"นี่แน่ะ! คนเลว กล้ากลับบ้านมาแอบดูเพื่อนฉันอาบน้ำได้ยังไง!"เสียงหวานของซ่งเชี่ยนดังขึ้นข้างหู ทำให้หลิงหยางถึงกับสะดุ้ง เธอจับหูของเขาไว้แน่นแล้วลากพาไปที่ห้องนั่งเล่น เผลอแป็บเดียวสามีเธอกลายเป็นพวกถ้ำมองเสียแล้ว!"โอ๊ย! เจ็บนะ!" หลิงหยางรู้สึกเจ็บแปลบจนอดร้องออกมาไม่ได้ เขารีบอ้อนวอนขอความเมตตาจากซ่งเชี่ยน "ที่รัก ปล่อยมือเถอะ... ปล่อยมือเร็วเข้า""ครั้งหน้าจะกล้าแอบดูเพื่อนฉันอาบน้ำอีกไหม?" เธอถามอย่างเอาเรื่อง"ไม่กล้าแล้ว...ฉันไม่กล้าอีกแล้ว" หลิงหยางรีบแก้ตัว "ฉันนึกว่าเธอกำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ เลยเผลอเปิดประตูเข้าไป..."ทั นใดนั้นเขาก็รู้สึกตัวว่าพูดหลุดปากออกไปเลยกลืนคำพูดลงคอ"พูดแบบนี้หมายความว่า คณได้เห็นร่างกายของเพื่อนฉันหมดแล้ว?" ส่งเสียงหลี่ตามองอย่างจับผิดหลิงหยางรีบแก้ตัว "ไม... ไม่ใช่นะ...""แหนะ! ไม่เชื่อหรอก คุณว่าร่างกายเพื่อนฉันสวยไหมล่ะ?" เธอปล่อยมือจากหูของเขา แล้วถามอย่างเย้าแหย่ ที่จริงแล้วจางอิ๋งเสวี่ยเป็นคนสวยรูปร่างดี แล้วก็ฐานะดีมากด้วย ไม่ว่าจะมองด้านไหนก็เหมาะสมกับหลิงหยางมาก"ฉะ... ฉันไม่ได้ดูชัดเจนขนาดนั้นหรอก"หลิงหยางนึกถึงภาพที่เขาเห็นเจียงอิ๋ง
ซ่งเชี่ยนรู้สึกสับสนและขัดแย้งในใจ…ใจหนึ่งเธอไม่อยากเลิกกับหลิงหยาง และไม่อยากสูญเสียเขาไป แต่อีกใจหนึ่งเธอกลับกลัวว่าจะทนรับแรงกดดันจากแม่ของหลิงหยางไม่ไหว จนต้องแยกทางกับเขา เพราะไม่อยากให้โอกาสหลุดไป เธอจึงพูดออกมาในลักษณะของการประชดประชัน ท้ายที่สุดแล้วหลิงหยางและเจียงอิ๋งเสวี่ยเคยหมั้นหมายกันตั้งแต่เด็ก แม่ของหลิงหยางเองก็อยากให้พวกเขาได้คู่กัน ที่สำคัญกว่านั้น ซ่งเชี่ยนกับเจียงอิ๋งเสวี่ยไม่ใช่แค่เพื่อนสนิท แต่ยังเป็นเพื่อนที่ไม่มีความลับต่อกัน เธอจึงไม่อยากให้จางเมิ่งเสวี่ยได้ประโยชน์ไปง่ายๆ อย่างไรก็ตามในสายตาของเจียงอิ๋งเสวี่ย การที่ซ่งเชี่ยนพูดแบบนี้แสดงว่าเธอไม่เชื่อมั่นในตัวเองและเป็นการแสดงออกถึงความไม่มั่นใจ จึงแสดงสีหน้าตกใจออกมาหลิงหยางเองก็คิดว่าซ่งเชี่ยนพูดเกินไป และล้ำเส้นไปนิดหน่อย เขาจึงพูดอย่างจริงจังว่า “ซ่งเชี่ยน ฉันไม่อยากได้ยินคำพูดทำนองนี้จากปากเธออีก เธอสบายใจได้ ฉันหลิงหยางไม่ใช่ผู้ชายที่คิดนอกใจหรอก…”“ฉันเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ใจง่ายเหมือนกัน” เจียงอิ๋งเสวี่ยเสริม “ซ่งเชี่ยน เธอเป็นเพื่อนสนิทของฉัน ต่อให้สามีเธอจะดีแค่ไหน ฉันก็ไม่มีทางคิดจะตีท้ายครัวเธอห
