เช้าวันต่อมา.."หนูไม่โกรธให้พ่อใช่ไหมครับ ช่วงนี้พ่องานยุ่งมากคงไม่มีเวลามาหาเรา" ไม่รู้ล่ะว่าลูกจะเข้าใจไหม เรื่องที่บอกว่าพ่อจะมาหา แต่พอคนเป็นพ่อไม่ได้มา เธอก็เลยต้องได้บอกใหม่อีกที ..สงสัยบ้านของเธอจะอยู่ไกลมากจนขับรถมาไม่ถึงมั้ง..หรือไม่หนูกับแม่คงไม่สำคัญมากพอ ที่พ่อจะสละเวลาพวกนั้นมาหาได้"จะไปทำงานแล้วเหรอลูก""ฝากตาหนูด้วยนะคะแม่" หญิงสาวพูดพร้อมกับส่งลูกชายให้กับแม่ใหญ่"วันนี้คุณย่าก็คงมาขลุกอยู่ที่นี่อีก" ตั้งแต่ได้เลี้ยงหลานร่วมกัน คุณยายกับคุณย่าเริ่มมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากขึ้นจะไม่ไปทำงานก็ไม่ได้ อยากรีบให้จบๆ ไป แต่ก็ดูเหมือนงานจะมีมากขึ้น เขาคงใช้พวกเธอจนให้คุ้มมั้งสโรชาใช้รถของที่บ้านไม่ต้องให้ใครรับส่งอีกแล้ว[บริษัท]"ไม่ได้นอนหรือไง ทำไมถึงหน้าตาไม่ผ่องใสเลย" เอวาถามเมื่อสโรชาเดินมานั่งแล้ว"แม่ลูกอ่อนพี่ไม่เข้าใจหรอก" หญิงสาวพูดพร้อมกับหยิบงานขึ้นมาทำ ที่พูดแบบนี้เพราะตัดปัญหาการถามประโยคต่อไปอีก"เข้ามาหาผมในห้องหน่อย" รามสูรมาถึงก็เห็นว่าเธอกำลังนั่งทำงานอยู่ เขาก็เลยเดินเข้ามาหา"ฉันทำงานอยู่ค่ะ" สโรชาตอบโดยไม่มองหน้า"เมื่อคืนนี้ติดงานที่วัด" เขาคิดว่า
"คุณจะให้ฉันไปด้วยจริงหรือคะ""ไปด้วยกัน เดี๋ยวผมจะโทรไปบอกคุณแม่ให้ดูหลานไปก่อน""ไม่ต้องรบกวนท่านหรอกค่ะ รามิลฝากคุณยายไว้ก็ได้" ในเมื่อเขาจะให้ไปด้วยทำไมเธอจะไม่ไปล่ะพอคุยกันรู้เรื่องแล้ว สโรชาก็เลยออกมาทำงาน"เป็นยังไงบ้าง""อะไรเป็นยังไงคะ""ก็.." เอวาอยากจะถามเรื่องเลขามากกว่า แต่มันก็คงจะดูไม่งามเพราะตัวเองไม่ใช่เมีย ก็เลยไม่พูดเรื่องนั้น "..ว่าแต่ผู้ชายคนนั้นโรสรู้จักไหม""คนไหนคะ""คนที่ช่วยโรสไว้ไง""ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวหรอกค่ะ เพิ่งรู้จักกันตอนลงเรือ""จริงเหรอ ติดต่อให้พี่หน่อยสิ" เอวาคิดว่าแค่นี้ก็ถือว่ารู้จักแล้ว"พี่เอวาสนใจเหรอคะ" ทั้งสองอายุต่างกันแค่ปีกว่าๆ แต่เอวาก็เป็นรุ่นพี่ที่มาทำงานก่อน สโรชาก็เลยให้ความนับถือ"หล่อขนาดนั้นใครจะไม่สนใจล่ะ ว่าแต่มีเมียหรือยัง ถ้ามีเมียหล่อแค่ไหนพี่ก็ไม่เอานะ..ไม่ใช่แม่เลขานั่น" เอาไปเอามาก็วนกลับมาที่เดิม เอวาก็เลยหยุดพูดดีกว่า เดี๋ยวอดกัดเลขาไม่ได้อีกเวลาเลิกงาน"ตอนเย็นผมจะไปรับที่บ้านนะ" ชายหนุ่มเห็นว่ามันถึงเวลาเลิกงานแล้ว เขาก็เลยออกมาบอกกับเธอก่อนสโรชาไม่ได้ตอบแต่มองหน้าของคนเป็นสามี เมื่อคืนนี้บอกจะไปหาก็ทีหนึ่งแล้ว
