เขมิกา Talk ฉันพยายามที่จะไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องของเขาที่หายออกไปบ่อยๆ แทบจะทุกวันและเขาไม่ยอมบอกฉัน ที่ผ่านมาฉันรู้มาจากภาเพราะภาก็รู้มาจากพี่ชายอีกที ไม่อย่างนั้นฉันคงได้ถูกเขาปิดหูปิดตาไม่ยอมรับอะไรเลย และเรื่องที่เกิดขึ้นมันก็ทำให้เราสองคนมีเวลาให้กันน้อยลง พูดคุยกันนับครั้งได้ มีเวลาเมื่อไหร่เขาก็จะออกไปตลอด จนเขาอาจลืมไปแล้วว่าฉันคือภรรยาที่เขาควรจะใส่ใจบ้าง ไม่ใช่เมินเหินห่างใส่กันแบบนี้ หรือไม่ก็น่าจะพูดให้รู้บ้างจะได้ช่วยกันหาทางออก ปรึกษากันเหมือนคนที่เป็นสามีภรรยาคู่อื่นๆ ไม่ใช่มาปิดบังกันแบบนี้ เพราะมันทำให้ฉันคิดว่าเขาตั้งใจบิดบังฉัน เรื่องแบบนี้คนเป็นเมียมันยั้งใจไม่ให้คิดมากไม่ได้หรอก เขาเป็นคนสัญญากับฉันเอง เขาให้ความหวังกับฉันเอง แต่เขากำลังละเลยฉันอยู่ เขาอาจจะไม่รู้ตัวว่าเขากำลังทำให้ความรักมันเริ่มสั่นคลอน ฉันยอมรับเลยว่าฉันเพิ่งเปิดใจให้กับเขาจริงๆ เพราะคิดแล้วว่าเขาจะไม่มีวันทำให้ฉันต้องเสียใจ มีปัญหาเราก็จะช่วยกันแก้ไปพร้อมๆ กัน แต่เขากำลังเปลี่ยนไป เขากำลังทำให้ฉันเริ่มไม่มั่นใจอีกครั้ง แต่ฉันอยากให้เขารู้ว่า ใจถ้าให้ไปแล้วมันเอาคืนมาได้นะ แต่มันจะแตกสลาย
ช่วงเที่ยง “คุณนายมาแล้ว” “รอกันนานหรือเปล่า ขอโทษนะที่ให้รอนาน” “ไม่เป็นอะไรจ้ะคุณนาย” พวกเขาเรียกฉันว่าคุณนายทุกคน มันคงจะเป็นสรรพที่ใช้เรียกเมียของเจ้านาย “ไปกันเถอะ ฉันมาสายกว่าเพื่อนเลยขอโทษทุกคนด้วยนะ” เพราะฉันมัวแต่เตรียมตัวแต่ก็ตื่นเต้นถ้าจะต้องไปเห็นภาพบางอย่างที่ทำให้ฉันต้องเจ็บปวด “คุณนายจะให้ผมไปส่งที่ไหนครับ”“ไปที่โรงพยาบาลที่คุณไกรเขาไปไง ฉันอยากไปที่นั่น ส่งแล้วก็กลับกันเลยก็ได้เดี๋ยวฉันกลับเอง” “ให้ผมโทรบอกนายหัวให้ไหมครับ เดี๋ยวคุณนายจะหลงเอา”“ไม่ต้องหรอกค่ะ ไปส่งเลยเดี๋ยวฉันโทรหาเขาเอง”“ก็ได้ครับ งั้นคุณนายเชิญเข้ามาเลยครับ”“มะ ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ให้ภรรยาของภพนั่งเลย เดี๋ยวฉันนั่งกับภาก็ได้”“คุณนาย…”“นั่งไปเถอะค่ะ คุณควรได้นั่งนะ” ฉันไม่รู้ว่าภรรยาของภพพี่ชายภาชื่ออะไร แต่เท่าที่ดูเธอเป็นคนสวยและน่ารักมาก น่าอิจฉาคู่รักคู่นี้จริงๆ “จ้ะคุณนาย” ฉันนั่งคู่กับภาอยู่ที่ด้านหลัง รถของภพเป็นกะบะแคปที่ด้านหลังแคบๆ ไม่ได้เป็นสี่ประตูเหมือนกับของเขา ภพขับรถมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงยังโรงพยาบาลที่น่าจะเป็นโรงพยาบาลใหญ่ของจังหวัด ฉันเดินเข้าไปด้านในและก็ได้เจอกับร