หลังจากค่ำคืนอันหวานชื่น ซ่งเชี่ยนแทบจะถูกหลิงหยางทรมานจนร่างกายเหมือนแหลกสลาย แม้จะเหนื่อยล้าแต่เธอก็ยังตื่นเช้าขึ้นมาเพื่อเตรียมตัวไปทำงานที่บริษัท หลิงหยางยังคงหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวซ่งเชี่ยนไม่อยากปลุกเขา เธอจึงลุกขึ้นจากเตียงอย่างเงียบๆ และออกจากห้องนอนเพื่อไปทำอาหารเช้าในครัวที่ชั้นล่าง เมื่อหลิงหยางตื่นขึ้นมาก็พบว่าภรรยาไม่อยู่ในห้องแล้ว กลัวว่าซ่งเชี่ยนจะออกไปโดยไม่บอกกล่าวอีก จึงรีบลุกจากเตียงและออกจากห้องนอนใหญ่ขณะที่เขาลงบันได เสียงการทำอาหารก็ดังขึ้นจากในครัว หลิงหยางย่องเบาไปที่ประตู ในตอนนั้นซ่งเชี่ยนสวมชุดนอนสีขาวนวลพร้อมผ้ากันเปื้อน โดยยืนหันหลังให้กับประตูห้อง กำลังยุ่งอยู่ที่เตา แผ่นหลังที่เรียบเนียน เอวที่บางกิ่ว สะโพกผายได้รูป และขาเรียวยาวของเธอ สร้างเส้นโค้งที่งดงามอย่างลงตัว เมื่อเห็นว่าภรรยายังไม่รู้ตัว หลิงหยางจึงค่อยๆ ย่องเข้าไปและกอดเธอจากด้านหลัง“ว้าย” ซ่งเชี่ยนตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเป็นหลิงหยาง เธอจึงหันกลับมาและผลักเขาออกพร้อมใบหน้าแดงก่ำ “ไปไกลๆ เลย คุณไม่เห็นหรือว่าฉันกำลังทำอาหารอยู่ รีบไปล้างหน้า แปรงฟัน แล้วก็มาทานข้าวได้แล้ว!”“รับทราบครับท
ผู้หญิงคนนั้นคือซุนจิ่นเหยารองหัวหน้าแผนก เมื่อเห็นหล่อนอู๋เสี่ยวลี่ก็ตัวลับตัวเล็กทันที รีบวิ่งหนีเข้าไปในอาคารสำนักงาน ซ่งเชี่ยนคิดถึงเหตุการณ์ที่ซุนจิ่นเหยากับพรรคพวก ร่วมมือกับจางเมิ่งเสวี่ยทำร้ายเธอ จนต้องเข้าโรงพยาบาล ก็รู้สึกโกรธจัดจนอยากเดินหนี“ซ่งเชี่ยน! หยุดเดี๋ยวนี้นะ เมื่อวานเธอไปไหนมา?”เพราะไม่อยากมีปัญหากับซุนจิ่นเหยาเลยเดินหนี แต่รองหัวหน้าแผนกกลับแสดงท่าทีไม่ยอมแพ้ ตะโกนไล่หลังอย่างเอาเรื่อง จึงเลี่ยงไม่ได้เลยหันมาตอบอย่างไม่พอใจ“เมื่อวานฉันต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะพวกเธอทำร้ายฉันไง!”ซุนจิ่นเหยามองซ่งเซี่ยนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย “อย่ามาหาข้ออ้างกับฉัน ใครจะพิสูจน์ได้ว่าเธอเข้าโรงพยาบาลเมื่อวาน?”ซ่งเชี่ยนหยิบใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล และใบรับรองการออกจากโรงพยาบาลออกมาจากกระเป๋า แล้วยื่นไปต่อหน้าซุนจิ่นเหยา พร้อมกับถามด้วยสีหน้าเย็นชา “อันนี้คงพิสูจน์ได้แล้วใช่ไหม?”“ในเมื่อเธอเข้าโรงพยาบาลแล้ว ทำไมไม่โทรมาแจ้งฉันหรือหัวหน้าแผนกจางว่าลากิจ?” “พวกเธอทำให้ฉันเกือบตาย ฉันต้องแจ้งพวกเธอด้วยเหรอ? ต่อให้ฉันโทรไปพวกเธอจะเชื่อไหม?” เริ่มรู้สึกโมโหที่ถูกตอแยไม่หยุด ขนาดเ
โจวหยุนหลงเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานของซ่งเชี่ยน“ทะ…ซ่งเชี่ยน” เดิมทีตั้งใจจะเรียกว่าท่านประธาน แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของหลิงหยาง ก็เปลี่ยนคำเรียกด้วยเสียงอ่อน แล้วถามด้วยท่าทีอ่อนน้อม “ไม่ใช่ว่ากำลังพักฟื้นอยู่บ้านหรอกเหรอ? มาทำงานทำไม?”ซ่งเชี่ยนมองไปที่จางเมิ่งเสวี่ยและซุนจิ่นเหยา แล้วตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ถ้าฉันไม่มา ก็อาจจะโดนใครบางคนไล่ออกจากบริษัทไปแล้ว!”