“อึกอืม…” ร่างบางส่งเสียงร้องครางออกมาเมื่อถูกคนด้านบนสัมผัสไปตามเรือนร่าง ทุกจุดที่เขาได้สัมผัสไปมันทำให้เธอรู้สึกดีไม่น้อย ราวกับว่ากำลังเสพติดการมีเซ็กซ์กับเขา “ฮืม…” เสียงครางผ่านลำคอออกมาเบาๆ เมื่อริมฝีปากร้อนสัมผัสเข้ากับเต้าอวบสวย สองมือบีบขยำสลับกันไปมาราวกับว่านี่คือลูกโป่งที่นุ่มนิ่มเหมาะมือ “คะ คุณอือ…”“อย่าเกร็งสิ”“ก็คุณทำฉันแรงอึก..” “ก็ปล่อยตัวตามอารมณ์สิ” “….” เขมิกาพยายามที่จะไม่เกร็ง แต่ทุกครั้งที่ถูกเขาสัมผัสไปก็อดไม่ได้ที่จะต้องเกร็ง มันร้อนรุ่มและรู้สึกร้อนผ่าวจนบอกไม่ถูก ร่างกายแม้จะตอบสนองการกระทำของเขาแต่ก็ยังรู้สึกแปลกทุกครั้งที่ได้ลิ้มรสความเร่าร้อนนี้ “อ้าขาหน่อยเร็ว…” ขาเรียวถูกแยกออกกว้างก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะเริ่มซุกไซร้ลงไปตามเรียวขา ริมฝีปากร้อนลากไปตามขาขาวเนียนอย่างหลงใหล จนถึงกายสาวสีสดเผยอ้าราวกับว่ากำลังเชื้อเชิญให้เขาได้เข้าไปลิ้มลอง “อยะ อย่าอื้อ..” หญิงสาวรีบเอามือกปิดที่กายสาวของตน เมื่อกำลังถูกคนตรงหน้าจ้องมองจนน่าเขินอาย “เอามือออกสิ” “ไม่ทำได้หรือเปล่าคะ มันน่าอาย” เธอพูดพร้อมกับหลบสายตาของเขา “ฉันจะทำให้เธอยอมปล่อยมือออกไปเองนะ
“มีอะไรให้ช่วยไหมภา?” “อ้าว คุณนายตื่นเช้าจังเลย”“ไม่ดีหรอ ที่ฉันตื่นเช้า”“ดีค่ะ ภาจะได้มีเพื่อนคุย”“หึหึหึ”ฉันหัวเราะออกมาเบาๆ ที่จริงก็ไม่ได้อยากตื่นเช้าขนาดนี้หรอก แต่ถูกเขาทั้งเอาแขนหนักๆ มากอด เอาขาใหญ่ๆ มาก่ายไว้ ฉันเลยลุกหนีออกมาดีกว่าให้เขานอนอยู่คนเดียวนั่นแหละ “ไปเที่ยวเมืองนอกมา เป็นยังไงบ้างจ๊ะสนุกไหม”“ก็สนุกนะ แต่ถามว่าตื่นเต้นไหมก็ไม่นะ ฉันโตมากับเมืองนอกเลยไม่ตื่นเต้นอะไร”“อิจฉาคุณนายจังเลย ภาน่ะอยากไปมากๆ เลยนะจ๊ะ แต่ตัวเองก็เรียนจบมาแค่นี้เองจะเรียนต่อพ่อแม่ก็ไม่มีเงินขนาดนั้น แถมยังโง่ภาษาอีก ท่องได้แต่เอบีซีก็หรูแล้วล่ะจ้ะ”“เอาน่า คนเราเก่งไม่เหมือนกัน ดูอย่างฉันสิ ต่อให้จะเก่งในแบบนี้แต่ก็ไม่ได้เก่งในแบบที่ภาถนัดนี่นา อย่าตัดสินตัวเองแบบนั้นเลย”“จ้ะคุณนาย”“ว่าแต่วันนี้จะทำอะไรกินหรอ?”“ว่าจะแกงส้มปลาใส่หน่อไม้ดองให้นายหัวจ้ะ แต่กลัวว่ามันจะเผ็ดไปสำหรับคุณนายก็เลยจะทำแกงจืดด้วยน่ะจ้ะ”“แล้วไม่ทำเผ็ดไม่ได้หรอ?”“ไม่ได้หรอกจ้ะคุณนาย แกงพวกนี้ถ้าเครื่องไม่ถึงจะเหม็นคาวได้”“อ๋อ…ไม่เป็นไร ฉันอยากลองหัดกินเผ็ดดู”“แต่คุณนายจะปวดท้องเอาได้นะจ๊ะ” “ก็กินน้อยๆ ไง
