“พี่เนี่ยฟง ท่านหายดีแล้วอย่างนั้นหรือเจ้าคะ”“ข้าแข็งแรงอย่างกับม้าศึก นอนพักรักษาตัวสองวันก็หายแล้ว ได้ข่าวว่าเจ้าแสดงฝีมือยิงธนูจัดการกับคนร้ายงั้นหรือ ยอดไปเลยแสดงว่าที่ฝึกมาใช้ได้”“ขอบคุณพี่เนี่ยฟง”“เอ้าเสี่ยวจู ข้าแวะซื้อปลาป่นมาให้เจ้าด้วย ปลานี่ข้าให้เขาบทและแยกก้างออกอย่างดีเจ้ากินไปรับรองก้างไม่ติดคอแน่”เสี่ยวจูเดินไปดมห่อปลาที่ว่านเนี่ยฟงถือมาให้ เขายื่นไปให้สาวใช้และพาเสี่ยวจูออกไปจากห้องแล้ว ตอนนี้ทั้งสามคนเปลี่ยนมานั่งที่สวนด้านหลัง“ได้ข่าวว่าคนร้ายสารภาพแล้วงั้นหรือท่านแม่ทัพ”“ใช่ แต่มันไม่ยอมบอกผู้บงการ”“ให้ข้าไปจัดการพวกมันเถอะ ดูสิว่าจะง้างปากมันให้พูดได้ไหม”“ไม่ต้องหรอก เรื่องนี้น่ะ… คุณชายเจียงรับหน้าที่จัดการต่อไปแล้วคิดว่าอีกไม่นานคงได้เรื่อง”“จริงสิข้าเกือบลืมไปว่าเขาเป็นใคร”“อาฟง”“ทำไมกันล่ะ งานนี้คงต้องให้ “เพชฌฆาตไร้เงา” เช่นเขาจัดการแล้วสินะ”“อะไรนะ! ท่านพูดว่า…”“ซีซีนี่เจ้าอย่าบอกนะว่า… เอ่อ...”ว่านเนี่ยฟงไม่เคยรู้มาก่อนว่ากู้ม่านซียังไม่ทราบฐานะที่แท้จริงของเจียงอี้หาน กู้ซานหรงเองก็ห้ามไม่ทัน เขากำลังพูดถึงเรื่องนี้โดยที่ไม่ทันระวังเพราะเจียง
“อะไรนะ ไม่ใช่ท่านหรอกหรือ แล้วข้า…”ม่านซีมองเขาที่กำลังก้มลงมาจูบที่หน้าผากของนางแน่น ๆ อีกครั้ง ขอเพียงนางไม่โกรธเขาก็พร้อมจะบอกนางในทุก ๆ เรื่องที่เคยปิดบังก่อนหน้านี้“เจ้าคิดว่าข้าจะยอมให้ผู้อื่นอุ้มเจ้าไปต่อหน้าข้างั้นหรือ ไม่มีทางหรอกต่อให้คนผู้นั้นเป็นพี่ใหญ่ของเจ้าหรือซื่อจื่อข้าก็ไม่มีทางให้ผู้ใดแตะต้องสตรีของข้า แต่หลังจากที่ข้าอุ้มเจ้าไปทำแผลแล้วก็รีบไปที่คุกหลวงเพื่อสอบสวนคนร้าย”“เช่นนั้นก็หมายความว่าวันนั้น…ใต้เท้าหลิวเป็นคนอุ้มไป่รั่วเวยไปงั้นหรือ”“ใช่ ข้าฝากเอาไว้กับเขาและวิ่งมารับเจ้าที่กำลังล้มลง แต่เจ้าคงหมดสติไปก่อนจึงไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนพาเจ้าไป เรื่องนั้นข้าไม่โทษเจ้าหรอก แต่บาดแผลของเจ้าข้าจะเอาคืนให้สาสม หลายวันมานี้ข้าให้คนล้อมวังหลวงและเมืองจิ่งโจวเพื่อลากตัวคนร้ายที่เหลือออกมาจึงได้ไม่มีเวลามาพบเจ้า”“พวกมันยอมรับสารภาพแต่ไม่ยอมบอกผู้บงการงั้นหรือ”"ใช่แล้ว เป็นหน้าที่ข้าต้องรีบไปจัดการเจ้าคนร้ายปากแข็งนั่น มันไม่ยอมพูดชื่อผู้บงการออกมา ข้าเองก็จนปัญญา”“แต่ท่านคือเพชฌฆาตไร้เงา เป็นคนที่ฮ่องเต้ไว้วางพระทัย แม้แต่ท่านยังสอบสวนพวกมันไม่ได้หรือเจ้าคะ”“พวกมั