เข้ามาถึงข้างในรามสูรไม่รอช้าอีกแล้ว ถึงแม้ว่าร่างกายจะอ่อนเพลียมาก แต่ความต้องการในตัวเธอก็ไม่ได้น้อยไปกว่าร่างกายที่อ่อนเพลียเลยริมฝีปากหนาจูบลงซอกคอระหง มือข้างหนึ่งจัดการเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่อยู่ ส่วนอีกข้างสอดขึ้นมาปลดตะขอเสื้อชุดชั้นในไปพร้อมๆ กันส่วนหญิงสาวทำแค่ยืนอยู่นิ่งๆ ให้เขาเป็นคนจัดการเองเพียงไม่นานทุกอย่างก็พร้อม"อืม..คุณราม" ไปงานศพกลับมายังไม่ได้อาบน้ำเลย ใครจะกล้าให้เขาใช้ลิ้นกับตรงนั้นล่ะ รู้แบบนี้ขออาบน้ำก่อนดีกว่า มือเรียวผลักหน้าผากของอีกฝ่ายไว้เล็กน้อยพอเป็นจริตแต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่ได้รังเกียจในตัวเธอเลย ขาเรียวถูกจับแยกออกจากกันพร้อมกับแนบริมฝีปากลงไปสัมผัสกับเนินน้องสาวแบบทะนุถนอม นิ้วแกร่งถูกส่งเข้าไปในร่องเพียงแค่ปลุกเร้าอารมณ์ เพราะถ้ากระแทกนิ้วแรงก็กลัวว่าจะไปทำให้เธอเจ็บเหมือนแต่ก่อนอีก"อื้อ"ยิ่งได้ยินเสียงครางของอีกฝ่ายรามสูรก็ยิ่งกระตุ้น จนรู้สึกว่าเธอจะทนไม่ไหวแล้ว คนร่างสูงก็เลยขยับขึ้นมา เพราะเขาก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน"อ๊อย อ่ะ อ่ะ" พอความเป็นชายถูกส่งเข้าไปเจ้าของท่อนเอ็นนั้นก็เริ่มขยับ และจนกลายเป็นการกระแทกมือหนาจับขาเรียวขึ้นมาพาดไหล่เพื่อ
ก๊อก ก๊อก "บอสให้ผู้จัดการเข้าไปพบค่ะ" เคาะแค่พอส่งสัญญาณพิมพ์ก็เปิดประตูเข้าไป"เดี๋ยวตามไป" ชายหนุ่มที่ยืนมองทอดออกไปนอกผนังห้องที่ถูกสร้างจากกระจก ชำเลืองมองดูเลขาท่านประธานเล็กน้อยก่อนที่จะตอบ"ค่ะ" วันนั้นพิมพ์ก็เห็นเขาแล้ว แต่วันนั้นไม่ได้แต่งตัวในสไตล์นี้ พอแต่งสูทผูกเนคไทเข้า ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงหล่อมาก หล่อไม่แพ้ท่านประธานของเธอเลยห้องท่านประธาน.."ผู้จัดการมาแล้วค่ะ" พิมพ์เดินนำหน้ามาแล้วก็เปิดประตูห้องให้"ผมขอคุยกับผู้จัดการหน่อย""ค่ะ" ก่อนที่จะปิดประตู พิมพ์อดไม่ได้ที่จะมองหน้าทั้งสองคนสลับกันไปมา เพราะเค้าโครงใบหน้าของทั้งสองเหมือนผลิตมาจากบล็อกเดียวกันเลย"พี่ว่าแม่นี่จะอ่อยผู้จัดการไหม" เอวาซึ่งให้ความสนใจมากตอนที่ทั้งสองเดินผ่านไป กระซิบถามเกวลิน"จะเหลือเหรอ""หือ??" ที่เอวาแปลกใจ ไม่ใช่เพราะคำตอบหรอก แต่เพราะเกวลินไม่ตำหนิแถมยังพูดกับเธอเรื่องนี้อีก"ทำงานต่อได้แล้ว สนใจแต่เรื่องชาวบ้าน"ผู้จัดการเข้าไปในห้องของท่านประธานร่วมชั่วโมงได้ก็ออกมา"คุณพิมพ์เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอกหน่อยนะ" ผู้จัดการเดินกลับไปที่ห้องได้ครู่หนึ่งท่านประธานก็เดินออกมา"ให้พิมพ์ไปด้วยไหมคะ""ไม
"ทำไมไม่รับล่ะคะ" จะไม่ให้ถามก็ไม่ได้ เพราะว่าเขาตัดสายทิ้งไปต่อหน้าเธอ"ตอนนี้เวลาทานข้าว ผมไม่อยากคุยเรื่องงาน""เผื่อไม่ใช่เรื่องงานล่ะคะ" ถามไปแล้วถึงนึกได้ว่าไม่ควรพูด หญิงสาวก็เลยตักอาหารใส่ปากเพื่อปิดปากตัวเองไว้"ผมไม่อยากให้คุณคิดมากเลย ผมกับพิมพ์เราเป็นแค่เจ้านายกับลูกน้อง""ค่ะ""ดูคุณจะไม่เข้าใจ""ฉันไม่เข้าใจตรงไหนคะ ฉันก็บอกว่าค่ะอยู่นี่ไง"เพียงไม่นานสายเดิมก็โทรเข้ามาอีกครั้ง