ชายหนุ่มประกาศก้องถึงความเป็นเจ้าของเรือนร่างตรงหน้า ก่อนจะแนบชิดกายเข้าหาอย่างแรงอีกครั้งพร้อมกับสายธารที่ไหลเข้าสู่ร่างบอบบางอย่างไม่คิดที่จะป้องกันเหมือนอย่างที่แล้ว ๆ มา มัทนาหลับไปในทันทีที่บทรักอันร้อนแรงสิ้นสุดลง ต่างจากกวินภพที่ยังคงมีความต้องการหลงเหลืออยู่อีกมาก แต่เขาจำต้องหยุดทุกอย่างเอาไว้เพราะไม่อยากทำให้ครั้งแรกของมัทนากลายเป็นฝันร้ายที่ทำให้เธอต้องหวาดกลัว ชายหนุ่มรั้งคนที่หลับสนิทคาอกเข้าหาตัวเบา ๆ จูบซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยนก่อนจะหลับตาและผล็อยหลับตามคนตัวเล็กไปอย่างเหนื่อยอ่อน มัทนาขยับตัวต้อนรับอรุณของเช้าวันใหม่อย่างเชื่องช้า สิ่งแรกที่พบคือความปวดเมื่อยขบไปทั่วทั้งร่างกาย ยิ่งโดยเฉพาะส่วนที่ลึกที่สุดแล้วนั้นเธอแทบจะส่งเสียงร้องไห้ขึ้นมาทันทีที่ขยับ หญิงสาวจึงเปลี่ยนมาเป็นนอนนิ่ง ๆ จ้องมองใบหน้าคมคายของคนที่เป็นต้นเหตุทำให้เธอต้องตื่นมาพบเจอกับความปวดร้าวไปทั่วร่างแทน กวินภพยังคงหลับสนิท ซึ่งเธอเองก็อ่อนเพลียไม่ต่างกัน เพราะเมื่อคืนกว่าเขาจะยอมปล่อยก็เกือบเช้า ไม่รู้ว่าไปเอาเรี่ยวแรงมาจากที่ไหนนัก ถึงได้รักกับเธอยาวนานถึงขนาดนั้น
เสียงส้นสูงที่ดังขึ้นตามทางเดินส่งผลให้เลขาฯ หน้าหวานของกวินภพอย่างกิ่งแก้วต้องเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารที่เจ้านายทิ้งเอาไว้ให้กันก่อนจะหนีไปฮันนีมูนแสนหวานกับเจ้าสาวของเขาตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนเพื่อมองร่างระหงของนางแบบสาวที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าก่อนที่ฝ่ายนั้นจะค่อย ๆ ถอดแว่นกันแดดสีดำออกจากใบหน้าโฉบเฉี่ยวของตัวเองเมื่อมาถึงจุดหมาย “ฉันมาพบวิน เขาอยู่ในห้องใช่ไหม” ลิลินเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง สายตาไม่สบอารมณ์จ้องมองแม่เลขาฯ ตัวแสบของคู่ขาหนุ่มที่เงียบหายไร้การติดต่อไปถึงสองวันเต็ม ๆ อย่างเอาเรื่อง “คุณวินไม่อยู่ค่ะ ไม่ได้เข้าบริษัทฯ มาสองวันแล้ว” “เขาไปไหน แล้วจะกลับเมื่อไร!” “คุณวินไปภูเก็ตค่ะ ส่วนจะกลับมาเมื่อไรนั้นดิฉันไม่ทราบ” กิ่งแก้วเอ่ยตอบก่อนจะแสยะยิ้มให้ความไม่รู้อะไรเลยของยัยนางแบบจอมวีน ที่แค่ครั้งแรกเธอก็รู้ได้ในทันทีเลยว่าแม่นี่คงจะเป็นหนึ่งในร้อยของคู่ขาที่เจ้านายหนุ่มของเธอนั้นเคยร่วมหลับนอนด้วยเพื่อแลกกับเช็คเงินสดไม่ผิดแน่ “เธอเป็นเลขาฯ ประสาอะไรไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง!” “ก็ดิฉันเป็นแค่เลขาฯ นี่คะ ไม่ใช่เม
