เขาเร่งแรงอัดกระแทกตามหลังนางไปเพราะรู้แน่ว่าปฏิกิริยาของนางมิอาจทนเสน่ห์ของเขาได้อีกเพียงเสี้ยวเวลาเดียว ไม่นานร่างบางก็เกร็งและกรีดร้อง ตามมาด้วยน้ำหวานที่เริ่มไหลลงไปปะปนกับเหงื่อของทั้งคู่“ท่านช่างดุดันยิ่งนัก”“หากว่าข้าดุดันย่อมไม่ปล่อยให้เจ้านอนพักเช่นนี้แน่”“ท่านก็แค่หลอกข้า”“ในเมื่อไหน ๆ เจ้าก็ไม่เชื่อ เช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจ”“อื้อ…อี้หาน อ๊าา”ขาของนางถูกยกขึ้นมาพาดที่ไหล่ของเขาก่อนจะถูกดึงเข้ามาในสมรภูมิรักนี้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ม่านซีเต็มใจที่จะเข้าร่วมเพราะนางรู้ดีว่าหลายวันที่ผ่านมา เจียงอี้หานและพี่ใหญ่ของนางต่างก็เหน็ดเหนื่อยกับการสืบสวนคดีมากเพียงใด“อ๊าา อี้หาน แรงอีกนิด อ๊าา!!”นางรับรู้ได้จากสัมผัสรักของเขา เจียงอี้หานยังไม่ปล่อยวางเรื่องทั้งหมดลงได้ตราบใดที่ยังจับคนร้ายมาไม่หมด เขาจะไม่มีทางประมาทเป็นอันขาด ลมหายใจของเขาติดขัด ใบหน้ายังมีรอยขมวดคิ้วเป็นบางเวลาที่รักนางอยู่ แม้ว่าม่านซีจะเป็นฝ่ายรุกกลับและคุมบังเหียนการรบในครั้งนี้เองเพื่อให้เขาลืมไปชั่วขณะก็ตาม“อาา ม่านซี มัน…เสียวยิ่งนัก อาา…ดีเหลือเกิน อาา…”นางดึงศีรษะของเขาเข้ามาเพื่อจูบที่หน้าอกเป็นการ
ครั้งที่ถูกล้อมโจมตีที่หน้าเมืองเพราะแผนลวงของไป๋เซิ่งและเฉินหลี่เหมา เจียงอี้หานบาดเจ็บเพราะรับดาบที่แทงมาจากเฉินหลี่เหมา เขาจึงมั่นใจว่านักฆ่าผู้นี้ลักลอบเข้ามาและร่วมมือกับเสนาบดีชั่ว ครั้งนั้นว่านเนี่ยฟงถูกซัดจนตกจากหลังม้า เขาให้ต้าจื่อเป็นคนพาเนี่ยฟงกลับไปที่กองทัพนอกเมือง ส่วนตัวเองก็รีบกลับมารักษาอาการบาดเจ็บในจวนเงียบ ๆ สุดท้ายก็ถูกตามลอบสังหารและได้กู้ม่านซีช่วยเอาไว้“ท่านมาแอบทำอะไรอยู่แถวนี้หรือคุณชาย”“ม่านซี! ข้าตกใจหมด”“น้ำในถังของท่านหมดไปตั้งนานแล้ว มายืนยิ้มอะไรอยู่ตรงนี้”“เอ่อ… ระวัง ข้าช่วยนะ”เขาเดินไปจับบันไดที่พาดอยู่ระหว่างสองจวนเมื่อเห็นม่านซีกำลังปีนข้ามมาหา บันไดนี้ไม่ได้ถูกใช้มานานแล้วเพราะพวกเขาไปมาหาสู่กันถูกต้อง แต่วันนี้นางกลับใช้เส้นทางนี้ข้ามมาหาเขา“เหตุใดเจ้ามาหาข้าทางนี้อีกแล้วเล่า ติดนิสัยเสี่ยวจูลูกชายเจ้ามางั้นหรือ”“ข้าก็แค่… มาจับผิดคนน่ะสิ ท่านแอบฟังอยู่ตรงนี้นานเท่าใดแล้ว หรือว่าตั้งแต่แรก”“ข้าเปล่าแอบฟังนะ ข้าก็แค่ตั้งใจมารดน้ำแปลงดอกไม้ตรงนี้เฉย ๆ”“งั้นหรือ แปลงดอกไม้… หากท่านบอกว่าท่านมาถอนหญ้าน่าจะฟังขึ้นมากกว่านะ”เจียงอี้หานลอบกล