สโรชามองไปเล็กน้อยแล้วก็ตักอาหารใส่ปากอีก ตอนนี้กินอาหารแทบไม่รู้รสชาติ นี่หรือคืออานุภาพแห่งความหึงจะกดตัดสายอีกก็ไม่ได้ เพราะถ้าโทรมาครั้งที่สองนั่นหมายถึงว่าคนโทรคงมีธุระด่วน>>{"ว่าไง"} ชายหนุ่มรับสายต่อหน้าภรรยาตรงนั้น {"บอสคะ"}>>{"มีอะไร"} ฟังน้ำเสียงของเลขาเหมือนกับร้องไห้ เพราะมีเสียงสะอื้นด้วย {"คนที่ทำงานฝ่ายบัญชี ทำร้ายร่างกายพิมพ์ค่ะ"}>>{"ทำร้ายร่างกาย?"}สโรชาที่กำลังกินข้าวอยู่ ได้ยินแค่นั้นก็พอจะเดาได้แล้ว ต้องเป็นเอวาแน่>>{"มันเกิดอะไรขึ้น"} {"บอสต้องจัดการนะคะ พิมพ์ไม่ยอมด้วย"}>>{"กลับไปค่อยคุยกัน"} ว่าแล้วชายหนุ่มก็วางสายไป แล้วโทรไปหาผู้จัดการทั่วไป เพื่อจะถามว่ามั
"ก็ฉันนี่ไงคะ เป็นพยานบุคคลให้""แต่ตอนนั้นคุณทานข้าวอยู่กับผม" เรื่องนี้มันละเอียดอ่อนมาก เขาไม่อยากจะให้เรื่องส่วนตัวเข้ามาข้องเกี่ยวในการตัดสิน"ไม่รู้ล่ะค่ะ ยังไงพี่เอวาก็ไม่ผิด""ผมจะคุยกับพิมพ์อีกทีหนึ่งแล้วกัน""ทำไมต้องคุยกับคุณพิมพ์ด้วยคะ""คุณดูนี่นะ" ชายหนุ่มก็เลยเปิดภาพกล้องวงจรปิด ที่อยู่ในเครื่อง notebook ของเขาให้กับเธอได้ดูขณะที่ภรรยากำลังมองดูคลิปจากกล้องวงจรปิดนั้น รามสูรก็แอบมองดูใบหน้าของเธอ เพราะไม่ค่อยเห็นรอยยิ้มแบบนี้ที่สโรชายิ้ม ทีแรกคิดว่าเอวาตบแค่ครั้งเดียว แต่นี่เล่นถึงสองครั้ง ถ้าไม่มีใครมาแยกออกจากกันก่อนคงจะเจอหนักกว่านี้"เรื่องพี่เอวาเดี๋ยวฉันจะคุยกับพี่เขาเอง แต่คุณห้ามทำอะไรพี่เอวานะ""แล้วมันจะเรียกว่าการตัดสินได้ยังไง""อย่าบอกนะว่าคุณจะไล่พี่เอวาออก""ผมคงไล่ออกไม่ได้ เพราะเธอไม่ได้ทำงานที่นี่ แต่ผมคงยื่นเรื่องไปที่บริษัทบัญชี""ก็ได้ค่ะ โรสเป็นคนยื่นเอง" สโรชาลุกขึ้นแบบตัดปัญหา แต่ก่อนที่เธอจะเดินออกไป หญิงสาวได้โน้มตัวลงไปจูบแก้มของสามีที่นั่งอยู่เก้าอี้เบาๆ พร้อมส่งรอยยิ้มหวานให้"หึ" จากที่กำลังเครียดอยู่ ใบหน้าคมถึงกับหยุดยิ้มไม่ได้หน้าห้อง
ค่ำมืดของวันเดียวกันนั้น..แกร็ก.."??" ใครมาเปิดประตูห้องข้างๆ เอวาที่เพิ่งจะเข้านอน แปลกใจเพราะห้องนั้นเป็นห้องของสโรชา "หรือว่าสโรชาจะกลับมา" คิดได้แบบนั้นเอวาก็รีบออกมาดู เพราะอยากจะหยอกหลานชายอยู่พอดีแกร็ก..แอดดด.."พี่ดีใจนะที่เรามา...?" เอวาถึงกับตาค้างเมื่อเห็นว่าใครอยู่ในห้องนี้ ดวงตางามมองต่ำลงไปทันที เพราะคนที่อยู่ในห้องกำลังรูดซิปกางเกงลง"จะมองอีกนานไหม" ชายหนุ่มเปลี่ยนจากรูดซิปกางเกงมาถอดเสื้อให้เสร็จก่อน"ขอโทษค่ะ""ขอโทษก็ออกไปสิ""ค่ะ" คนตัวเล็กรีบหันหลังกำลังจะออกไป แต่คิดอะไรได้ก็เลยหันกลับมาใหม่ "คุณผู้จัดการทำไมมาอยู่ที่นี่คะ""แค่นี้คิดไม่ได้หรือไง""แรงส์..แต่ชอบอ่ะ" เธอพูดออกมาเบาๆ พร้อมกับออกจากห้องนั้น "กรี๊ดด" พอคิดว่าเขาจะมาอยู่ข้างห้องก็ดีใจมาก"เอวาเป็นอะไร" เกวลินได้ยินเสียงกรี๊ดก็รีบเปิดประตูออกมาดู"เปล่าหรอกค่ะ พี่เข้าไปนอนเถอะ""แล้วเรายังไม่เข้านอนหรือไง..อ้าวห้องนั้นใครอยู่" เกวลินเห็นว่าไฟในห้องเปิด "โรสมาเหรอ""เปล่าหรอกค่ะ""เปล่าแล้วใคร อย่าบอกนะว่าแขกของท่าน" เพราะห้องที่พวกเธออาศัยอยู่เป็นห้องรับรองแขก"คงใช่มั้งคะ""เราอย่าไปกวนเขาแล้วกัน"