กล้องภพขับรถมาส่งลิลินที่ร้านอาหารที่หญิงสาวเป็นคนบอกทางให้ ก่อนจากกันนั้นชายหนุ่มไม่ลืมที่จะขอเบอร์โทรของอีกฝ่ายเอาไว้เพื่อที่ว่าจะได้โทร.ถามไถ่ถึงอาการของเธอเพื่อความแน่ใจ ซึ่งฝ่ายนั้นก็ยินดีที่จะมอบมันให้ และก็ไม่วายทิ้งประโยคสุดท้ายก่อนจากเอาไว้ให้กัน “ถ้าคุณกล้องภพอยากได้คำปรึกษาจากลินโทร.มาได้ทุกเมื่อเลยนะคะ ลินยินดีค่ะ” ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีกับข่าวดีที่ได้รับ เขาพอใจมากที่รู้ว่ามัทนานั้นไม่ได้รักกวินภพอย่างที่เข้าใจมาโดยตลอด และก็ดีใจที่อย่างน้อย ๆ ความฝันที่จะได้เธอมาเป็นคนรักของตนเองนั้นไม่ได้หลุดลอยออกไปไกลเหมือนในตอนแรกที่ทำใจเอาไว้ตั้งแต่เริ่มรู้สึกมากกว่าคนรู้จักต่อเธอ “ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ผมก็ยังพอมีโอกาสอยู่ใช่ไหมครับคุณมัท...” ชายหนุ่มพูดขึ้นกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะอาศัยช่วงที่รถกำลังติดไฟแดงอยู่นั้นเอื้อมมือไปหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาและกดมองดูรูปถ่ายของมัทนาที่เขาแอบถ่ายและตั้งเป็นภาพหน้าจอเอาไว้เมื่อครั้งก่อนที่ไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน กวินภพจำต้องพาภรรยาหน้าหวานที่เขาไม่ยอมปล่อยให้เธออยู่ห่างจากสายตาเลยแม้แต่นาทีเดียวกลับบ้า
“ถ้างั้นเธอก็ทำให้ฉันพอใจสิมัท รับรองได้ว่าฉันจะไม่ทำอะไรแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนอีกเลย” ไม่รู้ว่าเผลอไปจ้องตาเขาเอาตั้งแต่เมื่อไร รู้เพียงแต่ว่าในสายตาคู่สวยดุดันนั้นเต็มไปด้วยความต้องการอันร้อนแรงที่ทำให้เธอไม่กล้าแม้แต่จะขัดขืนหรือดิ้นรนให้หลุดพ้น นั่นเลยทำให้คนที่เฝ้ารอจังหวะนี้อยู่นานแล้วยิ้มหวานก่อนจะอุ้มร่างบอบบางของภรรยาสาวเข้าไปยังตัวบ้าน และตรงดิ่งขึ้นไปที่ชั้นสองมุ่งหน้าสู่ห้องนอนกว้างอย่างรวดเร็วกว่าความพอใจของกวินภพจะหมดลง มัทนาก็แทบจะฝังร่างตัวเองอยู่บนเตียงโดยมีมือหนาของคนที่เริ่มต้นรังแกเธอตั้งแต่ประตูหน้าห้องนอนจนกระทั่งถึงเตียงหนาโอบรอบเอวเอาไว้อย่างแน่นหนาเสียงที่เขาคำรามบอกกันยามเมื่อร่างกายของทั้งสองสอดประสานร่วมเป็นหนึ่งนั้นยังคงดังอยู่ในหูไม่ยอมจางหายไปง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่พายุรักอันเร่าร้อนผ่านพ้นไปนานหลายชั่วโมงแล้วแท้ ๆ “อื้ม...เมียใครทำไมสวยจัง ทั้งสวยทั้งหวาน อื้ม...ขยับแบบนั้นแหละคนดี” ใบหน้าอ่อนหวานเห่อร้อนขึ้นอีกรอบยามคิดไปถึงบทเรียนราคาแพงที่ต้องจ่ายด้วยร่างกายที่กวินภพเพิ่งจะสอนให้เธอได้ลองทำ ซึ่งบทเรียนในครั้งแรกนี้ก็ทำเอาชายหนุ่มเอ่ยปากชม