กู้ม่านซีวิ่งตามคนร้ายออกไปทันทีโดยไร้ผู้ติดตาม แต่นางก็รู้ว่านางมิได้ไร้ผู้ติดตามมาตั้งแต่แรก เงาที่ติดตามมามีมากกว่าสอง หรืออาจจะสี่ซึ่งล้วนเป็นองครักษ์ไร้เงาของเจียงอี้หาน นางรู้เพราะว่าพวกเขาติดตามนางเพียงห่าง ๆ เพื่อมิให้อีกฝ่ายได้รู้ตัวเท่านั้น“กล้าเข้ามาขโมยสัตว์เลี้ยงของข้างั้นหรือ”“หากเจ้าเก่งจริงก็รีบมาแย่งสิคุณหนู”“คนสารเลว! แม้แต่สัตว์ก็ไม่เว้น”คนร้ายล่อนางออกไปยังนอกเมืองได้สำเร็จ พวกมันเลือกเส้นทางชายเขาด้านตะวันตกไร้ผู้คนและเต็มไปด้วยป่าไผ่ก่อนจะถึงทางขึ้นเขา เมื่อกู้ม่านซีเห็นว่าคนร้ายเริ่มผ่อนแรงนางก็เริ่มใช้มีดสั้นอันเล็กสกัดเขาเอาไว้ “เจ้า!! นังตัวดีหากไม่ตายวันนี้คงไม่สมใจข้าสินะ! อย่าเข้ามานะไม่เช่นนั้นข้าจะแทงมันเสีย!!”“อย่านะ!!”คนร้ายหยุดนิ่งพร้อมกับหัวเราะในลำคอเมื่อกู้ม่านซีหยุดฝีเท้าชะงักลง สีหน้าหวาดกลัวของนางทำให้มันรู้ว่าแมวอ้วนที่พึ่งจับมาได้คือจุดอ่อนของนาง“กู้ม่านซี เจ้าคิดว่ามาถึงที่นี่แล้วจะมีคนมาช่วยเจ้าได้ทันเวลางั้นหรือ”เสียงของคนที่นางคุ้นเคยดังขึ้นมาจากด้านในรถม้าที่จอดอยู่ด้านหลังของคนร้าย กู้ม่านซีเห็นว่าเชือกที่ผูกห่อผ้าของมันเลื่อนหล
ไป๋รั่วเวยเดินสะเปะสะปะไปทั่ว มือหนึ่งจับนางเอาไว้ก่อนที่นางจะตกลงไปที่หน้าผา “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!”“ช่วยด้วย… ช่วยข้าด้วยข้ามองไม่เห็น”“ให้ตายสิ หยวนอี้!”“ขอรับ”“พานางกลับไปที่รถม้า ข้าจะตามท่านหญิงไป”“ขอรับ”เมื่อทิ้งไป๋รั่วเวยได้ก็เร่งตามกู้ม่านซีที่หนีขึ้นเขาตะวันตกไปได้ ไม่นานก็พบนางที่ตีนเขาก่อนที่จะขึ้นไป พวกเขาจึงปะทะกันอีกครั้ง“เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงต้องช่วยไป๋รั่วเวยจับแมวของข้า!”“ท่านหญิงข้าไม่ได้ตั้งใจจะจับท่าน ขอเพียงท่านยอมวางมือเราค่อย ๆ คุยกัน”“หลิวเฟิ่งเทียน"กู้ม่านซีแทบจะไม่เชื่อสายตาของตัวเองเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าคือใคร เขาเดินเข้ามาและถอดหน้ากากออก นางจึงรู้ว่าเป็นแม่ทัพหนุ่มองครักษ์หลวงของวังจิ่งโจว “หลิวเฟิ่งเทียน” ที่นางรู้จักแต่คิดเช่นไรก็เชื่อมโยงเรื่องนี้ไม่ได้“เหตุใดถึงเป็นท่าน”“เรื่องนี้… ทุกอย่างเป็นเพราะการตัดสินใจของท่าน”“อะไรนะข้างั้นหรือ เรื่องนี้ข้าเกี่ยวอันใด”“หากท่านไม่ตัดสินใจหมั้นหมายกับคนผู้นั้น ข้าก็คงไม่ทำเช่นนี้ ท่านหญิงเหตุใดท่านเลือกเขาไม่เลือกข้า ท่านเลือกขุนนางที่มาจากต่างถิ่น เรื่องที่เกิดขึ้นในจิ่งโจวครึ่งหนึ่งล้วนมีสาเหตุมาจาก
“ไป๋รั่วเวย!”“หึหึ นึกไม่ถึงเลยว่าสตรีสูงศักดิ์เช่นเจ้าจะคิดแผนชั้นต่ำเช่นนี้ออกมาได้”“นังสารเลว!!”“เพี๊ยะ!!”“ฮึก!!”“เพี๊ยะ!!”“ไป๋รั่วเวย! พอแล้ว”“อย่าห้ามข้า ข้าจะตีมันให้ตาย ให้สามสมกับที่มันแย่งผู้ชายและยังส่งแมวหน้าผีนั่นมาทำลายใบหน้าข้า ปล่อยย!!!”“จับนางเอาไว้!!”“ปัง!!”“ปล่อยข้านะ!!…. ท่าน!!”“จับเอาไว้ให้หมดทุกคน อย่าให้หนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว”""ขอรับ!!""