"??" สโรชาไม่เข้าใจว่าทำไมสามีถึงพูดแบบนั้น เขามีอะไรปิดบังแม่หรือเปล่า เพราะถ้าบอกแม่ไปว่าเป็นผู้จัดการจะไม่ง่ายกว่าเหรอหญิงสาวนั่งเงียบมาจนถึงบริษัท รอให้สามีพูดให้ฟังว่าทำไมถึงต้องโกหกแบบนั้น แต่เขาก็ไม่พูดอะไรให้ฟังเลยพอลงจากรถทั้งสองก็เดินเข้าไปรอลิฟต์พร้อมกันพนักงานหลายคนต่างก็หลบออกมาก่อน เพื่อให้ท่านประธานและภรรยาได้ขึ้นไปก่อน ถึงแม้มันไม่มีกฎข้อนี้ แต่ทุกคนก็ไม่กล้าเสียมารยาทเข้าลิฟต์รอบเดียวกันกับท่านประธานอยู่แล้วชั้นผู้บริหาร..จนประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นบน สามีก็ยังไม่พูดอะไรให้ฟัง สโรชาจำเป็นต้องได้เก็บความสงสัยนั้นไว้ก่อน"มาทำงานแต่เช้าเลยนะ" เดินมาถึงโต๊ะทำงาน หญิงสาวก็อดแซวรุ่นพี่ไม่ได้ เพราะเมื่อคืนนี้ทีแรกเธอก็ตกใจว่าทำไมเอวาถึงพิมพ์คำว่ากรี๊ดยาวเหยียดขนาดนั้น"จ้ะ""พี่เอวาเป็นอะไร" แทนที่อีกฝ่ายจะอารมณ์ดี แต่ดูเหมือนหน้าบอกบุญไม่รับเลย"ไม่ได้เป็นอะไรหรอก""มีเรื่องกับคนนั้นอีกแล้วเหรอ" สโรชาคิดว่าเอวามีเรื่องกับพิมพ์อีกแล้ว"เปล่าสักหน่อย""สงสัยจะอึไม่ออก" เกวลินก็เลยตอบแทน"พี่เกวลินพูดอะไร""ก็มันจริงไหมล่ะเห็นหน้าแบบนี้ตั้งแต่มาถึงแล้ว""เห้อ" เอวาถอนหายใ
"เข้าข้างในกัน" เกษมราษฎร์เอื้อมมือมาให้อีกฝ่ายจับมือท่านไว้ เพื่อจะได้ก้าวเดินเข้าไปด้านในพร้อมกัน"ท่านทำอะไรคะ" นางยอมเดินตามแรงที่อีกฝ่ายจูง แต่ก็อดที่จะถามไม่ได้"บอกแล้วไงว่าไม่อยากปล่อยเวลาให้เสียไปเปล่าๆ แต่งงานกันนะ""อู๊วววว" เสียงโห่แสดงความยินดีดังขึ้นเมื่อเกษมราษฎร์คุกเข่าลงต่อหน้าผู้หญิงที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวในคืนนี้ ท่านเคยพูดไว้แล้วถึงแม้ว่าจะพูดแค่กับตัวเอง ถ้ามีโอกาสได้ทำเพื่อเธอ..จะทำให้ผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้ต้องอิจฉาเธอ"ลุกขึ้นเถอะค่ะท่าน""คุณตอบตกลงมาก่อนสิ""ท่านเพิ่งขอหมั้นไปวันก่อนเองนะคะ""ถ้าคุณไม่ตกลงผมก็จะอยู่แบบนี้""ตกลงก็ได้ค่ะ" จากเสียงโห่ร้องกลายเป็นเสียงกรี๊ดลั่นจนโรงแรมแทบจะแตก เมื่อฝ่ายหญิงตอบตกลงแต่งงานด้วยเกษมราษฎร์ลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องให้ใครมาช่วยพยุง ถึงแม้จะอายุและเยอะแล้วแต่ร่างกายของท่านก็ยังแข็งแรง เพราะการเป็นทหารต้องได้ฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา"ดีใจด้วยนะครับ" รามสูรเข้ามาแสดงความยินดี เขาดีใจมากที่จะเห็นแม่มีความสุขสักที ตั้งแต่จำความได้เลยมั้งที่เห็นแม่ต้องเฝ้ารอพ่อกลับบ้านทุกวันและลูกๆ คนที่เหลือก็เข้ามาแสดงความยินดี รวมทั้งแขกในงาน วันนี้ท่าน