“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ” มัทนาเอ่ยบอกเพียงสั้น ๆ ก่อนจะยอมปลีกตัวออกมา ปล่อยให้กวินภพคนใหม่ที่เธอยังไม่ค่อยจะคุ้นชินกับเขาในแบบนี้สักเท่าไร จัดการเก็บโต๊ะตามที่เขาต้องการรอยยิ้มอ่อนหวานคลี่ออกช้า ๆ ยามเมื่อนึกถึงความอ่อนโยนที่เขาส่งมอบมาให้ พลันอยากจะให้เวลาหยุดตรงแค่เพียงเท่านี้ ไม่อยากให้เขากลับไปเป็นกวินภพคนเดิมที่แสนร้ายกาจอีกครั้งหนึ่งกวินภพพาตัวเองเดินขึ้นไปชั้นสองตามมัทนาทันทีที่เขาจัดการทุก ๆ อย่างบนโต๊ะอาหารจนเสร็จ เขาไม่รีรอที่จะรีบเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเองและกลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าในมือ ซึ่งเรียกเอาสายตาตกใจกึ่งสงสัยแก่เจ้าของห้องที่เขาเพิ่งจะพาตัวเองเดินเข้ามาแทบจะทันทีที่พบเห็นเข้า“คุณวิน! เก็บเสื้อผ้าจะไปไหนคะ” มัทนาเอ่ยถามอย่างตกใจ ก่อนจะจ้องมองคนที่หอบหิ้วเอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่เข้ามาหาเธอถึงห้องนอนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่ได้ไปไหน แต่จะย้ายมานอนห้องเมีย” ทันทีที่กวินภพแสดงความต้องการของตัวเองออกมามัทนาก็เบิกตากว้างขึ้น ก่อนจะจ้องมองเขา เหมือนยังไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยิน“คุณวินจะย้ายมานอนที่ห้องนี้เหรอคะ”“ห้องไหนมีเมียฉันก็อยู่ห้องนั้นแ
ตลอดทั้งวันมัทนาไม่มีสมาธิในการทำงานเท่าไรเนื่องจากพ่อสามีจอมเอาแต่ใจของเธอที่โทร.มาเช็กอยู่ทุก ๆ สิบนาทีว่าหญิงสาวยังคงนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานของตัวเองดีหรือเปล่า ก่อนที่เจ้าตัวจะพาตัวเองมาปรากฏตัวลงตรงหน้า เมื่อถึงเวลาพักเที่ยงตามที่เขาได้บอกกันเอาไว้“หิวข้าวหรือยัง” คนที่ปรากฏตัวตรงเวลาถามขึ้นก่อนจะสาวเท้าเดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มสดใส ที่ไม่รู้ว่าทำไมหมู่นี้เขาถึงได้มอบมันให้เธอแทบจะทุกครั้งที่เจอหน้ากัน“นิดหน่อยค่ะ แล้วคุณวินล่ะคะ”“หิว แต่หิวอย่างอื่นมากกว่าข้าวนิดหน่อย” สายตาที่ส่องประกายถึงบางสิ่งที่เขาว่า ทำให้มัทนาไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากถามว่าสิ่งนั้นที่ว่าคืออะไร จำต้องหลบสายตาเจ้าเล่ห์ก่อนจะยืนขึ้น และเดินนำกวินภพออกมาจากห้องทำงานโดยไม่พูดอะไร“เอ่อ…อุษากำลังจะเข้าไปบอกคุณมัทอยู่พอดีเลยค่ะว่า...” เลขาฯ สาวที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องเอ่ยขึ้นเบา ๆ ก่อนจะปรายตามองไปด้านหลังของตัวเองเพื่อให้เจ้านายเห็นสิ่งที่อยากจะพูดต่อประโยคด้วยตัวเอง“คะ...คุณกล้อง” มัทนาเอ่ยชื่อของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกลเสียงสั่น ก่อนที่เธอจะรับรู้ได้ถึงแรงบีบเคล้นจากฝ่ามืออุ่น ๆ ของกวินภพที่บีบม