“อะไรนะ นี่ต้าจื่อมีพี่ชายด้วยงั้นหรือแล้วยัง… มิน่าเล่าข้าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเขาจึงมีสีหน้าเช่นนั้น ที่แท้พวกท่านมาที่นี่ส่วนหนึ่งก็เพื่อตามรอยเฉินหลี่เหมาผู้นี้สินะ”“ก็ไม่ผิด แต่เรื่องการทุจริตในการสอบขุนนางมีอยู่ทั่วไป ข้ารับพระบัญชามาก็ต้องทำหน้าที่ให้เต็มที่ จริงสิวิธีการที่เจ้าเสนอมาได้ผลยอดเยี่ยมจริง ๆ เช่นนี้ข้าคงต้องให้รางวัลเจ้าสักหน่อยแล้ว ว่ามาเถอะเจ้าอยากได้อะไร”“ได้ทุกอย่างจริง ๆ น่ะหรือ”“แน่นอนแต่ต้องไม่เกินความสามารถข้านะ หากเจ้าอยากได้บุปผาจากแดนเซียนหรือดาบพิชิตมารขององค์เทพเง็กเซียนข้าคงนำมาให้ไม่ได้”“ท่านก็พูดเกินไป ข้าก็แค่อยากไปกินอาหารอร่อย ๆ สักมื้อ”“งั้นหรือ ข้าก็นึกว่าเจ้าอยาก…”ใบหน้าของเจียงอี้หานเข้ามาใกล้จนเกือบชิด ม่านซีเองก็ไม่ได้คิดที่จะหนี เขาแค่หันมาหอมแก้มนางเท่านั้น“จ่ายมัดจำเอาไว้ก่อน เจ้าอยากจะไปวันไหน”“ข้ายัง…”“คุณชายเจียง!”“ไป๋รั่วเวย?”ม่านซีหันไปเมื่อเห็นไป๋รั่วเวยที่มาพร้อมกับสาวใช้อีกสองคนที่พยุงนางเดินมา แต่เหตุใดจึงไม่มีผู้ใดเข้ามาแจ้งพวกเขาก่อน เมื่อทั้งคู่นึกไปแล้วคงเป็นเพราะต้าจื่อที่ออกไปนอกเมือง“คุณหนูไป๋ เจ้าหายดีแล้วงั้นห
“อะไรนะ!”“เรื่องนี้เดิมทีข้าก็ไม่ได้อยากจะบอกเจ้า แต่วันนี้เมื่อเห็นว่าไป๋รั่วเวยไม่ยอมหยุด นางคงไม่รู้ว่าคนร้ายให้การรับสารภาพหมดแล้วจึงได้กล้ามาต่อว่าข้าที่นี่ ข้าผิดที่ให้นางมาต่อว่าเจ้าได้”“ไม่ใช่ความผิดของท่านสักหน่อย แต่เหตุใดไป๋รั่วเวยกับคนร้ายถึงได้รู้จักกันจนถึงขนาดสั่งให้ทำเช่นนี้ได้เล่า”“หากเจ้านึกให้ดี ๆ ก็จะเห็นการเชื่อมโยงนี้”กู้ม่านซีนั่งทบทวนไม่นานนางก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับสีหน้าที่ตกใจ“หรือว่าเรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับบิดาของนางเสนาบดีไป๋”“ฉลาดสมกับเป็นผู้หญิงของข้า ถูกต้องแล้ว”“เช่นนั้นเสนาบดีผู้นั้นก็หมายจะลอบปลงพระชนม์ท่านอ๋องจริง ๆ งั้นหรือ”“ใช่ เพียงแต่เขาโง่ไปหน่อยที่คิดว่าในวังวันนั้นมีเพียงองครักษ์ที่ถูกเขาสับเปลี่ยนในเขตพระราชฐาน แต่กลับไม่รู้ว่ายังมีองครักษ์ของหลิวเฟิ่งเทียนและสกุลกู้ที่ล้อมเอาไว้ด้านนอกอีกที แต่ที่ข้าพลาดไปก็คือไม่คิดว่าเจ้าจะบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้ ข้าไม่รอบคอบเอง แล้วก็ยังเป็นเจ้าที่ยิงธนูแม่นราวจับวางทำให้เราจับคนร้ายมาสอบสวนได้”“ข้าไม่ได้บาดเจ็บมากขนาดนั้นสักหน่อย อีกอย่างวันนั้นเหตุการณ์ก็ทำให้ข้านึกโกรธเลยทำไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น”
เพียงแค่ลิ้นสัมผัสร่องกลีบที่เขาค่อย ๆ คลี่ออก อี้หานก็แทบจะลืมสิ้นทุกความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เขารู้เพียงแต่ว่าไม่อยากพลาดความหอมหวานตรงหน้า เสียงครางที่หวานราวจะเรียกร้องทำให้จิตใจของหนุ่มวัยกำหนัดกระเจิงจนหมดสิ้น“หวานยิ่งนัก”“ไม่นะ อี้หานอย่า…อ๊าา!!”