บ่ายแก่ๆ ของวันเดียวกัน “แค่กๆๆๆ” ฉันกำลังสำลักเพราะกลิ่นน้ำพริกที่กำลังผัด มันกลิ่นฉุนจนฉันสำลักจนแสบคอไปหมด ไม่คิดเลยว่าการทำกับข้าวมันลำบากขนาดนี้ นี่แค่เริ่มเองนะการเป็นแม่ศรีเรือนต้องอดทนขนาดไหนกันล่ะเนี่ย “ไหวมั้ยจ๊ะคุณนาย ให้ภาทำเถอะจ้ะ สำลักแบบนี้จะเจ็บคอเอาได้นะจ๊ะ”“แฮ่ม…ตอนทำกับข้าวแบบนี้ ภาทนได้ยังไงกัน ไม่สำลักแสบคอบางเหรอ?”“ภาชินแล้วน่ะจ้ะก็เลยไม่เป็นอะไร” เพราะฉันทำครั้งแรกสินะถึงได้รู้สึกเหมือนจะตายแบบนี้ มันยากกว่าที่คิดไว้แฮะ แต่ฉันก็ต้องทนให้ได้สิคนอื่นเขายังทนกันได้เลย เรื่องแค่นี้ฉันจะมายอมแพ้ง่ายๆ ได้ยังไงกัน “แฮ่มอื้ม…เสร็จแล้วทำยังไงต่อ” ฉันแสบคอแถมยังน้ำมูกไหลเพราะจามอีกต่างหาก เสียงแหบไปหมดแล้ว “ใส่หมูลงไปเลยจ้ะคุณนาย แล้วเอาตะหลิวผัดให้เข้ากัน”“โอเคๆ” ฉันทำตามที่ภาบอกก่อนจะปิดฝาให้มันเดือด และตอนนั้นก็ทำให้ฉันหายใจได้สะดวกขึ้นเพราะกลิ่นมันเริ่มจางลงไม่ฉุนเหมือนตอนแรก การทำอาหารครั้งแรกของฉัน และก็เป็นมื้อแรกที่เขาจะได้กินกับข้าวฝีมือของฉันไม่รู้ว่าจะรอดหรือเปล่า หมายถึงฉันจะทำรอดไหมต่างหากล่ะ เวลาผ่านไป “เฮ้อ เสร็จสักทีนะ”“คุณนายเก่งมากค่ะ”“รสช
หลายวันต่อมา “เขม เขม”“ฉันอยู่ในครัว คุณมีอะไรคะ?” ฉันตะโกนตอบกลับไปเมื่อได้ยินเสียงเรียก ไม่เห็นจะได้ยินเสียงรถของเขาเลยกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน “นึกว่าไปไหน”“ฉันอยากกินของหวานน่ะ เลยมาหาทำอะไรกิน”“อากาศร้อนนะวันนี้”“ว่าแต่คุณกลับมาเมื่อไหร่คะเนี่ย ไม่ได้เห็นได้ยินเสียงรถเลย”“รถเสียน่ะ เลยทิ้งไว้ให้เขามาซ่อมก่อน ก็เลยต้องเอาจักรยานคนงานปั่นกลับมาน่ะ”“ถึงว่า ไม่ได้ยินเสียงรถเลย”“กินด้วยสิ” “เอาสิคะ” ไม่คิดว่าเขาจะกลับมาเร็ว แต่พอได้ยินเหตุผลแล้วก็พอจะเข้าใจ เพราะถ้ารถเสียก็ขับไปตรวจดูงานไม่ได้เขาเลยกลับบ้านมาแบบนี้ “ฉันมีของจะให้เธอด้วยนะ”“อะไรคะ?”เขาหยิบหนังสือมาให้ฉัน มันเป็นคู่มือการทำอาหาร นี่เขากำลังจะบอกว่าฉันทำกับข้าวไม่อร่อยจนต้องเอาคู่มือทำอาหารมาให้งั้นเหรอ “นี่คุณ!”“หืม…”“คุณกำลังจะบอกว่าฉันทำกับข้าวไม่อร่อยงั้นหรอ ถึงต้องเอาคู่มือมาให้แบบนี้อะ พูดกันดีๆ ก็ได้นี่ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย”“เดี๋ยวๆ ฉันทำอะไรตอนไหน”“การที่คุณทำแบบนี้ มันเหมือนคุณกำลังบอกว่าฉันทำกับข้าวไม่อร่อย ทำไมไม่พูดตรงๆ ล่ะฉันจะได้ไม่ต้องทำแล้วให้ภาทำเอง”“เปล่าๆ คิดมากไปแล้ว ฉันไม่ได้หมา
งานวัดในตัวอำเภอ ตั้งแต่เกิดมาฉันเพิ่งได้มาเที่ยวอะไรแบบวิถีชาวบ้านแบบนี้เป็นครั้งแรก คนมันเยอะและดูวุ่นวายมาก คงเป็นเพราะนี่เป็นงานใหญ่คนต่างอำเภอหลายอำเภอมารวมตัวกันที่นี่ บ้างก็ทำบุญ บ้างก็มาเที่ยว ฉันเองก็คือหนึ่งในนั้นที่มาเที่ยวและมาทำบุญด้วย มันตื่นเต้นเพราะมีแต่ของน่ากิน ของเล่นก็น่าเล่นแต่เสียดายที่ฉันโตแล้ว "อยากได้อะไรไหม""ไม่นะ ไม่รู้จะเอาอะไรเหมือนกัน" "ซื้อของแล้วก็นั่งกินไปเลยนะ กลับบ้านไม่ต้องซื้อของสดไป มันจะเสียเอา""ค่ะ" เราสองคนเดินเที่ยวไปด้วยกัน เดินเบียดเสียดกันกับคนอื่นจนเขาต้องจับมือฉันเอาไว้แน่นเพราะกลัวเดินพลัดหลงกัน ผู้คนค่อนข้างวุ่นวายต่างคนต่างก็รีบแย่งกันซื้อของนั่นนี่ "คนเยอะนะ อยากกลับไหม""เที่ยวอีกสักหน่อยก็ได้ ไปตรงนั้นกัน""อื้ม" ฉันจูงมือเขาไปที่ร้านที่มีตุ๊กตาปั้นสำหรับระบายสี เพราะของเล่นอย่างอื่นก็เป็นของเด็กหมดเลย อย่างน้อยอันนี้ฉันก็พอจับต้องได้ อีกอย่างเขาไม่ยอมขึ้นชิงช้าสวรรค์กับฉัน เขากลัวความสูงพอๆ กับฉันที่กลัวเสียงฟ้าร้องนั่นแหละ "เดี๋ยวไปซื้อน้ำให้นะ นั่งอยู่ตรงนี้แหละอย่าไปไหน""อื้อๆ" ฉันพยักหน้าตอบเขา ก่อนที่เขาจะเดินหาย
เช้าวันต่อมา "ว่าแล้วเธอต้องมาที่นี่" เสียงเข้มดังขึ้นจากทางด้านหลัง แต่เธอไม่ได้หันไปมองเพราะรู้ว่าเป็นใคร "มาทำไมคะ""ยังโกรธเรื่องเมื่อคืนไม่หายอีกหรอ?""เปล่าค่ะ แค่อยากมาเดินเล่น""เวลาเธอมีเรื่องให้คิด หรือมีเรื่องไม่สบายใจเธอจะมาที่นี่" "....." ที่เขาพูดก็ถูก เพราะเรื่องเมื่อคืนทำเอาเธอต้องคิดมากและนอนไม่หลับแทบทั้งคืน แต่เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงได้คิดมากขนาดนี้ "เขม...ฉันอยากมีลูกมากเลยนะ อยากมีเด็กเล็กๆ สักสองสามคนวิ่งเล่นที่หน้าบ้าน รอต้อนรับฉันกลับมาจากที่ทำงาน ฉันชอบให้มีเสียงเด็กๆ เล่นกันสนุกสนาน อยากให้บ้านที่เงียบขรึมแบบนี้มันมีสีสันขึ้น" "...." ตอนนี้เธอไม่ได้ขัดใจเขา ยาคุมที่เคยกินก็หยุดไปแล้ว รอแค่อย่างเดียวนั่นก็คืออาการของคนตั้งครรภ์เพื่อบ่งบอกว่าเธอนั้นกำลังมีลูกให้กับเขา แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะอีกนานเท่าไหร่ "ถ้าฉันมีลูกให้คุณไม่ได้ คุณจะทำยังไง?""มีได้สิ เธอแข็งแรงจะตายนะเขม""ถ้ามีไม่ได้ คุณจะมีคนอื่นหรือเปล่า?""ทำไมถามแบบนั้นล่ะ""ก็แค่อยากรู้น่ะ คุณตั้งใจกับการมีลูกมากๆ ฉันก็เลยคิดมาก กลัวว่ามันจะทำให้คุณต้องผิดหวัง" "ถึงตอนนั้นถ้าเราจะไม่
บ้านในสวนแกร๊ก~ หญิงสาวเดินออกมาจากห้องน้ำและได้เห็นว่าสามีกำลังใส่เสื้อผ้าเตรียมตัวเหมือนกำลังจะออกไปไหน ทั้งที่ตอนนี้ก็ค่ำมากแล้ว “นั่นคุณจะไปไหนคะ?” “มีเรื่องน่ะ เธอนอนไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวจะให้คนงานไปตามภามานอนเป็นเพื่อน ฉันคงกลับเช้าโน่นเลย” เขาพูดอย่างเร่งรีบก่อนจะคว้ากุญแจรถที่วางอยู่หน้ากระจกแล้วเดินออกไปในทันที ไม่ได้หันกลับมามองภรรยาที่กำลังยืนงงอยู่สักนิด เสียงรถของเขาแล่นดังออกไปจากตัวบ้าน และเสียงก็ค่อยๆ เลือนหายไปในที่สุด ก๊อกๆๆ“คุณนายจ๋า”“ภา…มาเร็วจัง”“นายหัวให้ภามาอยู่เป็นเพื่อนคุณนายน่ะจ้ะ ภาก็เลยรีบมา”“เขาไปไหน ภารู้หรือเปล่า?”