หญิงสาวร้องถามเมื่อเห็นภาพของทั้งคู่ที่หนักหนาสาหัสพอ ๆ กันอย่างชัดเจน กวินภพนั้นปากแตกที่มุมปาก ส่วนกล้องภพนั้นมีรอยฟกช้ำตามใบหน้าเต็มไปหมดจนเมื่อทั้งสองเลือกที่จะไม่ตอบอะไรกลับมาเธอจึงหันกลับไปมองกวินภพที่เพิ่งจะรับปากกันแท้ ๆ ว่าจะพยายามอดทนให้ได้มากที่สุด เพื่อหวังว่าเขาจะจำคำพูดของตัวเองได้ และช่วยตอบคำถามให้เธอเข้าใจเสียทีว่ามันเป็นเพราะอะไรเขาถึงได้ผิดคำสัญญาที่มีให้กัน “อย่ามายุ่งกับเมียกูอีก ถ้ามึงไม่อยากเจอยิ่งกว่านี้ จำไว้!” กวินภพไม่ตอบคำถามแต่กลับคาดโทษกล้องภพเอาไว้ พร้อมพุ่งเข้ามากระชากมัทนาให้ออกจากร้านอาหารอย่างรวดเร็ว ซึ่งหญิงสาวก็ยอมให้เขาลากออกไปโดยง่าย เพราะกลัวเหลือเกินว่าเขาจะเปลี่ยนใจ แล้ววกกลับไปมีเรื่องกับกล้องภพเข้าอีกรอบ “คุณวิน” “อย่าเพิ่งพูดอะไรทั้งนั้น ถ้าไม่อยากให้ฉันวนรถกลับไปฆ่าไอ้บ้านั่น!” เพราะเจอเข้ากับคำตอบนี้ของเขามัทนาจึงเลือกที่จะเงียบปาก และภาวนาให้เขาใจเย็นลงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะพอเป็นไปได้ เพื่อเธอจะให้สอบถามให้รู้กันไปเลยว่าทำไมเขาสองคนถึงได้ต่อยกันรุนแรงถึงขนาดนั้นและถ้าหากลางสังหรณ์ของเธอไม่ผ
“ผมหมายถึงผมกับมัทเราสองคนคุยกันเสร็จแล้วครับ ไม่มีอะไรหรอก หันกลับมากันเถอะ” ครั้งนี้ไม่พูดเปล่า แต่เขากลับผละตัวออกห่าง และไม่ลืมที่จะรั้งคนที่เอาแต่นอนนิ่งจ้องหน้ากันอย่างคาดโทษให้ลุกขึ้นมานั่งข้างกันด้วยอีกคน “คุณผู้หญิงให้ป้ามาดูค่ะว่าคุณวินเป็นยังไงบ้าง ตายแล้ว! ทำไมหน้าช้ำเยอะถึงขนาดนั้นล่ะคะ ไปทำอะไรมากันคะเนี่ย” หญิงชราอดไม่ได้ที่ต้องร้องถาม เมื่อเริ่มสังเกตเห็นรอยบอบช้ำบนใบหน้าของคุณชาย ที่ตนเลี้ยงดูฟูมฟักมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกเข้า “ไม่มีอะไรหรอกครับป้า แล้วนั่นถืออะไรมาด้วยครับนั่น” “นี่เหรอคะ พอดีวันนี้ป้ากับคุณผู้หญิงทำบัวลอยไข่หวานของโปรดของคุณวินค่ะ คุณผู้หญิงเลยให้ป้าแวะมาดู เพราะเห็นพวกสาวใช้มันพูดกันว่าคุณวินได้แผลกลับมาบ้าน คุณผู้หญิงเป็นห่วงเลยให้ป้าแวะมาดูค่ะ ป้าเลยถือวิสาสะให้เด็กเอาบัวลอยไข่หวานที่คุณวินชอบทานมาให้ด้วยเลย” กวินภพยิ้มรับความห่วงใย ก่อนจะสั่งให้สาวใช้ นำขนมหวานของโปรดของตัวเองไปไว้ในครัว “ฝากป้าบอกคุณแม่ให้ผมด้วยนะครับว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะว่าผมมีพยาบาลส่วนตัวอย่างมัทดูแลอยู่แล้ว อี
กวินภพและมัทนาเดินทางมาร่วมงานแต่งงานระหว่างกล้องภพกับรุจิราตามคำเชิญของทั้งคู่ที่โรงแรมหรูใจกลางเมือง แขกนับพันถูกเชิญให้มาร่วมงานตามฐานะของพ่อเจ้าบ่าวและเจ้าสาวภาพของทั้งสองที่เดินจูงมือเข้ามาหาทำให้มัทนาอดยิ้มอย่างมีความสุขกับทั้งสองไม่ได้ ในที่สุดแล้วกล้องภพก็ยอมรับหัวใจตัวเองได้เสียทีแต่อย่างไรลึก ๆ ในใจหญิงสาวก็ยังคงอุตริอิจฉารุจิราไม่ได้ตรงที่ว่าเธอได้มีงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ หนำซ้ำยังได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากเจ้าบ่าวที่แทบไม่ยอมปล่อยให้มือของเขาหลุดออกไปจากมือของเธอเลย “กำลังคิดว่าถ้างานแต่งงานของเราเป็นแบบนี้บ้างก็ดีอยู่ใช่ไหมครับ”เสียงของคนรู้ทันที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปจ้องมองสามีที่กำลังจ้องกันอยู่ก่อนหน้า “เปล่าซะหน่อยค่ะ” เสียงหวานว่ากลับไปแทบจะทันที ก่อนจะจ้องมองคนที่ไม่ว่าจะเมื่อไรก็รู้ทันความคิดของเธอไปเสียตลอดเวลาอย่างเคือง ๆ จะมีสักครั้งไหมที่เธอจะสามารถปิดบังความรู้สึกของตัวเองกับเขาได้จริง ๆ คงไม่มีแน่ ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจตัวเองที่เสียเปรียบกวินภพมาตลอด “อย่าโกหกเลย แค่มองตาก็รู้แล้วว่ามัทคิดอะไร
เกาะตาล เกาะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในทะเลใต้ ถูกรอบล้อมไปด้วยหาดทรายสีขาว แต่บรรยากาศสวยงามรอบด้านนั้นไม่ได้ช่วยทำให้ชายหนุ่มที่กำลังยืนประจัญหน้ากับเจ้าของเกาะอยู่ในขณะนี้รู้สึกคลายความกดดันที่มีอยู่ ล้อมรอบตัวเองไปได้เลยแม้แต่นิดเดียว “สวัสดีครับท่านเจ้าสัว ผมชื่อกล้องภพครับ” กล้องภพตัดสินใจเอ่ยแนะตัวออกไปช้า ๆ ก่อนจะจ้องมองเจ้าสัวบัณณ์ พ่อของรุจิราด้วยสายตานอบน้อมถ่อมตัวเมื่อกล่าวจบ “ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ที่อยากรู้มากกว่าคือคุณมาทำอะไรที่นี่บนเกาะส่วนตัวของผม” เสียงก้องกังวาลจากผู้อาวุโสกว่าดังตอบ ก่อนจะจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาไม่เป็นมิตรสักเท่าไร เพราะนอกจากจะรู้ว่ากล้องภพเป็นใครแล้วนั้นยังรู้ด้วยว่าเขาคือคนที่ทำให้ลูกสาวเพียงคนเดียวที่เปรียบได้ดั่งแก้วตาดวงใจของตัวเองต้องพาตัวเองกลับมาที่นี่พร้อมกับความโศกเศร้าอย่างหนักหน่วง “ผมมาตามลูกกับเมียกลับบ้านครับท่าน” “ไหนล่ะลูกเมียที่คุณว่า” “หนูรุ้ง...ลูกสาวของท่านครับ เธอเป็นภรรยาของผม และตอนนี้ในท้องของเธอก็ยังมีลูกของผมอยู่” คำบอกเล่าจากปากของชายหนุ่มสร้างค
“ไม่ต้องอายหรอกน่า ฉันเห็นหมดทุกซอกทุกมุมแล้ว หรือถ้าอาย จะให้ฉันถอดเป็นเพื่อนเอาไหม ฉันเองก็ชอบนะแบบนั้น มันจะได้ดูไม่เป็นการเอาเปรียบเธอจนเกินไป” คนอะไรพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย มัทนาส่งค้อนวงใหญ่ให้คนที่ไม่รู้จะปากตรงกับใจไปไหนก่อนจะเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีเมื่อเขาโน้มเข้ามาชิดใกล้ “เอาไงครับที่รัก สรุปฉันต้องถอดเป็นเพื่อนมัทด้วยไหม” “ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่อยากเป็นตากุ้งยิง” “น่าเสียดายจัง ไอ้เรารึอุตส่าห์คิดว่ามีคนอยากจะเห็นของดี ไม่อยากเห็นแน่เหรอครับ” จบคำพูดกำกวมมือบางก็ยกขึ้นฟาดไหล่ของเขาเบา