“โรงละครหรือขอรับ!! แต่ว่าคุณชายไม่ชอบดูงิ้ว ฟังละครจะไปสถานที่เช่นนั้นเหตุใดต้องไปเองด้วยขอรับ”“ไหน ๆ ก็มาแล้วนี่ แวะไปหน่อยจะเป็นอะไรไป รีบตามมาเถอะ”“ขอรับ”โรงละครจิ่งโจว“คุณชาย โต๊ะชั้นสองว่างขอรับ”“งั้นหรือ”“คุณชาย ท่าน…มองหาผู้ใดหรือขอรับ”“เปล่า ข้าจะมองหาผู้ใดได้ ที่นี่ข้าไม่ได้รู้จักใคร”“เฮ้อ จะมาดูละครก็เจอนาง เหตุใดไปที่ใดก็เจอแต่คุณหนูกู้ผู้นี้กันนะ”“อะไรนะ เจ้าบอกว่า…. นางนั่งตรงไหนกัน”“ทางโน้นขอรับ ชั้นสอง แต่เป็นฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะที่ข้าจองเอาไว้”“ไปเถอะ เจ้าจองเอาไว้แล้วนี่”ต้าจื่อรู้สึกแปลกใจและปรับอารมณ์ไม่ทันกับคุณชายของเขาในวันนี้แต่ก็ทำตามคำสั่งทันที พวกเขานั่งที่ฝั่งตรงข้ามที่จองเอาไว้ ต้าจื่อรินชาให้คุณชายดื่มก่อนที่ละครจะเริ่ม“ชานี่รสชาติแย่จริง ๆ ด้วย”“ไม่เหมือนชาที่จวนหรือขอรับ”“ช่างเถอะ เอาอะไรกับร้านเช่นนี้กันเล่า”เขาพึ่งจะรู้ว่าก่อนหน้านี้ติดรสชาติชาที่กู้ม่านซีเอามาให้เสียแล้ว ตลอดเวลาที่อยู่จิ่งโจวเขาได้กินแต่อาหารดี ๆ ชาที่พิถีพิถันและราคาแพงของกู้ม่านซีจนทำให้เขารู้สึกไม่คุ้นเคยกับอาหารที่อื่นนอกจวนแม้วันก่อนที่ไปเยี่ยมเหล่าขุนนาง ก็ไม่ม
ต้าจื่อเผลอตัวรีบรับปิ่นโตใหญ่นั้นมาทันที เขารู้ว่าหากมาจากคุณหนูกู้แล้วคงเป็นของดีอย่างไม่ต้องสงสัย ครั้งนี้กลับต้องแปลกใจที่คุณชายของเขาไม่เอ่ยอะไรที่เขารับเถาปิ่นโตของกู้ม่านซีมา เขาจึงรีบนำมันออกไปที่รถม้าทันที“คุณหนูกู้ ท่านมาแต่เช้าเช่นนี้มีอะไรเร่งด่วนงั้นหรือ”“ได้ข่าวว่าท่านจะเข้าวังก็เลยมารอพบน่ะเจ้าค่ะ”“รอพบข้างั้นหรือ เจ้าคงไม่คิดที่จะ…”“ข้าเอาขนมมาให้ท่านตามปกติอยู่แล้ว แต่ว่าวันนี้มีเรื่องอยากจะขอร้อง”“ขอร้องข้างั้นหรือ เหตุใดเจ้าถึงไม่ไปขอร้อง…”“หืม คุณชายเจียง ท่านกำลังพูดอะไรอยู่ ข้าก็แค่จะขอติดรถม้าของท่านเข้าวังด้วยเท่านั้นเอง”“อะไรนะ!! เข้าวังงั้นหรือ แล้วเหตุใดเจ้าไม่ไปกับใต้เท้ากู้เล่า”“วันนี้ท่านพ่อไม่ได้เข้าวัง ข้าก็เลยมาขอไปกับท่าน”“แล้วเจ้าจะเข้าวังไปทำไมกัน”“ปัดโธ่ถามมากความไปได้รีบไปกันเถอะสายแล้ว”“เดี๋ยวก่อนคุณหนูกู้ทำเช่นนี้คงไม่เหมาะ ทางที่ดี…”“ท่านจะปฏิเสธข้างั้นหรือ”“มิใช่เช่นนั้นแต่ว่าเจ้ากับข้า เข้าวังพร้อมกันเช่นนี้อาจจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ เจ้าอาจจะเสื่อมเสียได้”“ก็คือปฏิเสธนั่นแหละ แต่ช่างเถอะข้าไม่สนใจก็แค่ขอติดรถไปด้วย รับรองไม่ทำ
