คำใบ้ที่ฟู่หยุนชิงกับเหอจิ้งเกากล่าวเอาไว้ว่า “สมบัติลับกลับอยู่ในดงไม้สูง แต่อยู่ที่ใดไม่มีใครทราบ” พวกเขาไม่รู้หรอกว่าคู่อื่นจะได้คำใบ้อย่างไร แต่พวกเขาที่เพิ่งไปที่ดงไผ่มาเมื่อวานนี้ทั้งวัน มีหรือจะหาไม่เจอ พวกเขาไม่คิดว่าคำใบ้จะง่ายเช่นนี้แต่แรก ดงไม้สูงในป่านี้ก็มีเพียงป่าไผ่เท่านั้นเอง
ฟู่หยุนชิงกับเหอจิ้งเกาทำอุปกรณ์การขุดง่าย ๆ จากไม้ไผ่ที่เหลืออยู่ โดยทำเพียงตัดเฉียงไม้ไผ่ให้มีปลายแหลมพอที่จะขุดดินได้ง่าย ๆ ขนาดก็ไม่ได้ยาวมากนัก เพื่อที่พวกเขาจะได้ขุดได้ไม่ยากนัก เมื่อเตรียมอุปกรณ์เสร็จสิ้น ทั้งสองคนก็สะพายตะกร้าไปด้วยเพื่อหาอาหารมาเป็นเสบียงเอาไว้ทำกินในวันนี้
ทั้งสองคนเดินเคียงกันเข้าไปทางที่ไปป่าไผ่เมื่อวานนี้ทันที ใช้เวลาไม่นานนักพวกเขาก็ไปถึงป่าไผ่ ฟู่หยุนชิงกับเหอจิ้งเกาแยกกันออกไปสำรวจรอบ ๆ บริเวณ เพื่อดูว่ามีดินตรงไหนที่ร่วนซุยเหมือนมีคนขุดและกลบเอาไว้บ้าง
&n
ฟู่หยุนชิงที่ไม่มีอะไรทำตอนนี้ เธอนึกได้ว่ายังไม่ได้ตักน้ำใส่ถังใหญ่ จึงได้เดินไปเอาถังน้ำเล็กไปตักน้ำที่ทะเลมาใส่เอาไว้ในห้องอาบน้ำ ส่วนเหอจิ้งเกาก็เร่งเดินหาสมุนไพรปรุงรสต่าง ๆ ที่เขาจำได้ว่ามีมากแถวหลังป่าไผ่ ถึงจะไกลไปหน่อยแต่ก็ดีกว่าที่เขาจะตามหาที่อื่นที่ไม่รู้จัก เหอจิ้งเกาเดินถึงหลังป่าไผ่ในเวลาไม่นานนัก เขารีบหาดูว่าพืชชนิดใดเหลือให้เขาพอจะเอาไปปรุงอาหารได้บ้าง เมื่อพบพืชหลายชนิดที่มีจำนวนมากเหมือนมีคนมาปลูกเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น เหอจิ้งเกาก็เก็บไปเป็นจำนวนมาก เขาขี้เกียจที่จะเข้ามาเก็บอีกบ่อย ๆ จึงคิดจะเอาไปเผื่อไว้ทำอาหารในวันต่อ ๆ ไป หลังจากเก็บจนพอใจแล้ว ขากลับเหอจิ้งเกายังแวะเก็บเห็ดป่าที่พอจะมีเหลือจากที่เขาเก็บไปเมื่อวานนี้ ฟู่หยุนชิงที่ตักน้ำเสร็จแล้วก็ยังไม่มีอะไรทำอีก เธอจำได้ว่าเหอจิ้งเกาไม่ได้เอามีดสั้นไปด้วยนี่นา ฟู่หยุนชิงคลานเข้ากระท่อมไปดูก็พบว่าจริงอย่างที่เธอนึกออก เพราะมีดสั้นของเหอจิ้งเกายังคงวางอยู่