ๆ หนึ่งทีอย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้ คนอะไรไม่รู้จักอายเอาเสียเลย คิดจะพูดก็พูด ไม่ได้เห็นใจคนฟังอย่างเธอเสียบ้างเลย “หยุดพูดจาลามกกับฉันได้แล้วค่ะ คนอะไรหน้าไม่อาย!” “คนที่เป็นพ่อของลูกเธอไง ใช่ไหมครับลูกพ่อ” กวินภพยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่เขาจะจัดการเช็ดตัวให้คนหน้าบูดอย่างตั้งอกตั้งใจ สัมผัสที่อ่อนโยนไม่แข็งกระด้างหยาบคายเหมือนอย่างที่ผ่านมานั้นทำให้มัทนาสุขใจ และอยากจะเก็บเกี่ยวช่วงวันเวลาเหล่านี้เอาไว้นาน ๆ เพราะเดาไม่
“จริงเหรอ นี่แม่ไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม มัทท้อง! หลานของแม่อยู่ในนี้จริง ๆ ใช่ไหมลูก” ไม่มีเรื่องอะไรอีกแล้วที่จะทำให้คุณหญิงลัดดาวัลย์สุขใจไปมากกว่าการกลับมาของคนสองคนพร้อมกับข่าวดีที่สุดในรอบปีเลยก็ว่าได้และเพราะมัวแต่ดีอกดีใจกับข่าวดีที่เพิ่งจะได้ยินเลยทำให้คุณหญิงลัดดาวัลย์แทบจะลืมคำต่อว่าที่กะจะเทศนาพ่อลูกชายตัวดีตรงหน้าไปจนหมดสิ้นเมื่อทราบเรื่อง “ครับคุณแม่ ตอนนี้มัทท้องได้สองเดือนแล้วครับ แถมเด็กในท้องก็แข็งแรงปกติดีทุกอย่าง” กวินภพเอ่ยตอบผู้เป็นแม่พร้อมกับจ้องมองหน้าท้องของมัทนาไปพลาง ๆ แม้ว่าตอนนี้มันจะยังคงแบนราบอยู่ แต่ภายในนั้นกลับมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอยู่ ความรู้สึกอิ่มเอมที่เกิดขึ้นทำให้เขายิ้มไม่ยอมหุบ “แม่ดีใจกับเราสองคนจริง ๆ แล้วมัทล่ะลูก ดีใจหรือเปล่า” คำถามจากแม่สามีทำให้มัทนายิ้มรับ พร้อมให้คำตอบอีกฝ่ายไปตามที่รู้สึกโดยไม่คิดปิดบัง “ดีใจค่ะคุณแม่ แต่ตอนนี้มัทรู้สึกเหนื่อย ๆ ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ” “เอาสิ พาน้องไปพักก่อนเถอะตาวิน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะพาไปฝากท้องที่โรงพยาบาลของอาหมอนะ เขาเป็นญาติของเรานี่ล่ะ รับรองว
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะคุณวิน ปล่อย”มัทนายืนยันหนักแน่นพร้อมทั้งออกแรงดิ้นรนอีกครั้ง ไม่อยากจะไปไหนกับเขาทั้งนั้น แล้วก็ไม่ชอบที่เขามาตีหน้ามึนใส่กันเหมือนอย่างที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ เพราะยิ่งเขาทำแบบนี้มันก็ยิ่งจะทำให้เธอรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังถูกตบหัวแล้วลูบหลังไม่มีผิด “อย่าดิ้นได้ไหม อยากตกลงไปรึไง” เสียงเข้มเอ่ยดุพร้อมกับก้าวเดินออกไปนอกห้องทำงานของตัวเอง และไม่ลืมตะโกนสั่งเลขาฯ หน้าห้อง ที่กำลังจ้องมองมาด้วยความสงสัยเสียงแข็ง “โทร.