“อือ เห็นว่าคุณจินดาโดนรถชนนะ เห็นพี่ภพพูดให้ฟังอยู่”ภพคือพี่ชายของภามีภรรยาแล้วและก็ทำงานอยู่ด้วยกัน ภาจึงเป็นคนได้มาทำงานเป็นแม่บ้านเพราะร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเลยออกไปทำงานนอกบ้านไม่ได้ “งะ งั้นหรอ” หัวใจดวงน้อยๆ หล่นวูบไปที่ตาตุ่มเมื่อได้ยินแบบนั้น ยิ่งภาพตอนที่เขากำลังเร่งรีบจนแทบจะไม่เห็นเธออยู่ในสายตาเธอยังจำมันได้ดี และมันทำให้เธอรู้สึกจุกจนบอกไม่ถูก กับการกระทำของเขาที่กำลังบ่งบอกว่าเขาเป็นห่วงและยังมีเยื่อใยกับคนรักเก่าอยู่
เขมิกา Talk ฉันพยายามที่จะไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องของเขาที่หายออกไปบ่อยๆ แทบจะทุกวันและเขาไม่ยอมบอกฉัน ที่ผ่านมาฉันรู้มาจากภาเพราะภาก็รู้มาจากพี่ชายอีกที ไม่อย่างนั้นฉันคงได้ถูกเขาปิดหูปิดตาไม่ยอมรับอะไรเลย และเรื่องที่เกิดขึ้นมันก็ทำให้เราสองคนมีเวลาให้กันน้อยลง พูดคุยกันนับครั้งได้ มีเวลาเมื่อไหร่เขาก็จะออกไปตลอด จนเขาอาจลืมไปแล้วว่าฉันคือภรรยาที่เขาควรจะใส่ใจบ้าง ไม่ใช่เมินเหินห่างใส่กันแบบนี้ หรือไม่ก็น่าจะพูดให้รู้บ้างจะได้ช่วยกันหาทางออก ปรึกษากันเหมือนคนที่เป็นสามีภรรยาคู่อื่นๆ ไม่ใช่มาปิดบังกันแบบนี้ เพราะมันทำให้ฉันคิดว่าเขาตั้งใจบิดบังฉัน เรื่องแบบนี้คนเป็นเมียมันยั้งใจไม่ให้คิดมากไม่ได้หรอก เขาเป็นคนสัญญากับฉันเอง เขาให้ความหวังกับฉันเอง แต่เขากำลังละเลยฉันอยู่ เขาอาจจะไม่รู้ตัวว่าเขากำลังทำให้ความรักมันเริ่มสั่นคลอน ฉันยอมรับเลยว่าฉันเพิ่งเปิดใจให้กับเขาจริงๆ เพราะคิดแล้วว่าเขาจะไม่มีวันทำให้ฉันต้องเสียใจ มีปัญหาเราก็จะช่วยกันแก้ไปพร้อมๆ กัน แต่เขากำลังเปลี่ยนไป เขากำลังทำให้ฉันเริ่มไม่มั่นใจอีกครั้ง แต่ฉันอยากให้เขารู้ว่า ใจถ้าให้ไปแล้วมันเอาคืนมาได้นะ แต่มันจะแตกสลาย
สองปีต่อมา ตอนนี้ผมได้ลูกสาวดั่งใจหวังจริงๆ แล้ว แกเป็นน้องเล็กที่สุดในบ้าน ตอนนี้ก็อายุขวบนึง ส่วนพี่ๆ ก็โตขึ้นมากแต่ก็ยังซุกซนเหมือนเดิม ลูกสาวคนเล็กผมตั้งชื่อให้ว่าน้องกอหญ้า แกเป็นเด็กที่น่ารักและไม่ได้ซุกซน นิสัยนิ่งเงียบเหมือนกับแม่ของแกไม่มีผิดเลย ไม่ได้ซุกซนเหมือนกับพวกพี่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นพวกพี่ๆ ก็รักและหวงน้องสาวเอามากๆ "มาหาแม่มากอหญ้า" "มีอะไรหรือเปล่า?" "คุณไปดูลูกชายตัวแสบของคุณเถอะ พากันเล่นอะไรอยู่หลังบ้านโน้น" ผมรีบยื่นกอหญ้าให้เขมอุ้ม ก่อนจะรีบเดินไปที่หลังบ้านและก็ได้พบว่าเจ้าลูกชายกำลังใช้ดินสอและเมจิกที่มีขีดเขียนวาดลวดลายบนรถกระบะของผม "ขุนพล! ขุนทัพ!""