รถกระบะแล่นออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว เขาพยายามกดโทรออกไปหาภรรยาของเขาเพราะตอนนี้เธอยังไม่เข้าบ้านเลย และก็ไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนตรงไหน ตู๊ด~ ตู๊ด~ ตู๊ด~ “รับหน่อยสิเขม…” เขาพึมพำกับตัวเองเพราะเธอไม่ยอมรับสาย ชายหนุ่มเหยียบคันเร่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และปลอดภัย จนกระทั่งเข้ามาถึงตัวเมืองแต่เพราะเขาไม่รู้ว่าเธออยู่ตรงไหนเลยไม่รู้ว่าจะต้องไปเริ่มตามหาเธอที่ไหน “ทำไมทำแบบนี้นะเขมคนเป็นห่วงไม่รู้หรือไง รับสายหน่อยสิไปอยู่ที่ไหนของเธอเนี่ย” เขาจอดรถที่ริมทางพร้อมกับพยายามติดต่อหาเธอ มือหนาทึ้งศีระษะของตัวเองอย่างแรง เพราะไม่คิดว่าเธอจะตามไปขนาดนั้น แถมเธอก็ไม่ได้บอกก่อนด้วยว่าจะตามเขาไป “บ้าฉิบ!” ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะทิ้งโทรศัพท์ไปที่เบาะข้างๆ เพราะไม่สามารถติดต่อหาเธอได้ และก็ไม่รู้เลยว่าเขมิกาจะไปที่ไหน เธอไม่เคยเข้าเมืองคนเดียว และไม่เคยมาแถวนี้มาก่อนเลย เธออาจจะหลงทางไปที่ไหนหรือไม่ก็อาจจะถูกหลอกไปไหนแล้ว ตู๊ด~ ( ฮัลโหลว่าไงไกร ) “จินดาวันนี้หลังจากที่ฉันกลับมาแล้ว มีใครเข้าไปหามั้ย”( ไม่มีนะไกร หลังจากที่ไกรกลับไปก็ไม่มีใครมาอีกเลย ) “อ๋อ ขอบใจนะ แค่
“เขมิกา” นายหัวไกรเอ่ยเรียกภรรยาสาวที่นอนอยู่ที่เตียง แต่ทว่าเธอกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบรับเลย ร่างบางนอนนิ่งคล้ายคนนอนหลับลึกไม่มีการตอบสนองกับเสียงเรียกของเขา จนกระทั่งเขาได้สัมผัสกับตัวของเธอจึงได้รู้สาเหตุ “เขมิกา!” ตัวของเธอร้อนปานไฟ ใบหน้าแดงก่ำเพราะพิษไข้และที่สำคัญเธอไม่มีสติเลยสักนิด “ภา ภา ภา!” “จ้ะนายหัว มะ มีอะไรจ๊ะ” ภารีบวิ่งขึ้นมาเพราะเสียงตะโกนเรียกของเจ้านาย “ไปเอายาแก้ไข้กับผ้าเช็ดตัวมาให้หน่อย เร็วๆ เลยนะ”“จ้ะๆ นายหัว” ระหว่างนั้นเขาก็รีบประคองภรรยาขึ้นมาและจัดการเปลื้องผ้าของเธอออกให้ง่ายแก่การเช็ดตัวระบายความร้อน ผ่านไปพักใหญ่ๆ อาการของเขมิกาดีขึ้น ถึงจะยังไม่หายแต่ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้เยอะ อุณหภูมิร่างกายของเธอลดลงและดีขึ้น ใบหน้าที่แดงก่ำเพราะพิษไข้ในตอนแรกมันเริ่มจางลงแทบจะเป็นเหมือนปกติแล้ว “คุณนายตากฝนเหรอจ๊ะนายหัว”“…..”“แต่จะว่าไปฝนก็ไม่ตกนี่นา แล้วคุณนายจะไปตากฝนที่ไหน”“ไม่หรอก น่าจะเป็นไข้เพราะไปนั่งอยู่ในที่ที่มีคนเยอะ” “คุณนายเป็นอะไรเหรอจ๊ะนายหัว”“เธอมีอาการแพนิคถ้าต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีคนเยอะน่ะ”“น่าเป็นห่วงจัง”“คงเพราะเครียดเลยเป็นแบบนี้