“ม่านซี!!”กู้ม่านซีที่ถูกมัดมือหันไปมองบุรุษหนุ่มที่นางรอ นางรู้ว่าเขาจะตามหานางเจอ เจียงอี้หานเร่งเดินเข้ามาหานางที่แทบจะหมดเรี่ยวแรงเพราะถูกตบจนเลือดกบปาก“ม่านซี!! ผู้ใดทำเจ้า…”“ขะ ข้า… ไม่ใช่นะ ก็นางยั่วโมโหข้าคุณชายเจียงท่านฟังข้าก่อน นาง เป็นเพราะนางใช้แผนสกปรก”“เจ้าตบนางงั้นหรือ”“ขะ…ข้า…”“ข้าถามว่าเจ้าตบนางใช่หรือไม่!!”“ข้า!! ใช่ ข้าเอง ข้าตบนางไปสองที แต่ว่าท่านต้องฟังข้านะนางให้แมวนั่นมาทำลายใบหน้าของข้า…”“สาสมแล้ว”เสียงเย็น ๆ ของเขาดังขึ้นจนไป๋รั่วเวยชะงัก เมื่อครู่นี้นางเข้าใจผิดไปหรือไม่ บุรุษหนุ่มที่สุภาพเรียบร้อยและเป็นมิตรเอ่ยคำพูดว่า “สาสมแล้ว” กับนางงั้นหรือ“คะ คุณชายเจียง เมื่อครู่นี้...”
“นี่ท่าน….”“ไป๋เซิ่ง ความผิดเจ้ามากมายนัก วันนี้ยังแหกคุกหนีอีกคาดว่าคงไม่ต้องรอท่านอ๋องสั่งลงอาญาก็ฆ่าเจ้าได้แล้ว”“ข้าไม่ต้องการตายด้วยน้ำมือเพชฌฆาตไร้เงาอย่างท่านให้มีมลทินติดตัวไปปรโลกหรอก”“อย่านะ!” / กู้ซานหรงเจียงอี้หานยกมือขึ้นห้ามทหารองครักษ์ที่เหลือ ไป๋เซิ่งคว้าดาบที่อยู่ใกล้ ๆ มาพาดที่คอของตนเอง เพียงแค่ฉาดเดียวเลือดที่คอก็กระเซ็นนองไปทั่ว เจียงอี้หานมิได้กะพริบตาแม้แต่น้อยระหว่างที่มองไป๋เซิ่งทำอรรถตวิบากกรรมต่อหน้าสายตาของอดีตเสนาบดีผู้ยิ่งใหญ่แห่งจิ่งโจวมองเห็นสายตาเลือดเย็นดุจมัจจุราชนั้นเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนจะสิ้นลมหายใจ“จัดการศพให้เรียบร้อย”“ตูม!!”“คุณชาย!! สัญญาณพลุแดงมาจากฝั่งชายเขาตะวันตกขอรับ”“ม่านซี! ต้าจื่อรีบไปเร็วเข้า”“ขอรับ!!”จวนนอกเมือง“ไม่!!! ท่านพ่อของข้า ท่านบอกว่าท่านพ่อ….”“ไป๋รั่วเวย เจ้าเองก็ยังมีความผิดติดตัว คดีว่าจ้างทำร้ายคนและลอบสังหารท่านหญิงที่โรงละคร คนร้ายต่างก็รับสารภาพหมดแล้ว ตามข้าไปรับผิดเถอะ”“ท่านคือเพชฌฆาตไร้เงาคนนั้น เป็นท่าน!!”เจียงอี้หานมิได้มีท่าทีอะไรเมื่อไป๋รั่วเวยที่รู้ตัวตนของเขาตกใจจนตัวสั่นไปทั้งตัวตรงหน้า ในตอนนี้เอ
“ท่านว่าอย่างไรนะ นี่ทั้งหมดนี้…”“ใช่แล้วท่านเข้าใจไม่ผิดหรอก ท่านต่างหากที่ไม่เคยรู้จักข้าเลยหลิวเฟิ่งเทียน ข้าไม่ใช่สตรีอย่างที่ท่านคิดหรอกนะ อีกอย่างเรื่องที่แมวของข้าทำร้ายไป๋รั่วเวยท่านรู้หรือไม่ว่าข้าก็ไม่ได้นึกเสียใจเลยสักนิดเมื่อเทียบกับสิ่งที่นางเคยทำเอาไว้”“ท่านหญิง เหตุใดท่านจึงใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้”“เอาล่ะในเมื่อท่านก็เข้าใจแล้วจากนี้คงรู้แล้วนะว่าพวกเราไม่เหมาะสมกัน ท่านแม้จะเป็นชายชาติทหารแต่ก็ยังใจอ่อนกับสตรีอย่างไป๋รั่วเวย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่านางกำลังทำผิดแต่ก็ยังไม่ห้ามปรามกลับส่งเสริม