พ่อ/พ่อ" "หยุดยืนอยู่ตรงนั้นเลย ใครวิ่งหนีพ่อจะตี" พวกแกหยุดในทันที สองคนนี้ซุกซนกันมาก เผลอเป็นไม่ได้ถ้าได้จับปากกาหรือเมจิกอะไรสักอย่างก็จะวาดไปซะทุกที่เลย "พ่อเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามมาวาดรถแบบนี้" "ขอโทษครับ" "พรุ่งนี้ตื่นมาตั้งแต่เช้าล้างรถให้พ่อให้สะอาด และห้ามเอาปากกาเมจิกมาเขียนอีกถ้าพ่อเห็นอีกครั้งพ่อจะตีจริงๆ ด้วย" "ครับพ่อ" ผมก็พูดร่ำไปอย่างนั้นแหละอันที่จริงก็ไม่กล้าตีหรอก ตั้งแต่พวกแกโตมาผ
หลังจากที่คลอดขุนทัพออกมาที่บ้านก็วุ่นวายมากขึ้นเพราะสองพี่น้องคู่นี้ทั้งดื้อและก็ซนมาก ทำเอาฉันกับภาปวดหัวได้ไม่เว้นแต่ละวัน ตอนแรกฉันคิดว่าฉันจะทำหมันทันทีที่คลอดขุนทัพออกมา แต่คุณไกรเขาอยากจะมีลูกผู้หญิงอีกสักคนฉันก็เลยยังไม่รีบทำหมัน บางทีลูกคนที่สามของเราอาจจะเป็นผู้หญิงก็ได้ แต่ตอนนี้ฉันก็ปล่อยผ่านมาร่วมสองปีได้แล้วล่ะ ขุนพลอายุสามขวบเกือบจะสี่ขวบแล้ว ส่วนขุนทัพก็เพิ่งจะสองขวบหมาดๆ ไม่รู้ว่าสองพี่น้องเขาโตทันๆ กันด้วยหรือเปล่า ที่บ้านก็เลยวุ่นวายเอามากๆ เพราะมีผู้นำอย่างที่ชายน้องชายเลยกล้า ส่วนที่ชายก็มีพ่อเป็นผู้นำอีกที พวกนี้ทำอะไรกันเป็นทอดๆ หลายปีก่อนคุณไกรเขาเคยพูดเอาไว้ว่าอยากให้บ้านของเขามีเด็กตัวเล็กๆ ออกมาวิ่งเล่นสร้างสีสันให้กับบ้านมันจะได้ไม่ต้องเงียบเหงาแบบนี้ ตอนนี้น่าจะสมใจเขาแล้วล่ะ เพราะตอนนี้มีเด็กออกมาวิ่งเล่นจนวุ่นวายตามที่เขาต้องการแล้ว มันวุ่นวายมากจริงๆ นะ ไม่รู้เป็นเพราะเด็กผู้ชายด้วยหรือเปล่า พอโตทันๆ กันก็มักจะพากันวิ่งเล่นซุกซน รื้อข้าวของโน่นนี่ บ้างก็ไปเล่นจนข้าวของของคุณไกรเสียหายไป แต่เขาจะไปว่าอะไรลูกเขาล่ะตามใจกันขนาดนี้ "ขุนพล ขุนทัพ มากินข
พอท้องเริ่มโตก็แน่นอนว่าฉันทำอะไรลำบากขึ้น ลูกคนนี้ก็ดื้อตั้งแต่อยู่ในท้องเลยไม่ต่างอะไรจากลูกคนแรกเลย และพอฉันท้องใหญ่แบบนี้คนที่ต้องรับหน้าที่ดูแลลูกชายตัวแสบก็คือคุณไกร บางครั้งปู่กับย่าก็จะมารับไปเล่นที่บ้านเหมือนอย่างเคย ถามว่าแต่ละวันฉันเหนื่อยบ้างไหม กับลูกฉันไม่ค่อยเหนื่อยสักเท่าไรเพราะแกไม่ค่อยเข้าใกล้ฉัน จะเหนื่อยกับการที่ต้องแบกท้องใหญ่ๆ มากกว่า บรืน~ เสียงรถกระบะแล่นเข้ามาจอดในบ้าน พร้อมกับได้ยินเสียงของลูกชายตะโกนด้วยความดีใจ เขาจะชอบมากเวลาที่พ่อกลับมาจากทำงาน เพราะคุณไกรเขาจะคอยเป็นเพื่อนเล่น "พ่อ!" "หืม วิ่งมารับเร็วเชียวนะตัวแสบ พ่อเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าวิ่งออกมาเดี๋ยวรถจะเหยียบเอา" "ขุนพลลูก ลงมาก่อนให้พ่อไปอาบน้ำก่อน""ไม่เอา" "พ่อเพิ่งทำงานมาเหนื่อยๆ นะมีแต่เหงื่อเต็มตัวเลย" "ไม่เอา ไปอาบน้ำกับพ่อ" "อะๆ โอเค ไปอาบน้ำด้วยกันก็ได้" พ่อลูกคู่นี้ตามใจกันยิ่งกว่าอะไรดี ทั้งที่ก่อนหน้านี้เหนื่อยแทบตายเพราะลูกชายแสนดื้อ แต่ตอนนี้เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย ฉันปล่อยให้เขาพากันไปอาบน้ำ จนกระทั่งพากันเดินลงมา ซึ่งฉันกับภาก็เตรียมอาหารตอนเย็นเสร็จพอดี "กินข้า