กู้ม่านซีหายใจหอบถี่ ความเสียวที่เกินบรรยายออกมาเป็นคำพูดกำลังเล่นงานนาง ทั้งกระดากอายและกลัวแต่ก็ไม่อยากให้เขาหยุด ในใจของนางคิดสิ่งใดไม่ออกนอกจากใบหน้าของเจียงอี้หาน“อ๊าา!!”สิ้นเสียงที่กรีดร้อง น้ำหวานก็เริ่มไหลเยิ้มออกมาล้นปากรู นิ้วของอี้หานค่อย ๆ เกลี่ยจนเกิดเสียงน่าอายขึ้น ม่านซีแทบจะไม่อยากทำสิ่งใดนอกจากหนีไปจากตรงนี้“อย่านะ! อย่ามองนะข้าอาย…”เจียงอี้หานค่อย ๆ ขยับขึ้นมา เรือนร่างงดงามตรงหน้านี้มีสิ่งใดน่าอายกัน เขาคิดอยู่ในใจเพราะผิวนางขาวผุดผ่องราวกับดอกฝ้ายที่พึ่งเบ่งบาน อีกทั้งเรือนร่างที่งดงามราวกับบุปผาที่พึ่งผลิดอกในฤดูใบไม้ผลิ ไม่มีสิ่งใดที่จะบรรยายความงดงามตรงหน้านี้ได้อีกแล้ว“ม่านซี เจ้างดงามมากสำหรับข้า”“ไม่นะ ท่าน…รังแกข้าเกินไปแล้ว”อี้หานค่อย ๆ จูบเพื่อปลอบประโลมนางอีกครั้ง ม่านซีหันหน้าหนีเพราะความโมโหที่เขา
ไม่นานผ้าห่มก็ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป อี้หานค่อย ๆ เบียดกายเข้าไปชิดกับนางเพื่อให้รับรู้ว่าเขาต้องการนางมากเพียงใด ม่านซีไม่มีความจำเป็นต้องหลีกหนีอีกในเมื่อหัวใจนางเองก็ต้องการเขา ตอนนี้ทั้งคู่แทบจะไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากอ้อมกอดของกันและกัน“อ๊ะ อี้หาน…ข้าคิดว่ามันแปลก”“ไม่ต้องอาย อีกเดี๋ยวเจ้าจะเรียกหาไม่หยุด”“อ๊าา!!”เขาจับนางหันหลัง และค่อย ๆ ยกบั้นท้ายของนางขึ้นมาชื่นชม เจียงอี้หานไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตามตำรากามสูตรในวสันตฤดูที่ในวังหลวงเคยสอนจะได้ใช้งานจริง ๆ ในเวลานี้นี่เอง เขาเคยเกี่ยงที่จะไม่อ่านและนั่นก็คงต้องขอบคุณองค์รัชทายาทพี่ชายของเขาที่บังคับให้อ่านจนจบ“อ๊าา อี้หาน มัน…ลึกมาก อ๊าา”“อาา…ข้ารู้ ข้าเองก็…เสียวมาก แย่แน่ ๆ อาา…ม่านซีเจ้างามยิ่งนัก ข้าทนไม่ไหวแล้ว”“อื้อ…”ม่านซีหันไปกัดหมอนเพื่อกลั้นเสียงร้องเอาไว้ นางแทบจะกลั้นอารมณ์ไม่ไหวเมื่อถูกเขากระแทกมาไม่ยั้ง อีกทั้งนางยังเป็นคนตอบรับเขาโดยการขยับรับสัมผัสนั้นอีกด้วย นางรู้สึกทั้งเสียว จุกจนเกือบละลายไปพร้อมกับเขา“อาาา ม่านซี!!”นางจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าหลับไปตั้งแต่ตอนไหนและจำไม่ได้ว่าเจียงอี้หานหยุดเมื่อใดเพราะ
“ท่านคิดหรือไม่ว่าบางทีเขาอาจจะไม่ได้พลาดพลั้งง่ายเหมือนกับเรื่องในวังครั้งก่อน”“ข้าย่อมคิด แต่เรื่องนี้หากว่าถูกจับได้ย่อมต้องมีคนผิดมากกว่าหนึ่งคน ไม่แน่ว่านอกจากเสนาบดีไป๋แล้วยังมีขุนนางอีกหลายคนที่ละโมบกับการสอบในครั้งนี้ก็เป็นได้”“งั้นหรือเจ้าคะ”“เจ้ารีบกินข้าวสักหน่อยเถอะ”ม่านซีมิได้ถกเถียงอะไรกับเขาอีก แต่ก็คิดว่าสิ่งที่เจียงอี้หานเล่าให้ฟังนั้นดูจะง่ายเกินไปหน่อย หากว่าลงมือเพียงเท่านั้นแล้วถูกจับได้ก็คงจะเสียท่าเข้าจริง ๆเท่าที่กู้ม่านซีเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่การลอบสังหารบิดา