ส่วนข้าเป็นคนตรงไปตรงมา รักก็คือรัก เกลียดก็คือเกลียด”“พวกท่าน…”“หลิวเฟิ่งเทียน เสียดายนักที่ต้องเสียคนฝีมือดีเช่นเจ้าไป จุดอ่อนของเจ้าคือใจอ่อนและหูเบา ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเลือกให้ความช่วยเหลือคนสกุลไป๋”หลิวเฟิ่งเทียนเองก็พึ่งจะรู้สึกตัวว่าไม่ควรคิดเร็วเกินไป แต่เพราะความโกรธและไม่พอใจที่กู้ม่านซีเลือกคนต่างถิ่นเช่นเจียงอี้หาน หากว่าก่อนหน้านี้เขาทราบตัวตนที่แท้จริงของเจียงอี้หานก่อน เรื่องราวอาจจะไม่เป็นเช่นนี้ก็เป็นได้“หึ ทุกอย่างข้าพลาดเองเรื่องนี้โทษผู้ใดไม่ได้ หากจะโทษก็คงได้แต
เจียงอี้หานมิได้ตอบนางเพียงแต่ลอบกลืนน้ำลายเพราะความกังวลใจนิดหน่อยเท่านั้น เขาไม่ได้ตั้งใจจะให้นางรู้ความจริงเช่นนี้เลย “ม่านซี ฟังข้าก่อนนะเรื่องนี้ข้าไม่ได้อยากปกปิดเจ้าจริง ๆ”“ท่านบอกข้ามา ท่านพ่อทราบหรือไม่ว่าท่านเป็นองค์ชาย”“ใต้เท้ากู้….”“หึ ดูจากสีหน้าท่านข้าก็พอจะเดาออก ไม่ต้องพูดถึงพี่ใหญ่ของข้าที่น่าจะรู้อยู่แล้วตั้งแต่แรก ตามมาด้วยท่านพ่อที่จำเป็นจะต้องร่วมในแผนการครั้งใหญ่ของท่าน รวมถึงท่านอ๋อง… ไม่สิ ไม่มีทางที่ท่านอ๋องจะไม่ทราบตัวตนและฐานะจริง ๆ ของท่าน มิน่าเล่าถึงได้เอาแต่ชวนเข้าไปอยู่ในวัง เพราะเป็นเช่นนี้นี่เอง”“ม่านซี ไม่ใช่แบบนั้นหากว่าข้าบอกเจ้าไปฐานะองค์ชายนี้จะทำงานลำบากดังนั้น…”“ท่านบอกให้พี่ใหญ่ทราบ บอกท่านพ่อข้าได้แต่กลับไม่บอกข้า เจียงอี้หานท่านมีเวลามากมาย หากว่าวันนี้ท่านมิได้ทำป้ายนี้ตกในรถม้าแล้วข้าบังเอิญเก็บมาได้ก็คงยังโง่ต่อไป”“ไม่ใช่แบบนั้นนะ ข้าตั้งใจจริง ๆ ว่าหลังจากจบเรื่องนี้แล้วข้าจะบอกเจ้า ม่านซีอย่าโกรธข้าเพราะเรื่องนี้เลยนะ”“ข้าไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไร ที่จริงข้าน่าจะรู้สึกตัวได้ตั้งแต่แรกแล้ว ท่านมาที่นี่ได้โดยไร้อุปสรรค ท่านเป็นถ
จวนองค์ชายห้า “พระชายาอยู่ที่ใด”“ทูลองค์ชาย พระชายายังทรงบรรทมอยู่เพคะ”“เช่นนั้นเองหรือ จริงสิชุนหลิน”“เพคะ”“เจ้าไปเอาเสี่ยวจูกลับมาที่นี่เถอะ แล้วก็หาสาวใช้ที่พอรู้ความมาช่วยอีกสักสองสามคนคอยระวังพระชายาให้ข้าระหว่างที่ข้าไม่อยู่ด้วย”“เพคะองค์ชาย ขอบพระทัยเพคะ”ชุนหลินดีใจและรีบออกไปรับเสี่ยวจูกลับมา นางรู้ว่ากู้ม่านซีเอาแต่นอนเพราะนางไม่มีจิตใจอยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรทั้งนั้น อีกอย่างตั้งแต่นางตั้งครรภ์ก็อารมณ์แปรปรวนง่ายจนไม่มีผู้ใดเข้าหน้าติด แม้ว่าจะไม่แพ้ท้องแต่ก็ทำให้ทั้งจวนวุ่นวายไปไม่น้อย ห้องบรรทม องค์ชายเดินมานั่งข้าง ๆ พระชายาที่ยังหลับสนิทอยู่บนเตียง ใบหน้านางยามหลับเป็นสิ่งที่เขาชอบมองมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นขนตางอนยาวเป็นแพ ริมฝีปากที่อวบอิ่มที่เขามักจะใช้เวลากับมันนานที่สุดก่อนจะนอนทุกค่ำคืน แต่ตั้งแต่ที่รู้ว่านางตั้งครรภ์เขาก็แทบจะไม่ได้แตะต้องนางเลย เพราะอยากให้ม่านซีได้พักผ่อนอย่างเต็มที่“ท่านกลับมาแล้วหรือเพคะ”“อย่าพึ่งรีบลุกสิเดี๋ยวจะหน้ามืดเอา เจ้าเป็นอย่างไรบ้างรู้สึกเวียนหัวอยู่หรือไม่”“ไม่แล้วเพคะ หม่อมฉันนอนนานเกินไปเดี๋ยวตอนค่ำจะนอนไม่ได้ นี่กี่ยามแล
สามเดือนถัดมา“ไม่ได้นะ ท่านจะเอามันไปไว้กับท่านพ่อทำไมกัน”“ไม่ได้! หากยังอยู่เช่นนี้สักวันเจ้าต้องเดินสะดุดมันล้มแน่นอน เจ้าดูสิมันอยู่เฉยเสียที่ไหน ต้าจื่อ!”“พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”“ต้าจื่อ!”“พ่ะย่ะค่ะพระชายา”“เอาเสี่ยวจูไปฝากท่านพ่อเอาไว้”“ห้ามเอามันกลับไปนะ หากว่าเสี่ยวจูกลับ ข้าก็จะไม่อยู่กับท่าน!!”“ม่านซี! เหตุใดเจ้าจึงดื้อนัก หมอหลวงก็บอกแล้วว่าช่วงนี้เจ้าอารมณ์แปรปรวน ครรภ์แรกสำคัญมากและห้ามอยู่ใกล้ ๆ สัตว์เลี้ยง อีกอย่างหากเจ้ายังเดินเหินไม่ระวังเช่นนี้สักวัน…”“ท่านไม่เข้าใจข้าเลยสักนิด ท่านเอาแต่ทำงานในราชสำนัก ออกจวนไปตั้งแต่เช้ากลับมาก็ดึกดื่นข้ามีเพียงเสี่ยวจูอยู่เป็นเพื่อน วันนี้ท่านก็จะเอามันกลับไปอีก เจียงอี้หานท่านว่ามาว่าจะให้ข้าทำเช่นไร!!”จวนสกุลกู้ “เฮ้อ… ดูท่าองค์ชายคงต้องรับศึกหนักอีกแล้วสินะ”“งานนี้น้องเขยคงกินข้าวเช้าไม่อร่อยเป็นแน่ขอรับ ตั้งแต่ซีเอ๋อร์ตั้งครรภ์ก็อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ลูกเห็นใจน้องเขยยิ่งนัก”“ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเสียงดังกว่าทุกครั้ง เป็นเช่นนี้ไม่ดีแน่ แต่ว่าในเมื่อนางแยกครอบครัวไปแล้วเราก็ไม่สมควรจะไปวุ่นวาย”“ขอรับ ลูกแอบถามองค์ชายแล้วพระอ
“เจียงอี้หานคนขี้โกง….”ริมฝีปากเย็นประกบลงไปเพื่อปิดปากคู่หมั้นสาวทันที ม่านซีมิอาจหลีกหนีสัมผัสแห่งรักนี้ได้เลย ทุกครั้งที่ถูกเขาจู่โจมนางมักจะพ่ายแพ้ราวกับถูกหลอมละลายไปด้วยไฟปรารถนาที่พร้อมจะเผาไหม้นางทั้งตัวเช่นนี้“อื้อ อี้หานเราอย่าพึ่ง…อ๊าา”“ไม่ทันแล้ว เจ้าก็รู้ว่าข้าต้องการเจ้าเพียงใด”“อื้อ…แน่นมาก อี้หาน อ๊าา!!”ลิ้นของเขาดูดดึงยอดอกสีหวานพร้อมกับกายท่อนล่างที่กระหน่ำกระแทกถี่ ๆ เพื่อส่งทั้งคู่ไปแตะทางสวรรค์ เหลืออีกกว่ายี่สิบวันที่จะเข้าพิธีแต่งงาน แต่คนที่พระทัยร้อนอย่างองค์ชายห้าก็ยังรอไม่ไหวจนต้องหาเรื่องเข้าหอกับนางเสียก่อน“อ๊ะ อี้หานข้าต้องกลับจวน อ๊าา….”“หากกล้าพูดอีกคืนนี้ก็อย่าได้หวังจะได้เดินลงจากเตียงข้าได้”“อื้อ อ๊าา…ท่านเบาหน่อยสิ อ๊าา!!!”“เจ้าทั้งหอม หวานและน่ากินไปทั้งตัวเช่นนี้ คิดว่าค่ำคืนนี้ข้าคงไม่อิ่มเป็นแน่ ม่านซีเจ้าอย่าได้กลัวไปเลย ไม่ว่าจะเป็นบิดาของเจ้า พี่ชายหรือแม้แต่สาวใช้และองครักษ์ มีผู้ใดบ้างที่จะไม่รู้ว่าพวกเราเป็นอะไรกัน”“อ๊าา อย่าพึ่งพูดข้าจะ…อ๊าา อี้หาน!!”เขารู้ว่านางเริ่มทนไม่ไหวเขาจึงจับนางขึ้นมาจูบ ปากที่บดขยี้รุนแรงพอ ๆ กับแรงกร