“ใครมีอำนาจขนาดนั้น? กล้าไล่เธอออกจากบริษัทได้ยังไง” โจวหยุนหลงทำเหมือนคนความจำเสื่อม ถามด้วยท่าทางไร้ยางอาย “เมื่อกี้มีคนบอกว่าฉันส่งคนไปทำร้ายเธอ แล้วยังขอให้คุณไล่ฉันออกด้วยไม่ใช่เหรอ?” ซ่งเชี่ยนย้ำเตือนให้ฟังอีกครั้งโจวหยุนหลงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ไม่มีใครกล้าไล่เธอออกจากบริษัทหรอก ทำงานต่อไปเถอะ...”ซ่งเชี่ยนรู้สึกงุนงงเล็กน้อย เธอคิดว่าโจวหยุนหลง จะทำตามคำขอของจางเมิ่งเสวี่ย และไล่เธอออกจากบริษัท แต่ไม่คาดคิดว่าโจวหยุนหลงจะพูดง่ายขนาดนี้ และให้เธอทำงานต่อไปได้จางเมิ่งเสวี่ยโกรธจนแทบระเบิด กับพฤติกรรมของโจวหยุนหลง หล่อนเดินเข้าไปหาท่านประธานแล้วถามเสียงแข็ง “โจวหยุนหลง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันถูก
“ไม่ใช่!” ซ่งเชี่ยนส่ายหัว เมื่อเธออยู่กับเพื่อนสนิทที่สุดในออฟฟิศ จึงรู้สึกไม่ดีที่จะโกหก เลยบอกความจริงให้ฟังหยางตันถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย “แล้วทำไมเธอถึงพูดแบบนั้นล่ะ?” “ฉันแค่อยากดูว่าพวกนั้นจะทำหน้ายังไง ที่ไหนได้ เป็นพวกกลับกลอก เหมือนกิ้งก่าเปลี่ยนสีทันที!” ก็แค่อยากทดสอบดูเท่านั้น แต่ผลที่ได้เกิดคาดมาก คนพวกนี้เปลี่ยนสีเร็วยิ่งกว่ากิ้งก่าเสียอีก“เอ่อ...” หยางตันเพิ่งจะพูดออกมาไม่กี่คำ อู๋เสี่ยวลี่ก็เดินเข้ามาในพื้นที่ทำงานของซ่งเชี่ยน พร้อมกับพูดด้วยท่าทีเอาใจ “ซ่งเชี่ยน คนพวกนี้มันก็แค่พวกเอาแต่ใจ อย่าไปสนใจพวกมันเลย!”หยางตันถามอย่างประหลาดใจ “เธอไม่ใช่คนที่ชอบทำตัวเป็นลูกหมาของจางเมิ่งเสวี่ย คอยเล่นงานซ่งเชี่ยนหรอกเหรอ? แล้วทำไมจู่ๆ ถึงมาช่วยพูดแทนล่ะ ไม่กลัวจางเมิ่งเสวี่ยมาหาเรื่องเหรอ?”“ฉันไม่กลัวหรอก ถ้าเธอกล้าหาเรื่อง ฉันก็จะเปิดโปงเรื่องที่เธอกับโจวหยุนหลงเล่นชู้กันในออฟฟิศนี่แหละ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ทำให้ฉันรู้สึกงงๆ ไปบ้าง มีบางอย่างที่ฉันไม่คาดคิด...”“อะไรล่ะที่คาดไม่ถึง?” หยางตันถามด้วยความสนใจอู๋เสี่ยวลี่ตอบด้วยท่าทางซุบซิบ “ในเมื่อโจวหยุนหลงเ
"ใช่ครับ ผมเห็นว่าจางเมิ่งเสวี่ยทำเกินไปมาก เธอทำร้ายพี่สะใภ้จนต้องเข้าโรงพยาบาล ผมกลัวว่าเธอจะกลับมาหาเรื่องอีกเลยส่งคนไปสั่งสอนซะหน่อย!" เกาหมิงยอมรับอย่างซื่อสัตย์"แล้วทำไมแกไม่บอกฉันสักคำ?"ผมคิดว่าคุณเมตตาเธอมากเกินไป กลัวว่าจะไม่กล้าลงมือ เลยตัดสินใจเอง นี่ก็เพื่อความปลอดภัยของพี่สะใภ้ทั้งนั้น" เกาหมิงเอาซ่งเชี่ยนมาอ้างเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกด่า"แกคิดบ้างไหมว่า ถ้าจางเมิ่งเสวี่ยโทรแจ้งตำรวจ อาจทำให้พี่สะใภ้ของนายมีปัญหาได้?" ไม่ได้สนใจจางเมิ่งเสวี่ยแม้แต่น้อย เขาแค่ห่วงซ่งเชี่ยน หากเรื่องถึงตำรวจก็คงสาวมาถึงเกาหมิง แน่นอนว่าคงไม่พ้นตัวเขาเอง ภรรยาอาจเดือดร้อนได้"ไม่หรอกครับ อย่างแรก จางเมิ่งเสวี่ยกลัวโดนทำร้ายอีกจึงไม่กล้าแจ้งตำรวจ อย่างที่สอง แม้ว่าเธอจะโทรแจ้ง แต่ถ้าตำรวจไม่มีหลักฐาน พวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรพี่สะใภ้แน่นอน..." เกาหมิงค่อนข้างมั่นใจจึงกล้าลงมือ"ลานจอดรถที่อาคารสำนักงานหลานเถียนมีกล้องวงจรปิดทุกที่ ถ้าตำรวจตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วเจอว่าแกส่งคนไปทำร้ายหล่อน จะทำอย่างไร?" ยังคงไม่วางใจอยู่ดี เรื่องที่เกี่ยวกับซ่งเชี่ยนต้องรอบคอบมากที่สุด"ไม่ต้องห่วงครับ เราซื้อ
เรื่องราวมาถึงจุดนี้ จางเมิ่งเสวี่ยทำเพียงพยักหน้าเงียบๆ ท้ายที่สุดเงินหนึ่งล้านหยวนไม่ใช่จำนวนน้อยๆ นั่นเท่ากับเงินเดือนของเธอถึงสิบปี โจวหยุนหลงก็ไม่ลังเลเช่นกัน เขาโอนเงินผ่านมือถือหนึ่งล้าน จากจำนวนหกล้านที่หลิงหยางซื้อบริษัท เข้าไปในบัญชีของจางเมิ่งเสวี่ยยังไงก็ตามเงินนี้เป็นเงินที่หลิงหยางให้เพิ่มมา ใช้เงินนี้เพื่อเลี้ยงเด็กสักคนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ต่างคนต่างได้ผลประโยชน์กันถ้วนหน้าเมื่อจางเมิ่งเสวี่ยได้รับการแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชี ก็รู้สึกดีใจแต่ซ่อนอารมณ์กดข่มไว้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่จึงยังคงแสร้งทำหน้าเรียบเฉยและไล่เขาออกไป“คุณไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียวสักพัก”โจวหยุนหลงนึกขึ้นได้ว่าจางเมิ่งเสวี่ยมีแผลบนหน้าผาก จึงถามอย่างห่วงใย “ที่รัก ต้องการให้ผมพาคุณไปโรงพยาบาลเพื่อทำแผลไหม?”“ไม่ต้อง คุณไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียวจริงๆ”โจวหยุนหลงจึงทำเพียงแค่หันหลังและออกจากห้องของเธอ“เป็นผู้ชายที่โง่เง่าจริงๆ อย่าคิดว่าคุณให้เงินก้อนโตแล้วฉันจะซาบซึ้งใจ นี่มันเป็นสิ่งที่ฉันควรได้” จางเมิ่งเสวี่ยพูดขณะที่มองไปยังร่างของโจวหยุนหลงที่หายไปทางประตู“คุณกลัวจะไปขัดแย้งก
หลิงหยางมองดูชายหัวล้านตรงหน้า ด้วยสายตาเย็นชาแล้วเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ที่แท้ลูกพี่ที่ว่าก็คือเขาคนนี้นี่เอง"อาคัง นายกล้าจริงๆ เหรอ ส่งลูกน้องมาแย่งของจากฉัน แถมยังจะช่วยออกหน้าอีก นายมีเงินมากหรือว่ามีอำนาจใหญ่โตขนาดเชียวเหรอ?"ชายหัวล้านรีบยิ้มอย่างประจบ "คุณชายหลิง ผมจะกล้าได้ยังไง เมื่อเทียบกับคุณแล้ว พวกเราเป็นแค่เศษฝุ่นในสายตาคุณ ถึงจะให้ผมมีความกล้าร้อยเท่า ผมก็ไม่กล้าแย่งของจากคุณหรอก!""ถ้างั้นนายก็รู้แล้วใช่ไหมว่าควรทำยังไง?" หลิงหยางพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก"รู้แล้วครับ" อาคังพยักหน้ารัวๆ แล้วรีบยกมือขึ้นตบผู้ชายที่อยู่ข้างๆ อย่างแรง ก่อนจะตะโกนด่า "ไอ้หนู นายอยากตายใช่ไหม? รีบคุกเข่าลงขอโทษคุณชายหลิงเดี๋ยวนี้!"ชายคนนั้นเห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงรีบคุกเข่าลงกับพื้นและขอโทษหลิงหยาง "คุณชายหลิง ผมขอโทษครับ ผมตาไม่ดีเองเอง ไม่ควรแย่งของจากคุณ ได้โปรดให้อภัยผมด้วย!"หลิงหยางไม่สนใจและไม่ได้แสดงท่าทางใดๆ ว่าจะยอมรับคำขอโทษนั้น แต่กลับจับมือซ่งเชี่ยนออกจากร้าน คนมาซื้อของดีๆ กลับถูกหาเรื่องเสียได้"ที่รัก ไปกันเถอะ!"ซ่งเชี่ยนคล้องแขนเขา แล้วทั้งสองก็เดินออกจากร้านเครื่องป
