ณ.ห้างสรรพสินค้า สองชายหญิงที่เดินเคียงคู่อยู่ในห้างดังของตัวจังหวัดขณะที่มือใหญ่ถือถุงแบรนด์ดังอยู่หลายถุง ส่วนอีกมือกุมมือเล็กไว้ไม่ยอมปล่อย ทั้งสองเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้จนคนตัวเล็กเริ่มปวดขา "พี่เหนื่อยแล้วเมื่อไหร่จะกลับคะ"มือบางฉุดรั้งต้นแขนกำยำของคนตัวสูงให้หยุดเดินพร้อมช้อนสายตาจ้องมองใบหน้าคมก่อนจะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "ไปซื้อเสื้อผ้าอีกร้านเดียวเดี๋ยวเราไปหาอะไรกินแล้วกลับเนอะ"สายฟ้าเอ่ยบอกพร้อมลากจูงคนตัวเล็กมาตามทางเดินของห้างเรื่อย ๆ คนตัวเล็กไม่ได้กล่าวอะไรให้ยืดเยื้อยอมเดินไปตามแรงลากจูงเพราะอยากจะรีบซื้อและหาอะไรกินแล้วจะได้กลับไปพักผ่อนเสียที 'เหนื่อยเต็มทน' ทั้งสองมาหยุดที่หน้าร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่งซึ่งภายในร้านมีแต่ชุดและเครื่องแบบนักเรียนและนักศึกษาหลาย สถาบันแขวงอยู่ที่มีตั้งแต่ไซส์เล็กยังไซส์ใหญ่ "พี่สายฟ้า จะซื้อชุดนักศึกษาให้ใครคะ"สายตาคู่สวยมองเข้าไปในร้านที่มีชุดนักศึกษาหลายแบบหลายขนาดแขวนอยู่อดจะถามคู่หมั้นหนุ่มไม่ได้ด้วยความสงสัยมึนงง ขณะที่สายฟ้ารีบตอบทันควันมองชุดนักศึกษาที่คนตัวเล็กใส่อยู่ด้วยความหงุดหงิดใจเมื่อมองยังสาปเสื้อระหว่างร่องกระดุ
รถยนต์คันหรูสีดำขับมุ่งหน้าเพื่ิอกลับรีสอร์ท ใบหน้าคมแสดงอาการบูดบึ้งตลอดทางขณะคนตัวเล็กก็เข้าใจถึงความรู้สึกของคนตัวสูงดีจึงไม่ได้เอ่ยบอกอะไรให้เสียบรรยากาศเพิ่มขึ้น จนบรรยากาศภายในรถที่เงียบสงบนิ่งเพราะไม่มีแม้คำพูดสักคนที่เอ่ยขึ้นมา ขณะที่ม่านน้ำค่อย ๆ เอื้อมมือไปกุมมือคู่หมั้นหนุ่มที่วางอยู่บนเกียร์รถยนต์พร้อมลูบหลังมืออย่างแผ่วเบา ด้วยสัมผัสที่อ่อนโยนแต่แค่การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้กับช่วยดับอารมณ์ร้อนกรุ่นเมื่อครู่ของสายฟ้าเบาบางขึ้นได้เยอะ สายฟ้าละสายตาออกจากถนนเบื้องหน้าหันใบหน้าหล่อคมพร้อมสบสายตามายังใบหน้าหวานที่ส่งยิ้มหวานอ่อนละมุนมาให้แต่แค่แวบเดียวเท่านั้นที่สายฟ้ามองคนตัวเล็กก่อนจะหันหน้ามองถนนเบื้องหน้าต่อ ขณะความรู้สึกส่วนลึกที่เขากับคิดไม่น่าเชื่อแค่การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคนตัวเล็กที่ส่งมาให้เขามันช่างดูอ่อนโยนอบอุ่นจนเขาสัมผัสได้ "เสียบรรยากาศหมดเลยพี่ว่าจะพาหนูมาเดินห้างให้สบายใจเสียหน่อยแต่กับเจอกับ.... เฮ้ยพี่ไม่อยากพูดถึงมันเท่าไหร่"อยู่ ๆ สายฟ้าก็เอ่ยขึ้นมาทำให้บรรยากาศที่เงียบตลอดของการเดินทางเมื่อครู่ ถูกขัดขึ้นด้วยเสียงทุ้มของคู่หมั้นหนุ่ม ขณะม่านน้ำไ