“ยอดไปเลย ต้าจื่อลาภปากแล้ว”“ท่านหญิงระวังขอรับ”กู้ม่านซีลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อจะขึ้นรถม้า สาวใช้และขันทีรีบห้ามนางเอาไว้เพราะเกรงว่านางจะหกล้ม ต้าจื่อแทบจะไม่กล้าเอ่ยคำใดอีกหลังจากรู้ฐานะที่แท้จริงของกู้ม่านซี“ข้าไม่เป็นไรหรอกน่า พอแล้ว ๆ พวกเจ้ากลับไปได้แล้วข้าบอกแล้วว่าไม่ต้อง ๆ อย่างไรเล่า”“แต่ว่าท่านหญิง เมื่อใดจะเข้าวังอีกเพคะ”“เอาน่า ๆ เมื่อใดก็เมื่อนั้นแต่ข้าจะมาบ่อย ๆ ตกลงหรือไม่ ระหว่างนี้ก็ดูแลหลานชายข้าดี ๆ เล่า ไปได้แล้ว ๆ ข้าจะกลับแล้ว”""น้อมส่งท่านหญิง""กู้ม่านซีเดินเข้าไปนั่งในรถม้าแล้ว ตามไปด้วยเจียงอี้หานที่เดินตามนางเข้าไป ต้าจื่อสั่งให้รถม้าออกจากวัง ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงร้านอาหารหรูของจิ่งโจว ที่นี่เป็นโรงน้ำชาที่ใหญ่ที่สุดเมื่อเดินเข้าไปอี้หานก็เลือกนั่งที่ด้านในและเริ่มสั่งอาหาร“ท่านหญิง ท่านกินเผ็ดได้หรือไม่”“คุณชายเจียงขอร้องล่ะเรียกข้าว่าม่านซีเถอะ ข้าไม่ได้นึกอยากจะได้ยินยศนั่นเท่าใดนักหรอก แค่ฟังก็ขนลุกแล้ว”“แต่ว่า…”“หากท่านไม่สะดวกเรียกชื่อข้าท่านจะเรียกข้าเหมือนก่อนหน้านี้ก็เรียกเถอะ”“เช่นนั้นคุณหนูกู้…”“คุณชายเจียง คิดไม่ถึงว่าจะพบท่านที่นี่
กู้ม่านซีไม่ได้ไปที่จวนของอี้หานอีกเลยนับตั้งแต่วันที่แมวของนางถูกเขาสาดน้ำจนมันป่วย ขาของมันบาดเจ็บเพราะถูกหญ้าในสวนของเขาบาดจนเลือดออก และเมื่อถูกน้ำสาดเข้าไปมันจึงเป็นหวัดและนอนซมกู้ม่านซีไม่มีอารมณ์ที่จะพบผู้ใดแม้แต่ว่านเนี่ยฟงที่มาขอพบนางก็ให้เขากลับไปและไม่พบผู้ใดเลยตลอดสามวันมานี้“จวนช่างสงบสุขจริง ๆ นะขอรับ”“ปึก!!”เสียงตำราที่อ่านไม่รู้เรื่องถูกวางลงด้วยความหงุดหงิด ต้าจื่อไม่เข้าใจเลยว่าสามวันมานี้แม้ว่าจวนจะเงียบเพราะไม่มีเสียงของคุณหนูกู้ข้างจวนมาวุ่นวายและพูดไม่หยุดอยู่ข้าง ๆ คุณชายของเขาทุกวัน แต่กลับทำให้อารมณ์ของคุณชายฉุนเฉียวง่ายและโมโหง่ายจนผิดสังเกต เขาสั่งให้คนสวนรื้อสวนด้านหลังที่ติดกับสกุลกู้ออกจนโล่งเตียน ทั้ง ๆ ที่ตรงนั้นเขาตั้งใจจะปล่อยให้รกร้างเพราะกู้ม่านซีมันจะเอาบันไดมาพาดขึ้นลงระหว่างสองจวน และก็เป็นเขาที่ไปขยับบันไดให้วางตั้งอย่างมั่นคงด้วยตัวเองจนต้าจื่อนึกสงสัย“อาการของ…. แมวตัวนั้นเป็นอย่างไรบ้าง”“อะไรนะขอรับ แมว…. เอ่อ….คือว่า”“เจ้าไม่ได้ไปถามเลยงั้นหรือ"“ข้าน้อยไม่คิดว่าคุณชายจะใส่ใจ”“ข้าเป็นคนสาดน้ำใส่มันทั้ง ๆ ที่มันบาดเจ็บอยู่ เจ้าควรจะร
“เอ่อ…. คุณหนูไป๋”“เช่นนั้นน้องหมิ่นฮวา กับหนิงลี่นั่งก่อนสิ ม่านซีเจ้าคงไม่ว่าอะไรใช่หรือไม่ ข้าได้สั่งชาชั้นดีพร้อมกับอาหารมาอีกเดี๋ยวคงจะตามมา”“ม่านซี!!”