่าส่งผลให้ตัวฉันขยับเข้าไปติดกับคนตัวสูงที่ตอนนี้เขานอนตะแครงหันข้างมาทางฉัน แผ่นหลังฉันแนบชิดกับอกแกร่งจนไม่มีช่องว่างอีกทั้งจมูกโด่ง ๆ ของเขาฝั่งอยู่ที่ซอกคอฉัน ฉันรับรู้มันได้อย่างแน่ชัดขณะลมหายใจอุ่นไอร้อนพ่นรดซอกคอ จนไรขนอ่อนทั่วร่างกายฉันชูชันขึ้น กับสัมผัสที่วาบหวาม ไม่รู้ว่าเขาจะตั้งใจหรือไม่ ฉันรีบยกมือขึ้นแนบอกข้างซ้ายที่ตอนนี้หัวใจฉันเต้นโครมคราม ตึก ตึก ตึก! ถ้าเขาไม่หลับคงได้ยินหัวใจฉันแน่ ๆ จะทำไงดีเรา ไม่รู้ละเมอจริงหรือเปล่าแต่ที่รู้ว่าตอนนี้มีบ้างอย่างดันอยู่ช่วงก้นกลม ๆ ขอฉัน ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าวลามไปถึงใบหู กับสถานการณ์ที่หมิ่นเหม่คิดไม่ตกว่าทำอย่างไรดี ถ้าเราเรียกเขาเข้าจะดุด่าเราไหมนะ แต่ก็ยอมที่จะเรียกเขาถึงเขาจะไม่พอใจก็ตาม"คุณสายฟ้าตื่นอยู่หรื
2 อาทิตย์ต่อมา ม่านน้ำที่นั่งมองดูตัวเองในกระจกที่ตอนนี้ร่างบางที่มีหน้าท้องนู้นขึ้นมาเล็กน้อยสวมใส่ชุดแต่งงานสายเดี่ยวสีขาวกระโปรงยาวแค่เข่า ใบหน้าหวานถูกแต่งแต้มสีสันอย่างสวยงาน ขณะช่างที่ถูกจ้างมากำลังจับผมออกเป็นช่อเล็ก ๆ แล้วถักสานจนเกิดเป็นผมเปียอย่างสวยงาม เมื่อถักเปียจนครบสองข้างแล้วช่างก็รวบตึงเปียผมทั้งสองมาอยู่ทางด้านหลังก่อนจะมัดและติดกิฟฝั่งเพชรรูปหัวใจและแซมด้วยไข่มุกเม็ดเล็ก ๆ สีขาวลงบนกลุ่มผมเป็นอันเสร็จสิ้น "เสร็จแล้ว สวยมากกกเลยค่าคุณน้อง "เสียงของช่างเอ่ยบอกเมื่อจัดแต่งผมเสร็จและติดกิฟท์ฝั่งเพชรรูปหัวใจเป็นลำดับสุดท้าย ฉันที่มองตัวเองผ่านกระจกเงาใช่สวย วันนี้ฉันสวยแปลกตามากไม่คิดว่าพี่ช่างแต่งหน้าจะมีฝีมือมากขนาดนี้ ก่อนฉันจะได้ยินเสียงเปิดประตู แก๊บ! ตามมาด้วยเสียงทุ้มคุ้นหูเอ่ยเรียก "เสร็จหรือยังครับเจ้าสาวของพี่ แม่ให้มาเรียก พระใกล้จะถึงแล้วนะครับ" ฉันที่มองไปตามเสียงก่อนจะส่งยิ้มหวาน ๆ ไปให้คนเรียก ก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้เดินมาหาเจ้าบ่าวในเวลาต่อมา ขณะพี่สายฟ้าที่ตอนนี้อยู่ในชุดสูทสีขาวเซ็ทผมออกมาจนดูหล่อและยิ่งมาอยู่ในชุดสูทยิ่งทำให้คนตัวสูงที่ดูหล่อดูสมา
แต่ในวินาทีถัดมาแสงไฟที่ส่องให้แสงสว่างภายในรีสอร์ทกับดับลง หลงเหลือแต่ความมืดสนิท มีเพียงแสงนวลผ่องของพระจันทร์ที่ส่องให้ความสว่างเท่านั้น "พี่สายฟ้า" มือบางคว้าท่อนแขนคนนั่งอยู่ข้าง ฉับพลันกับคิดถึงเหตุการณ์ร้าย ๆ เมื่อคราวก่อนผุดเข้ามาในหัวก่อนเสียงหวานจะเอ่ยเรียกคนข้างกายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเพราะความกลัว "ไม่ต้องกลัวครับพี่นั่งอยู่นี่"เสียงทุ้มเอ่ยบอกพรางโอบกอดคนตัวเล็กไว้ในแนบอกที่ตอนนี้ร่างบอบบางขยับสั่นไหวเบา ๆ จนสายฟ้าพอจะรับรู้อาการของคนในอ้อมกอดนี้ได้ อยู่ ๆ ก็รู้สึกผิดและกลัวที่ตัวเองสร้างสถานการณ์ตรงนี้ขึ้นมา แล้วถ้าคนตัวเล็กโกรธไม่ยอมตกลงที่จะแต่งงานกับตัวเองจะทำอย่างไร "เอาวะ สู้โว้ย ถ้าวันนี้ไม่ตกลง อย่างไงเขาก็จะตื้อให้คนในออมอ้อมยอมตกลงแต่งงานกับตัวเองให้ได้"สายฟ้าได้แต่คิดในใจ ผิดกับทุกคนที่มาร่วมงานเลี้ยง พวกเขาทุกคนรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เกิดจากฝีมือของคนจัดเตรียมงานที่อยากจะเซอร์ไพรส์เมียรัก แต่ไหนเลยคนที่โดนเซอร์ไพรส์กับกลัวแทนที่จะมีอาการประหลาดใจ "ทำไมไฟดับคะพี่"ม่านน้ำถามขึ้นอีกรอบเมื่อคนตัวสูงไม่ได้ให้คำตอบในคราวแรก แต่แล้วสิ้นเสียงหวานเอ่ยถามเท่านั้นไฟ
3 เดือนต่อมา ร่างบอบบางที่อยู่ในชุดนักศึกษาและคลุมทับด้วยชุดครุยตัวยาวสีกรม ผมสีแดงในตอนแรกถูกย้อมเป็นสีน้ำตาลธรรมชาติถูกเกล้าม้วนขึ้นเป็นทรงสวย เผยให้เห็นใบหน้าเรียวเล็กได้รูปที่ถูกเติมแต่งสีสันด้วยเครื่องสำอางเพียงบางเบา ริมฝีอวบอิ่มฉาบด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อนยกยิ้มหวานจนตาหยี ร่วมเฟรมถ่ายรูปกับกลุ่มเพื่อน ๆ ในคลาสเรียน ใช่แล้ววันนี้เป็นวันที่ม่านน้ำแล้วเพื่อน ๆ จบการศึกษาและเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร เมื่อเสร็จพิธีจากหอประชุมเรียบร้อยแล้ว เพื่อน ๆ ในคลาสต่างพากันมาร่วมกลุ่มถ่ายรูป โดยช่างภาพที่ถูกว่าจ้างจากมหาวิทยาลัยเป็นคนหามา "123" แชะ ! เสียงตากล้องนับให้เป็นสัญญาณก่อนที่จะชัตเตอร์ "สวยแล้ว ผมขอถ่ายกันเสียอีก 2-3 รูปนะครับ"พูดจบตากล้องก็กดชัตเตอร์อีก 2-3 ครั้ง "เสร็จแล้วนะครับ เดี๋ยวรูปจะส่งไปให้ตามที่น้อง ๆ กรอกที่อยู่ให้นะครับ"ช่างภาพหนุ่มเอ่ยบอกก่อนที่บัณฑิตจะทะยอยเดินออกจากเฟรม เพราะมีบัณฑิตจากคลาสอื่น ๆ รอถ่ายรูปเช่นกัน "น้ำแกจะรีบเดินไปไหน"เสียงเพชรชี่เอ่ยทักเพื่อนเมื่อเห็นว่าม่านน้ำกำลังสาวเท้าด้วยความเร็วไปทางโต๊ะม้าหินอ่อนที่อยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ "พี่สายฟ้านั่งรอเราอยู
ช่วงเช้าของวัน หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จผมพาคนตัวเล็กมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในตัวจังหวัดตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เราสองใช้เวลาตรวจ รับยา รอบัตรนัดครั้งต่อไปกว่าจะเสร็จทุกขั้นตอนก็กินเวลาไปเกือบครึ่งวัน และเมื่อเราสองคนขึ้นมาบนรถยนต์ตอนแรกผมคิดว่าจะพาคนตัวเล็กกลับรีสอร์ท แต่เมื่อสายตาของผมไปประทะกับตัวเลขที่โชว์เวลาที่หน้าปัดด้านหน้าคอนโซลรถอีกแค่ครึ่งชั่วโมงก็จะเที่ยงแล้ว และคาดการว่าเวลาในไม่ช้าคนที่นั่งข้าง ๆ ต้องมีอาการอยากอาหารแน่ ๆ เพราะเมื่อเช้าเราสองคนทานเพียงข้าวต้มกุ้งแค่ถ้วยเดียวก่อนออกมาโรงพยาบาล ฉับพลันคำพูดของคุณหมอสาวก็ลอยแวบขึ้นมาในหัว "ช่วงนี้คุณแม่อาจจะหิวบ่อยนะคะ ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าปล่อยให้คุณแม่หิวหรือคุณพ่อจะหาซื้อพวกแครกเกอร์ติดไว้ก็ได้ ถึงมันจะช่วยไม่ได้มาก แต่มันก็ยังช่วยในระดับหนึ่งคุณแม่จะได้ไม่เหวี่ยงวีน ตามอารมณ์ที่แปรปรวนง่าย ๆ " และนี่คือคำพูดที่คุณหมอสาวเอ่ยบอกผมตอบรับคำในทันที ถึงว่าช่วงนี้อารมณ์ของคนตัวเล็กถึงขึ้น ๆ ลง ๆ คงเป็นเพราะฮอร์โมนของคนท้องนี่เอง ผมจึงไม่รอเวลาให้เนิ่นนานรีบหันไปถามคนที่นั่งข้าง ๆ ในทันที "ใกล้จะเที่ยงแล้ว หนู
ทันทีที่รถเคลื่อนตัวออกจากอพาร์ทเม้นท์ของเพื่อนสนิทมีคำถามหนึ่งแวบเข้ามาในหัวและอดจะไม่ถามหรือปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้จริง ๆ ม่านน้ำเลือกที่จะมองใบหน้าแฟนหนุ่มก่อนเสียงหวานจะเอ่ยถามในเวลาถัดมา "ทำไมพี่ขึ้นอพาร์ทเม้นท์ของเพื่อนหนูได้คะ"และเป็นเรื่องนี้ที่ม่านน้ำไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้เธอสงสัยตั้งแต่อยู่ในห้องแล้ว ว่าเหตุใดคุณลุงที่เข้มงวดเรื่องความปลอดภัยของผู้พักอาศัยถึงปล่อยให้บุคคลภายนอกเข้ามาได้ สายฟ้าเมื่อได้ยินคำถามถึงกับยกยิ้มกรุ่มกริ่มเอ่ยบอกเมียรักไปตามความเป็นจริง "ก็ไม่เห็นยาก แค่บอกลุงเขาว่าเราทะเลาะกัน และหนูหนีมาอยู่กับเพื่อน และตอนนี้หนูยังท้องอ่อน ๆ ลูกของพี่อยู่ ลุงคงเห็นใจสงสารพี่เลยช่วยพี่พาพี่ขึ้นมาหาหนูที่ห้องเพื่อนหนูนั้นแหละ" คนตัวเล็กพยักหน้าหงึก ๆ เข้าใจได้ว่าทำไมคู่หมั้นหนุ่มถึงขึ้นไปได้แต่อีกเรื่องที่เธอสงสัยไม่ต่างจากคำถามแรกก็คือเขาแน่ใจได้อย่างไรว่าเธออยู่ที่นี่กับเพื่อนสนิทของเธอ "แล้วพี่รู้ได้ไงว่าหนูอยู่ที่นี่" สายฟ้าเลิกคิ้วเข้ม ฉีกยิ้มกว้างออกมานุ่มนวล เหลียวมองคนนั่งข้างตัวเองแค่แวบหนึ่งก่อนสายตาจะจับจ้องถนนด้านหน้าต่อก่อนเสียงทุ้มเอ่ยตอบคำถา