จวนองค์ชายห้า “เสี่ยวจู!!”ม่านซีวิ่งกระหืดกระหอบไปที่จวนขององค์ชายห้าโดยมีกู้ซานหรงและจิ่วหลงวิ่งตามมา เมื่ออี้หานเห็นนางจึงรีบเดินเข้ามารับเพราะสีหน้าของคู่หมั้นสาวทั้งซีดเซียวและหวาดกลัว“ม่านซีเจ้าใจเย็น ๆ ก่อนค่อย ๆ พูดนะ”“อี้หาน…ไม่สิ องค์ชาย เสี่ยวจูก่อเรื่องแล้ว”“เรื่องนั้นเจ้าอย่าตกใจไป องค์รัชทายาทก็แค่อยากจะเล่นกับมันเท่านั้น”“แต่ว่าวันถึงกับ…”“เอาน่า ๆ พวกเจ้าเข้ามานั่งก่อนเถอะ ตอนนี้องค์ชายกำลังอาบน้ำเปลี่ยนชุดอยู่ข้างใน เข้ามาแล้วข้าจะเล่าให้ฟัง”“องค์ชายครั้งนี้เสี่ยวจูล่วงเกินองค์รัชทายาท โทษหนักถึงตายเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”“ซานหรงเจ้าก็พูดเกินไปแล้วไม่มีอะไรหนักหนาขนาดนั้น เข้ามาก่อนแล้วข้าจะเล่าให้ฟัง ค่อย ๆ เดินนะม่านซี”“แต่ว่าตอนนี้เสี่ยวจู”“ไม่ต้องห่วง ต้าจื่อเอามันไปอาบน้ำน่ะ”“แต่ว่ามันยอมหรือเพคะ”“เข้ามานั่งพักก่อนดูเจ้าสิวิ่งหอบมาเป็นลูกแมวเลย บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าวิ่ง”“ท่านยังจะมาพูดเช่นนี้อีก ล่วงเกินองค์รัชทายาทถึงกับโดนตัดหัวได้เชียวนะแต่นี่มันถึงกับ…”เจียงอี้หานยิ้มและพานางเดินมานั่งที่ระเบียงซึ่งเป็นที่ประจำของพวกเขาเวลามานั่งจิบชาชมสวนที่นี่ ซานหรงน
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”“ดูเจ้าสิ ตั้งแต่มาจิ่งโจวเจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเปลี่ยนไปมากเพียงใด ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยอมแพ้สตรีเช่นนี้ เป็นเรื่องที่เกิดความคาดหมายของข้านัก”เจียงอี้หานหันไปมองกู้ม่านซีที่มีท่านชายรองคอยพยุงอยู่ไกล ๆ เมื่อพวกเขาหันไปสังสรรค์กันที่อีกโต๊ะหนึ่ง เพียงแค่รอยยิ้มของน้องชายห้าที่ปรากฏองค์รัชทายาทก็พอจะรู้ว่าสิ่งที่น้องชายเลือกในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง“ในตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าจะยอมรับเงื่อนไขแต่งงานกับท่านหญิงแคว้นจ้าวเป็นเขยแดนเหนือเสียแล้ว”“ข้าเข้าใจความปรารถนาดีของพี่หญิงรองดี แต่ข้ากับท่านหญิงผู้นั้น… ข้าไม่ได้มองนางเป็นเช่นนั้น”“เจ้าทำให้ท่านหญิงซู่หรงเยี่ยนเสียใจถึงกับต้องไปแต่งกับแม่ทัพแคว้นจ้าวเลยล่ะ ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้คิดเหมือนเจ้านะเห็นน้องหญิงรองบอกว่านางไม่ยอมกลับเข้าวังหลังจากทราบข่าวว่าเจ้าออกจากแดนเหนือและใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ที่กองทัพหลังจากอภิเษก”“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับข้า บัดนี้คนที่ข้าต้องดูแล มีเพียงสตรีแสนซนตรงนั้น…เอ๊ะ! ท่านดูสิ นางซนขนาดไหน”ทั้งสองพระองค์หันไปเพราะตกใจเสียงของอี้หานที่มองไปที่ม่านซีตลอด นางเกือบจะล้มเพราะลืมนึกว่าต้องใช้ท