หลังจากลงมายังชั้นล่าง ก็เห็นรถยนต์ของหลิงหยางจอดอยู่ที่หน้าอาคาร ซ่งเชี่ยนนั่งลงที่ข้างๆ คนขับ ก่อนจะหันไปพูดกับหลิงหยาง“คุณคะ คุณเพิ่งใช้เงินไป 6 ล้านหยวน เพื่อซื้อบริษัทโฆษณาหลานเถียนให้ฉัน นั่นก็เยอะพอแล้ว ฉันจะกล้าขอให้คุณซื้อแหวนแต่งงานให้ฉันได้ยังไง?”“การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าฉันไม่ซื้อเครื่องประดับที่เหมาะสมให้ คนอื่นจะดูถูกเอาได้ ดังนั้นให้ฉันซื้อให้เถอะ”ซ่งเชี่ยนลังเลเล็กน้อยแล้วพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ ฉันจะฟังคุณ”“ดี งั้นตอนนี้ฉันจะพาเธอไปที่ร้านเครื่องประดับ”หลิงหยางพูดเสร็จก็สตาร์ทรถ และขับไปที่ร้านเครื่องประดับไฮโซ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง ไม่นานนักหลิงหยางก็ขับมาถึง ที่นี่เป็นหนึ่งในร้านเครื่องประดับที่หรูหรา และมีสไตล์ที่สุดในเมือง มีเครื่องประดับหลากหลายประเภท ทั้งแหวน, ต่างหู, สร้อยคอ, กำไล, และจี้ ในบรรดาเครื่องประดับเหล่านี้ มีผลงานของนักออกแบบชื่อดังจากทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งออกแบบและสร้างสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน เป็นเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลิงหยางจอดรถเรียบร้อย ซ่งเชี่ยนควงแขนเขาแ ละเดินเข้าร้านเครื่องประดับไปด้วยกัน พนักงานขายสาวอายุประมาณย
หลังจากหลิงหยางส่งวิดีโอ ที่จางเมิ่งเสวี่ยถูกจับได้ว่าเป็นชู้ไปให้แม่ของเขาดู หลิวฮุ่ยหลิงก็ไม่โทรกลับมาอีกเลย น่าจะเป็นเพราะท่านรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียน้อยของคนอื่น จึงไม่กล้าพูดถึงจางเมิ่งเสวี่ยต่อหน้าเขาอีก และยิ่งไม่อยากช่วยพูดแทนแล้วเรื่องนี้ทำให้หลิงหยางและซ่งเชี่ยน รู้สึกโล่งใจและสบายใจขึ้นมาก จากนี้ไปหลิวฮุ่ยหลิงก็ไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะจับคู่หลิงหยางกับจางเมิ่งเสวี่ยอีกต่อไปแล้ว และจะไม่มาทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองด้วยเมื่อครู่ขณะที่ทั้งสองคนเล่นรักกันบนโซฟายาว ในห้องทำงานของผู้จัดการทั่วไป มันให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่อย่างมาก และพวกเขาก็เข้าใจว่า ทำไมโจวหยุนหลงถึงชอบให้จางเมิ่งเสวี่ย มาพลอดรักในห้องทำงาน มันเป็นการเล่นที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและหวาดเสียวปัจจุบันห้องทำงานนี้รวมถึงบริษัททั้งหมด เป็นของซ่งเชี่ยนแล้ว อย่างไรก็ตามในมุมมองของหญิงสาว แม้ว่าพวกเธอจะทำเรื่องส่วนตัวในห้องทำงาน โดยที่ไม่มีใครว่าอะไรแต่มันก็ไม่ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์"เพราะคุณเลย! คนนิสัยไม่ดี!" หลังจากจัดเสื้อผ้าและผมของเธอเรียบร้อยแล้ว ซ่งเชี่ยนหันมามองหลิงหยางด้วยสายตาตำหนิ "ต่อไปห้ามทำอะไรฉ