ม่านน้ำลืมตาขึ้นเมื่อรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติที่มา ยุ่งยามช่วงเรียวขาก่อนเปลือกตาจะเบิกกว้างกว่าเก่าเมื่อเห็นชายปริศนาที่นั่งอยู่ช่วงปลายเตียงและชายคนนั้นกำลังส่งมือมาลูบไล้ช่วงเรียวขาของตัวเอง วินาทีนั้นเองม่านน้ำค่อย ๆ ตั้งสติก่อนพร้อมคิดหาวิธีทางเอาตัวรอดให้พ้นจากสถานการณ์ตอนนี้ ร่างบอบบางพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะนิ่งได้ พร้อมหรี่ตาดูหน้าผู้ชายคนนั้นให้เด่นชัดว่า คนนั้นเป็นใครกันแน่แต่ด้วยความมืดบวกกับเขานั่งก้มหน้าสายตาเขาจอจ่ออยู่ช่วงเรียวขาของฉันเพราะแบบนี้แหละฉันถึงมองเขาไม่เห็นถนัก แต่รูปร่างและทรงผมของผู้ชายคนนั้นเหมือนกับฉันเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ฉันพยายามคิดแต่ก็คิดไม่ออกว่าฉันเคยเจอเขาที่ไหนกันนะ แต่วินาทีนั้นเขาเสยหน้าขึ้นมามองฉันทำให้ฉันรีบปิดเปลือกตาลง และพยายามประคองสติไม่ให้เขารู้ว่าฉันรู้สึกตัวแล้ว ขณะที่เขามองมาที่เมื่อเห็นว่าฉันยังหลับอยู่มือของเขาค่อย ๆ ลูบไล้ตั้งแต่เรียวขา ไล่ขึ้นมาผ่านสะโพกและลูบตามสีข้างของฉันขึ้นมาเรื่อย ๆ ก่อนจะหยุดลูบวนที่ต้นแขนฉันอย่างแผ่วเบา ในขณะที่ฉันพยายามหลับตาและทำตัวให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะนิ่งได้ ฉันได้ยินเสียงเขาพ่นลมหายใจอ
เสียงปืนที่ดังมาจากข้างนอกทำให้ฉันมองไปตามเสียง ระหว่างนั้นพี่สายฟ้าคว้าเสื้อคลุมที่อยู่ใกล้ ๆ มาคลุมร่างกายฉันที่มีสภาพอันหล่อแหลม "พ่อ"ฉันกับพี่สายฟ้าพูดออกมาพร้อมกันขณะเมื่อสายตาของฉันเห็นว่าร่างหนาของท่านสาวเท้าเข้ามาภายในห้อง และยังหันปลายกระปอกปืนมาทางพัฒน์ คนที่ทำร้ายฉันโดยมีคุณแม่เดินตามหลังท่านมาติด ๆ และมีพนักงานรีสอร์ทหลายคนยืนอ่ออยู่หน้าห้องหลายคน "หยุดถ้าแกทำอะไรลูกฉันกับหนูม่านน้ำแกตายศพไม่สวยแน่"เสียงทุ้มที่เปล่งออกมาอย่างเรียบนิ่ง แต่ก็ดูน่าเกรงขาม ขณะพัฒน์ที่เห็นคุณพ่อที่ถือปืนเล็งมาที่ตัวเอง เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นห้อง ใบหน้าซีดเผือดแสดงออกถึงความกลัว "อย่ายิงผมเลย"พัฒน์เอ่ยบอกค่อย ๆ ยกมือขึ้นทั้งสองข้างร่างกายของเขาสั่นสะท้านจนเห็นได้ชัดส่วนสายตาเขาจ้องมองปืนแบบไม่กระพริบตา ท่านเดินเข้ามาใกล้คนร้ายเรื่อย ๆ ก่อนที่ท่านจะยกเท้าถีบเข้าไปที่ร่างหนาที่นั่งอยู่บนพื้นจนคนร้ายล้มลงไปกองกับพื้นห้องก่อนที่ท่านจะจ่อปลายปืนไปที่หน้าผากของเขา "มึงกล้ามากนะที่เข้ามาทำร้ายลูกกูกับลูกสะใภ้กูถึงรีสอร์ทสงสัยมึงคงไม่อยากตายดี"เสียงทุ้มเปล่งออกมาด้วยความโกรธและโมโหเมื่อเข้ามาเห็นส