หลายวันผ่านไป ฉันกับเขาอยู่ด้วยกันแบบไม่ลงรอยสักเท่าไหร่ ทั้งที่เขาพยายามที่จะเข้าหาแต่สิ่งที่ฉันเจอมามันทำลายหัวใจของคนที่เป็นภรรยามาก ถึงเราจะไม่ได้รักกันแต่แรก แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าตอนนี้ฉันไม่รักเขา ความรักมันก่อเกิดขึ้นตอนที่เราสองคนอยู่ด้วยกัน ทั้งที่ฉันยอมเปิดใจรักเขาเพราะเห็นว่าเขาคือคนที่เข้าใจความรู้สึกของฉัน แต่เขากลับเป็นคนที่ทำลายหัวใจของฉันซะเลย เขาอาจจะไม่รู้ตัวกับสิ่งที่ตัวเองทำ อาจจะไม่รู้เลยว่าเขาละเลยฉันไปมากขนาดไหน เขาคงไม่ได้จำเลยว่าก่อนหน้ามันเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้คืออะไร แต่สำหรับฉันมันฝังใจมาก “เขม…”“…..”“แหวนไปไหน?”“ถอดไปแล้วค่ะ” ฉันมองไปที่นิ้วของตัวเอง ฉันถอดแหวนที่เราแต่งงานกันออกไปแล้ว ไม่รู้เหมือนกันสิ ฉันไม่รู้จะใส่ไว้เพื่ออะไร ให้เมื่อคำว่าภรรยากับแหวนที่ฉันสวมอยู่ทุกวันมันไม่ได้ช่วยทำให้ฉันคิดว่าเราสองคนคือสามีภรรยากันจริงๆ เลย กลับกันมันยิ่งทำให้ฉันรูู้สึกว่าเราห่างกันไปไกลมาก “ถอดทำไมล่ะเขม”“ไม่รู้สิคะ เผื่อบางทีอาจจะได้ถอดยาวเลย” “…..” ในแต่ละวันของเราสองคนก็มักจะเป็นแบบนี้ คุยกันก็จะมีแต่การประชดประชันกันและฉันเองที่เป็นคนเ
บ้านเขมิกา…“เขมลูก…”“หนูขออยู่คนเดียวนะคะ อย่าให้ใครเข้ามายุ่ง ขออยู่คนเดียวสักพัก” พูดจบเขมิกาก็ขึ้นไปบนห้องนอนของเธอทันที หลังจากที่อยู่ที่นั่นได้ไม่นานเขมิกาก็ติดต่อหาคนขับรถของที่บ้านเพื่อไปรับเธอที่นั่น โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้ภรรยาของเขาไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว ก่อนหน้านั้น…“จะไปจริงๆ เหรอจ๊ะคุณนาย ไม่รอให้นายหัวกลับมาก่อนเหรอจ๊ะ” “ฉันอยากกลับไป อย่าห้ามฉันเลยนะภา”“คุณนาย…”“ฉันอยากอยู่กับตัวเองสักพักน่ะ” “…..” ที่ไม่รอให้เขากลับมาเพราะเขาต้องห้ามไม่ให้เธอกลับไปแน่ๆ แต่เธอก็ไม่อยากอยู่ที่นี่มันน่าอึดอัด บางทีถ้าได้กลับไปอยู่กับตัวเองสักพักมันคงจะขึ้นก็ได้ หลังจากที่เขมิกาออกไปจนกระทั่งเย็นนายหัวไกรก็กลับมาจากที่ทำงาน แต่ภาที่รู้ว่าเจ้านายผูู้หญิงไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วไม่กล้าบอกอะไร “นายหัวครับ”“อืม…มีอะไร?”“คนงานของเราบอกว่ามีรถตู้เข้ามาช่วงสายๆ แล้วก็ออกไปครับ” “รถตู้?”“ครับ ทะเบียนจากกรุงเทพ”เพราะที่นี่คือพื้นที่ส่วนบุคคลถนนส่วนบุคล การที่จะมีใครเข้าออกมันต้องผ่านสายตาของคนงานที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าซะก่อน ทุกครั้งที่มีคนเข้าออกจึงมีคนคอยรายงานตลอด ชายหนุ่มหันไปที่
บ้านเขมิกา ก๊อกๆๆ “ใคร?”“ป้าเองค่ะคุณหนู”เขมิกาเดินไปเปิดประตูก่อนจะพบว่าเป็นป้าแม่บ้านจริงๆ ตั้งแต่มาเธอยังไม่ออกไปไหนพ้นห้องนอนเลย จึงไม่รู้ว่าข้างนอกมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง “มีอะไรหรือเปล่าคะ” “คุณหญิงให้มาบอกน่ะค่ะว่าคุณไกรมา คุณหนูจะลงไปหรือเปล่า”“ฝากบอกแม่ด้วยค่ะ เขมไม่ลง”“ค่ะคุณหนู” แม่บ้านรีบลงไปเมื่อได้รับคำตอบจากเขมิกา “คุณผู้หญิงคะ คุณหนูบอกว่าไม่ลงมาค่ะ” “โอเคจ้ะ” “ได้ยินแล้วใช่ไหมตาไกร…” “ครับคุณน้า”“น้าไม่ได้ไม่อยากให้เราสองคนเจอกันหรอกนะ แต่ลูกสาวน้าเป็นคนบอกมาเองว่าไม่อยากเจอเรา”“ครับ”“งั้นไหนบอกอามาซิว่าเรื่องมันเป็นมายังไง ทำไมเขมถึงได้หนีกลับมาที่บ้านแบบนี้” “ก่อนหน้านั้นผมไปดูแลแฟนเก่าที่เกิดอุบัติเหตุครับ แล้วละเลยเธอมานาน จนเขมิกาคิดมากคิดว่าผมไม่รัก คิดว่าผมจะกลับไปหาคนรักเก่า มันก็เลยเป็นแบบนี้ครับ”“ตายจริง!”“ผมขอโทษจริงๆ ครับคุณอาคุณน้า จะต่อว่าผมยังไงก็ได้ครับ ผมยอมรับผิดผมผิดเองครับ”“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น น้าขอพูดในฐานะของผู้หญิงนะ น้าไม่เข้าข้างเราหรอก การที่ผู้หญิงคนนึงต้องเห็นคนที่ตัวเองรักไปดูและเอาใจใส่คนอื่น แม้จะเป็นเพื่อนหรือคนรักเก่าก็
หลายวันผ่านไป “คุณหนู…” แม่บ้านพูดขึ้นเพราะตกใจที่เห็นเขมิกาลงมา “ไม่มีใครอยู่ใช่ไหมคะ?” “ค-ค่ะๆ ไม่มีใครอยู่ค่ะ” “…..” เธอไม่ได้ตอบอะไร ก่อนจะเดินออกไปในสวน เพราะเห็นว่าไม่มีใครอยู่ที่บ้านจึงลงมาเล่น แค่ยังไม่อยากเจอหน้าใครและไม่มีอารมณ์จะพูดกับใครด้วย ในห้องสำหรับเธอมันไม่ได้อึดอัดเลย มันรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เวลาอยากอยู่คนเดียวแล้วได้อยู่แบบนั้นจริงๆ เพราะเธอไม่ชอบให้ใครมารบกวนช่วงเวลาที่เธออยากอยู่กับตัวเอง บางครั้งก็จะแอบลงมาเล่นด้านล่างในเวลาที่ใครไม่อยู่ ถึงจะมีแม่บ้านแต่ก็ใช่ว่าจะมีใครมายุ่งกับเธอ “ป้าครับ…”“คุณไกร กลับมาเร็วจังเลยค่ะ”“ทำไมเหรอครับป้า ผมแค่กลับไปสั่งงานลูกน้องเองครับ”“เอ่อ…คุณหนูลงมาค่ะ” ป้าแม่บ้านแอบกระซิบ “เหรอครับ แล้วตอนนี้เขมอยู่ที่ไหนครับ”“อยู่ในสวนค่ะ แต่ป้าว่าอย่าเข้าไปกวนคุณหนูเลยนะคะ ดูเหมือนคุณหนูจะอารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว ถ้าเข้าไปตอนนี้คุณหนูจะโมโหคุณไกรเอาได้นะคะ”“ผมอยากเจอจังเลยครับ…” เขาบ่นกับตัวเอง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ทำตามที่ป้าแม่บ้านบอก เพราะเขาไม่อยากให้เธอต้องโมโหอีก จนกระทั่ง…“นี่คุณมาได้ยังไง”“ขะ เขม…” ทั้งที่เขาพยายามหลบหน้าเธอเพราะก
สองปีต่อมา ตอนนี้ผมได้ลูกสาวดั่งใจหวังจริงๆ แล้ว แกเป็นน้องเล็กที่สุดในบ้าน ตอนนี้ก็อายุขวบนึง ส่วนพี่ๆ ก็โตขึ้นมากแต่ก็ยังซุกซนเหมือนเดิม ลูกสาวคนเล็กผมตั้งชื่อให้ว่าน้องกอหญ้า แกเป็นเด็กที่น่ารักและไม่ได้ซุกซน นิสัยนิ่งเงียบเหมือนกับแม่ของแกไม่มีผิดเลย ไม่ได้ซุกซนเหมือนกับพวกพี่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นพวกพี่ๆ ก็รักและหวงน้องสาวเอามากๆ "มาหาแม่มากอหญ้า" "มีอะไรหรือเปล่า?" "คุณไปดูลูกชายตัวแสบของคุณเถอะ พากันเล่นอะไรอยู่หลังบ้านโน้น" ผมรีบยื่นกอหญ้าให้เขมอุ้ม ก่อนจะรีบเดินไปที่หลังบ้านและก็ได้พบว่าเจ้าลูกชายกำลังใช้ดินสอและเมจิกที่มีขีดเขียนวาดลวดลายบนรถกระบะของผม "ขุนพล! ขุนทัพ!""