ฟู่หยุนชิงกับเหอจิ้งเกานอนกันเพียงสองชั่วโมงก่อนที่จะพากันออกมาล้างหน้าล้างตา พวกเขาได้ยินเสียงพูดคุยจากทางทะเลจึงได้มองไปก็เห็นคู่อื่น ๆ กำลังหาอาหารทะเลไปทำกินในมื้อเย็น ทั้งสองคนได้แต่หันกลับมามองหน้ากันพร้อมกับถอนหายใจ ดีที่พวกเขาหาอาหารเอาไว้เผื่อมื้อเย็นแล้ว ไม่เช่นนั้นด้วยคนเยอะขนาดนี้ พวกเขาคงจะหาอาหารทะเลได้น้อยเป็นแน่ หลังล้างหน้าล้างตากันแล้ว ฟู่หยุนชิงกับเหอจิ้งเกาก็นำอาหารมาอุ่นที่กองไฟซึ่งยังไม่ดับของพวกเขา ฟู่หยุนชิงเติมฟืนเข้าไปในกองไฟทั้งสองกองอีกไม่น้อย เพื่อที่จะได้อุ่นอาหารได้อย่างรวดเร็ว ความจริงเธอไม่ค่อยหิวนักในตอนเย็นเช่นนี้ แต่เธอก็รู้ดีว่าเหอจิ้งเกาจะต้องบอกให้เธอกินสักหน่อยเหมือนทุกวันเป็นแน่ ฟู่หยุนชิงจึงไม่อยากทำตัวเรื่องมากให้เขาต้องคอยบอกเธอ ไม่นานนักทั้งสองคนก็อุ่นอาหารเสร็จ พวกเขานั่งกินอาหารและมองคู่อื่น ๆ ที่ยังไม่กลับขึ้นจากทะเลอย่างเป็นกังวล ที่ต้องกังวลก็เพราะว่าพวกเขาเปียกกันไปทั้งตัว แล้วต
คู่ของหลานเฟยที่ได้มันเทศดูจะยุ่งยากนิดหน่อย เพราะหลานเฟยไม่รู้จักว่าต้นมันมีใบแบบไหน เขาสอบถามเหยาเหยาเรื่องนี้พร้อมกับหน้านิ่วคิ้วขมวด โชคดีที่เหยาเหยาเคยเห็นใบมันเทศมาก่อน เธอจึงบอกเขาว่าเธอพอจะรู้จักใบมันเทศอยู่บ้าง หลานเฟยจึงให้เหยาเหยาเป็นคนนำทางเพื่อไปขุดมันเทศในป่า ซึ่งพวกเขาก็ไม่รู้ว่าแถวไหนน่าจะมีมันเทศขึ้นได้บ้าง คู่ของหวังซันเองนั้นน่าจะหาได้ไม่ยากนัก ด้วยส้มเป็นผลไม้ที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี แต่ที่ผ่านมาตั้งแต่พวกเขาเข้าป่าก็ยังไม่เคยเห็นต้นส้มเลยสักต้น หวังซันได้แต่สอบถามฉีเหมยว่าเธอจะเดินหาไหวหรือไม่ หากไม่ไหวก็รอเขาอยู่ที่ที่พัก ฉีเหมยที่ไม่อยากอยู่คนเดียวได้แต่บอกว่าเธอจะไปช่วยเขาหาด้วย ถึงจะเหนื่อยหน่อยก็ไม่เป็นไร หลังจากตกลงกันได้แล้วทั้งสองคนก็เดินเข้าป่าไปด้วยกัน ส่วนคู่ของฟู่หยุนชิงกับเหอจิ้งเกานั้น เธอกำลังรอให้เขาเป็นคนตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับภารกิจครั้งนี้ เหอจิ้งเกามองฟู่หยุนชิงพักหนึ่งก่อนที่จะใช้วิ