เย็นวันเดียวกันนั้น.. พุดตาลเรียกลูกชายและลูกสะใภ้มาทานข้าวเย็นร่วมกัน"สวัสดีครับท่าน" รามสูรมาพร้อมกับภรรยา และลูกชาย พอมาถึงก็เห็นว่าท่านพลเอกเกษมราษฎร์ ก็นั่งอยู่ในห้องรับแขกด้วย"มาครบกันแล้วใช่ไหม นั่งก่อนสิลูก"พอลูกชายนั่งลงเกษมราษฎร์ก็ขอเป็นคนพูดเอง ท่านบอกทุกคนว่าขอเข้ามาอยู่ร่วมครอบครัวด้วย ทีแรกเกษมราษฎร์ก็ช่างใจอยู่ กลัวลูกๆ ของพุดตาลจะไม่ชอบใจ เพราะถึงยังไงพ่อของพวกเขาก็มีทีท่าว่าจะกลับมา"ยินดีต้อนรับครับ ผมเองต่างหากที่ต้องฝากคุณแม่ไว้กับท่าน" พี่ชายคนโตเป็นคนเอ่ยพูดก่อน"ขอบใจมากนะลูก" ใจจริงพุดตาลก็อยากจะอยู่กับลูกและหลานแบบนี้ไปจนแก่เฒ่า แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว เมื่อสามีหย่าขาดจากผู้หญิงคนนั้น ยังไงท่านก็ต้องกลับมาวนเวียนจนทำให้ชีวิตอยู่ไม่เป็นสุขแน่ นางก็เลยตัดสินใจตัดกรรมกันไปแต่เพียงแค่นี้"ผมจะประกาศให้สังคมรับรู้เรื่องของเราในเร็ววันนี้""เรื่องนี้แล้วแต่ท่านค่ะ" นางคิดว่าให้คนรับรู้ไว้ก็ดี เรื่องถูกนินทาหนีไม่พ้นอยู่แล้ว ใครจะนินทาก็ช่าง ขอให้ตัวเองอยู่แบบสบายใจก็พอร่วมทานข้าวเย็นกันเสร็จ ลูกชายทั้งสองก็ขอตัวกลับเพราะมันดึกแล้ว ส่วนเพลิงไม่อยากจะกลับก็ต้องได
"ใจเย็นก่อนสิคะมาเหนื่อยๆ น้ำก็ยังไม่อาบ""ขอชื่นใจก่อน" ริมฝีปากหนากระซิบพูดในขณะที่จมูกยังสูดดมคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอด"คิดถึงคุณเหมือนกันค่ะ" รักครั้งแรกของเธอมันช่างสวยงามนัก แต่เมขลาหวังว่าจะหยุดผู้ชายคนนี้ไว้ได้แค่เธอ เพราะถ้าเขามีตำแหน่งที่สูงขึ้น เขาจะเป็นเหมือนคนที่ให้กำเนิดเธอไหม"เป็นอะไร" เพลิงสัมผัสได้ว่าอารมณ์ของเธอไม่เหมือนตอนที่เรียกเขาขึ้นมาข้างบนเลย"อนาคตข้างหน้าอะไรมันก็ไม่แน่นอนค่ะ เผื่อคุณก้าวไปในตำแหน่งที่สูงกว่านี้..""อย่าคิดอะไรที่มันจะไม่เกิดขึ้น" แค่นี้เขาก็รู้แล้วว่าเธอคงกลัวว่าเขาจะทำตัวเหมือนพ่อ"คุณรู้เหรอคะว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่""ผมรักคุณ คำนี้ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้ฟังมันจากปากผม และผมก็จะพูดให้คุณฟังเพียงคนเดียว""ขอบคุณนะคะ" ขอบคุณเขาทั้งน้ำตา แต่ก่อนตอนที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ ยังมีความสุขมากกว่านี้เลย แต่พอรู้ว่าพ่อมีนิสัยยังไง เมขลาก็เริ่มกลัวผู้ชายรอบข้าง[โรงแรมหรู]ที่พลเอกเกษมราษฎร์พาพุดตาลมาทานข้าวที่โรงแรม เพราะรู้แล้วว่านางคงไม่กลับไปหาอะไรเดิมๆอีก ท่านต้องทำให้นางเห็นว่าท่านสามารถที่จะพานางก้าวไปในทุกๆที่ได้"ทำไมคุณรู้ว่าฉันชอบกิน เออ..