“ท่านพี่อิ่นเหลา ทางนี้เจ้าค่ะ”“ถวายบังคมมู่หรงซื่อจื่อ”“มู่หรงอิ่นเหลา” พระโอรสองค์โตของท่านอ๋องซึ่งรั้งตำแหน่งซื่อจื่อของจิ่งโจวในตอนนี้เดินเข้ามาทักทายพวกเขาและนั่งร่วมวงด้วย ม่านซีรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย อย่างน้อยก็มิได้มีเพียงไป๋รั่วเวยเท่านั้นที่นางไม่ค่อยชอบหน้า“พระองค์ทรงเสด็จกลับมาจากหัวเมืองแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”“คุณชายเจียงอย่าได้เกรงใจ พูดกับข้าไม่ต้องเกร็งขนาดนั้น นี่ม่านซีเจ้ารู้หรือไม่ว่าน้องรองน่ะเตรียมของบางอย่างมาแกล้งเจ้าด้วย นี่ข้ามาเพื่อเตือนเจ้าก่อนนะ”“พวกท่านคิดว่าข้ายังเด็กอยู่หรืออย่างไรกันนะ ชอบให้ข้ากลัวอยู่ตลอดเลย”“ไม่หรอกน่าก็แค่สัตว์หน้าตาประหลาด แต่ข้าคิดว่าคงไม่มีอะไรประหลาดเท่ากับแมวอ้วนหน้างอของเจ้าอีกแล้ว”“ตายจริงม่านซี นี่เจ้าเลี้ยงแมวด้วยงั้นหรือคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ”ซื่อจื่อหันไปมองสตรีที่เอ่ยแซวญาติผู้น้องของเขา แม้ว่านางจะดูงดงามราวบุปผาในฤดูร้อน แต่สายตาและคำพูดที่กล่าวถึงญาติของเขากลับดู
เขาพูดเสร็จก็หันไปมองนางที่พึ่งวางจอกชาลง ใบหน้าสตรีที่ไม่ทันตั้งตัวเริ่มร้อนผ่าว หัวใจที่เต้นแรงนั่นทำให้มือนางสั่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด“ท่าน…ท่านพูดเช่นนี้ ท่านไม่กลัวว่าข้าจะไปสร้างความวุ่นวายให้จวนท่านเหมือนเมื่อก่อนหรอกหรือ”“จะพูดเช่นไรดีเล่า ต้องบอกว่า ข้าคงเคยชินกับความวุ่นวายนั้นไปเสียแล้วน่ะสิ เพียงท่านหญิงมิได้ไปมาหาสู่เพียงสามวัน รู้สึกว่าในจวนช่างเงียบเหงาจริง ๆ”“ดี เช่นนั้นข้าจะตอบรับคำเชิญของท่านจะไม่ให้ท่านเงียบเหงา”“ท่านหญิงขอรับ!!”เสียงของจิ่วหลงที่วิ่งหน้าตาตื่นเพื่อแจ้งข่าวทำเอาทั้งคู่เริ่มตกใจ ต้าจื่อเองก็วิ่งตามหลังมาด้วยเช่นกัน“จิ่วหลง เป็นอะไรเกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”“นายท่านขอรับ นายท่านเป็นลมล้มไปแล้วขอรับ”""อะไรนะ!!""“ท่านหญิงรีบพาใต้เท้ากู้กลับจวนก่อนเถอะ”“ตอนนี้ท่านพ่อข้าอยู่ที่ใด”“ตอนนี้นายท่านกลับจวนไปพร้อมกับหมอหลวงที่ท่านอ๋องส่งไปพร้อมกันแล้วขอรับ”“ข้า…ข้า”“ม่านซี!! ตั้งสติเอาไว้ก่อนแล้วกลับไปกับข้า”“เช่นนั้น ข้า…คงต้องขอรบกวนคุณชายเจียงแล้ว”“รีบไปกันเถอะ ต้าจื่อ!!”“รับทราบขอรับ”เจียงอี้หานจับมือนางและพาเดินออกไปจากงานด้วยความรวดเร็วโดยไม่ไ
กู้ม่านซีรู้สึกว่าวันนี้คุณชายข้างจวนทำตัวแปลกไปเป็นอย่างมาก ยิ่งคำพูดของเขาหลาย ๆ คำและหลาย ๆ ครั้งยิ่งทำให้นางรู้สึกวูบวาบชอบกล แม้จะไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองแต่ก็อดไม่ได้“ขอบคุณที่ท่านคิดเช่นนั้น ข้าเองก็จะพยายามเป็นตัวของตัวเอง ไม่อยากให้ถูกสิ่งอื่นดูดกลืนจนไม่เหลือความมั่นใจนี้เอาไว้”“เป็นเช่นนั้นถูกต้องแล้ว ในเมื่อใต้เท้ากู้ก็ปลอดภัยแล้ว เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน”“ขอบคุณคุณชายเจียง เอาไว้…ข้าจะแวะไปขอบคุณท่าน”“ข้าจะรอ แล้วพบกันใหม่”“แล้ว…พบกันใหม่”ม่านซีจำได้ว่าคืนนั้นนางตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เมื่อนึกถึงใบหน้าของเจียงอี้หานที่ยิ้มให้ก่อนที่เขาจะเดินกลับจวนไป เสี่ยวจูที่หายดีแล้วเดินมานอนข้าง ๆ นางบนเตียงพร้อมกับคลอเคลีย“วันนี้ท่านพ่อไม่ได้พาเจ้าไปนอนด้วย เจ้าก็อย่าไปกวนท่านพ่อล่ะ”“เมี๊ยว!!”