เหอจิ้งเกาไม่คิดว่าจะได้ยินคำบ่นของฟู่หยุนชิงด้วยความเป็นห่วงเป็นครั้งแรก เขาถึงกับเผลอยิ้มออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เหอจิ้งเกาบอกกับฟู่หยุนชิงว่าเขาจะรีบทำอาหารจากหอยให้เสียก่อน เพราะตอนนี้บ่ายกว่าแล้ว ฟู่หยุนชิงได้แต่พยักหน้ารับคำ เธอสอบถามเหอจิ้งเกาว่าต้องการให้เธอช่วยอะไรหรือไม่ แน่นอนว่าเหอจิ้งเกาให้เธอนำกล้วยไปวางเอาไว้ที่หน้ากระท่อมเสียก่อนแล้วค่อยมาช่วยเขาดูว่าจะทำเมนูอะไรจากหอยที่ฟู่หยุนชิงหามา ฟู่หยุนชิงทำตามที่เหอจิ้งเกาบอก เธอกลับมาแล้วนำตะกร้าใส่หอยทั้งหลายแหล่ที่หามาได้ส่งให้กับเหอจิ้งเกาดูว่าพอจะทำเมนูอะไรได้บ้าง พอเหอจิ้งเกาเห็นหอยเป๋าฮื้อจำนวนไม่น้อย เขาถึงกับเงยหน้ามองฟู่หยุนชิงอย่างตกตะลึง ใครไม่รู้กันบ้างเล่าว่าการหาหอยเป๋าฮื้อจะต้องดำน้ำลึก เขาไม่คิดว่าฟู่หยุนชิงจะกล้าทำถึงขนาดนี้เพื่อชัยชนะ“นี่คุณดำน้ำไปเก็บหอยเป๋าฮื้อพวกนี้มาเหรอฟู่หยุนชิง มันอันตรายมากรู้ไหม”
ค่ำคืนนั้นฟู่หยุนชิงกับเหอจิ้งเกาต่างพากันนอนหลับไปหลังจากอาบน้ำตามเวลาปกติ ถึงแม้พวกเขาจะพักอยู่ในกระท่อมเดียวกัน แต่พื้นที่ภายในก็ห่างกันอยู่ไม่น้อย อีกทั้งฟู่หยุนชิงมีความรู้สึกไวต่อการสัมผัส หากเหอจิ้งเกาคิดไม่ซื่อกับเธอ ฟู่หยุนชิงก็สามารถจัดการเขาได้เพียงแค่ใช้ความแข็งแกร่งของเธอเท่านั้น รุ่งเช้าวันต่อมา ทีมงานมาตามทุกคนไปรับภารกิจเช่นเคย วันนี้ภารกิจจะเป็นการหากล่องรางวัลซึ่งแต่ละคู่จะต้องจับสลากว่าคู่ไหนจะได้คำใบ้แบบไหนและแต่ละคู่จะต้องไขปริศนารวมทั้งตามหากล่องรางวัลของตนเอง คู่ไหนหากล่องเจอก่อนจะชนะในเกมส์นี้ทันที บรรดาชายหนุ่มต่างเข้ามาจับสลากอย่างเคยชิน เหอจิ้งเกาไม่รู้ว่าจะได้คำใบ้แบบไหน เขาเดินกลับไปหาฟู่หยุนชิงแล้วดูคำใบ้ด้วยกัน พอทั้งสองคนอ่านคำใบ้แล้วก็ได้แต่พากันกลอกตามองบน นี่มันจะง่ายไปไหม ถึงแม้ทีมงานจะบอกว่ายังมีคำใบ้เหลืออยู่ในป่าให้พวกเขาค้นหาตามเบาะแสแรกก็เถอะ แต่ในมือพวกเขาแทบจะบอกได้แล้วว่ากล่องรางวัลอยู
ฟู่หยุนชิงกับเหอจิ้งเกาพากันแวะนำกล้วยไปเผื่อเอาไว้กินรองท้องหากว่าพวกเขาหาของในป่าจนเลยเวลาเที่ยงวัน เหอจิ้งเกาอาสาตัดหวีกล้วยออกมาหวีหนึ่งแล้วใส่ตะกร้าสะพายของเขา เขายังบิดกล้วยให้ฟู่หยุนชิงกินเล่นระหว่างเดินหาของป่าด้วยกลัวว่าเธอจะหิว ฟู่หยุนชิงรับกล้วยมาพร้อมกับขอบคุณเหอจิ้งเกา เธอเองก็ชวนเขากินด้วยกัน ไม่อย่างนั้นฟู่หยุนชิงคงรู้สึกผิดเป็นแน่ เหอจิ้งเกาเห็นเธอทำหน้าตาจริงจังจึงไม่อยากขัด เขาบิดกล้วยแล้วปอกเปลือกกินไปเดินไปพร้อมกับฟู่หยุนชิง