เขมิกา Talk "สองขีด!" ฉันร้องอุทานออกมาเบาๆ เมื่อคือที่ตรวจครรภ์เข้ามาตรวจในห้องน้ำ ตั้งแต่ที่คลอดลูกฉันกับคุณไกรเรามีอะไรกันแค่สามครั้งเอง และก็มีแค่ครั้งเดียวที่เราไม่ได้ป้องกัน และก็เป็นครั้งล่าสุดด้วย ไม่คิดว่าจะมีลูกคนที่สองได้ง่ายขนาดนี้ เขาจะว่ายังไงนะที่เรากำลังจะมีลูกคนที่สองด้วยกันแบบนี้ แถมเจ้าขุนพลก็เพิ่งจะอายุขวบกว่าๆ เองด้วย รายนั้นก็ทั้งดื้อทั้งซนใช่ย่อยเล่นเอาคุณไกรเหนื่อยจนแทบเป็นลมทุกวัน "แม่!" "ว่าไงตัวแสบ" แกเริ่มพูดได้เป็นประโยคแล้วล่ะนะ "มีอะไรหรือเปล่าทำไมวันนี้ลงมาช้า" "ไม่มีอะไรค่ะ แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหนกันคะ""ไปหาปู่กับย่า" "อ๋อ..." ขุนพลแกติดปู่กับย่ามาก ตอนเด็กๆ ปู่กับย่าชอบมารับไปเล่นที่บ้านโน้นด้วยบ่อยๆ ส่วนตากับยายก็แวะมาหาบ้างเป็นครั้งคราวเพราะอยู่ไกล "แล้วนี่คุณจะไปกับลูกด้วยหรอ" ฉันถามคุณไกรเพราะเขาเองก็แต่งตัวหล่อเหมือนกับจะออกไปข้างนอกเหมือนกัน "ครับ จะไปด้วยไหม""มีหรอที่ตัวแสบจะให้ฉันอยู่บ้าน" ไม่ว่าจะออกไปไหนก็ตามจะเอาลูกชายตัวแสบจะชอบให้ฉันตามติดไปด้วยตลอด จนกว่าจะได้เจอปู่กับย่าแกถึงจะยอมให้ฉันกลับได้ แกติดฉันมากเลยล่ะ พอจัดการอะไร
หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลมา นายหัวไกรก็เป็นคนดูแลลูกเองเพราะภรรยายังไม่แข็งแรงดี เขาเป็นคุณพ่อมือใหม่ที่แน่นอนว่าการเลี้ยงเด็กทารกแรกเกิดคนนึงมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเขา แต่เขาก็ยังทำได้ดีทุกอย่าง เอาใจใส่ลูกและภรรยาเป็นอย่างดี ลูกชายคนแรก ได้ชื่อว่า ขุนพล ชื่อนี้เขมิกาเป็นคนตั้งให้ลูกชายเอง เพราะเป็นลูกชายคนแรกนายหัวไกรจึงให้ภรรยาเป็นคนตั้งชื่อให้กับลูกเอง แกเป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย ไม่ค่อยร้องไห้งอแงสักเท่าไร "เขม..." ชายหนุ่มเรียกภรรยาของตัวเอง เมื่อเห็นเธอเดินออกมาจากห้องที่ต้องอยู่ไฟ "คุณไกร""ออกมาทำไม?""ฉันแค่อยากออกมาสูดอากาศบ้างอยู่แต่ในห้องแบบนั้นมันน่าเหนื่อย""ออกมาแค่แป๊บเดียวก็พอนะ""ค่ะ" นายหัวไกรเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่ออะไรเกี่ยวกับความเชื่อสักเท่าไร แต่เรื่องที่ภรรยาจะต้องอยู่ไฟเขาเชื่อมาก จึงให้คนงานผู้หญิงที่มีความรู้ด้านนี้มาช่วยดูแลสักระยะนึง หมับ!"อะไรคะเนี่ย?""อยากกอดจังเลย" ตั้งแต่ลูกคลอดออกมาทั้งสองก็แทบจะไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเลย เพราะเขมิกาจะต้องอยู่ไฟจึงไม่ค่อยได้เจอหน้ากับสามีสักเท่าไร เขาเองก็ต้องคอยดูแลลูกที่เพิ่งจะคลอดออกมาได้ไม่กี่อาทิตย์ "ฉัน