เวลาล่วงเลยไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ฉันที่เผลอหลับไปเพราะความอ่อนเพลียอยู่บนเตียงคนไข้ ก่อนจะรู้สึกตัวตอนที่พยาบาลสาวเดินเข้ามาถอดสายน้ำเกลือออกจากแขน ในเวลานั้นฉันเห็นคนตัวสูงฟุบหลับข้างตัวฉันโดยมีอุ้มมือใหญ่กอบกุมมือฉันไว้แน่น "พี่สายฟ้าตื่นเถอะคะ พยาบาลมาถอดสายน้ำเกลือให้แล้ว"ฉันยกมือเขย่าร่างหนาเพื่อเรียกให้เขาตื่นจากภวังค์ ขณะคนตัวสูงที่อยู่ในภวังค์แห่งการหลับไหลเมื่อได้ยินเสียงหวานแทรกซึกเข้ามาในห้วงนินทราพลั้นก็รู้สึก ดึงตัวนั่งชันขึ้นพร้อมเสยมองคนตัวเล็กที่นอนให้น้ำเกลืออยู่บนเตียงคนไข้ ที่ตอนนี้ไม่มีเข็มน้ำเกลือติดอยู่ที่เรียวแขนของคนตัวเล็กแล้ว "ถอดสายน้ำเกลือออกแล้วเหรอ จะได้กลับรีสอร์ทไปพักผ่อนเสียที"เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมยกมือลูบใบหน้าของตัวเองเพื่อเรียกหาความสดชื่นให้ตัวเองก่อนสายตาคู่คมจะมองคนตัวเล็กที่นั่งชันตัวตั้งตรงอยู่บนเตียงคนไข้ ใบหน้าหวานตอนนี้เริ่มมีสีหน้าดูดีขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้หลังจากได้พลังงานจากน้ำเกลือหลาย ซี ซี จนหมดกระปุก "ใช่คะ พยาบาลให้พี่ไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลแล้วกลับบ้านได้เลย"เสียงหวานเอ่ยบอกคนตัวสูงตามถ้อยคำของพยาบาลสาวที่บอกตัวเองหลังจากถอดสา
ช่วงเช้าของวันใหม่ขณะที่สายฟ้าผู้ตื่นก่อนคู่หมั้นสาว ร่างหนาจัดการอาบน้ำแต่งตัวส่วมใส่เสื้อเชิ้ตสีดำกางเกงยีนส์ผ้าหนาสีเข้ม ก่อนจะสาวเท้าไปที่เตียงนอนไปหาคนตัวเล็กที่ยังไม่ตื่นนอน ริมฝีปากหนาประทับจูบลงพ่วงแก้มเนียนใสก่อนที่จะเลื่อนจูบที่หน้าผากขยับลงมาที่จมูกและขยับลงมาจูบกลีบปากบางที่ปิดสนิทขณะม่านน้ำที่รับรู้ถึงอะไรบ้างอย่างกำลังยุ่งย่ามบริเวณใบหน้า มือบางปัดปายสิ่งนั้นออกทันที แต่เหมือนกับไม่เป็นผลเมื่อม่านน้ำพยายามปัดสิ่งนั้นออกเท่าไหร่ สิ่งนั้นก็ไม่หลุดออกไปเสียที "อืม...อย่ากวน"เสียงแหบพร่าของคนที่ยังไม่ตื่นนอนเอ่ยขึ้น ก่อนจะพลิกตัวนอนตะแครงเพืี่อหลบหนีสิ่งนั้น แต่ทว่าสายฟ้านั้นมีปฏิกิริยาที่เร็วกว่ารีบคว้าร่างบางของคู่หมั้นสาวมากอดไว้ในวงแขนกำยำ ขณะร่างเล็กตอนนี้อยู่ในอ้อมกอดของสายฟ้าในท่าทางกึ่งนั่งกึ่งนอนแผ่นหลังขาวเนียนแนบชิดเนื้ออกกำยำจนไม่มีแม้ช่องว่างให้อากาศเล็ดลอดออกมาได้ "ขี้เซาจัง ตื่นเถอะพี่กำลังจะออกไปข้างนอก"เสียงทุ้มกระซิบลงข้างใบหูอย่างแผ่วเบา ขณะที่ม่านน้ำได้ยินดั่งนั้นดวงตาคู่สวยเปิดเปลือกตาขึ้นก่อนกระพริบตาปริบ ๆ มองคนรักที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ดูเรียบง
@รีสอร์ท ร่างบอบบางที่อยู่ในชุดเอี๊ยมสีดำแบบสบาย ๆ เดินนวยนาดเข้ามายังห้องอาหาร ซึ่งตอนนี้ภายในห้องมีกลิ่นหอมของอาหารลอยฟุ้งอยู่ในชั้นอากาศกลิ่นนั้นช่างหอมยั่วยวนจนพาให้น้ำลายซอ จนเผลอกลืนน้ำลายลงคอ อีกทั้งเสียงท้องยังร้องครวญครางบ่งบอกถึงความอยากอาหาร ฝ่ามือบางลูบลงท้องน้อยเบา ๆ ก่อนจะมองไปยังโต๊ะที่เห็นพ่อแม่ของคู่หมั้นหนุ่มนั่งอยู่และบนโต๊ะนั้นยังมีอาหารหลายอย่างวางเรียงรายกันอยู่ โดยท่านทั้งสองก็มองมาทางฉันเช่นกันก่อนที่ท่านจะเอ่ยถามฉันด้วยความสงสัย"ลงมาแล้วเหรอแม่กำลังให้คนไปตามอยู่พอดี แล้วสายฟ้าไม่ได้ลงมากับหนูด้วยเหรอ" "พี่สายฟ้าออกไปที่สถานีตำรวจตั้งแต่เช้าแล้วคะ"ฉันบอกพร้อมสาวเท้าเข้ามายังโต๊ะอาหารก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้สีขาวตรงข้ามท่านทั้งสองคน "ตอนนี้ดีขึ้นหรือยังลูก เมื่อวานแม่ใจหายใจค่ำหมดเลยรู้ไหม พอมีเด็กวิ่งมาบอกว่าที่ห้องตาสายฟ้ามีเสียงดังแปลก ๆ พ่อกับแม่รีบวิ่งขึ้นมาดูเลย"มือที่เริ่มเหี่ยวย่นยกขึ้นลูบหัวลูกสะใภ้ เมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนยิ่งทำให้ใจหดหู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับว่าที่ลูกสะใภ้ถ้าตัวเองและสามีไปไม่ทันไม่รู้ว่าเหตุร้ายเมื่อคืนจะมีจุดจบแบบไหน แต่เธอยังเ
สายฟ้ารีบสาวเท้าเข้ามายังห้องของตัวเองเมืี่อคิดได้ว่าคนตัวเล็กที่เขาคิดถึงต้องรอเขาในห้องนอนแน่ ๆ ก่อนฝ่ามือหนาจะดันประตูไม้สีขาวเข้าไปในห้อง แต่กับพบกับความว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เงาคนที่เขาคิดถึง ขณะสายตาก็พยายามกวาดส่องจ้องมองไปที่รอบ ๆ ห้องเขาสำรวจจนมั่นใจดีแล้วว่าคนที่เขาคิดถึงไม่อยู่ที่ห้องจริง แม้แต่ในห้องน้ำเขายังเปิดเข้าไปดู "ไปไหนนะ"เสียทุ้มเข้มครางขึ้นพึ่มพ่ำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะสาวเท้าออกจากห้องนอน หรือคนตัวเล็กอาจจะลงไปรอเขาที่ห้องทำงานก่อนก็ได้ เขาได้แต่คิดในใจแต่สิ่งที่เห็นกับช่างตรงกันข้าม เมื่อเขาดันประตูเข้าไปดูภายในห้องกับพบแต่ความวางเปล่า "ห้องทำงานก็ไม่อยู่"สายฟ้าบ่นพึ่มพ่ำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะคิดได้ว่าหรืออยู่ในห้องทำงานของพ่อแม่ เร็วเท่าความคิดสายฟ้าปิดประตูก่อนจะรีบเดินไปห้องทำงานของพ่อและแม่ในทันที "พ่อครับแม่ครับเห็นน้องม่านน้ำหรือเปล่า เมื่อกี้ผมไปที่ห้องตัวเองไม่เจอน้อง ไปดูที่ห้องทำงานก็ไม่เห็นเหมือนกัน"สายฟ้าดันประตูห้องทำงานของพ่อและแม่กับพบกับความว่างเปล่าของคนตัวเล็กที่คิดถึง สายฟ้ารีบเอ่ยถามคนเป็นพ่อและแม่ทันที ขณะที่ท่านทั้งสองเสยใบหน้าขึ้นมามองลูก
2 อาทิตย์ต่อมา ม่านน้ำที่นั่งมองดูตัวเองในกระจกที่ตอนนี้ร่างบางที่มีหน้าท้องนู้นขึ้นมาเล็กน้อยสวมใส่ชุดแต่งงานสายเดี่ยวสีขาวกระโปรงยาวแค่เข่า ใบหน้าหวานถูกแต่งแต้มสีสันอย่างสวยงาน ขณะช่างที่ถูกจ้างมากำลังจับผมออกเป็นช่อเล็ก ๆ แล้วถักสานจนเกิดเป็นผมเปียอย่างสวยงาม เมื่อถักเปียจนครบสองข้างแล้วช่างก็รวบตึงเปียผมทั้งสองมาอยู่ทางด้านหลังก่อนจะมัดและติดกิฟฝั่งเพชรรูปหัวใจและแซมด้วยไข่มุกเม็ดเล็ก ๆ สีขาวลงบนกลุ่มผมเป็นอันเสร็จสิ้น "เสร็จแล้ว สวยมากกกเลยค่าคุณน้อง "เสียงของช่างเอ่ยบอกเมื่อจัดแต่งผมเสร็จและติดกิฟท์ฝั่งเพชรรูปหัวใจเป็นลำดับสุดท้าย