ระหว่างทางฟู่หยุนชิงสอบถามเหอจิ้งเกาว่าเขาอยากได้อะไรจากในป่า พอรู้ว่าเขาจะทำแกงหน่อไม้ใส่ปลาให้เธอกิน ฟู่หยุนชิงก็ดูคึกคักขึ้นมาทันที เธอเร่งเดินไปยังป่าไผ่ที่เดิมที่เคยไปกันอย่างรวดเร็ว ทำให้เหอจิ้งเกาได้แต่ส่ายหัวกับความชอบกินของคนตัวเล็ก เขาเดินเร็ว ๆ ตามเธอไปติด ๆ ทั้งสองคนใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงป่าไผ่แล้ว ฟู่หยุนชิงบอกใ
ฟู่หยุนชิงเดินกลับไปยังที่พักพร้อมกับปลาเต็มถังน้ำ เหอจิ้งเกาได้แต่รับถังน้ำใส่ปลาของเธอมาอย่างอ่อนใจ นี่เธอคิดว่าหม้อจะพอใส่หรือไม่ ทำไมถึงได้หาปลามาเสียเยอะแยะถึงขนาดนี้กันหนอ เหอจิ้งเกาไม่กล้าบ่นฟู่หยุนชิง เขาเห็นว่าเธอตั้งใจเก็บทั้งหน่อไม้และปลา ดังนั้น เขาเองก็จะทำอาหารให้สุดฝีมือตามที่เธออยากกินก็แล้วกัน ฟู่หยุนชิงเองหลังส่งถังปลาให้เหอจิ้งเกาแล้วเธอก็ไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อล้างคราบเหงื่อไคลออกตั้งแต่ยังไม่ถึงตอนเย็นดี จากนั้นก็มานั่งมองเหอจิ้งเกาผู้ชายตัวโตนักธุรกิจใหญ่ที่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าตั้งแต่เข้าร่วมการแข่งขันมาในวันแรกจนถึงวันนี้ เขาไม่เคยบ่นว่าลำบากให้เธอได้ยินเลยแม้แต่น้อย แถมฟู่หยุนชิงยังรู้สึกว่าเขานั้นเหมาะที่จะเป็นคู่ของเธอเสียจริง อย่างไรฟู่หยุนชิงก็ยังคงคิดถึงเงินรางวัลที่กำลังจะได้รับในวันจบการแข่งขันพร้อมรอยยิ้มบาง หากไม่มีเหอจิ้งเกาอยู่ทีมเดียวกับเธอ ฟู่หยุนชิงคิดว่าภารกิจต่าง ๆ ที่ได้รับคงไม่สามารถเสร็จได้เร็วถึงขนาดนี้ ฟู่หยุนชิงมีคำขอบคุณมากมายที่อยากจะบอก
หลังจากฟู่หยุนชิงกับเหอจิ้งเกากินอาหารเช้าเสร็จแล้ว ทีมงานก็มาตามพวกเขาไปรับภารกิจในวันสุดท้ายทันที ไม่นานนักคู่แข่งขันคู่อื่น ๆ ก็มาพร้อมกันที่จุดรวมพลเช่นเคย ทีมงานแจ้งภารกิจในวันนี้ว่าคู่ไหนที่หาปลาได้มากที่สุดภายในสองชั่วโมงจะเป็นฝ่ายชนะ และช่วงบ่ายทีมงานก็จะปล่อยจบการแข่งขันรวมทั้งมอบเงินรางวัลให้ผู้ชนะในครั้งนี้อีกด้วย ทีมงานยังแจ้งกำหนดการเดินทางกลับจากเกาะร้างเป็นตอนสี่โมงเย็นของวันนี้ที่เรือซึ่งทีมงานจ้างเอาไว้จะมารับพวกเขากลับกันแล้ว ผู้เข้าร่วมแข่งขันต่างโล่งใจที่สิ้นสุดการแข่งขันเสียที