พ่อ/พ่อ" "หยุดยืนอยู่ตรงนั้นเลย ใครวิ่งหนีพ่อจะตี" พวกแกหยุดในทันที สองคนนี้ซุกซนกันมาก เผลอเป็นไม่ได้ถ้าได้จับปากกาหรือเมจิกอะไรสักอย่างก็จะวาดไปซะทุกที่เลย "พ่อเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามมาวาดรถแบบนี้" "ขอโทษครับ" "พรุ่งนี้ตื่นมาตั้งแต่เช้าล้างรถให้พ่อให้สะอาด และห้ามเอาปากกาเมจิกมาเขียนอีกถ้าพ่อเห็นอีกครั้งพ่อจะตีจริงๆ ด้วย" "ครับพ่อ" ผมก็พูดร่ำไปอย่างนั้นแหละอันที่จริงก็ไม่กล้าตีหรอก ตั้งแต่พวกแกโตมาผ
หลังจากที่คลอดขุนทัพออกมาที่บ้านก็วุ่นวายมากขึ้นเพราะสองพี่น้องคู่นี้ทั้งดื้อและก็ซนมาก ทำเอาฉันกับภาปวดหัวได้ไม่เว้นแต่ละวัน ตอนแรกฉันคิดว่าฉันจะทำหมันทันทีที่คลอดขุนทัพออกมา แต่คุณไกรเขาอยากจะมีลูกผู้หญิงอีกสักคนฉันก็เลยยังไม่รีบทำหมัน บางทีลูกคนที่สามของเราอาจจะเป็นผู้หญิงก็ได้ แต่ตอนนี้ฉันก็ปล่อยผ่านมาร่วมสองปีได้แล้วล่ะ ขุนพลอายุสามขวบเกือบจะสี่ขวบแล้ว ส่วนขุนทัพก็เพิ่งจะสองขวบหมาดๆ ไม่รู้ว่าสองพี่น้องเขาโตทันๆ กันด้วยหรือเปล่า ที่บ้านก็เลยวุ่นวายเอามากๆ เพราะมีผู้นำอย่างที่ชายน้องชายเลยกล้า ส่วนที่ชายก็มีพ่อเป็นผู้นำอีกที พวกนี้ทำอะไรกันเป็นทอดๆ หลายปีก่อนคุณไกรเขาเคยพูดเอาไว้ว่าอยากให้บ้านของเขามีเด็กตัวเล็กๆ ออกมาวิ่งเล่นสร้างสีสันให้กับบ้านมันจะได้ไม่ต้องเงียบเหงาแบบนี้ ตอนนี้น่าจะสมใจเขาแล้วล่ะ เพราะตอนนี้มีเด็กออกมาวิ่งเล่นจนวุ่นวายตามที่เขาต้องการแล้ว มันวุ่นวายมากจริงๆ นะ ไม่รู้เป็นเพราะเด็กผู้ชายด้วยหรือเปล่า พอโตทันๆ กันก็มักจะพากันวิ่งเล่นซุกซน รื้อข้าวของโน่นนี่ บ้างก็ไปเล่นจนข้าวของของคุณไกรเสียหายไป แต่เขาจะไปว่าอะไรลูกเขาล่ะตามใจกันขนาดนี้ "ขุนพล ขุนทัพ มากินข
พอท้องเริ่มโตก็แน่นอนว่าฉันทำอะไรลำบากขึ้น ลูกคนนี้ก็ดื้อตั้งแต่อยู่ในท้องเลยไม่ต่างอะไรจากลูกคนแรกเลย และพอฉันท้องใหญ่แบบนี้คนที่ต้องรับหน้าที่ดูแลลูกชายตัวแสบก็คือคุณไกร บางครั้งปู่กับย่าก็จะมารับไปเล่นที่บ้านเหมือนอย่างเคย ถามว่าแต่ละวันฉันเหนื่อยบ้างไหม กับลูกฉันไม่ค่อยเหนื่อยสักเท่าไรเพราะแกไม่ค่อยเข้าใกล้ฉัน จะเหนื่อยกับการที่ต้องแบกท้องใหญ่ๆ มากกว่า บรืน~ เสียงรถกระบะแล่นเข้ามาจอดในบ้าน พร้อมกับได้ยินเสียงของลูกชายตะโกนด้วยความดีใจ เขาจะชอบมากเวลาที่พ่อกลับมาจากทำงาน เพราะคุณไกรเขาจะคอยเป็นเพื่อนเล่น "พ่อ!" "หืม วิ่งมารับเร็วเชียวนะตัวแสบ พ่อเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าวิ่งออกมาเดี๋ยวรถจะเหยียบเอา" "ขุนพลลูก ลงมาก่อนให้พ่อไปอาบน้ำก่อน""ไม่เอา" "พ่อเพิ่งทำงานมาเหนื่อยๆ นะมีแต่เหงื่อเต็มตัวเลย" "ไม่เอา ไปอาบน้ำกับพ่อ" "อะๆ โอเค ไปอาบน้ำด้วยกันก็ได้" พ่อลูกคู่นี้ตามใจกันยิ่งกว่าอะไรดี ทั้งที่ก่อนหน้านี้เหนื่อยแทบตายเพราะลูกชายแสนดื้อ แต่ตอนนี้เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย ฉันปล่อยให้เขาพากันไปอาบน้ำ จนกระทั่งพากันเดินลงมา ซึ่งฉันกับภาก็เตรียมอาหารตอนเย็นเสร็จพอดี "กินข้า
เขมิกา Talk "สองขีด!" ฉันร้องอุทานออกมาเบาๆ เมื่อคือที่ตรวจครรภ์เข้ามาตรวจในห้องน้ำ ตั้งแต่ที่คลอดลูกฉันกับคุณไกรเรามีอะไรกันแค่สามครั้งเอง และก็มีแค่ครั้งเดียวที่เราไม่ได้ป้องกัน และก็เป็นครั้งล่าสุดด้วย ไม่คิดว่าจะมีลูกคนที่สองได้ง่ายขนาดนี้ เขาจะว่ายังไงนะที่เรากำลังจะมีลูกคนที่สองด้วยกันแบบนี้ แถมเจ้าขุนพลก็เพิ่งจะอายุขวบกว่าๆ เองด้วย รายนั้นก็ทั้งดื้อทั้งซนใช่ย่อยเล่นเอาคุณไกรเหนื่อยจนแทบเป็นลมทุกวัน "แม่!" "ว่าไงตัวแสบ" แกเริ่มพูดได้เป็นประโยคแล้วล่ะนะ "มีอะไรหรือเปล่าทำไมวันนี้ลงมาช้า" "ไม่มีอะไรค่ะ แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหนกันคะ""ไปหาปู่กับย่า" "อ๋อ..." ขุนพลแกติดปู่กับย่ามาก ตอนเด็กๆ ปู่กับย่าชอบมารับไปเล่นที่บ้านโน้นด้วยบ่อยๆ ส่วนตากับยายก็แวะมาหาบ้างเป็นครั้งคราวเพราะอยู่ไกล "แล้วนี่คุณจะไปกับลูกด้วยหรอ" ฉันถามคุณไกรเพราะเขาเองก็แต่งตัวหล่อเหมือนกับจะออกไปข้างนอกเหมือนกัน "ครับ จะไปด้วยไหม""มีหรอที่ตัวแสบจะให้ฉันอยู่บ้าน" ไม่ว่าจะออกไปไหนก็ตามจะเอาลูกชายตัวแสบจะชอบให้ฉันตามติดไปด้วยตลอด จนกว่าจะได้เจอปู่กับย่าแกถึงจะยอมให้ฉันกลับได้ แกติดฉันมากเลยล่ะ พอจัดการอะไร
หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลมา นายหัวไกรก็เป็นคนดูแลลูกเองเพราะภรรยายังไม่แข็งแรงดี เขาเป็นคุณพ่อมือใหม่ที่แน่นอนว่าการเลี้ยงเด็กทารกแรกเกิดคนนึงมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเขา แต่เขาก็ยังทำได้ดีทุกอย่าง เอาใจใส่ลูกและภรรยาเป็นอย่างดี ลูกชายคนแรก ได้ชื่อว่า ขุนพล ชื่อนี้เขมิกาเป็นคนตั้งให้ลูกชายเอง เพราะเป็นลูกชายคนแรกนายหัวไกรจึงให้ภรรยาเป็นคนตั้งชื่อให้กับลูกเอง แกเป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย ไม่ค่อยร้องไห้งอแงสักเท่าไร "เขม..." ชายหนุ่มเรียกภรรยาของตัวเอง เมื่อเห็นเธอเดินออกมาจากห้องที่ต้องอยู่ไฟ "คุณไกร""ออกมาทำไม?""ฉันแค่อยากออกมาสูดอากาศบ้างอยู่แต่ในห้องแบบนั้นมันน่าเหนื่อย""ออกมาแค่แป๊บเดียวก็พอนะ""ค่ะ" นายหัวไกรเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่ออะไรเกี่ยวกับความเชื่อสักเท่าไร แต่เรื่องที่ภรรยาจะต้องอยู่ไฟเขาเชื่อมาก จึงให้คนงานผู้หญิงที่มีความรู้ด้านนี้มาช่วยดูแลสักระยะนึง หมับ!"อะไรคะเนี่ย?""อยากกอดจังเลย" ตั้งแต่ลูกคลอดออกมาทั้งสองก็แทบจะไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเลย เพราะเขมิกาจะต้องอยู่ไฟจึงไม่ค่อยได้เจอหน้ากับสามีสักเท่าไร เขาเองก็ต้องคอยดูแลลูกที่เพิ่งจะคลอดออกมาได้ไม่กี่อาทิตย์ "ฉัน