“ท่านพูดอะไรน่ะ”เจียงอี้หานเดินมานั่งใกล้ ๆ และดึงนางเข้ามากอดเอาไว้แน่น นางได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่ยังเต้นแรงรัวถี่อยู่ข้างในชัดเจนมากกว่าครั้งไหน ๆ“เจ้าฟังสิ ได้ยินหรือไม่”“ข้าได้ยินชัดแล้ว”“ข้าออกศึกเหนือใต้มานับครั้งไม่ถ้วน สืบคดีตามหัวเมืองทั่วหล้า ไม่มีเรื่องใดที่นึกกลัวเท่ากับวันนี้มาก่อน กู้ม่านซีเจ้าจะช่วยทำให้ข้าคลายกังวลลงได้หรือไม่ นับจากนี้ให้ข้าดูแลเจ้าอยู่กับเจ้าตลอดไปได้หรือไม่ อย่าทำตัวห่างเหิน อย่าจากข้าไปอีกเลยนะข้าขอร้อง”เขาสบตากับนางด้วยความจริงใจ วันนี้นางเองก็รู้ดีว่าในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด นางก็เห็นเพียงใบหน้าของเขา ที่จริงแล้วนางเหมือนจะได้ยินเสียงของเขาก่อนที่จะปรากฏตัวด้วยซ้ำ นางจึงมั่นใจว่าไม่อาจขาดเจียงอี้หานได้เช่นกัน“ข้าขอโทษ จากนี้ไปข้าจะเชื่อฟังและเป็นคู่หมั้นที่ดี จะไม่ทำให้ท่านรู้สึกลำบากใจอีกแล้วองค์ชาย”“เจ้าหายโกรธข้าได้หรือยัง”“ข้าบอกแล้วว่าไม่ได้โกรธท่าน”“เช่นนั้นจะเลิกทำตัวห่างเหินได้หรือยัง”“เลิกแล้ว”“เช่นนั้นอย่าได้คิดหลีกหนีข้าอีกได้หรือไม่”“ไม่หนีแล้ว”“ถ้าอย่างนั้น… แต่งงานกันนะ”“เจ้าค่ะ ข้าจะรีบแต่งงานกับท่านให้เร็วที่สุด”
เจียงอี้หานเร่งควบอาชาเข้าไปในสายหมอกที่เริ่มปกคลุมพื้นที่ป่า เขาเริ่มใช้การฟังเสียงจากระยะไกล ซึ่งก่อนหน้านี้ทุกคนไม่ได้ยินเสียงแต่เพราะวิชาหูแปดทิศเขาจึงได้ยินเสียงตกใจของม้า“ม่านซี!! อยู่ที่ไหน”เสียงธนูที่พุ่งไปตรงเป้าหมายทำให้เจียงอี้หานเริ่มจับทิศทางอีกครั้ง เขาค่อย ๆ ควบอาชาเข้าไปใกล้ ๆ และสั่งให้กำลังทั้งหมดถอยออกไปเพราะเสียงฝีเท้าของม้าหลาย ๆ ตัวทำให้เขาแยกเสียงไม่ออก“จิ่วหลง ต้าจื่อ พวกเจ้าล้อมป่านี้ให้หมดอย่าให้สิ่งใดหลุดออกไปได้ ข้าจะเข้าไปหาม่านซี”""ขอรับ""เจียงอี้หานควบอาชามุ่งหน้าไปทางทิศที่เขาได้ยินเสียงธนู ทั้งเสียงสายน้าวและแรงดึงเขามั่นใจว่าต้องเป็นกู้ม่านซี เพราะเขาจดจำเสียงและน้ำหนักมือของนางได้ดี “ม่านซี!!”“อี้หาน!”ในที่สุดเขาก็เห็น ม่านซีที่ถูกล้อมด้วยหมาป่าสี่ตัว มันน่าจะทำให้ม้าของนางตกใจจนสลัดนางตกลงมา บัดนี้เหมือนกับว่าม่านซีบาดเจ็บที่ขาจึงไม่สามารถหนีจากดงหมาป่าได้ “ฉึก!!”“กรี๊ด!!”“ม่านซี!”นางยิงธนูดอกสุดท้ายที่มีไปที่หมาป่าหัวหน้าฝูงที่ก้าวเข้ามา ทำให้หมาป่าอีกตัวกระโจนเข้าหานาง เจียงอี้หานดึงมีดสั้นที่พกมาพุ่งไปที่ลำคอของมันอย่างแม่นยำ หมาป่าตั