วิดีโอที่หลิงหยางส่งมา เป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตรงหน้าประตูห้องทำงานของผู้จัดการบริษัทหลานเถียน ซึ่งบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมด ขณะที่ภรรยาของโจวหยุนหลงมาจับชู้ เมื่อดูจบหลิวฮุ่ยหลิงแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง จึงพยายามแก้ตัวให้จางเมิ่งเสวี่ย “ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เมิ่งเอ๋อร์ไม่ใช่คนแบบนั้น เธอจะไปมีอะไรกับผู้ชายแก่ๆ ได้ยังไง?”“ยังมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีก? ภรรยา คุณควรยอมรับความจริงได้แล้ว วิดีโอนี่เป็นของจริง โชคดีที่หลิงหยางไม่ได้ไปยุ่งกับผู้หญิงแบบนั้น ไม่งั้นตระกูลหลิงของเราคงเสียหน้าไปหมดแล้ว!” หลิงฉิงซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ดูวิดีโอด้วยกันก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจหลิวฮุ่ยหลิงขมวดคิ้ว “หมายความว่าจางเมิ่งเสวี่ย หลอกเราให้เห็นว่าเธอเป็นเด็กดี?” “ชีวิตส่วนตัวของเธอไม่ดีนัก ถ้าไม่ใช่การแสดงแล้วจะเป็นอะไร?” หลิงฉิงไม่ได้สนิทกับครอบครัวนั้นเหมือนภรรยา รู้จักเพียงแค่ผิวเผินจึงพูดไปตามเนื้อผ้า “ดูเหมือนว่าหลิงหยางตัดสินใจถูก ที่ไม่ไปคบกับจางเมิ่งเสวี่ย และเลือกแต่งงานกับซ่งเชี่ยนแทน!” มาถึงตอนนี้แม้ยากจะยอมรับ แต่ทุกอย่างมันคือเรื่องจริง หลิวฮุ่ยหลิงถอนหายใจออกมาดังๆ“ใช่แล้ว แม้ว่า
จางเมิ่งเสวี่ยขับรถกลับบ้าน แล้วก็พุ่งตัวเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว ก่อนจะซบหน้าลงบนเตียงและร้องไห้ออกมา จ้าวชิงหย่าเปิดประตูห้องเห็นลูกเศร้าโศกจึงเดินเข้ามาถาม "เมิ่งเอ๋อร์ ลูกไม่ได้ไปทำงานที่บริษัท เพื่อตรวจสอบการทำงานของพนักงานหรอกเหรอ? ทำไมกลับมาถึงบ้านแล้วก็ร้องไห้แบบนี้ล่ะ บอกฉันสิใครรังแกเธอ?"จางเมิ่งเสวี่ยกลัวว่าแม่ของเธอ จะรู้เรื่องที่เธอแอบมีความสัมพันธ์กับโจวหยุนหลงในห้องทำงาน และภรรยาของโจวหยุนหลงจับได้ พนักงานในบริษัทก็แห่ไปดูเหตุการณ์ ดังนั้นเธอจึงนั่งขึ้นมาจากเตียง และตอบด้วยน้ำตาคลอเบ้า "เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่เลย แม่ออกไปก่อนเถอะ ให้หนูได้อยู่คนเดียวสักพัก!""ไม่!" จ้าวชิงหย่าปฏิเสธอย่างหนักแน่น "ถ้าลูกไม่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น แม่จะไม่ออกไปจากห้องนี้เด็ดขาด รีบบอกมาว่ามีเรื่องอะไร""ฉัน... ฉันโดนไล่ออกแล้ว..." ถูกคาดคั้นเลยจำเป็นต้องตอบ เพราะอย่างไรไม่ช้าหรือเร็วแม่ก็ต้องรู้อยู่ดี"อะไรนะ? โดนไล่ออกเหรอ?" จ้าวชิงหย่าถามด้วยเสียงตกใจ "ใครไล่เธอออกล่ะ? หรือว่าคุณโจวไล่ออก ทำไมเขาทำแบบนั้นล่ะ ลูกไปทำอะไรผิดพลาดไว้หรือเปล่า?""ไม่ใช่ค่ะ" จางเมิ่งเสวี่ยส่ายหัว "ฉันถูกหลิงหยา