ฉันที่มองตัวเองผ่านกระจกเงาใช่สวย วันนี้ฉันสวยแปลกตามากไม่คิดว่าพี่ช่างแต่งหน้าจะมีฝีมือมากขนาดนี้ ก่อนฉันจะได้ยินเสียงเปิดประตู แก๊บ! ตามมาด้วยเสียงทุ้มคุ้นหูเอ่ยเรียก "เสร็จหรือยังครับเจ้าสาวของพี่ แม่ให้มาเรียก พระใกล้จะถึงแล้วนะครับ" ฉันที่มองไปตามเสียงก่อนจะส่งยิ้มหวาน ๆ ไปให้คนเรียก ก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้เดินมาหาเจ้าบ่าวในเวลาต่อมา ขณะพี่สายฟ้าที่ตอนนี้อยู่ในชุดสูทสีขาวเซ็ทผมออกมาจนดูหล่อและยิ่งมาอยู่ในชุดสูทยิ่งทำให้คนตัวสูงที่ดูหล่อดูสมา
แต่ในวินาทีถัดมาแสงไฟที่ส่องให้แสงสว่างภายในรีสอร์ทกับดับลง หลงเหลือแต่ความมืดสนิท มีเพียงแสงนวลผ่องของพระจันทร์ที่ส่องให้ความสว่างเท่านั้น "พี่สายฟ้า" มือบางคว้าท่อนแขนคนนั่งอยู่ข้าง ฉับพลันกับคิดถึงเหตุการณ์ร้าย ๆ เมื่อคราวก่อนผุดเข้ามาในหัวก่อนเสียงหวานจะเอ่ยเรียกคนข้างกายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเพราะความกลัว "ไม่ต้องกลัวครับพี่นั่งอยู่นี่"เสียงทุ้มเอ่ยบอกพรางโอบกอดคนตัวเล็กไว้ในแนบอกที่ตอนนี้ร่างบอบบางขยับสั่นไหวเบา ๆ จนสายฟ้าพอจะรับรู้อาการของคนในอ้อมกอดนี้ได้ อยู่ ๆ ก็รู้สึกผิดและกลัวที่ตัวเองสร้างสถานการณ์ตรงนี้ขึ้นมา แล้วถ้าคนตัวเล็กโกรธไม่ยอมตกลงที่จะแต่งงานกับตัวเองจะทำอย่างไร "เอาวะ สู้โว้ย ถ้าวันนี้ไม่ตกลง อย่างไงเขาก็จะตื้อให้คนในออมอ้อมยอมตกลงแต่งงานกับตัวเองให้ได้"สายฟ้าได้แต่คิดในใจ ผิดกับทุกคนที่มาร่วมงานเลี้ยง พวกเขาทุกคนรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เกิดจากฝีมือของคนจัดเตรียมงานที่อยากจะเซอร์ไพรส์เมียรัก แต่ไหนเลยคนที่โดนเซอร์ไพรส์กับกลัวแทนที่จะมีอาการประหลาดใจ "ทำไมไฟดับคะพี่"ม่านน้ำถามขึ้นอีกรอบเมื่อคนตัวสูงไม่ได้ให้คำตอบในคราวแรก แต่แล้วสิ้นเสียงหวานเอ่ยถามเท่านั้นไฟ
3 เดือนต่อมา ร่างบอบบางที่อยู่ในชุดนักศึกษาและคลุมทับด้วยชุดครุยตัวยาวสีกรม ผมสีแดงในตอนแรกถูกย้อมเป็นสีน้ำตาลธรรมชาติถูกเกล้าม้วนขึ้นเป็นทรงสวย เผยให้เห็นใบหน้าเรียวเล็กได้รูปที่ถูกเติมแต่งสีสันด้วยเครื่องสำอางเพียงบางเบา ริมฝีอวบอิ่มฉาบด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อนยกยิ้มหวานจนตาหยี ร่วมเฟรมถ่ายรูปกับกลุ่มเพื่อน ๆ ในคลาสเรียน ใช่แล้ววันนี้เป็นวันที่ม่านน้ำแล้วเพื่อน ๆ จบการศึกษาและเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร เมื่อเสร็จพิธีจากหอประชุมเรียบร้อยแล้ว เพื่อน ๆ ในคลาสต่างพากันมาร่วมกลุ่มถ่ายรูป โดยช่างภาพที่ถูกว่าจ้างจากมหาวิทยาลัยเป็นคนหามา "123" แชะ ! เสียงตากล้องนับให้เป็นสัญญาณก่อนที่จะชัตเตอร์ "สวยแล้ว ผมขอถ่ายกันเสียอีก 2-3 รูปนะครับ"พูดจบตากล้องก็กดชัตเตอร์อีก 2-3 ครั้ง "เสร็จแล้วนะครับ เดี๋ยวรูปจะส่งไปให้ตามที่น้อง ๆ กรอกที่อยู่ให้นะครับ"ช่างภาพหนุ่มเอ่ยบอกก่อนที่บัณฑิตจะทะยอยเดินออกจากเฟรม เพราะมีบัณฑิตจากคลาสอื่น ๆ รอถ่ายรูปเช่นกัน "น้ำแกจะรีบเดินไปไหน"เสียงเพชรชี่เอ่ยทักเพื่อนเมื่อเห็นว่าม่านน้ำกำลังสาวเท้าด้วยความเร็วไปทางโต๊ะม้าหินอ่อนที่อยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ "พี่สายฟ้านั่งรอเราอยู
ช่วงเช้าของวัน หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จผมพาคนตัวเล็กมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในตัวจังหวัดตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เราสองใช้เวลาตรวจ รับยา รอบัตรนัดครั้งต่อไปกว่าจะเสร็จทุกขั้นตอนก็กินเวลาไปเกือบครึ่งวัน และเมื่อเราสองคนขึ้นมาบนรถยนต์ตอนแรกผมคิดว่าจะพาคนตัวเล็กกลับรีสอร์ท แต่เมื่อสายตาของผมไปประทะกับตัวเลขที่โชว์เวลาที่หน้าปัดด้านหน้าคอนโซลรถอีกแค่ครึ่งชั่วโมงก็จะเที่ยงแล้ว และคาดการว่าเวลาในไม่ช้าคนที่นั่งข้าง ๆ ต้องมีอาการอยากอาหารแน่ ๆ เพราะเมื่อเช้าเราสองคนทานเพียงข้าวต้มกุ้งแค่ถ้วยเดียวก่อนออกมาโรงพยาบาล ฉับพลันคำพูดของคุณหมอสาวก็ลอยแวบขึ้นมาในหัว "ช่วงนี้คุณแม่อาจจะหิวบ่อยนะคะ ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าปล่อยให้คุณแม่หิวหรือคุณพ่อจะหาซื้อพวกแครกเกอร์ติดไว้ก็ได้ ถึงมันจะช่วยไม่ได้มาก แต่มันก็ยังช่วยในระดับหนึ่งคุณแม่จะได้ไม่เหวี่ยงวีน ตามอารมณ์ที่แปรปรวนง่าย ๆ " และนี่คือคำพูดที่คุณหมอสาวเอ่ยบอกผมตอบรับคำในทันที ถึงว่าช่วงนี้อารมณ์ของคนตัวเล็กถึงขึ้น ๆ ลง ๆ คงเป็นเพราะฮอร์โมนของคนท้องนี่เอง ผมจึงไม่รอเวลาให้เนิ่นนานรีบหันไปถามคนที่นั่งข้าง ๆ ในทันที "ใกล้จะเที่ยงแล้ว หนู
ทันทีที่รถเคลื่อนตัวออกจากอพาร์ทเม้นท์ของเพื่อนสนิทมีคำถามหนึ่งแวบเข้ามาในหัวและอดจะไม่ถามหรือปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้จริง ๆ ม่านน้ำเลือกที่จะมองใบหน้าแฟนหนุ่มก่อนเสียงหวานจะเอ่ยถามในเวลาถัดมา "ทำไมพี่ขึ้นอพาร์ทเม้นท์ของเพื่อนหนูได้คะ"และเป็นเรื่องนี้ที่ม่านน้ำไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้เธอสงสัยตั้งแต่อยู่ในห้องแล้ว ว่าเหตุใดคุณลุงที่เข้มงวดเรื่องความปลอดภัยของผู้พักอาศัยถึงปล่อยให้บุคคลภายนอกเข้ามาได้ สายฟ้าเมื่อได้ยินคำถามถึงกับยกยิ้มกรุ่มกริ่มเอ่ยบอกเมียรักไปตามความเป็นจริง "ก็ไม่เห็นยาก แค่บอกลุงเขาว่าเราทะเลาะกัน และหนูหนีมาอยู่กับเพื่อน และตอนนี้หนูยังท้องอ่อน ๆ ลูกของพี่อยู่ ลุงคงเห็นใจสงสารพี่เลยช่วยพี่พาพี่ขึ้นมาหาหนูที่ห้องเพื่อนหนูนั้นแหละ" คนตัวเล็กพยักหน้าหงึก ๆ เข้าใจได้ว่าทำไมคู่หมั้นหนุ่มถึงขึ้นไปได้แต่อีกเรื่องที่เธอสงสัยไม่ต่างจากคำถามแรกก็คือเขาแน่ใจได้อย่างไรว่าเธออยู่ที่นี่กับเพื่อนสนิทของเธอ "แล้วพี่รู้ได้ไงว่าหนูอยู่ที่นี่" สายฟ้าเลิกคิ้วเข้ม ฉีกยิ้มกว้างออกมานุ่มนวล เหลียวมองคนนั่งข้างตัวเองแค่แวบหนึ่งก่อนสายตาจะจับจ้องถนนด้านหน้าต่อก่อนเสียงทุ้มเอ่ยตอบคำถา