เสียงร้องเบา ๆ ของแมวตัวโตที่ร้องไม่เข้ากับขนาดของมันค่อย ๆ ดันตัวเข้าซุกผ้าห่มอุ่นของม่านซี ไม่นานทั้งคนและแมวก็นอนหลับสนิทไปจวนเจียงอี้หาน “จากที่สืบดู เหมือนว่าใต้เท้ากู้น่าจะถูกพิษนะขอรับ”“พิษงั้นหรือ เหตุใดจึงมาคนวางยาพิษได้แล้วเหตุใดใต้เท้ากู้จึง….”“คุณชาย ข้าคิดว่าผู้ที่วางย
“ท่านหญิง!! เหตุใดท่านจึงพูดเช่นนี้”“แล้วข้าพูดผิดตรงไหนกัน นี่ไป๋รั่วเวยหากเจ้าจะมาดื่มชาก็ดื่มของเจ้าไปไม่ได้หรือ เหตุใดต้องแวะมาเหน็บแนมผู้อื่นหรือว่าพวกเจ้าทำจนมันติดเป็นนิสัยไปแล้วเลยแก้ไม่หาย”“เจ้า!!”“ท่านหญิง ท่านเองก็ไร้มารยาทไม่ต่างกับ…”“หืม ไม่ต่างกับใครงั้นหรือ ข้าก็นั่งดื่มชาของข้าดี ๆ แต่พวกเจ้ามิใช่หรือที่เข้ามาหาเรื่องก่อน หากจะไร้มารยาทจริง ๆ น่าจะไม่ใช่ข้าแล้วล่ะ จิ่วหลงกลับเถอะ”“เพราะนิสัยแบบนี้อย่างไรเล่าถึงได้ไม่มีผู้ใดคบหา”“เพี๊ยะ!!”“ว้าย!! หมิ่นฮวา ท่านหญิง!! ท่านทำเกินแล้วนะ”ปลอกดาบของจิ่วหลงพุ่งไปฟาดหน้าของสตรีข้าง ๆ ไป๋รั่วเวยอย่างแรงราวกับถูกตบ ก่อนที่กู้ม่านซีจะใช้เพียงปลายแขนเสื้อม้วนมันกลับเข้ามาสวมดาบของจิ่วหลงเอาไว้เช่นเดิม สตรีที่เหลือทั้งสองคนยืนตัวสั่นเมื่อเห็นว่ากู้ม่านซีเริ่มลงมือโดยไม่สนว่านางเป็นบุตรของผู้ใดและเป็นขุนนางชั้นไหน“งาช้างไม่มีทางงอกออกมาจากปากสุนัข นี่คือคำเตือนแรกทางที่ดีอย่าได้มายุ่งกับข้าอีก เจอที่ใดก็ไม่ต้องมาทักเพราะข้าไม่อยากกลับจวนแล้วอาบน้ำล้างซวย กลับ!!”“ท่านหญิง!! เป็นถึงท่านหญิงแต่กลับตบตีคนกลางตลาด ท่านไม่กลัวว่า
จวนองค์ชายห้า “พระชายาอยู่ที่ใด”“ทูลองค์ชาย พระชายายังทรงบรรทมอยู่เพคะ”“เช่นนั้นเองหรือ จริงสิชุนหลิน”“เพคะ”“เจ้าไปเอาเสี่ยวจูกลับมาที่นี่เถอะ แล้วก็หาสาวใช้ที่พอรู้ความมาช่วยอีกสักสองสามคนคอยระวังพระชายาให้ข้าระหว่างที่ข้าไม่อยู่ด้วย”“เพคะองค์ชาย ขอบพระทัยเพคะ”ชุนหลินดีใจและรีบออกไปรับเสี่ยวจูกลับมา นางรู้ว่ากู้ม่านซีเอาแต่นอนเพราะนางไม่มีจิตใจอยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรทั้งนั้น อีกอย่างตั้งแต่นางตั้งครรภ์ก็อารมณ์แปรปรวนง่ายจนไม่มีผู้ใดเข้าหน้าติด แม้ว่าจะไม่แพ้ท้องแต่ก็ทำให้ทั้งจวนวุ่นวายไปไม่น้อย ห้องบรรทม องค์ชายเดินมานั่งข้าง ๆ พระชายาที่ยังหลับสนิทอยู่บนเตียง ใบหน้านางยามหลับเป็นสิ่งที่เขาชอบมองมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นขนตางอนยาวเป็นแพ ริมฝีปากที่อวบอิ่มที่เขามักจะใช้เวลากับมันนานที่สุดก่อนจะนอนทุกค่ำคืน แต่ตั้งแต่ที่รู้ว่านางตั้งครรภ์เขาก็แทบจะไม่ได้แตะต้องนางเลย เพราะอยากให้ม่านซีได้พักผ่อนอย่างเต็มที่“ท่านกลับมาแล้วหรือเพคะ”“อย่าพึ่งรีบลุกสิเดี๋ยวจะหน้ามืดเอา เจ้าเป็นอย่างไรบ้างรู้สึกเวียนหัวอยู่หรือไม่”“ไม่แล้วเพคะ หม่อมฉันนอนนานเกินไปเดี๋ยวตอนค่ำจะนอนไม่ได้ นี่กี่ยามแล
สามเดือนถัดมา“ไม่ได้นะ ท่านจะเอามันไปไว้กับท่านพ่อทำไมกัน”“ไม่ได้! หากยังอยู่เช่นนี้สักวันเจ้าต้องเดินสะดุดมันล้มแน่นอน เจ้าดูสิมันอยู่เฉยเสียที่ไหน ต้าจื่อ!”“พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”“ต้าจื่อ!”“พ่ะย่ะค่ะพระชายา”“เอาเสี่ยวจูไปฝากท่านพ่อเอาไว้”“ห้ามเอามันกลับไปนะ หากว่าเสี่ยวจูกลับ ข้าก็จะไม่อยู่กับท่าน!!”“ม่านซี! เหตุใดเจ้าจึงดื้อนัก หมอหลวงก็บอกแล้วว่าช่วงนี้เจ้าอารมณ์แปรปรวน ครรภ์แรกสำคัญมากและห้ามอยู่ใกล้ ๆ สัตว์เลี้ยง อีกอย่างหากเจ้ายังเดินเหินไม่ระวังเช่นนี้สักวัน…”“ท่านไม่เข้าใจข้าเลยสักนิด ท่านเอาแต่ทำงานในราชสำนัก ออกจวนไปตั้งแต่เช้ากลับมาก็ดึกดื่นข้ามีเพียงเสี่ยวจูอยู่เป็นเพื่อน วันนี้ท่านก็จะเอามันกลับไปอีก เจียงอี้หานท่านว่ามาว่าจะให้ข้าทำเช่นไร!!”จวนสกุลกู้ “เฮ้อ… ดูท่าองค์ชายคงต้องรับศึกหนักอีกแล้วสินะ”“งานนี้น้องเขยคงกินข้าวเช้าไม่อร่อยเป็นแน่ขอรับ ตั้งแต่ซีเอ๋อร์ตั้งครรภ์ก็อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ลูกเห็นใจน้องเขยยิ่งนัก”“ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเสียงดังกว่าทุกครั้ง เป็นเช่นนี้ไม่ดีแน่ แต่ว่าในเมื่อนางแยกครอบครัวไปแล้วเราก็ไม่สมควรจะไปวุ่นวาย”“ขอรับ ลูกแอบถามองค์ชายแล้วพระอ
“เจียงอี้หานคนขี้โกง….”ริมฝีปากเย็นประกบลงไปเพื่อปิดปากคู่หมั้นสาวทันที ม่านซีมิอาจหลีกหนีสัมผัสแห่งรักนี้ได้เลย ทุกครั้งที่ถูกเขาจู่โจมนางมักจะพ่ายแพ้ราวกับถูกหลอมละลายไปด้วยไฟปรารถนาที่พร้อมจะเผาไหม้นางทั้งตัวเช่นนี้“อื้อ อี้หานเราอย่าพึ่ง…อ๊าา”“ไม่ทันแล้ว เจ้าก็รู้ว่าข้าต้องการเจ้าเพียงใด”“อื้อ…แน่นมาก อี้หาน อ๊าา!!”ลิ้นของเขาดูดดึงยอดอกสีหวานพร้อมกับกายท่อนล่างที่กระหน่ำกระแทกถี่ ๆ เพื่อส่งทั้งคู่ไปแตะทางสวรรค์ เหลืออีกกว่ายี่สิบวันที่จะเข้าพิธีแต่งงาน แต่คนที่พระทัยร้อนอย่างองค์ชายห้าก็ยังรอไม่ไหวจนต้องหาเรื่องเข้าหอกับนางเสียก่อน“อ๊ะ อี้หานข้าต้องกลับจวน อ๊าา….”“หากกล้าพูดอีกคืนนี้ก็อย่าได้หวังจะได้เดินลงจากเตียงข้าได้”“อื้อ อ๊าา…ท่านเบาหน่อยสิ อ๊าา!!!”“เจ้าทั้งหอม หวานและน่ากินไปทั้งตัวเช่นนี้ คิดว่าค่ำคืนนี้ข้าคงไม่อิ่มเป็นแน่ ม่านซีเจ้าอย่าได้กลัวไปเลย ไม่ว่าจะเป็นบิดาของเจ้า พี่ชายหรือแม้แต่สาวใช้และองครักษ์ มีผู้ใดบ้างที่จะไม่รู้ว่าพวกเราเป็นอะไรกัน”“อ๊าา อย่าพึ่งพูดข้าจะ…อ๊าา อี้หาน!!”เขารู้ว่านางเริ่มทนไม่ไหวเขาจึงจับนางขึ้นมาจูบ ปากที่บดขยี้รุนแรงพอ ๆ กับแรงกร