เขมิกา Talk เวลาดำเนินผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งบ้านของเราที่กำลังต่อเติมเสร็จไปได้ด้วยดีเสร็จเรียบร้อยหมดทุกอย่างรวมถึงการตกแต่งด้วย เขาคาดการณ์เอาไว้ว่าอยากจะให้บ้านที่กำลังต่อเติมเสร็จก่อนที่ลูกของเราจะคลอดออกมา และก็เป็นไปตามที่เราคาดเอาไว้จริงๆ ตอนนี้ฉันท้องได้เจ็ดเดือนกว่าแล้ว และลูกของเราก็เป็นลูกผู้ชายด้วยล่ะ ท้องใหญ่ขึ้นมากการเดินเหินก็เลยค่อนข้างจะลำบาก และฉันก็ไม่ได้ไปทำงานที่สวนอีกเลยตั้งแต่ที่รู้ว่าตัวเองท้อง ส่วนเขาก็ไปบ้างเป็นบางครั้งนานๆ จะไปทีนึง "โอ๊ะ!" ฉันร้องอุทานออกมาเมื่อรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวในท้อง ช่วงนี้ลูกดิ้นแรงมากๆ ถีบทีจุกไปยันลิ้นปี่ "เป็นอะไร เจ็บท้องหรอ!?" "ปะ เปล่าค่ะ ลูกดิ้นแรงไปหน่อย""หืม คนเก่งครับ อย่าทำแม่เขาแรงนักสิแม่เจ็บนะ" "สงสัยลูกอยากจะออกมาวิ่งเล่นแย่แล้วนะคะ""ตอนนี้ยังไม่ครบกำหนดรอให้ครบกำหนดก่อนแล้วค่อยออกมานะตัวแสบ" คุณไกรเขาลูบท้องของฉันไปมาเบาๆ จนลูกหยุดดิ้นไป ไม่อยากจะเชื่อเลย แต่ทุกครั้งที่เขาเข้ามาลูบท้องแล้วพูดกับลูก แกจะหยุดถีบท้องฉันทันทีอย่างกับรู้ว่าพ่อของเขาพูดอะไร "อึดอัดหรือเปล่า" "ก็อึดอัดอยู่เหมือนกันค่ะ ท้องใหญ่ขึ
นายหัวเกรียงไกร Talk หลังจากที่นัดกันครั้งนั้นวันนี้ครอบครัวของเราก็ได้มารวมตัวกันอีกครั้ง เป็นการรวมตัวในรอบปีเลยก็ว่าได้เพราะต่างคนต่างก็ทำงานกัน ตอนนี้ผมกำลังขยับขยายบ้านของตัวเองให้กว้างขึ้น เพื่อที่อนาคตจะได้มีพื้นที่ว่างให้ลูกๆ ได้วิ่งเล่นกัน ถึงบ้านที่อยู่มันจะกว้างแต่ก็อยากให้กว้างกว่านี้จะได้สร้างสนามเด็กเล่นเล็กๆ เอาไว้ให้ลูกได้วิ่งเล่นกัน "อาหารมาแล้วครับทุกคน" "ว้าว น่ากินจังเลยลูก""งั้นก็กินเยอะๆ เลยนะครับ ฝีมือลูกสะใภ้ของแม่เลยนะครับเนี่ย""น่าอร่อยมากเลย" "แล้วเขมล่ะยังไม่ออกมาอีกหรอ" "เดี๋ยวตามออกมาครับ" ผมตอบคุณพ่อของเขมิกา ตอนนี้ผมมีข่าวดีที่จะบอกให้ทุกคนรับรู้ ซึ่งผมเองก็เพิ่งจะรู้มาเมื่อไม่นานมานี้เอง และมันก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมอารมณ์แปรปรวนอยู่ช่วงนึง หมอบอกว่ามันเป็นส่วนนึงที่ผมรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการมีลูกเลยทำให้ผมเป็นแบบนี้ "ผลไม้มาแล้วค่ะ" "เขมลูก.." "กินเยอะๆ นะคะ อาหารมื้อนี้หนูตั้งใจทำสุดฝีมือเลย""เก่งขึ้นเยอะเลยนะเราเนี่ย""สงสัยได้ครูสอนดีค่ะ" ครูที่ว่าก็หมายถึงผมและภาด้วยเพราะตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ภาคือคนที่สอนทำอาหารทั้งหมด แน่นอนว่าการรว