สายฟ้าที่เข้ามาในห้องโดยมีเพื่อนทั้งสองอย่างนิกเป้เดินตามมาติด ๆ เขาใช้สายตาคู่คมพยายามสอดส่องมองไปทั่วบริเวณห้อง กับต้องมาสะดุดกับรองเท้าที่ถูกถอดวางทิ้งไว้ที่ชั้นไม้สีน้ำตาลที่ใช้สำหรับวางรองเท้าเขาจำได้ดีว่ารองเท้าคู่นี้นั้นเป็นของใคร มุมปากยกยิ้มขึ้นมาอย่างดีใจเมื่อรู้สึกว่าความหวังอันริบหรี่ในตอนแรกเริ่มปรากฎให้เขาได้เห็นอีกครั้ง และอีกไม่เพียงอึดใจในภายภาคหน้าเขาจะได้เห็นหน้าคนตัวเล็กแล้ว (ถ้าน้องให้เจอ) "พี่สายฟ้า"เสียงทั้งสามสาวร้องอุทานออกมาประสานกัน พร้อมกับทำสายตาเลิ่กลั่กแสดงออกถึงการมีพิรุธ จนสายฟ้าสามารถจับความผิดปกตินั้นได้ "ฮ่าาา....พวกพี่มาได้ไงคะ"ขณะที่ดาวยกมือขึ้นป้องปากพร้อมกับหัวเราะกลบเกลื่อนเพื่อไม่ให้แฟนของเพื่อนจับพิรุธได้แต่ด้วยความเป็นคนช่างสังเกตุของสายฟ้าทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าเพื่อนสนิทของเมียรักที่แสดงออกมานั้น 'เฟซ สุด ๆ' "พี่ก็เดินขึ้นมา ม่านน้ำอยู่ที่นี่ใช่ไหม"สายฟ้าตอบขณะพยายามสอดส่องสายตามองไปรอบห้องกับไม่พบแม้แต่เงาของเมียรัก หัวคิ้วตีกันยุ่งก่อนจะสาวเท้าเดินไปดูด้านหลังระเบียงห้อง และมาหยุดที่ประตูไม้สีขาวคาดว่าน่าจะเป็นห้องนอนของเจ้าของห้อง มือ
หลังจากวางสายโทรศัพท์จากเพื่อนไม่ถึง 10 นาทีเป้ก็ส่งโลเคชั่นมาให้ สายตาเฉี่ยวคมมองดูจุดหมายปลายทางจากหน้าจอโทรศัพท์ก่อนที่สายฟ้าจะรีบคว้ากุญแจรถ ตรงไปที่รถยนต์ของตัวเองจัดการสตาร์ทเครื่องยนต์เสร็จสรรพและขับมุ่งตรงไปยังสถานที่ที่เพื่อนนั้นปักหมุดมาให้ อีกด้านหลังจากส่งโลเคชั่นให้เพื่อนเรียบร้อยแล้วเป้และนิกเลือกที่จะจอดรถหลบมุมข้างกำแพงอพาร์ทเม้นท์ ที่เป็นมุมอับมีพุ่มไม้อยู่ข้างกำแพงทำให้เขาสองคนสามารถที่จะอำพรางไม่ให้ใครเห็น ( ถ้าไม่สังเกตุดี ) สายฟ้าใช้เวลาอยู่บนท้องถนนไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ด้วยความเร็วของรถที่เขาเหยียบมาบวกกับความร้อนใจ ส่งผลให้เขาอยู่บนท้องถนนในระยะอันสั้น ทันทีที่ถึงจุดมุ่งหมายเขาพยายามสอดส่องสายตาหาเพื่อนทั้งสองคนแต่กับไม่เห็นแม้แต่เงาเพื่อน เรียวคิ้วหนาขดขมวดเข้าหากันยุ่งกร่นด่าเพื่อนสนิทอยู่ในใจ 'แม่งเอ๋ยอย่าบอกนะส่งโลเคชั่นให้กูเสร็จแล้วชิงหนีเจอหน้าพ่อจะด่าให้ยับเลย' ขณะที่สายฟ้ากร่นด่าเพื่อนไปด้วยสายตาเหลือบมองเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์สีส้มอิฐที่มีความสูงแค่สามชั้นตรงหน้า แต่ในระหว่างที่สายฟ้ากำลังจะก้าวขาเดินเข้าไปข้างในอพาทเมนท์กับมีเสียงทุ้มอันคุ้นหูดังขึ้นมาเ