"ทำอะไรกัน"คนที่กำลังโอบกอดกันถึงกับตกใจปล่อยมือออก"ท่าน?""นายคงไม่อยากจะอยู่ในกรมแล้วใช่ไหม""อย่าทำอะไรผู้กองนะคะ" ถึงแม้เธอจะตัวเล็กกว่ามาก แต่หญิงสาวก็ใจกล้าก้าวออกมายืนบังชายคนรักไว้"เรารู้ไหมว่ามันไม่สมควร""จะสมควรหรือไม่ มันอยู่ที่เราสองคนค่ะ""อย่าลืมสิว่าเราเป็นลูกของใคร""หึ.. แล้วฉันเป็นลูกของใครล่ะคะ""มันสมควรแล้วเหรอที่จะมาพูดต่อล้อต่อเถียงกับพ่อ""พ่อ?" เมขลาอยากจะพูดอะไรอีกตั้งมากมาย แต่มันจุกในอกเสียก่อน"มีอะไรกัน" แม่บ้านรีบเข้าไปตามคุณผู้หญิงออกมาดู กลัวว่าจะมีเรื่อง"คุณมาก็ดีแล้ว ผมจะเร่งเรื่องให้ลูกไปเรียนต่อต่างประเทศ""เรียนต่อต่างประเทศ?" เพลิงพูดพร้อมกับมองหน้าเมขลา แล้วมองไปที่ท่านพลเอกเรวทัต"ฉันไม่ไปค่ะ""ลูกไม่อยากเรียน" พุดตาลคิดว่านางคงต้องได้ออกหน้าเองแล้วล่ะ"อายุแค่นี้ยังเรียนได้อีกตั้งเยอะ ทำไมถึงคิดสั้น""อะไรคือการคิดสั้นคะ""ก็ที่เห็นอยู่นี่ไง""คนนี้ผู้กองเพลิงท่านก็คงจะรู้จักแล้ว เขาเป็นคนรักของฉัน ไม่สิ.." ถ้าพูดแค่คนรักมันคงไม่จบตรงนี้แน่ เมขลาก็เลยให้สถานะใหม่กับเพลิง "เขาเป็นพ่อของลูกในท้องฉันเองค่ะ""???" ไม่ใช่แค่พลเอกเรวทัตและพุดตา
เห็นว่าทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า เรวทัตก็เลยยังไม่พูดอะไรอีก เพราะคดีเก่ายังไม่เคลียร์"อยู่พร้อมหน้ากันก็ดีแล้ว พ่อจะย้ายกลับมาอยู่บ้านหลังนี้แล้วนะ"เรวทัตพูดจบ ลูกๆ ต่างก็มองดูหน้าคนเป็นแม่มันคงเป็นเวรกรรมของนางที่เคยสร้างไว้กับผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ชาติปางก่อน ชาตินี้ก็เลยต้องได้ตามมาชดใช้กรรม หนีไปไหนก็คงจะหนีไม่พ้นแล้ว"บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณ คุณจะมาอยู่ใครจะว่าอะไรได้ล่ะคะ"เรวทัตอยากได้ยินคนตรงหน้าเรียกว่าคุณพี่เหมือนเดิม แต่คงต้องใช้เวลา เพราะตัวเองทำไว้กับนางเยอะ"หือ รามิล" มองเข้าไปด้านในก็เห็นลูกสะใภ้คนโตกำลังอุ้มหลานชายเดินออกมา เรวทัตก็เลยเดินเข้าไปหาหลานพอคนเป็นพ่อไปแล้ว ลูกๆ ที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นต่างก็มองดูหน้าแม่อีกครั้ง นาทีนี้ไม่มีใครน่าสงสารเท่าท่านอีกแล้ว"แม่ไม่เป็นอะไรหรอก เข้าไปข้างในกันเถอะ" แค่นี้นางก็รู้แล้วว่าสามีคงจะหย่าจริง เพราะถ้าไม่งั้นคงไม่บอกว่าจะกลับมานอนบ้านหลังนี้ นางรนหาที่เอง คิดว่าท่านจะไม่กล้าหย่าดาราสาวสวยคนนั้นทุกคนเข้าไปแล้ว เมขลาก็หันกลับมากุมมือเพลิงไว้ "เรายังจะเป็นเหมือนเดิม อย่าคิดมากนะคะ" เมขลารู้ดีว่าเพลิงคิดว่าตัวเองต่ำต้อย"ผมจะไม่ถอ