จวนองค์ชายห้า “เสี่ยวจู!!”ม่านซีวิ่งกระหืดกระหอบไปที่จวนขององค์ชายห้าโดยมีกู้ซานหรงและจิ่วหลงวิ่งตามมา เมื่ออี้หานเห็นนางจึงรีบเดินเข้ามารับเพราะสีหน้าของคู่หมั้นสาวทั้งซีดเซียวและหวาดกลัว“ม่านซีเจ้าใจเย็น ๆ ก่อนค่อย ๆ พูดนะ”“อี้หาน…ไม่สิ องค์ชาย เสี่ยวจูก่อเรื่องแล้ว”“เรื่องนั้นเจ้าอย่าตกใจไป องค์รัชทายาทก็แค่อยากจะเล่นกับมันเท่านั้น”“แต่ว่าวันถึงกับ…”“เอาน่า ๆ พวกเจ้าเข้ามานั่งก่อนเถอะ ตอนนี้องค์ชายกำลังอาบน้ำเปลี่ยนชุดอยู่ข้างใน เข้ามาแล้วข้าจะเล่าให้ฟัง”“องค์ชายครั้งนี้เสี่ยวจูล่วงเกินองค์รัชทายาท โทษหนักถึงตายเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”“ซานหรงเจ้าก็พูดเกินไปแล้วไม่มีอะไรหนักหนาขนาดนั้น เข้ามาก่อนแล้วข้าจะเล่าให้ฟัง ค่อย ๆ เดินนะม่านซี”“แต่ว่าตอนนี้เสี่ยวจู”“ไม่ต้องห่วง ต้าจื่อเอามันไปอาบน้ำน่ะ”“แต่ว่ามันยอมหรือเพคะ”“เข้ามานั่งพักก่อนดูเจ้าสิวิ่งหอบมาเป็นลูกแมวเลย บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าวิ่ง”“ท่านยังจะมาพูดเช่นนี้อีก ล่วงเกินองค์รัชทายาทถึงกับโดนตัดหัวได้เชียวนะแต่นี่มันถึงกับ…”เจียงอี้หานยิ้มและพานางเดินมานั่งที่ระเบียงซึ่งเป็นที่ประจำของพวกเขาเวลามานั่งจิบชาชมสวนที่นี่ ซานหรงน
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”“ดูเจ้าสิ ตั้งแต่มาจิ่งโจวเจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเปลี่ยนไปมากเพียงใด ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยอมแพ้สตรีเช่นนี้ เป็นเรื่องที่เกิดความคาดหมายของข้านัก”เจียงอี้หานหันไปมองกู้ม่านซีที่มีท่านชายรองคอยพยุงอยู่ไกล ๆ เมื่อพวกเขาหันไปสังสรรค์กันที่อีกโต๊ะหนึ่ง เพียงแค่รอยยิ้มของน้องชายห้าที่ปรากฏองค์รัชทายาทก็พอจะรู้ว่าสิ่งที่น้องชายเลือกในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง“ในตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าจะยอมรับเงื่อนไขแต่งงานกับท่านหญิงแคว้นจ้าวเป็นเขยแดนเหนือเสียแล้ว”“ข้าเข้าใจความปรารถนาดีของพี่หญิงรองดี แต่ข้ากับท่านหญิงผู้นั้น… ข้าไม่ได้มองนางเป็นเช่นนั้น”“เจ้าทำให้ท่านหญิงซู่หรงเยี่ยนเสียใจถึงกับต้องไปแต่งกับแม่ทัพแคว้นจ้าวเลยล่ะ ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้คิดเหมือนเจ้านะเห็นน้องหญิงรองบอกว่านางไม่ยอมกลับเข้าวังหลังจากทราบข่าวว่าเจ้าออกจากแดนเหนือและใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ที่กองทัพหลังจากอภิเษก”“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับข้า บัดนี้คนที่ข้าต้องดูแล มีเพียงสตรีแสนซนตรงนั้น…เอ๊ะ! ท่านดูสิ นางซนขนาดไหน”ทั้งสองพระองค์หันไปเพราะตกใจเสียงของอี้หานที่มองไปที่ม่านซีตลอด นางเกือบจะล้มเพราะลืมนึกว่าต้องใช้ท