พวกเขาไม่คิดมากเรื่องที่จะแพ้คู่สัตว์ประหลาดอีกต่อไป อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็ได้รับประสบการณ์แปลกใหม่ในการอยู่บนเกาะร้างเช่นนี้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว ทีมงานปล่อยให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันไปหาอุปกรณ์เพื่อมาจับปลาแข่งกันอย่างไม่เร่งรีบ พวกเขาจะเริ่มจับเวลาหลังจากแต่ละคู่เตรียมอุปกรณ์เสร็จสิ้นแล้วเท่านั้น &nbs
เมื่อพวกเขามาถึงร้านนาฬิกา พนักงานในร้านรีบออกมาต้อนรับฟู่หยุนชิงเช่นกันกับพนักงานร้านก่อนหน้านี้ พวกเขาได้รับข่าวมาก่อนหน้าจากร้านเสื้อผ้าแล้วว่าภรรยาของท่านประธานกับนายน้อยมาเดินเล่นที่นี่ ด้วยการข่าวอันฉับไว ทุกร้านในห้างจึงเตรียมพนักงานเอาไว้ต้อนรับกันแต่แรกแล้ว“ไม่ทราบว่าคุณมีนาฬิกาคู่รักหรือเปล่าคะ? กับนาฬิกาของเด็กขนาดเดียวกับแขนลูกชายของฉัน”“มีทั้งสอบแบบเลยค่ะ เชิญคุณลูกค้าตามดิฉันมาดูนาฬิกาคู่รักก่อนนะคะ พอดีเพิ่งมีคอลเลคชั่นใหม่ออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน เผื่อว่าคุณลูกค้าถูกใจ” ฟู่หยุนชิงพยักหน้ารับคำและเดินตามพนักงานไปพร้อมอาหยงที่อุ้มเหอเสี่ยวหมิงอยู่ ส่วนอาเหว่ยก็เดินตามหลังฟู่หยุนชิงไปไม่ไกลเช่นกัน อาเหว่ยได้แต่คิดว่าตอนนี้ทั้งห้างคงรู้แล้วว่านายหญิงมา ดูจากการบริการที่รวดเร็วและไม่ถามที่มาที่ไปแบบนี้ นับว่าผู้จัดการห้างมีความสามารถไม่น้อยที่แจ้งข่าวให้ร้านต่าง ๆ ทราบภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโม
ระหว่างทางไปยังบริษัท เลขารายงานเรื่องเมื่อวานให้กับเหอจิ้งเกาทราบทุกอย่าง อีกทั้งวันนี้เขาจะไปหาทนายของบริษัทเพื่อให้ทำเรื่องแจ้งความและส่งฟ้องหวงเหมยหงและลี่ลี่อีกครั้งหนึ่ง“คุณทำได้ดีมาก รอสิ้นปีผมจะเพิ่มโบนัสให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกที ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับการช่วยรักษาชื่อเสียงภรรยาของผมก็แล้วกัน”“ขอบคุณครับเจ้านาย” เลขากับบอดี้การ์ดที่ช่วยเหลืองานเมื่อวานนี้ไม่คิดว่าพวกเขาจะได้รับรางวัลในการทำงานครั้งนี้ด้วย นับว่าเจ้านายใจดีมากขึ้นตั้งแต่มีครอบครัว