เมื่อได้ยินว่าหลิงหยางซื้อบริษัทโฆษณาหลานเถียนในนามของเธอ และซ่งเชี่ยนเป็นเจ้าของบริษัทแล้ว หญิงสาวรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง และเมื่อสามีตัดสินใจไล่โจวหยุนหลงและจางเมิ่งเสวี่ยออก เธอจึงรู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน “ฉันไม่มีปัญหา แต่ฉันขอไล่คนเพิ่มอีกสองคนได้ไหม?” “เธอเป็นเจ้าของบริษัทนี้ ใครที่อยากไล่ก็ไล่ได้เลย ไม่จำเป็นต้องถามความเห็นฉัน” ยิ้มกว้างให้ภรรยา ตอนนี้เธอมีสิทธิ์ขาดอย่างเต็มที่ จะไล่ใครก็ตามสะดวก“ถ้าอย่างนั้น” ซ่งเชี่ยนหันไปมองซุนจิ่นเหยาแล้วพูด “วันนั้นคุณร่วมมือกับหลิวจื้อกังและจางเมิ่งเสวี่ยเพื่อรังแกฉัน คุณก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป ตั้งแต่ตอนนี้คุณและหลิวจื้อกังจะไม่ใช่พนักงานของบริษัทโฆษณาหลานเถียนอีกต่อไป เก็บข้าวของของคุณแล้วออกไปได้เลย” “ท่านประธานซ่ง ฉันผิดไปแล้ว โปรดยกโทษให้ฉันเถอะ ฉันมีพ่อแม่ต้องดูแลและลูกเล็กๆ ฉันไม่อยากเสียงานนี้ไป!” ซุนจิ่นเหยารีบคุกเข่าขอร้อง “แล้วตอนที่คุณร่วมมือกับจางเมิ่งเสวี่ยเพื่อต่อต้านฉัน ทำไมคุณไม่คิดถึงเรื่องนี้บ้าง?” ไม่ได้อยากใจร้าย แต่คนพวกนี้ทำร้ายเธอก่อน จะมีหน้าร่วมงานกันได้อย่างไรอีกซุน
"อ๊า!"จางเมิ่งเสวี่ยร้องเสียงหลง พร้อมกับผลักโจวหยุนหลงออกจากตัวอย่างแรง ชายแก่รีบลุกขึ้นจากตัวเธอทันที พร้อมดึงกางเกงขึ้นและมองไปที่ห่าวเหมย ซึ่งโกรธจนบุกเข้ามาในห้องทำงานด้วยความตะลึง ก่อนถามออกมาอย่างตะกุกตะกัก“หะ...ห่าวเหมย คุณ...คุณมาที่นี่ได้ยังไง?” “โจวหยุนหลง! แกมันเลวจริงๆ กล้าไปหาผู้หญิงคนอื่น ดูสิวันนี้ฉันจะจัดการแกกับอีผู้หญิงชั่วๆ นี่ยังไง!” เธอตะโกนด่าเสียงเข้มพูดจบเธอก็ตรงเข้ามาตบหน้าโจวหยุนหลงไปสองทีอย่างแรงจางเมิ่งเสวี่ยพอเห็นว่าโจวหยุนหลงเข้ามาขวางห่าวเหมยไว้ เธอจึงตั้งสติรีบใส่ชุดชั้นในแล้วดึงกระโปรงลง ทันใดนั้นเองก็เห็นหลิงหยางกำลังถ่ายรูปพวกเธออยู่ ด้านหลังของหลิงหยางมีซ่งเชี่ยน ซุนจิ๋นเหยา อู๋เสี่ยวลี่ หยางตัน และหลี่น่า ทำให้จางเมิ่งเสวี่ยอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีถ้าแค่หลิงหยางกับซ่งเชี่ยนอยู่ที่นี่ เธอก็ยังพอเข้าใจได้ ว่าพวกเขาอาจตามเธอมา และเป็นคนโทรศัพท์บอกห่าวเหมย แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือ คนที่เคยอยู่ข้างเธออย่างซุนจิ๋นเหยา อู๋เสี่ยวลี่ และหลี่น่า รวมถึงหยางตันที่สนิทกับซ่งเชี่ยนก็มาอยู่ที่นี่ด้วยสิ่งนี้ทำให้เธออับอายขายหน้ามาก และคิดว่าซ่งเชี