“ท่านพูดอะไรน่ะ”เจียงอี้หานเดินมานั่งใกล้ ๆ และดึงนางเข้ามากอดเอาไว้แน่น นางได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่ยังเต้นแรงรัวถี่อยู่ข้างในชัดเจนมากกว่าครั้งไหน ๆ“เจ้าฟังสิ ได้ยินหรือไม่”“ข้าได้ยินชัดแล้ว”“ข้าออกศึกเหนือใต้มานับครั้งไม่ถ้วน สืบคดีตามหัวเมืองทั่วหล้า ไม่มีเรื่องใดที่นึกกลัวเท่ากับวันนี้มาก่อน กู้ม่านซีเจ้าจะช่วยทำให้ข้าคลายกังวลลงได้หรือไม่ นับจากนี้ให้ข้าดูแลเจ้าอยู่กับเจ้าตลอดไปได้หรือไม่ อย่าทำตัวห่างเหิน อย่าจากข้าไปอีกเลยนะข้าขอร้อง”เขาสบตากับนางด้วยความจริงใจ วันนี้นางเองก็รู้ดีว่าในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด นางก็เห็นเพียงใบหน้าของเขา ที่จริงแล้วนางเหมือนจะได้ยินเสียงของเขาก่อนที่จะปรากฏตัวด้วยซ้ำ นางจึงมั่นใจว่าไม่อาจขาดเจียงอี้หานได้เช่นกัน“ข้าขอโทษ จากนี้ไปข้าจะเชื่อฟังและเป็นคู่หมั้นที่ดี จะไม่ทำให้ท่านรู้สึกลำบากใจอีกแล้วองค์ชาย”“เจ้าหายโกรธข้าได้หรือยัง”“ข้าบอกแล้วว่าไม่ได้โกรธท่าน”“เช่นนั้นจะเลิกทำตัวห่างเหินได้หรือยัง”“เลิกแล้ว”“เช่นนั้นอย่าได้คิดหลีกหนีข้าอีกได้หรือไม่”“ไม่หนีแล้ว”“ถ้าอย่างนั้น… แต่งงานกันนะ”“เจ้าค่ะ ข้าจะรีบแต่งงานกับท่านให้เร็วที่สุด”
เจียงอี้หานเร่งควบอาชาเข้าไปในสายหมอกที่เริ่มปกคลุมพื้นที่ป่า เขาเริ่มใช้การฟังเสียงจากระยะไกล ซึ่งก่อนหน้านี้ทุกคนไม่ได้ยินเสียงแต่เพราะวิชาหูแปดทิศเขาจึงได้ยินเสียงตกใจของม้า“ม่านซี!! อยู่ที่ไหน”เสียงธนูที่พุ่งไปตรงเป้าหมายทำให้เจียงอี้หานเริ่มจับทิศทางอีกครั้ง เขาค่อย ๆ ควบอาชาเข้าไปใกล้ ๆ และสั่งให้กำลังทั้งหมดถอยออกไปเพราะเสียงฝีเท้าของม้าหลาย ๆ ตัวทำให้เขาแยกเสียงไม่ออก“จิ่วหลง ต้าจื่อ พวกเจ้าล้อมป่านี้ให้หมดอย่าให้สิ่งใดหลุดออกไปได้ ข้าจะเข้าไปหาม่านซี”""ขอรับ""เจียงอี้หานควบอาชามุ่งหน้าไปทางทิศที่เขาได้ยินเสียงธนู ทั้งเสียงสายน้าวและแรงดึงเขามั่นใจว่าต้องเป็นกู้ม่านซี เพราะเขาจดจำเสียงและน้ำหนักมือของนางได้ดี “ม่านซี!!”“อี้หาน!”ในที่สุดเขาก็เห็น ม่านซีที่ถูกล้อมด้วยหมาป่าสี่ตัว มันน่าจะทำให้ม้าของนางตกใจจนสลัดนางตกลงมา บัดนี้เหมือนกับว่าม่านซีบาดเจ็บที่ขาจึงไม่สามารถหนีจากดงหมาป่าได้ “ฉึก!!”“กรี๊ด!!”“ม่านซี!”นางยิงธนูดอกสุดท้ายที่มีไปที่หมาป่าหัวหน้าฝูงที่ก้าวเข้ามา ทำให้หมาป่าอีกตัวกระโจนเข้าหานาง เจียงอี้หานดึงมีดสั้นที่พกมาพุ่งไปที่ลำคอของมันอย่างแม่นยำ หมาป่าตั