พวกเขาที่ได้รับเงินเดือนไม่น้อยต่างก็ดีใจที่เจ้านายมีความสุขและเผื่อแผ่ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้พวกเขาเช่นนี้ ฟู่หยุนชิงที่อยู่บ้านกับเหอเสี่ยวหมิงวันนี้ เธอเรียกอาหยงกับอาเหว่ยมาสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่สามีทำให้เธออยู่เบื้องหลัง เธอแน่ใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที
เหอจิ้งเกาใช้เวลาไม่นานในการซื้อของ เขาอยากรีบกลับไปทำอาหารให้ฟู่หยุนชิงจะแย่แล้ว บอดี้การ์ดเองก็รีบขับรถกลับบ้านให้เจ้านายตามที่พวกเขาเห็นว่าเจ้านายดูเร่งรีบไม่น้อย เมื่อถึงบ้านแล้ว เหอจิ้งเกาก็เห็นพ่อบ้านมายืนรออยู่แล้ว บอดี้การ์ดช่วยถือวัตถุดิบอาหารเข้าไปยังห้องครัวให้กับเหอจิ้งเกา เขาบอกพ่อบ้านว่ามื้อเย็นเขาจะทำอาหารเอง ให้แม่บ้านทำอาหารให้กับพวกบอดี้การ์ดกับพวกเขาก็พอ พ่อบ้านรับคำเหอจิ้งเกาแล้วเดินไปบอกกับแม่บ้านทั้งสองคนให้ไปทำอาหารที่ครัวของอีกตึกหนึ่งซึ่งพวกเขาอาศัยอยู่ คราแรกแม่บ้านทั้งสองคิดว่าเจ้านายไม่พอใจอาหารของพวกเธอก็พากันตกใจไม่น้อย แต่พอพ่อบ้านบอกว่าเจ้านายอยากทำอาหารให้นายหญิงด้วยตัวเองเท่านั้น พวกเธอจึงได้เบาใจลง พวกเธอไม่อยากหางานใหม่เพราะอายุที่มากแล้วและที่นี่ก็ให้ค่าตอบแทนสูงมากอย่างน่าตกใจแต่ก็ต้องแลกมาด้วยการต้องพักที่นี่และทำความสะอาดบ้านหลังใหญ่ช่วยกันทั้งสี่คน  
หวงเหมยหงกับลี่ลี่ที่ถูกเหอจิ้งเกาจัดการไม่ให้มีงานในวงการก่อนหน้านี้พอได้ข่าวเรื่องเหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงก็ได้แต่คิดอิจฉาและแค้นใจที่เหอจิ้งเกาทำกับพวกเธอแบบนี้ ทั้งสองคนไม่อยากให้พวกเขาอยู่กันอย่างมีความสุขง่าย ๆ จึงได้จ้างโกสต์เพื่อแพร่ข่าวว่าฟู่หยุนชิงวางยาเหอจิ้งเกาจนต้องรับผิดชอบในปีนั้น แถมยังสร้างข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ของฟู่หยุนชิงมากมายอีกด้วย เลขาที่ให้คนคอยติดตามข่าวอยู่ตลอดรู้ในทันทีที่มีข่าวแพร่ออกมา เขารีบแจ้งให้เจ้านายทราบอย่างเร่งด่วนว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง“ให้คนสืบว่าใครเป็นคนทำ และปิดข่าวอย่าให้ฟู่หยุนชิงรู้ เดี๋ยวเธอจะไม่สบายใจ”“ได้ครับเจ้านาย แล้วถ้ารู้ตัวคนทำแล้วจะให้ทำยังไงต่อไปดีครับ”“ค้นหาเรื่องราวของคนทำที่ทำเรื่องสกปรกออกมาให้หมด แล้วส่งให้สำนักข่าวทุกสำนัก รวมทั้งให้คนกระจายข่าวออกไปตามสื่อโซเชียลด้วย หลังจากได้หลักฐานว่าใครเป็นคนสร้างข่าวเสีย