คืนนี้ห่าวเหมยทำเหมือนทุกวัน หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็นั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่นดูทีวี ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเธอหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะชาขึ้นแล้วดู ปรากฏว่าเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย เข้าใจผิดว่าเป็นสายรบกวนจึงกดตัดสาย แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง จึงเริ่มรู้สึกหงุดหงิดจึงกดรับสายเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากโทรศัพท์ "คุณเป็นภรรยาของโจวหยุนหลงใช่ไหม?""คุณเป็นใคร?" ห่าวเหมยถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด"ฉันเป็นใครไม่สำคัญหรอก ประเด็นคือสามีของคุณตอนนี้ อยู่ที่สำนักงานหลานเทียน และกำลังมีความสัมพันธ์กับพนักงานคนหนึ่งของบริษัท""อะไรนะ? เป็นไปได้ยังไง? ไม่น่าแปลกใจเลยที่โจวหยุนหลงดูเหม่อลอยบ่อยๆ เพราะเขาไปยุ่งกับผู้หญิงในบริษัทนี่เอง!" ห่าวเหมยตกใจ และเชื่อสนิทใจเพราะพักหลังมานี้สามีทำตัวแปลกไป"เขามีคำพูดว่า 'จับโจรต้องจับของกลาง จับชู้ต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา' ถ้าคุณอยากจับพวกเขาให้ได้ คุณควรรีบมาที่นี่!" ไม่ทันให้ห่าวเหมยพูดอะไร ปลายสายก็วางสายไปแล้วจึงตั้งใจจะโทรหาสามีเพื่อถามยืนยันว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่คิดว่าการทำแบบนั้นจะทำให้เขารู้ตัวเลยเปลี่ยนใจ เธอจึงถอดชุดนอนออก เปลี่ยนเสื้อผ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นสายจากโจวหยุนหลง จางเมิ่งเสวี่ยกลัวว่าแม่จะรู้เรื่อง ที่เธอมีความสัมพันธ์กับชายชราผู้นี้ จึงไม่กล้ารับสายและรีบตัดสายทิ้งทันทีจ้าวชิงหย่าถามอย่างสงสัย "เมิ่งเอ๋อร์ทำไมไม่รับสายล่ะ?""เป็นเบอร์รบกวน ไม่มีความจำเป็นต้องรับค่ะ" ได้แต่ตอบเลี่ยงๆ ไป"ฉันเห็นว่าชื่อที่แสดงบนหน้าจอคือชื่อคุณโจวนี่ เขาไม่ใช่เจ้านายของเธอหรอกเหรอ?" จ้าวชิงหย่าเป็นคนหูตาไว มองปราดเดียวก็เห็นอย่างแจ่มชัดว่าใครโทรมา ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกสาวถึงโกหก"ฉัน..." จางเมิ่งเสวี่ยไม่รู้จะตอบอย่างไร เธอหยุดคิดคำพูดชั่วคราวก่อนพูดต่อ "ตอนนี้เลิกงานแล้วค่ะ ฉันไม่อยากรับสายจากบริษัท""แล้วถ้าเขาโทรมาสอบถามเรื่องการลักพาตัวซ่งเชี่ยนล่ะ?" เรื่องนี้ไม่ใช่เล็กๆ อย่างไรเสียซ่งเชี่ยนก็เป็นคนในบริษัทเหมือนกัน กลัวว่าเรื่องไปถึงหูคุณโจวแล้ว เรื่องของเรื่องคือกังวลว่าลูกสาวจะเดือดร้อน"คงไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ" จางเมิ่งเสวี่ยส่ายหัว "เขาไม่รู้หรอกว่าฉันเป็นคนสร้างเรื่อง และอีกอย่างซ่งเชี่ยนก็ถูกช่วยออกมาแล้ว เขาจะโทรมาหาฉันเรื่องนี้ทำไม แม่ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ" พยายามหาเหตุผลมาอธิบายให้แม่ฟัง แต่ถึงโจวหยุนหลงจะรู้อย่