สั่งให้ใครก็ได้มาช่วยขับรถให้ผมหน่อยครับ!” “ได้ค่ะ แล้วไม่ทราบว่าคุณวินจะไปไหนคะ แล้วคุณมัท...” “มัทนาไม่ค่อยสบายครับ ผมจะพาเธอไปหาหมอ” กิ่งแก้วแทบไม่อยากจะเชื่อหูกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินมันออกจากปากของเจ้านายหนุ่ม แต่ถึงกระนั้นเธอก็มีเวลาตกใจไม่มาก เพราะสายตาเอาเรื่องของกวินภพที่กำลังจ้องมองมาทำให้หญิงสาวต้องรีบคว้าเอาโทรศัพท์โทร. ออกไปทำตามที่เจ้านายหนุ่มสั่งแทบจะทันที โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง “ยินดีด้วยนะครับ ตอนนี้คุณผู้หญิงตั้งท้องได้สองเดือนแล้
“ครับ เพราะคงไม่มีผู้ชายคนไหนทนได้เวลามีใครสักคนมาบอกว่ารักผู้หญิงของตัวเอง เขารักคุณมากนะครับ และผมไม่อยากให้คุณสองคน เชื่ออะไรในคำพูดของผู้หญิงคนนั้นเท่าไหร่” “แต่ที่มัทได้ยิน มันมาจากปากของคุณวินเองเลยนะคะ” “ถ้าผมเป็นคุณวิน ผมก็จะทำแบบนั้นเหมือนกันครับ เพราะมันจะทำให้ฝ่ายนั้นยอมตัดใจ คุณมัทยังไม่ต้องเชื่อผมในตอนนี้ก็ได้นะครับ ผมว่าเวลาจะพิสูจน์ทุกอย่างให้เราเห็นเอง” “ค่ะ มัทขอบคุณคุณกล้องมากนะคะที่บอกความจริงกับมัททั้งหมด” มัทนาตอบรับพร้อมส่งยิ้มหวานละมุนอย่างเป็นมิตรกลับให้ไป “ผมไม่อยากให้คุณมัทต้องเสียคนดี ๆ ไป เหมือนกับผม” “คุณกล้อง มีอะไรที่มัทพอจะช่วยได้บ้างไหมคะ บอกมัทมาได้เลยนะคะ มัทยินดีช่วยค่ะ คิดเสียว่ามัทเป็นเพื่อนคนหนึ่งของคุณก็ได้ค่ะ” เพราะสังเกตได้หลายต่อหลายครั้งถึงสีหน้าที่ดูเหมือนจะมีเรื่องไม่สบายใจอยู่มัทนาจึงเอ่ยขึ้น เผื่อว่าเธอจะสามารถช่วยอะไรเขาบ้างได้ไม่มากก็น้อย “ผมเผลอไปทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเสียใจเอามาก ๆ ครับ และตอนนี้เธอก็คงจะเกลียดผมไปแล้ว” สีหน้าและแววตาของเขาช่างดูเศร้าจนมั
มัทนายังคงเก็บตัวเงียบอยู่ภายในห้องจนเมื่อคุณหญิงลัดดาวัลย์ทนต่อความเป็นห่วงไม่ไหวถึงได้มาหาหญิงสาวด้วยตัวเอง พร้อมกับนวลแจ่มที่ทั้งห่วงและสงสารมัทนามากกว่าใคร ๆหลังจากทั้งคู่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของกวินภพแล้วจึงยิ่งรู้สึกเห็นใจทั้งสองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณหญิงลัดดาวัลย์ที่ทั้งเข้าใจและรู้ดีว่ามัทนาในตอนนี้นั้นคงจะกำลังสับสน และไม่อยากจะเชื่อใจใครที่ไหนอีก “มัท เปิดประตูให้แม่หน่อยได้ไหมลูก” เสียงที่ดังจากทางด้านนอกห้องทำให้คนที่กำลังเติมแป้งอยู่หน้ากระจกชะงักค้างไปชั่วครู่ แต่พอจำได้ว่าเสียงที่เรียกอยู่นั้นเป็นใครหญิงสาวจึงลุกขึ้นก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องต้อนรับคนสองคนที่ยืนรออยู่ “นี่มันอะไรกัน” คุณหญิงลัดดาวัลล์อุทานขึ้นเมื่อเห็นสภาพของลูกสะใภ้ที่จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมาแปลงโฉมตัวเองเสียใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า พาลทำให้ลืมมัทนาคนเก่าที่เคยชื่นชอบการแต่งตัวด้วยชุดเดรสง่าย ๆ เรียบหรูไปจนหมดสิ้น เมื่ออีกฝ่ายหันมาสวมใส่ชุดเดรสสั้นรัดรูปบวกกับการเปลี่ยนสไตล์การแต่งหน้าใหม่ที่ดูโฉบเฉี่ยว เปลี่ยนจากสาวหวานกลายเป็นสาวเปรี้ยวเข็ดฟันได้อย่างสวยสง่า