นางยังไม่ยอมหันมาคุยกับเขา เจียงอี้หานไร้หนทางจึงได้แค่กอดนางจากด้านหลังและสารภาพกับนางด้วยความจริงใจเพื่อมิให้กู้ม่านซีเดินหนีเขาไปอีกครั้ง“ครั้งแรกที่มาที่นี่ ข้าเองก็มิได้ต้องการอยากจะผูกมิตรกับผู้ใดเลยจริง ๆ คิดเพียงว่าจิ่งโจวก็ไม่ต่างกับหัวเมืองอื่น ๆ ที่เต็มไปด้วยขุนนางที่มากเล่ห์กล ข้าไม่เคยชอบเลย”ม่านซีได้แต่พ่นลมหายใจเป็นคำตอบ แต่เจียงอี้หานยังไม่คิดจะยอมแพ้ เขากอดนางแน่นขึ้นแต่ก็ไม่กล้าจะทำอะไรมากกว่านี้“เจ้าก็รู้ว่าครั้งแรกที่เราพบกัน ข้าเองก็มิได้ใส่ใจเจ้ารวมถึงคนอื่น ๆ ด้วย ข้าไม่เคยมีเรื่องอื่นให้คิดจนกระทั่งมีเจ้าเข้ามาในชีวิต เริ่มเปลี่ยนหัวใจที่แห้งแล้งของข้า… ทีละนิด พอรู้ตัวก็เอาแต่มองหาเจ้าไม่หยุด ไม่ได้ยินเสียงก็เริ่มกระสับกระส่าย พอเห็นเจ้ามีคนอื่นมาติดพันก็เริ่มหงุดหงิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ม่านซีเจ้าคงคิดว่าข้าเป็นบ้าเป็นแน่”“ปล่อยข้าเถอะ ข้าอึดอัด”“ไม่! ข้ายังพูดไม่จบนะ เจ้าช่วยฟังข้าสักหน่อยเถอะเรื่องแบบนี้ใช่ว่าข้าจะพูดออกมาได้ง่าย ๆ ข้านั่งคิดทั้งคืนแต่ก็ยอมเสียเจ้าไปไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ต้องบอกเจ้า ม่านซีข้าขอโทษแต่เพราะตำแหน่งองค์ชายกับอ๋องแม่ทัพแดนอุด
วันถัดมา จวนสกุลกู้ เจียงอี้หานเดินทางกลับมาจากวังหลวงพร้อม ๆ กับใต้เท้ากู้และกู้ซานหรงที่เข้าไปถวายรายงานและส่งมอบรายงานการจับกุมพร้อมกับสรุปเรื่องที่เกิดขึ้นทูลท่านอ๋องให้ทรงทราบ ตอนนี้ดูเหมือนว่าไป๋รั่วเวยจะยังไม่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บที่สาหัสราวกับตายทั้งเป็น“ครั้งนี้หากไม่ได้คุณชายเจียง ไม่สิองค์ชายห้าช่วยคลี่คลายคดี การสอบคงจะวุ่นวายมากกว่านี้ อีกทั้งเราอาจจะได้ขุนนางที่เป็นโจรปะปนเข้ามาในราชสำนักโดยไม่รู้ตัวเป็นแน่”“ใต้เท้ากู้กล่าวเกินไปแล้ว ข้าเองก็มีความผิดซึ่งเดิมทีที่ข้าเลือกจะมาพักที่นี่เป็นเพราะสงสัยท่านเป็นคนแรก ขออภัยด้วยจริง ๆ ขอรับ”“มิได้ ๆ กระหม่อมย่อมทราบดีอยู่แล้วว่าเมืองอื่น ๆ ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องใดขึ้น เพียงแต่คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าผู้ที่จะมาอยู่ข้างจวนจะเป็นเพชฌฆาตไร้เงาผู้เลื่องชื่อคนนั้น อีกอย่างตอนนี้…เอ่อ”กู้ซานหรงหันไปมองหน้าขององค์ชายห้าที่ทำหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย ที่จริงพวกเขาก็สังเกตเห็นตั้งแต่ก่อนออกจากวังแล้วว่าเจียงอี้หานมีสีหน้าที่ดูไม่ดีนัก ซึ่งซานหรงพอจะเดาเหตุการณ์ออก“ซีเอ๋อร์รู้ฐานะที่แท้จริงขององค์ชายแล้วใช่หรือไม่”“อะไรนะ! หรือว่าเมื่อคืนนี้…”