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาหลังจากที่หายดีแน่นอนว่าเขาก็กลับไปทำงานอีกเช่นเคย แต่คราวนี้เขาไม่ได้หักโหมเหมือนกับครั้งก่อน "จำที่สอนได้ไหม" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น หลังจากที่สอนให้ภรรยาหัดขับรถคร่าวๆ แล้ว ครั้งนี้ถึงเวลาที่เธอจะต้องขับเองโดยที่มีเขานั่งข้างๆ แต่จะไม่บอกว่าต้องทำยังไง "ซ้ายสุดคือถอยหลัง เกียร์หนึ่งเกียร์สองเกียร์สาม จำให้ขึ้นใจว่าต้องเหยียบคลัทช์ก่อน ต้องปลดเบรคมือทุกครั้งถ้าจะเลื่อนรถ ค่อยๆ เหยียบคันเร่ง" เธอนั่งท่องจำก่อนจะค่อยๆ ออกตัวรถไป "เมียครับ อยากกินเลนมากไปเดี๋ยวชนต้นไม้" "รู้แล้วน่า ก็ฉันเพิ่งหัดนี่จะให้เก่งเลยได้ยังไง" "ระวังต้นไม้ด้วยครับ" "พูดจังเลยนะ ฉันต้องการสมาธิอยู่เงียบๆ ได้ไหม!" "ครับๆ" อย่างนั้นเขาถึงไม่กล้าพูดอะไรออกไปต่อ ได้แต่นั่งเกร็งไปตลอดทางจนกระทั่งรถจอด "เฮ้อ..." "เมียครับคราวหน้าคุณเมียอย่าพาผัวไปเล่นกับต้นไม้อีกนะครับ ผัวไม่เอาแล้ว""เป็นอะไรเนี่ยพูดมากตั้งแต่อยู่ในรถแล้ว""ก็ผัวกลัวเมียจะพาไปเล่นกับต้นไม้" "บ้าบอ!" "เป็นยังไงบ้างครับนายหัว""โห้ย เกร็งจนหำหดหมดแล้วเนี่ย""เอาน่าครับ คุณนายเพิ่งจะหัดขับครั้งแรกเอง""ใช่ ฉันเพิ่งจะหัดขับครั้งแ
กลางดึกสงัดในคืนเดียวกัน "อึกอืม..." เสียงครางพึมพำที่ดังขึ้นทำให้เขมิกาที่นอนอยู่ข้างๆ สะดุ้งตื่นขึ้นมา ก่อนที่เธอจะรีบมองไปยังต้นเสียง และก็ได้พบว่าสามีกำลังนอนซมไข้อยู่ "คุณไกร...ตัวร้อนเป็นไฟเลย" เธอรีบจัดแจงเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้กับสามี พร้อมกับเอายาลดไข้ป้อนให้เขาจนกระทั่งพิษไข้นั้นซาลง สีหน้าที่ซีดเผือกกับร่างกายที่ร้อนดั่งไฟก็เริ่มดีขึ้นและเขาก็รู้สึกตัวขึ้นมา "เขม...""ไม่เป็นอะไรแล้วนะคะ คุณตัวร้อนเป็นไฟเลย ฉันเอายาให้กินแล้วก็เช็ดตัวให้แล้ว" "ขอโทษนะที่ทำให้ต้องอดหลับอดนอน""คราวหน้าคุณห้ามโหมงานหนักแบบนี้อีกนะคะ""สงสัยอากาศมันจะร้อนน่ะ ร่างกายมันก็เลยปรับตัวไม่ทัน รู้สึกเพลียแดดด้วยก็เลยเป็นแบบนี้ ขอบใจนะที่ดูแลกัน""ถ้าฉันไม่ดูแลคุณแล้วใครจะดูแลคุณล่ะคะ" "นั่นสินะ เมียของฉันน่ารักจัง" "นอนพักเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะเอาผ้าไปซักแล้วเอามาเตรียมไว้ใหม่ก่อน ถ้าคนไข้ขึ้นกลางดึกขึ้นมาอีกฉันจะได้เช็ดตัวให้ทัน""อื้ม..." ครั้งก่อนที่เธอไม่สบายเป็นไข้เขาเองก็ทำแบบนี้ไม่ต่างกัน คอยหายาให้กิน คอยเช็ดตัวให้ป้อนข้าวป้อนน้ำจนกระทั่งเธอกลับมาหายดีเป็นปกติ ตอนนี้เธอก็อยากจะทำแบบที่เ