และลอบสังหารท่านอ๋องในวังหรือแม้แต่แผนการของไป๋รั่วเวย นางแอบคิดว่ามันอาจจะไม่ได้ง่ายอย่างที่เจียงอี้หานพูด“ช่วงนี้เจ้าก็อยู่ที่จวนข้าไปก่อน องครักษ์สกุลกู้ทั้งหมดที่ดูแลสองจวนเองก็จะผลัดกันมาอารักขาโดยรอบ ช่วงนี้หากไม่จำเป็นก็อย่าออกไปข้างนอก”“ท่านเกรงว่าข้าจะออกไปแล้วถูกลอบทำร้าย หรือว่ากลัวข้าจะไปได้ยินข่าวลือของท่านกับไป๋รั่วเวยกันแน่”เจียงอี้หานดึงนางมากอดเอาไว้แน่นเมื่อเห็นว่าม่านซีพูดเชิงหยอกกับเขา แต่สำหรับอี้หานแล้วช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่อันตรายที่สุด“อี้หาน เหตุใดท่านกอดแรงเช่นนี้ข้าจะหายใ
“เรื่องนี้… ข้าคิดว่า”“คุณหนูไป๋เสี่ยงชีวิตเข้าช่วยคุณชายเจียง ข่าวนี้ร่ำลือกันไปทั่วทั้งจิ่งโจวในหลายวันนี้ ข้าน้อยคิดว่าท่านหญิงน่าจะพอทราบแม้ว่าจะไม่ได้ออกจากจวนก็ตาม”“ข้าทราบแล้ว และได้คุยกับเจียงอี้หานเรียบร้อยแล้ว เขาบอกว่าเขาไม่ได้จะหมั้นกับไป๋รั่วเวย ทุกอย่างล้วนเป็นการคิดไปเองของไป๋รั่วเวยทั้งสิ้น เขาไม่ได้คิดอะไรกับนาง”หลิวเฟิ่งเทียนมือสั่นระหว่างที่วางจอกชาลง ไม่คิดมาก่อนว่าคุณชายข้างจวนจะสามารถพูดให้กู้ม่านซีเชื่อได้ขนาดนี้“ท่านหญิงเชื่องั้นหรือ ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้ร่ำลือกันไปทั่วเมืองแล้วท่านยังจะ…”“ถูกต้องแล้ว ข้าเชื่อใจเจียงอี้หาน”“ท่านหญิงหรือว่าท่านกับคุณชายเจียงผู้นั้น…”กู้ม่านซีเมื่อเงยหน้ามองบุรุษหนุ่มที่นั่งตรงข้ามก็เริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นมา นางพึ่งนึกได้ว่าเขาเคยส่งแม่สื่อมาสู่ขอนางถึงจวนแล้วครั้งหนึ่งแต่ครั้งนั้นยังไม่ทันได้ตอบคนของสกุลหลิวก็ต้องกลับไปเพราะเจียงอี้หานมาด้วยเรื่องยาถอนพิษของบิดานาง“ท่านหญิง…”“ใต้เท้าหลิว ที่ท่านมาในวันนี้มาเพื่อเยี่ยมข้าอย่างเดียวงั้นหรือ”หลิวเฟิ่งเทียนหันไปมองหน้ากู้ม่านซีอีกครั้ง แววตาของเขาดูจริงจังจนนางเองก็ยังมิอาจหลบ
จวนองค์ชายห้า “พระชายาอยู่ที่ใด”“ทูลองค์ชาย พระชายายังทรงบรรทมอยู่เพคะ”“เช่นนั้นเองหรือ จริงสิชุนหลิน”“เพคะ”“เจ้าไปเอาเสี่ยวจูกลับมาที่นี่เถอะ แล้วก็หาสาวใช้ที่พอรู้ความมาช่วยอีกสักสองสามคนคอยระวังพระชายาให้ข้าระหว่างที่ข้าไม่อยู่ด้วย”“เพคะองค์ชาย ขอบพระทัยเพคะ”ชุนหลินดีใจและรีบออกไปรับเสี่ยวจูกลับมา นางรู้ว่ากู้ม่านซีเอาแต่นอนเพราะนางไม่มีจิตใจอยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรทั้งนั้น อีกอย่างตั้งแต่นางตั้งครรภ์ก็อารมณ์แปรปรวนง่ายจนไม่มีผู้ใดเข้าหน้าติด แม้ว่าจะไม่แพ้ท้องแต่ก็ทำให้ทั้งจวนวุ่นวายไปไม่น้อย ห้องบรรทม องค์ชายเดินมานั่งข้าง ๆ พระชายาที่ยังหลับสนิทอยู่บนเตียง