สายฟ้าที่เข้ามาในห้องโดยมีเพื่อนทั้งสองอย่างนิกเป้เดินตามมาติด ๆ เขาใช้สายตาคู่คมพยายามสอดส่องมองไปทั่วบริเวณห้อง กับต้องมาสะดุดกับรองเท้าที่ถูกถอดวางทิ้งไว้ที่ชั้นไม้สีน้ำตาลที่ใช้สำหรับวางรองเท้าเขาจำได้ดีว่ารองเท้าคู่นี้นั้นเป็นของใคร มุมปากยกยิ้มขึ้นมาอย่างดีใจเมื่อรู้สึกว่าความหวังอันริบหรี่ในตอนแรกเริ่มปรากฎให้เขาได้เห็นอีกครั้ง และอีกไม่เพียงอึดใจในภายภาคหน้าเขาจะได้เห็นหน้าคนตัวเล็กแล้ว (ถ้าน้องให้เจอ) "พี่สายฟ้า"เสียงทั้งสามสาวร้องอุทานออกมาประสานกัน พร้อมกับทำสายตาเลิ่กลั่กแสดงออกถึงการมีพิรุธ จนสายฟ้าสามารถจับความผิดปกตินั้นได้ "ฮ่าาา....พวกพี่มาได้ไงคะ"ขณะที่ดาวยกมือขึ้นป้องปากพร้อมกับหัวเราะกลบเกลื่อนเพื่อไม่ให้แฟนของเพื่อนจับพิรุธได้แต่ด้วยความเป็นคนช่างสังเกตุของสายฟ้าทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าเพื่อนสนิทของเมียรักที่แสดงออกมานั้น 'เฟซ สุด ๆ' "พี่ก็เดินขึ้นมา ม่านน้ำอยู่ที่นี่ใช่ไหม"สายฟ้าตอบขณะพยายามสอดส่องสายตามองไปรอบห้องกับไม่พบแม้แต่เงาของเมียรัก หัวคิ้วตีกันยุ่งก่อนจะสาวเท้าเดินไปดูด้านหลังระเบียงห้อง และมาหยุดที่ประตูไม้สีขาวคาดว่าน่าจะเป็นห้องนอนของเจ้าของห้อง มือ
หลังจากวางสายโทรศัพท์จากเพื่อนไม่ถึง 10 นาทีเป้ก็ส่งโลเคชั่นมาให้ สายตาเฉี่ยวคมมองดูจุดหมายปลายทางจากหน้าจอโทรศัพท์ก่อนที่สายฟ้าจะรีบคว้ากุญแจรถ ตรงไปที่รถยนต์ของตัวเองจัดการสตาร์ทเครื่องยนต์เสร็จสรรพและขับมุ่งตรงไปยังสถานที่ที่เพื่อนนั้นปักหมุดมาให้ อีกด้านหลังจากส่งโลเคชั่นให้เพื่อนเรียบร้อยแล้วเป้และนิกเลือกที่จะจอดรถหลบมุมข้างกำแพงอพาร์ทเม้นท์ ที่เป็นมุมอับมีพุ่มไม้อยู่ข้างกำแพงทำให้เขาสองคนสามารถที่จะอำพรางไม่ให้ใครเห็น ( ถ้าไม่สังเกตุดี ) สายฟ้าใช้เวลาอยู่บนท้องถนนไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ด้วยความเร็วของรถที่เขาเหยียบมาบวกกับความร้อนใจ ส่งผลให้เขาอยู่บนท้องถนนในระยะอันสั้น ทันทีที่ถึงจุดมุ่งหมายเขาพยายามสอดส่องสายตาหาเพื่อนทั้งสองคนแต่กับไม่เห็นแม้แต่เงาเพื่อน เรียวคิ้วหนาขดขมวดเข้าหากันยุ่งกร่นด่าเพื่อนสนิทอยู่ในใจ 'แม่งเอ๋ยอย่าบอกนะส่งโลเคชั่นให้กูเสร็จแล้วชิงหนีเจอหน้าพ่อจะด่าให้ยับเลย' ขณะที่สายฟ้ากร่นด่าเพื่อนไปด้วยสายตาเหลือบมองเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์สีส้มอิฐที่มีความสูงแค่สามชั้นตรงหน้า แต่ในระหว่างที่สายฟ้ากำลังจะก้าวขาเดินเข้าไปข้างในอพาทเมนท์กับมีเสียงทุ้มอันคุ้นหูดังขึ้นมาเ