"ผมมาคิดทบทวนเรื่องของเราดูแล้ว""ท่านไม่สบายหรือเปล่าคะ" แพรวพราวเริ่มใจไม่ดี แต่ก็ยังคงส่งรอยยิ้มหวานๆ ให้ แบบใจดีสู้เสือ"เราหย่ากันเถอะ""คุณพี่!!""ผมจะให้ทุกอย่างที่คุณอยากได้ ผมขอแค่ให้คุณเซ็นใบหย่า""ไม่มีทางค่ะ กว่าเราจะฝ่าฟันความรักของเรามาด้วยกันได้ ทำไมคุณพี่ถึงทำแบบนี้กับแพรวคะ""ผมให้เกียรติคุณถึงได้มาคุยก่อน หรืออยากจะคุยผ่านทนายของผมล่ะ""แพรวรักท่าน ยอมอุ้มท้องลูกของท่าน ถึงแม้จะถูกใครตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี""เรื่องลูกผมก็ยังจะส่งเสียเลี้ยงดู""แพรวไม่ได้ต้องการแบบนั้นสักหน่อย ใครคะ..ท่านมีใครใหม่อีกเหรอคะ""เรื่องนั้นไม่เกี่ยว เรามาคุยเรื่องของเราก่อน""เรื่องของเรา แพรวไม่หย่า!""ผมมาคุยกับคุณดีๆ แล้วนะ หลังจากนี้คุณก็คุยกับทนายของผมแล้วกัน และสิ่งที่คุณอยากได้ก็อย่าฝันว่าจะได้""ท่านอย่าบอกนะว่าจะกลับไปหามันอีก""ผมเพิ่งรู้ว่ารักภรรยา""รักภรรยาอย่างนั้นเหรอคะ แล้วที่ผ่านมาล่ะผู้หญิงนับสิบนับร้อยยังจะเรียกว่ารักภรรยาได้อยู่อีกเหรอคะ!" แต่ดูเหมือนเรวทัตจะไม่ฟังอะไรอีก เพราะตอนนี้เดินไปที่รถแล้ว "กรี๊ดดดด!!""คุณแม่เป็นอะไรคะ" มโนราห์ได้ยินเสียงร้องก็รีบลงมาดู"
"??" เมขลาได้ยินทุกคำพูดของแม่ใหญ่ที่พูดกับ.. แม้แต่คิดยังไม่กล้าเอ่ยชื่อในใจเลย คนที่ไม่ต้องการเธอ..เธอก็ไม่ต้องการคนแบบนั้นเช่นกัน"หนูเมย์" ยืนมองตามสามีเก่าไปครู่หนึ่ง พอหันกลับมาก็เจอเมขลาอยู่ตรงมุมบันได"คุณแม่ทำแบบนั้นทำไมคะ""บางทีมันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเราก็ได้""น้องเมย์ไม่เห็นด้วยค่ะ""แต่เขาคือ..." นางกำลังจะพูดว่าแต่นั่นคือพ่อแท้ๆ ของเมขลาเลยนะ"น้องเมย์ไม่อยากให้คุณแม่กลับไปเจอวังวนเก่าๆ อะไรที่เราสลัดทิ้งไปได้แล้ว ก็ปล่อยมันไปเถอะค่ะ"ทำไมเด็กอายุยังไม่ถึง 20 ถึงคิดได้กว่านาง ถ้านางใช้แค่หัวใจคิดก็คงจะกลับมาในวังวนเดิม แต่ถ้าใช้สมอง ปล่อยให้ทุกอย่างมันผ่านไป มันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้"แล้วแม่ต้องทำยังไง"เมขลามองใบหน้าผู้หญิงที่กาลเวลาไม่สามารถทำร้ายนางได้ เพราะถ้าเดินไปกับเธอทุกคนคงคิดว่าพี่กับน้อง ดวงตาของนางคลอไปด้วยม่านน้ำตาที่บดบัง ถึงแม้เธอจะอายุยังน้อย แต่ก็พอดูออกว่าท่านยังคงรักผู้ชายคนนั้นอยู่"ถ้าเขาคนนั้นกลับมา ทำให้คุณแม่ต้องทุกข์ใจอีก คุณแม่จะรับได้ไหมล่ะคะ" เพราะยังไงคนเดิมก็คงทำอะไรเหมือนเดิม ถ้าไม่งั้นคงไม่ออกไปไข่ไว้นอกบ้านจนทั่วแบบนี้"แม่ขออยู่คน