เขมิกา Talk เวลาดำเนินผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งบ้านของเราที่กำลังต่อเติมเสร็จไปได้ด้วยดีเสร็จเรียบร้อยหมดทุกอย่างรวมถึงการตกแต่งด้วย เขาคาดการณ์เอาไว้ว่าอยากจะให้บ้านที่กำลังต่อเติมเสร็จก่อนที่ลูกของเราจะคลอดออกมา และก็เป็นไปตามที่เราคาดเอาไว้จริงๆ ตอนนี้ฉันท้องได้เจ็ดเดือนกว่าแล้ว และลูกของเราก็เป็นลูกผู้ชายด้วยล่ะ ท้องใหญ่ขึ้นมากการเดินเหินก็เลยค่อนข้างจะลำบาก และฉันก็ไม่ได้ไปทำงานที่สวนอีกเลยตั้งแต่ที่รู้ว่าตัวเองท้อง ส่วนเขาก็ไปบ้างเป็นบางครั้งนานๆ จะไปทีนึง "โอ๊ะ!" ฉันร้องอุทานออกมาเมื่อรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวในท้อง ช่วงนี้ลูกดิ้นแรงมากๆ ถีบทีจุกไปยันลิ้นปี่ "เป็นอะไร เจ็บท้องหรอ!?" "ปะ เปล่าค่ะ ลูกดิ้นแรงไปหน่อย""หืม คนเก่งครับ อย่าทำแม่เขาแรงนักสิแม่เจ็บนะ" "สงสัยลูกอยากจะออกมาวิ่งเล่นแย่แล้วนะคะ""ตอนนี้ยังไม่ครบกำหนดรอให้ครบกำหนดก่อนแล้วค่อยออกมานะตัวแสบ" คุณไกรเขาลูบท้องของฉันไปมาเบาๆ จนลูกหยุดดิ้นไป ไม่อยากจะเชื่อเลย แต่ทุกครั้งที่เขาเข้ามาลูบท้องแล้วพูดกับลูก แกจะหยุดถีบท้องฉันทันทีอย่างกับรู้ว่าพ่อของเขาพูดอะไร "อึดอัดหรือเปล่า" "ก็อึดอัดอยู่เหมือนกันค่ะ ท้องใหญ่ขึ
นายหัวเกรียงไกร Talk หลังจากที่นัดกันครั้งนั้นวันนี้ครอบครัวของเราก็ได้มารวมตัวกันอีกครั้ง เป็นการรวมตัวในรอบปีเลยก็ว่าได้เพราะต่างคนต่างก็ทำงานกัน ตอนนี้ผมกำลังขยับขยายบ้านของตัวเองให้กว้างขึ้น เพื่อที่อนาคตจะได้มีพื้นที่ว่างให้ลูกๆ ได้วิ่งเล่นกัน ถึงบ้านที่อยู่มันจะกว้างแต่ก็อยากให้กว้างกว่านี้จะได้สร้างสนามเด็กเล่นเล็กๆ เอาไว้ให้ลูกได้วิ่งเล่นกัน "อาหารมาแล้วครับทุกคน" "ว้าว น่ากินจังเลยลูก""งั้นก็กินเยอะๆ เลยนะครับ ฝีมือลูกสะใภ้ของแม่เลยนะครับเนี่ย""น่าอร่อยมากเลย" "แล้วเขมล่ะยังไม่ออกมาอีกหรอ" "เดี๋ยวตามออกมาครับ" ผมตอบคุณพ่อของเขมิกา ตอนนี้ผมมีข่าวดีที่จะบอกให้ทุกคนรับรู้ ซึ่งผมเองก็เพิ่งจะรู้มาเมื่อไม่นานมานี้เอง และมันก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมอารมณ์แปรปรวนอยู่ช่วงนึง หมอบอกว่ามันเป็นส่วนนึงที่ผมรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการมีลูกเลยทำให้ผมเป็นแบบนี้ "ผลไม้มาแล้วค่ะ" "เขมลูก.." "กินเยอะๆ นะคะ อาหารมื้อนี้หนูตั้งใจทำสุดฝีมือเลย""เก่งขึ้นเยอะเลยนะเราเนี่ย""สงสัยได้ครูสอนดีค่ะ" ครูที่ว่าก็หมายถึงผมและภาด้วยเพราะตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ภาคือคนที่สอนทำอาหารทั้งหมด แน่นอนว่าการรว