ด้านสายฟ้า ย้อนไปเมื่อหลายชั่วโมงหลังจากสายฟ้าเช็คจนแน่ใจแล้วคนตัวเล็กหอบลูกตัวเองที่ยังอยู่ในท้องหนีเขาไป สายฟ้าไม่รอช้ารีบต่อสายหาเพื่อนทั้งสองคนด้วยอาการร้อนใจทันที "ไอ้เป้มึงกับไอ้นิกอยู่ด้วยกันไหมกูงานเข้าแล้ว"ทันทีที่เพื่อนรับสายโทรศัพท์สายฟ้ารีบเอ่ยถามเพื่อนถึงสิ่งที่อยากรู้ในทันที [อยู่ด้วยกันมึงมีอะไรมึงรีบพูดมาไอ้สายฟ้า อย่าบอกนะว่าเมียมึงหอบลูกมึงหนีไปแล้ว] เป้พูดแบบลอย ๆ แต่ไม่คิดว่าถ้อยคำที่เพื่อนพูดมันกับทำให้สายฟ้าสะอึกพูดอะไรไม่ออก แต่เป้ผู้ที่พูดอะไรส่งเดทไม่ได้คิดอะไรเยอะแยะเขาพูดแค่เพียงแหย่เพื่อนเล่นเฉย ๆ แต่พอเห็นเพื่อนเงียบเสียงไป ทำให้เขาเริ่มที่จะรู้ว่าหรือสิ่งที่เขาพูดเล่น ๆ อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ ระหว่างนั้นเขาเปิดสปีคโฟลเพื่อให้เพื่อนอีกคนได้รับรู้ไปด้วยกัน ขณะสายฟ้าเงียบไปสักพักจนมีเสียงเรียกจากปลายสายทำให้สายฟ้าได้สติและพูดต่อด้วยความร้อนใจ [สายฟ้ามึงมีอะไรทำไม้งียบไป มึงยังอยู่หรือเปล่า] สายฟ้าสะดุ้งขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนเอ่ยเรียกก่อนที่สายฟ้าจะรวบรวมข้อมูลทุกอย่างบอกเพื่อนตามสายโทรศัพท์ "อืม...น้องม่านน้ำขี่มอเตอร์ไซค์หนีกูไปแล้ว ไปไหนก็ไม่
ม่านน้ำเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เพื่อนทั้งสามฟัง โดยเพื่อนทั้งสามต่างนั่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ "ที่แกต้องหมั้นกับพี่สายฟ้าเป็นเพราะป้าแกจะช่วยเหลือแกเรื่องที่บ้านแกเป็นหนี้เหรอ โอ้ย ! ฉันไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะมีอยู่จริงเห็นมีแต่ในนิยาย"เดือนอุทานออกมาเสียงดังยกมือทั้งสองขึ้นแนบอกไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับเพื่อนตัวเอง "อืม.,.ฮืออ"ขณะที่ม่านน้ำขานรับเพื่อนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและสะอึกสะอื้นมือบางหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาซับน้ำตาก่อนจะสั่งน้ำมูกลงกระดาษทิชชู่แผ่นเดียวกันแล้วโยนทิ้งลงถังขยะใกล้ ๆ "ฉันก็เข้าใจนะว่าการที่แกต้องหมั้นเพราะต้องการช่วยครอบครัวใช้หนี้ แต่เรื่องที่แกมีอะไรกับเขาจนท้องละ โอ้ย ! นังน้ำ แกไม่เคยเรียนสุขศึกษาเหรอว่าเขาคุมกำเนิดกับแบบไหน เรายังเรียนไม่จบนะน้ำ"เดือนพูดขึ้นบ้างเข้าใจเพื่อนเป็นอย่างดีที่เพื่อนทำแบบนี้เพราะต้องการตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ แต่เรื่องที่ตัวเองตั้งท้องในตอนที่ตัวเองเรียนยังไม่จบละจะทำอย่างไงงานก็ไม่มีทำจะเอาเงินที่ไหนเลี้ยงลูก "กูไม่รู้...ฮือออ...ตอนนั้นกูลืม...ซื้อยาคุมมากิน"ม่านน้ำเอ่ยบอกเพื่อนด้วยเสียงสะอึกสะอื้น "เอาละพวกมึงเลิกว่ามันสั