คฤหาสน์พลเอกเรวทัต"ดีใจจังเลยค่ะที่คุณผู้หญิงกลับมา""สบายดีกันไหม" กลับมาที่นี่ถึงสองครั้ง แต่ไม่ได้ถามสารทุกข์สุขดิบกันเลย เพราะแค่เห็นหน้าสามีเก่าก็ไม่มีอารมณ์ถามใครแล้ว"ไม่สบายก็ตรงที่คิดถึงคุณผู้หญิงนั่นแหละค่ะ""ปากหวานเหมือนเดิมนะพวกเราเนี่ย ช่วยกันเอาของเข้ามาข้างในก่อน""เดี๋ยวผมทำเองครับ" เพลิงซึ่งทำหน้าที่ขับรถรีบเดินไปเปิดกระโปรงหลัง"ฉันช่วยค่ะ" เมขลากำลังจะไปช่วยยกของแต่ถูกเพลิงห้ามไว้"เอาของขึ้นไปไว้ข้างบนเลย แม่ให้คนจัดห้องให้แล้ว""ครับ" ชายหนุ่มหิ้วกระเป๋าขึ้นไปที่ชั้นบน โดยมีหญิงคนรักเดินตามไป ส่วนของที่เหลือพวกแม่บ้านช่วยกันคนละไม้คนละมือกึก.."อืม" หญิงสาวตกใจเดินพ้นประตูเข้ามาเขาก็ปิดแล้วล็อกมันไว้ ไม่ได้ทำแค่นั้นเพลิงยังหันมาจูบพอหายตกใจเมขลาก็จูบกลับ คิดว่าคงไม่มีใครเข้ามาในห้องนี้ เพราะของที่เหลือเป็นของแม่ใหญ่คิดว่าจะจูบไม่นานพอให้หายคิดถึง ถ้าได้แยกกันอยู่จริง แต่นี่ขนาดจูบอยู่ยังคิดถึง"ผมรักคุณนะ" นิ้วแกร่งเขี่ยแก้มของหญิงคนรักเบาๆ "อยู่ที่นี่ห้ามดื้อเข้าใจไหม""คุณก็ห้ามแอบไปเที่ยวที่ไหนนะคะ""ไม่ไปไหนหรอก"ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่งก็ลงมา.."พี่
"คุณไม่มีพันธะ แต่คุณไม่คิดเหรอกว่าเกษมอาจจะมีพันธะอยู่ก็ได้"พุดตาลเงียบไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากสามีเก่า มันก็มีส่วนอยู่บ้าง พลเอกเกษมราษฎร์ตำแหน่งใหญ่โตขนาดนั้น แถมภรรยาก็ตายจากไปนานแล้ว"เรื่องนั้นฉันคงไม่ให้ท่านต้องมาลำบากใจด้วยหรอกค่ะ..กลับกันเถอะลูก"พลเอกเรวทัตได้แต่มองตามหลังนางไป ทันใดนั้นก็คิดอะไรขึ้นมาได้"คนนี้ใช่ไหม ที่เป็นลูกของนวล" เรวทัตรีบเดินตามทั้งสองมาที่รถจากที่กำลังจะเปิดประตูพุดตาลถึงกับชะงัก"ผมจะรับลูกคนนี้กลับมาเลี้ยงเอง""??" พอประโยคนี้ออกจากปากพลเอกเรวทัต ทั้งสองที่ยืนหันหลังให้ ก็ได้หันกลับมามองพร้อมกัน "คุณหมายความว่ายังไง""ในเมื่อเด็กคนนี้เป็นลูกอีกคนของผม มันก็ไม่แปลกที่ผมจะรับลูกกลับมาเลี้ยงเอง"พุดตาลรีบจับเมขลาหลบไว้ด้านหลังของตัวเองก่อน "เสียใจด้วยค่ะ แต่ตอนนี้เมขลาเป็นลูกของดิฉันแล้ว""คุณแน่ใจเหรอว่าจะพูดเรื่องสิทธิ์เลี้ยงดูเด็กคนนี้กับผม"เมขลาส่ายหน้าเล็กน้อยเพื่อบอกกับแม่พุดตาลว่าเธอไม่ไป"แม่ไม่ยอมให้หนูไปอยู่แล้ว เรากลับบ้านกัน" นางรีบหันกลับไปเปิดประตูรถ เพื่อให้เมขลาได้ขึ้นไปนั่งก่อน"ถ้าคุณชอบขึ้นโรงขึ้นศาล ไม่เป็นไรนะผมจัดให