ใบหน้านางยามหลับเป็นสิ่งที่เขาชอบมองมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นขนตางอนยาวเป็นแพ ริมฝีปากที่อวบอิ่มที่เขามักจะใช้เวลากับมันนานที่สุดก่อนจะนอนทุกค่ำคืน แต่ตั้งแต่ที่รู้ว่านางตั้งครรภ์เขาก็แทบจะไม่ได้แตะต้องนางเลย เพราะอยากให้ม่านซีได้พักผ่อนอย่างเต็มที่“ท่านกลับมาแล้วหรือเพคะ”“อย่าพึ่งรีบลุกสิเดี๋ยวจะหน้ามืดเอา เจ้าเป็นอย่างไรบ้างรู้สึกเวียนหัวอยู่หรือไม่”“ไม่แล้วเพคะ หม่อมฉันนอนนานเกินไปเดี๋ยวตอนค่ำจะนอนไม่ได้ นี่กี่ยามแล
สามเดือนถัดมา“ไม่ได้นะ ท่านจะเอามันไปไว้กับท่านพ่อทำไมกัน”“ไม่ได้! หากยังอยู่เช่นนี้สักวันเจ้าต้องเดินสะดุดมันล้มแน่นอน เจ้าดูสิมันอยู่เฉยเสียที่ไหน ต้าจื่อ!”“พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”“ต้าจื่อ!”“พ่ะย่ะค่ะพระชายา”“เอาเสี่ยวจูไปฝากท่านพ่อเอาไว้”“ห้ามเอามันกลับไปนะ หากว่าเสี่ยวจูกลับ ข้าก็จะไม่อยู่กับท่าน!!”“ม่านซี! เหตุใดเจ้าจึงดื้อนัก หมอหลวงก็บอกแล้วว่าช่วงนี้เจ้าอารมณ์แปรปรวน ครรภ์แรกสำคัญมากและห้ามอยู่ใกล้ ๆ สัตว์เลี้ยง อีกอย่างหากเจ้ายังเดินเหินไม่ระวังเช่นนี้สักวัน…”“ท่านไม่เข้าใจข้าเลยสักนิด ท่านเอาแต่ทำงานในราชสำนัก ออกจวนไปตั้งแต่เช้ากลับมาก็ดึกดื่นข้ามีเพียงเสี่ยวจูอยู่เป็นเพื่อน วันนี้ท่านก็จะเอามันกลับไปอีก เจียงอี้หานท่านว่ามาว่าจะให้ข้าทำเช่นไร!!”จวนสกุลกู้ “เฮ้อ… ดูท่าองค์ชายคงต้องรับศึกหนักอีกแล้วสินะ”“งานนี้น้องเขยคงกินข้าวเช้าไม่อร่อยเป็นแน่ขอรับ ตั้งแต่ซีเอ๋อร์ตั้งครรภ์ก็อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ลูกเห็นใจน้องเขยยิ่งนัก”“ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเสียงดังกว่าทุกครั้ง เป็นเช่นนี้ไม่ดีแน่ แต่ว่าในเมื่อนางแยกครอบครัวไปแล้วเราก็ไม่สมควรจะไปวุ่นวาย”“ขอรับ ลูกแอบถามองค์ชายแล้วพระอ
“เจียงอี้หานคนขี้โกง….”ริมฝีปากเย็นประกบลงไปเพื่อปิดปากคู่หมั้นสาวทันที ม่านซีมิอาจหลีกหนีสัมผัสแห่งรักนี้ได้เลย ทุกครั้งที่ถูกเขาจู่โจมนางมักจะพ่ายแพ้ราวกับถูกหลอมละลายไปด้วยไฟปรารถนาที่พร้อมจะเผาไหม้นางทั้งตัวเช่นนี้“อื้อ อี้หานเราอย่าพึ่ง…อ๊าา”“ไม่ทันแล้ว เจ้าก็รู้ว่าข้าต้องการเจ้าเพียงใด”“อื้อ…แน่นมาก อี้หาน อ๊าา!!”ลิ้นของเขาดูดดึงยอดอกสีหวานพร้อมกับกายท่อนล่างที่กระหน่ำกระแทกถี่ ๆ เพื่อส่งทั้งคู่ไปแตะทางสวรรค์ เหลืออีกกว่ายี่สิบวันที่จะเข้าพิธีแต่งงาน แต่คนที่พระทัยร้อนอย่างองค์ชายห้าก็ยังรอไม่ไหวจนต้องหาเรื่องเข้าหอกับนางเสียก่อน“อ๊ะ อี้หานข้าต้องกลับจวน อ๊าา….”“หากกล้าพูดอีกคืนนี้ก็อย่าได้หวังจะได้เดินลงจากเตียงข้าได้”“อื้อ อ๊าา…ท่านเบาหน่อยสิ อ๊าา!!!”“เจ้าทั้งหอม หวานและน่ากินไปทั้งตัวเช่นนี้ คิดว่าค่ำคืนนี้ข้าคงไม่อิ่มเป็นแน่ ม่านซีเจ้าอย่าได้กลัวไปเลย ไม่ว่าจะเป็นบิดาของเจ้า พี่ชายหรือแม้แต่สาวใช้และองครักษ์ มีผู้ใดบ้างที่จะไม่รู้ว่าพวกเราเป็นอะไรกัน”“อ๊าา อย่าพึ่งพูดข้าจะ…อ๊าา อี้หาน!!”เขารู้ว่านางเริ่มทนไม่ไหวเขาจึงจับนางขึ้นมาจูบ ปากที่บดขยี้รุนแรงพอ ๆ กับแรงกร
จวนองค์ชายห้า “เสี่ยวจู!!”ม่านซีวิ่งกระหืดกระหอบไปที่จวนขององค์ชายห้าโดยมีกู้ซานหรงและจิ่วหลงวิ่งตามมา เมื่ออี้หานเห็นนางจึงรีบเดินเข้ามารับเพราะสีหน้าของคู่หมั้นสาวทั้งซีดเซียวและหวาดกลัว“ม่านซีเจ้าใจเย็น ๆ ก่อนค่อย ๆ พูดนะ”“อี้หาน…ไม่สิ องค์ชาย เสี่ยวจูก่อเรื่องแล้ว”“เรื่องนั้นเจ้าอย่าตกใจไป องค์รัชทายาทก็แค่อยากจะเล่นกับมันเท่านั้น”“แต่ว่าวันถึงกับ…”“เอาน่า ๆ พวกเจ้าเข้ามานั่งก่อนเถอะ ตอนนี้องค์ชายกำลังอาบน้ำเปลี่ยนชุดอยู่ข้างใน เข้ามาแล้วข้าจะเล่าให้ฟัง”“องค์ชายครั้งนี้เสี่ยวจูล่วงเกินองค์รัชทายาท โทษหนักถึงตายเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”“ซานหรงเจ้าก็พูดเกินไปแล้วไม่มีอะไรหนักหนาขนาดนั้น เข้ามาก่อนแล้วข้าจะเล่าให้ฟัง ค่อย ๆ เดินนะม่านซี”“แต่ว่าตอนนี้เสี่ยวจู”“ไม่ต้องห่วง ต้าจื่อเอามันไปอาบน้ำน่ะ”“แต่ว่ามันยอมหรือเพคะ”“เข้ามานั่งพักก่อนดูเจ้าสิวิ่งหอบมาเป็นลูกแมวเลย บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าวิ่ง”“ท่านยังจะมาพูดเช่นนี้อีก ล่วงเกินองค์รัชทายาทถึงกับโดนตัดหัวได้เชียวนะแต่นี่มันถึงกับ…”เจียงอี้หานยิ้มและพานางเดินมานั่งที่ระเบียงซึ่งเป็นที่ประจำของพวกเขาเวลามานั่งจิบชาชมสวนที่นี่ ซานหรงน
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”“ดูเจ้าสิ ตั้งแต่มาจิ่งโจวเจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเปลี่ยนไปมากเพียงใด ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยอมแพ้สตรีเช่นนี้ เป็นเรื่องที่เกิดความคาดหมายของข้านัก”เจียงอี้หานหันไปมองกู้ม่านซีที่มีท่านชายรองคอยพยุงอยู่ไกล ๆ เมื่อพวกเขาหันไปสังสรรค์กันที่อีกโต๊ะหนึ่ง เพียงแค่รอยยิ้มของน้องชายห้าที่ปรากฏองค์รัชทายาทก็พอจะรู้ว่าสิ่งที่น้องชายเลือกในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง“ในตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าจะยอมรับเงื่อนไขแต่งงานกับท่านหญิงแคว้นจ้าวเป็นเขยแดนเหนือเสียแล้ว”“ข้าเข้าใจความปรารถนาดีของพี่หญิงรองดี แต่ข้ากับท่านหญิงผู้นั้น… ข้าไม่ได้มองนางเป็นเช่นนั้น”“เจ้าทำให้ท่านหญิงซู่หรงเยี่ยนเสียใจถึงกับต้องไปแต่งกับแม่ทัพแคว้นจ้าวเลยล่ะ ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้คิดเหมือนเจ้านะเห็นน้องหญิงรองบอกว่านางไม่ยอมกลับเข้าวังหลังจากทราบข่าวว่าเจ้าออกจากแดนเหนือและใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ที่กองทัพหลังจากอภิเษก”“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับข้า บัดนี้คนที่ข้าต้องดูแล มีเพียงสตรีแสนซนตรงนั้น…เอ๊ะ! ท่านดูสิ นางซนขนาดไหน”ทั้งสองพระองค์หันไปเพราะตกใจเสียงของอี้หานที่มองไปที่ม่านซีตลอด นางเกือบจะล้มเพราะลืมนึกว่าต้องใช้ท