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาหลังจากที่หายดีแน่นอนว่าเขาก็กลับไปทำงานอีกเช่นเคย แต่คราวนี้เขาไม่ได้หักโหมเหมือนกับครั้งก่อน "จำที่สอนได้ไหม" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น หลังจากที่สอนให้ภรรยาหัดขับรถคร่าวๆ แล้ว ครั้งนี้ถึงเวลาที่เธอจะต้องขับเองโดยที่มีเขานั่งข้างๆ แต่จะไม่บอกว่าต้องทำยังไง "ซ้ายสุดคือถอยหลัง เกียร์หนึ่งเกียร์สองเกียร์สาม จำให้ขึ้นใจว่าต้องเหยียบคลัทช์ก่อน ต้องปลดเบรคมือทุกครั้งถ้าจะเลื่อนรถ ค่อยๆ เหยียบคันเร่ง" เธอนั่งท่องจำก่อนจะค่อยๆ ออกตัวรถไป "เมียครับ อยากกินเลนมากไปเดี๋ยวชนต้นไม้" "รู้แล้วน่า ก็ฉันเพิ่งหัดนี่จะให้เก่งเลยได้ยังไง" "ระวังต้นไม้ด้วยครับ" "พูดจังเลยนะ ฉันต้องการสมาธิอยู่เงียบๆ ได้ไหม!" "ครับๆ" อย่างนั้นเขาถึงไม่กล้าพูดอะไรออกไปต่อ ได้แต่นั่งเกร็งไปตลอดทางจนกระทั่งรถจอด "เฮ้อ..." "เมียครับคราวหน้าคุณเมียอย่าพาผัวไปเล่นกับต้นไม้อีกนะครับ ผัวไม่เอาแล้ว""เป็นอะไรเนี่ยพูดมากตั้งแต่อยู่ในรถแล้ว""ก็ผัวกลัวเมียจะพาไปเล่นกับต้นไม้" "บ้าบอ!" "เป็นยังไงบ้างครับนายหัว""โห้ย เกร็งจนหำหดหมดแล้วเนี่ย""เอาน่าครับ คุณนายเพิ่งจะหัดขับครั้งแรกเอง""ใช่ ฉันเพิ่งจะหัดขับครั้งแ
กลางดึกสงัดในคืนเดียวกัน "อึกอืม..." เสียงครางพึมพำที่ดังขึ้นทำให้เขมิกาที่นอนอยู่ข้างๆ สะดุ้งตื่นขึ้นมา ก่อนที่เธอจะรีบมองไปยังต้นเสียง และก็ได้พบว่าสามีกำลังนอนซมไข้อยู่ "คุณไกร...ตัวร้อนเป็นไฟเลย" เธอรีบจัดแจงเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้กับสามี พร้อมกับเอายาลดไข้ป้อนให้เขาจนกระทั่งพิษไข้นั้นซาลง สีหน้าที่ซีดเผือกกับร่างกายที่ร้อนดั่งไฟก็เริ่มดีขึ้นและเขาก็รู้สึกตัวขึ้นมา "เขม...""ไม่เป็นอะไรแล้วนะคะ คุณตัวร้อนเป็นไฟเลย ฉันเอายาให้กินแล้วก็เช็ดตัวให้แล้ว" "ขอโทษนะที่ทำให้ต้องอดหลับอดนอน""คราวหน้าคุณห้ามโหมงานหนักแบบนี้อีกนะคะ""สงสัยอากาศมันจะร้อนน่ะ ร่างกายมันก็เลยปรับตัวไม่ทัน รู้สึกเพลียแดดด้วยก็เลยเป็นแบบนี้ ขอบใจนะที่ดูแลกัน""ถ้าฉันไม่ดูแลคุณแล้วใครจะดูแลคุณล่ะคะ" "นั่นสินะ เมียของฉันน่ารักจัง" "นอนพักเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะเอาผ้าไปซักแล้วเอามาเตรียมไว้ใหม่ก่อน ถ้าคนไข้ขึ้นกลางดึกขึ้นมาอีกฉันจะได้เช็ดตัวให้ทัน""อื้ม..." ครั้งก่อนที่เธอไม่สบายเป็นไข้เขาเองก็ทำแบบนี้ไม่ต่างกัน คอยหายาให้กิน คอยเช็ดตัวให้ป้อนข้าวป้อนน้ำจนกระทั่งเธอกลับมาหายดีเป็นปกติ ตอนนี้เธอก็อยากจะทำแบบที่เ