“คุณเล่นพูดออกมาแบบนี้ระวังจะหมดตัวเอาได้ง่าย ๆ นะคะ” แม้ในใจจะพร่ำบอกว่าสิ่งเดียวที่เธออยากจะได้คือเขาเท่านั้นออกไปแค่ไหน แต่เมื่อใจรู้ดีว่าสิ่งนั้นเขาคงไม่มีวันมอบให้จึงเลือกที่จะนิ่งเงียบเก็บมันเอาไว้ในใจเหมือนกับทุกที “ผมยอมครับ ถ้ามันจะทำให้คุณออกไปจากชีวิตผมกับครอบครัว คุณไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ผมอยากให้คุณได้มีโอกาสเจอคนดี ๆ ที่เขาพร้อมจะรักและดูแลคุณไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่” “น่าเสียดายนะคะที่คน ๆ นั้นเป็นคุณไม่ได้” “ผมขอโทษครับลิน ในใจของผมตอนนี้มีแค่มัทนาคนเดียว และมันจะไม่มีวันเปลี่ยนเป็นใครได้อีก” กวินภพย้ำชัดเจนถึงความต้องการภายในใจของเขาที่อยากจะให้คนที่อยู่ข้างกายคือมัทนาภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะถ้าไม่ใช่เธอ เขาก็ไม่ต้องการใครอื่นมาอยู่เคียงข้างเช่นกัน “คุณรักแม่นั่นเหรอคะ! คนอย่างคุณน่ะเหรอคะจะรักใครเป็น คุณอย่าคิดว่าลินไม่รู้นะคะว่าที่คุณแกล้งทำดีกับนังนั่นก็เพราะว่าคุณอยากให้เธอตายใจ เพื่อที่ถึงเวลาคุณก็จะได้ฮุบเอาสมบัติอีกครึ่งที่มันสมควรจะเป็นของคุณตั้งแต่แรกกลับมา”เสียงใส ๆ ตวาดขึ้นสู้พร้อมเอ
“คุณวินอย่าคิดมากเลยนะคะ มัทเชื่อค่ะว่าสักวันแกจะเข้าใจและผ่านเรื่องนี้ไปได้ สิ่งที่เราพอจะทำได้ตอนนี้คงมีแต่คอยดูแลและให้กำลังใจแกให้แกผ่านเรื่องยาก ๆ พวกนี้ไปได้ และมัทก็ยังเชื่ออีกนะคะว่าคุณวินจะเป็นคนที่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะดูจากท่าทางของแกในวันนี้ มันทำให้มัทรู้ว่าแกคงจะรักคุณมาก”“ผมเองก็หวังแบบนั้นเหมือนกันครับ” ทั้งสองส่งยิ้มให้กำลังใจกันและกันก่อนจะหันเหความสนใจทั้งหมดไปยังเด็กน้อยบริสุทธิ์ที่ต้องมารับกรรมจากการกระทำของพวกผู้ใหญ่ ภาพนั้นถูกจ้องมองจากสายตาอีกคู่ของหญิงชราที่ได้แต่ยืนยิ้มเมื่อเห็นกวินภพและมัทนาเข้าใจกันและกันได้มากถึงเพียงนี้ เธอคงทำได้แค่หวังว่าขอให้ไม่มีเรื่องอะไรมาทำให้ความสัมพันธ์อันดีงามของทั้งคู่นั้นต้องเจอกับปัญหาเข้าอีก ไม่ว่าจะด้วยฝีมือของใครก็ตามสองสามีภรรยาทำตามคำสัญญาที่ได้ให้เอาไว้กับแอนนาเบลเป็นอย่างดี ทั้งสามนั้นร่วมรับประทานอาหารค่ำด้วยกันที่บ้านก่อนมัทนาจะพาตัวยัยหนูจอมป่วนขึ้นไปอาบน้ำด้านบน ปล่อยให้หน้าที่ล้างจานเป็นของคุณพ่อบ้านจำเป็นไป ไม่นานกวินภพก็เดินขึ้นตามมาติด ๆ ก่อนจะลอบยิ้มเมื่อได้เห็นสองสาว ที่กำลังผลัดกันเช็ดตัวให้อีกฝ่ายก