“ท่านพูดอะไรน่ะ”เจียงอี้หานเดินมานั่งใกล้ ๆ และดึงนางเข้ามากอดเอาไว้แน่น นางได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่ยังเต้นแรงรัวถี่อยู่ข้างในชัดเจนมากกว่าครั้งไหน ๆ“เจ้าฟังสิ ได้ยินหรือไม่”“ข้าได้ยินชัดแล้ว”“ข้าออกศึกเหนือใต้มานับครั้งไม่ถ้วน สืบคดีตามหัวเมืองทั่วหล้า ไม่มีเรื่องใดที่นึกกลัวเท่ากับวันนี้มาก่อน กู้ม่านซีเจ้าจะช่วยทำให้ข้าคลายกังวลลงได้หรือไม่ นับจากนี้ให้ข้าดูแลเจ้าอยู่กับเจ้าตลอดไปได้หรือไม่ อย่าทำตัวห่างเหิน อย่าจากข้าไปอีกเลยนะข้าขอร้อง”เขาสบตากับนางด้วยความจริงใจ วันนี้นางเองก็รู้ดีว่าในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด นางก็เห็นเพียงใบหน้าของเขา ที่จริงแล้วนางเหมือนจะได้ยินเสียงของเขาก่อนที่จะปรากฏตัวด้วยซ้ำ นางจึงมั่นใจว่าไม่อาจขาดเจียงอี้หานได้เช่นกัน“ข้าขอโทษ จากนี้ไปข้าจะเชื่อฟังและเป็นคู่หมั้นที่ดี จะไม่ทำให้ท่านรู้สึกลำบากใจอีกแล้วองค์ชาย”“เจ้าหายโกรธข้าได้หรือยัง”“ข้าบอกแล้วว่าไม่ได้โกรธท่าน”“เช่นนั้นจะเลิกทำตัวห่างเหินได้หรือยัง”“เลิกแล้ว”“เช่นนั้นอย่าได้คิดหลีกหนีข้าอีกได้หรือไม่”“ไม่หนีแล้ว”“ถ้าอย่างนั้น… แต่งงานกันนะ”“เจ้าค่ะ ข้าจะรีบแต่งงานกับท่านให้เร็วที่สุด”
เจียงอี้หานเร่งควบอาชาเข้าไปในสายหมอกที่เริ่มปกคลุมพื้นที่ป่า เขาเริ่มใช้การฟังเสียงจากระยะไกล ซึ่งก่อนหน้านี้ทุกคนไม่ได้ยินเสียงแต่เพราะวิชาหูแปดทิศเขาจึงได้ยินเสียงตกใจของม้า“ม่านซี!! อยู่ที่ไหน”เสียงธนูที่พุ่งไปตรงเป้าหมายทำให้เจียงอี้หานเริ่มจับทิศทางอีกครั้ง เขาค่อย ๆ ควบอาชาเข้าไปใกล้ ๆ และสั่งให้กำลังทั้งหมดถอยออกไปเพราะเสียงฝีเท้าของม้าหลาย ๆ ตัวทำให้เขาแยกเสียงไม่ออก“จิ่วหลง ต้าจื่อ พวกเจ้าล้อมป่านี้ให้หมดอย่าให้สิ่งใดหลุดออกไปได้ ข้าจะเข้าไปหาม่านซี”""ขอรับ""เจียงอี้หานควบอาชามุ่งหน้าไปทางทิศที่เขาได้ยินเสียงธนู ทั้งเสียงสายน้าวและแรงดึงเขามั่นใจว่าต้องเป็นกู้ม่านซี เพราะเขาจดจำเสียงและน้ำหนักมือของนางได้ดี “ม่านซี!!”“อี้หาน!”ในที่สุดเขาก็เห็น ม่านซีที่ถูกล้อมด้วยหมาป่าสี่ตัว มันน่าจะทำให้ม้าของนางตกใจจนสลัดนางตกลงมา บัดนี้เหมือนกับว่าม่านซีบาดเจ็บที่ขาจึงไม่สามารถหนีจากดงหมาป่าได้ “ฉึก!!”“กรี๊ด!!”“ม่านซี!”นางยิงธนูดอกสุดท้ายที่มีไปที่หมาป่าหัวหน้าฝูงที่ก้าวเข้ามา ทำให้หมาป่าอีกตัวกระโจนเข้าหานาง เจียงอี้หานดึงมีดสั้นที่พกมาพุ่งไปที่ลำคอของมันอย่างแม่นยำ หมาป่าตั