ด้านสายฟ้า ย้อนไปเมื่อหลายชั่วโมงหลังจากสายฟ้าเช็คจนแน่ใจแล้วคนตัวเล็กหอบลูกตัวเองที่ยังอยู่ในท้องหนีเขาไป สายฟ้าไม่รอช้ารีบต่อสายหาเพื่อนทั้งสองคนด้วยอาการร้อนใจทันที "ไอ้เป้มึงกับไอ้นิกอยู่ด้วยกันไหมกูงานเข้าแล้ว"ทันทีที่เพื่อนรับสายโทรศัพท์สายฟ้ารีบเอ่ยถามเพื่อนถึงสิ่งที่อยากรู้ในทันที [อยู่ด้วยกันมึงมีอะไรมึงรีบพูดมาไอ้สายฟ้า อย่าบอกนะว่าเมียมึงหอบลูกมึงหนีไปแล้ว] เป้พูดแบบลอย ๆ แต่ไม่คิดว่าถ้อยคำที่เพื่อนพูดมันกับทำให้สายฟ้าสะอึกพูดอะไรไม่ออก แต่เป้ผู้ที่พูดอะไรส่งเดทไม่ได้คิดอะไรเยอะแยะเขาพูดแค่เพียงแหย่เพื่อนเล่นเฉย ๆ แต่พอเห็นเพื่อนเงียบเสียงไป ทำให้เขาเริ่มที่จะรู้ว่าหรือสิ่งที่เขาพูดเล่น ๆ อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ ระหว่างนั้นเขาเปิดสปีคโฟลเพื่อให้เพื่อนอีกคนได้รับรู้ไปด้วยกัน ขณะสายฟ้าเงียบไปสักพักจนมีเสียงเรียกจากปลายสายทำให้สายฟ้าได้สติและพูดต่อด้วยความร้อนใจ [สายฟ้ามึงมีอะไรทำไม้งียบไป มึงยังอยู่หรือเปล่า] สายฟ้าสะดุ้งขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนเอ่ยเรียกก่อนที่สายฟ้าจะรวบรวมข้อมูลทุกอย่างบอกเพื่อนตามสายโทรศัพท์ "อืม...น้องม่านน้ำขี่มอเตอร์ไซค์หนีกูไปแล้ว ไปไหนก็ไม่
ม่านน้ำเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เพื่อนทั้งสามฟัง โดยเพื่อนทั้งสามต่างนั่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ "ที่แกต้องหมั้นกับพี่สายฟ้าเป็นเพราะป้าแกจะช่วยเหลือแกเรื่องที่บ้านแกเป็นหนี้เหรอ โอ้ย ! ฉันไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะมีอยู่จริงเห็นมีแต่ในนิยาย"เดือนอุทานออกมาเสียงดังยกมือทั้งสองขึ้นแนบอกไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับเพื่อนตัวเอง "อืม.,.ฮืออ"ขณะที่ม่านน้ำขานรับเพื่อนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและสะอึกสะอื้นมือบางหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาซับน้ำตาก่อนจะสั่งน้ำมูกลงกระดาษทิชชู่แผ่นเดียวกันแล้วโยนทิ้งลงถังขยะใกล้ ๆ "ฉันก็เข้าใจนะว่าการที่แกต้องหมั้นเพราะต้องการช่วยครอบครัวใช้หนี้ แต่เรื่องที่แกมีอะไรกับเขาจนท้องละ โอ้ย ! นังน้ำ แกไม่เคยเรียนสุขศึกษาเหรอว่าเขาคุมกำเนิดกับแบบไหน เรายังเรียนไม่จบนะน้ำ"เดือนพูดขึ้นบ้างเข้าใจเพื่อนเป็นอย่างดีที่เพื่อนทำแบบนี้เพราะต้องการตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ แต่เรื่องที่ตัวเองตั้งท้องในตอนที่ตัวเองเรียนยังไม่จบละจะทำอย่างไงงานก็ไม่มีทำจะเอาเงินที่ไหนเลี้ยงลูก "กูไม่รู้...ฮือออ...ตอนนั้นกูลืม...ซื้อยาคุมมากิน"ม่านน้ำเอ่ยบอกเพื่อนด้วยเสียงสะอึกสะอื้น "เอาละพวกมึงเลิกว่ามันสั