นางยังไม่ยอมหันมาคุยกับเขา เจียงอี้หานไร้หนทางจึงได้แค่กอดนางจากด้านหลังและสารภาพกับนางด้วยความจริงใจเพื่อมิให้กู้ม่านซีเดินหนีเขาไปอีกครั้ง“ครั้งแรกที่มาที่นี่ ข้าเองก็มิได้ต้องการอยากจะผูกมิตรกับผู้ใดเลยจริง ๆ คิดเพียงว่าจิ่งโจวก็ไม่ต่างกับหัวเมืองอื่น ๆ ที่เต็มไปด้วยขุนนางที่มากเล่ห์กล ข้าไม่เคยชอบเลย”ม่านซีได้แต่พ่นลมหายใจเป็นคำตอบ แต่เจียงอี้หานยังไม่คิดจะยอมแพ้ เขากอดนางแน่นขึ้นแต่ก็ไม่กล้าจะทำอะไรมากกว่านี้“เจ้าก็รู้ว่าครั้งแรกที่เราพบกัน ข้าเองก็มิได้ใส่ใจเจ้ารวมถึงคนอื่น ๆ ด้วย ข้าไม่เคยมีเรื่องอื่นให้คิดจนกระทั่งมีเจ้าเข้ามาในชีวิต เริ่มเปลี่ยนหัวใจที่แห้งแล้งของข้า… ทีละนิด พอรู้ตัวก็เอาแต่มองหาเจ้าไม่หยุด ไม่ได้ยินเสียงก็เริ่มกระสับกระส่าย พอเห็นเจ้ามีคนอื่นมาติดพันก็เริ่มหงุดหงิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ม่านซีเจ้าคงคิดว่าข้าเป็นบ้าเป็นแน่”“ปล่อยข้าเถอะ ข้าอึดอัด”“ไม่! ข้ายังพูดไม่จบนะ เจ้าช่วยฟังข้าสักหน่อยเถอะเรื่องแบบนี้ใช่ว่าข้าจะพูดออกมาได้ง่าย ๆ ข้านั่งคิดทั้งคืนแต่ก็ยอมเสียเจ้าไปไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ต้องบอกเจ้า ม่านซีข้าขอโทษแต่เพราะตำแหน่งองค์ชายกับอ๋องแม่ทัพแดนอุด
วันถัดมา จวนสกุลกู้ เจียงอี้หานเดินทางกลับมาจากวังหลวงพร้อม ๆ กับใต้เท้ากู้และกู้ซานหรงที่เข้าไปถวายรายงานและส่งมอบรายงานการจับกุมพร้อมกับสรุปเรื่องที่เกิดขึ้นทูลท่านอ๋องให้ทรงทราบ ตอนนี้ดูเหมือนว่าไป๋รั่วเวยจะยังไม่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บที่สาหัสราวกับตายทั้งเป็น“ครั้งนี้หากไม่ได้คุณชายเจียง ไม่สิองค์ชายห้าช่วยคลี่คลายคดี การสอบคงจะวุ่นวายมากกว่านี้ อีกทั้งเราอาจจะได้ขุนนางที่เป็นโจรปะปนเข้ามาในราชสำนักโดยไม่รู้ตัวเป็นแน่”“ใต้เท้ากู้กล่าวเกินไปแล้ว ข้าเองก็มีความผิดซึ่งเดิมทีที่ข้าเลือกจะมาพักที่นี่เป็นเพราะสงสัยท่านเป็นคนแรก ขออภัยด้วยจริง ๆ ขอรับ”“มิได้ ๆ กระหม่อมย่อมทราบดีอยู่แล้วว่าเมืองอื่น ๆ ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องใดขึ้น เพียงแต่คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าผู้ที่จะมาอยู่ข้างจวนจะเป็นเพชฌฆาตไร้เงาผู้เลื่องชื่อคนนั้น อีกอย่างตอนนี้…เอ่อ”กู้ซานหรงหันไปมองหน้าขององค์ชายห้าที่ทำหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย ที่จริงพวกเขาก็สังเกตเห็นตั้งแต่ก่อนออกจากวังแล้วว่าเจียงอี้หานมีสีหน้าที่ดูไม่ดีนัก ซึ่งซานหรงพอจะเดาเหตุการณ์ออก“ซีเอ๋อร์รู้ฐานะที่แท้จริงขององค์ชายแล้วใช่หรือไม่”“อะไรนะ! หรือว่าเมื่อคืนนี้…”