นางยังไม่ยอมหันมาคุยกับเขา เจียงอี้หานไร้หนทางจึงได้แค่กอดนางจากด้านหลังและสารภาพกับนางด้วยความจริงใจเพื่อมิให้กู้ม่านซีเดินหนีเขาไปอีกครั้ง“ครั้งแรกที่มาที่นี่ ข้าเองก็มิได้ต้องการอยากจะผูกมิตรกับผู้ใดเลยจริง ๆ คิดเพียงว่าจิ่งโจวก็ไม่ต่างกับหัวเมืองอื่น ๆ ที่เต็มไปด้วยขุนนางที่มากเล่ห์กล ข้าไม่เคยชอบเลย”ม่านซีได้แต่พ่นลมหายใจเป็นคำตอบ แต่เจียงอี้หานยังไม่คิดจะยอมแพ้ เขากอดนางแน่นขึ้นแต่ก็ไม่กล้าจะทำอะไรมากกว่านี้“เจ้าก็รู้ว่าครั้งแรกที่เราพบกัน ข้าเองก็มิได้ใส่ใจเจ้ารวมถึงคนอื่น ๆ ด้วย ข้าไม่เคยมีเรื่องอื่นให้คิดจนกระทั่งมีเจ้าเข้ามาในชีวิต เริ่มเปลี่ยนหัวใจที่แห้งแล้งของข้า… ทีละนิด พอรู้ตัวก็เอาแต่มองหาเจ้าไม่หยุด ไม่ได้ยินเสียงก็เริ่มกระสับกระส่าย พอเห็นเจ้ามีคนอื่นมาติดพันก็เริ่มหงุดหงิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ม่านซีเจ้าคงคิดว่าข้าเป็นบ้าเป็นแน่”“ปล่อยข้าเถอะ ข้าอึดอัด”“ไม่! ข้ายังพูดไม่จบนะ เจ้าช่วยฟังข้าสักหน่อยเถอะเรื่องแบบนี้ใช่ว่าข้าจะพูดออกมาได้ง่าย ๆ ข้านั่งคิดทั้งคืนแต่ก็ยอมเสียเจ้าไปไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ต้องบอกเจ้า ม่านซีข้าขอโทษแต่เพราะตำแหน่งองค์ชายกับอ๋องแม่ทัพแดนอุด
วันถัดมา จวนสกุลกู้ เจียงอี้หานเดินทางกลับมาจากวังหลวงพร้อม ๆ กับใต้เท้ากู้และกู้ซานหรงที่เข้าไปถวายรายงานและส่งมอบรายงานการจับกุมพร้อมกับสรุปเรื่องที่เกิดขึ้นทูลท่านอ๋องให้ทรงทราบ ตอนนี้ดูเหมือนว่าไป๋รั่วเวยจะยังไม่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บที่สาหัสราวกับตายทั้งเป็น“ครั้งนี้หากไม่ได้คุณชายเจียง ไม่สิองค์ชายห้าช่วยคลี่คลายคดี การสอบคงจะวุ่นวายมากกว่านี้ อีกทั้งเราอาจจะได้ขุนนางที่เป็นโจรปะปนเข้ามาในราชสำนักโดยไม่รู้ตัวเป็นแน่”“ใต้เท้ากู้กล่าวเกินไปแล้ว ข้าเองก็มีความผิดซึ่งเดิมทีที่ข้าเลือกจะมาพักที่นี่เป็นเพราะสงสัยท่านเป็นคนแรก ขออภัยด้วยจริง ๆ ขอรับ”“มิได้ ๆ กระหม่อมย่อมทราบดีอยู่แล้วว่าเมืองอื่น ๆ ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องใดขึ้น เพียงแต่คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าผู้ที่จะมาอยู่ข้างจวนจะเป็นเพชฌฆาตไร้เงาผู้เลื่องชื่อคนนั้น อีกอย่างตอนนี้…เอ่อ”กู้ซานหรงหันไปมองหน้าขององค์ชายห้าที่ทำหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย ที่จริงพวกเขาก็สังเกตเห็นตั้งแต่ก่อนออกจากวังแล้วว่าเจียงอี้หานมีสีหน้าที่ดูไม่ดีนัก ซึ่งซานหรงพอจะเดาเหตุการณ์ออก“ซีเอ๋อร์รู้ฐานะที่แท้จริงขององค์ชายแล้วใช่หรือไม่”“อะไรนะ! หรือว่าเมื่อคืนนี้…”