หลังทานอาหารเสร็จแล้ว เหอจิ้งเกาให้พ่อบ้านพาเขาไปดูห้องที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เขากับฟู่หยุนชิงและเหอเสี่ยวหมิง พ่อบ้านรีบรับคำและเดินนำเจ้านายทั้งสามไปอย่างช้า ๆ เขารู้มาก่อนแล้วว่านายหญิงกำลังท้องอยู่จึงไม่กล้าเดินเร็วเกินไปนักด้วยกลัวจะเกิดอุบัติเหตุ ถึงแม้ว่าเจ้านายจะจับมือนายหญิงอยู่ก็เถอะ เขาก็ควรจะต้องระวังเอาไว้ให้มากจะดีที่สุด พ่อบ้านพาทุกคนไปดูห้องใหญ่ของเหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงก่อนที่ปีกซ้ายชั้นสองของบ้าน ห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำกว้างขวางในตัว รวมทั้งยังมีตู้เสื้อผ้าแบบบิวอินที่กว้างพอ ๆ กับห้องอีกห้องหนึ่งอยู่ติดกับห้องน้ำและมีประตูเปิดเข้าไปได้ อีกด้านหนึ่งของห้องมีระเบียงกว้าง โต๊ะและเก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อนชมวิวทิวทัศน์ด้านหลังบ้านซึ่งมองเห็นทะเลสาบและสวนดอกไม้อยู่ ฟู่หยุนชิงกับเหอเสี่ยวหมิงที่เห็นทุกอย่างตามที่พ่อบ้านอธิบายก็พอใจมากกับห้องที่เขาเลือกให้เธอและเหอจิ้งเกา หลังจากที่สำรวจดูคร่าว ๆ แล้ว ฟู่หยุนชิงจึงบอกพ่อบ้า
เลขารีบลงจากรถมาแนะนำชื่อของพ่อบ้าน แม่บ้านทั้งสองคนและคนสวนให้กับเหอจิ้งเกา ฟู่หยุนชิงและเหอเสี่ยวหมิงรู้จัก เหอจิ้งเกาทำเพียงพยักหน้าให้กับทั้งสี่คน ส่วนฟู่หยุนชิงเองก็ทำเพียงแค่มองพวกเขาด้วยสายตานิ่งเรียบเท่านั้น เหอเสี่ยวหมิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเหอจิ้งเกาได้แต่กระซิบถามพ่อของเขาว่าเขาจะต้องเรียกคนเหล่านี้ว่าอย่างไร“ลูกก็เรียกคุณลุงพ่อบ้าน คุณป้าแม่บ้านกับคุณอาคนสวนสิครับ ตกลงไหม?”“ตกลงครับพ่อ สวัสดีครับลุงพ่อบ้าน ป้าแม่บ้านกับอาคนสวน ผมชื่อเหอเสี่ยวหมิงเป็นลูกชายของคุณพ่อกับคุณแม่ครับ” เหอเสี่ยวหมิงแนะนำตัวเองอย่างน่ารักให้กับผู้อาวุโสกว่าที่ถึงแม้พวกเขาจะเป็นเพียงลูกจ้างของเหอจิ้งเกา แต่เขาก็สอนลูกให้รู้จักเคารพผู้ที่มีอายุมากกว่า ฟู่หยุนชิงได้แต่ลูบหัวของลูกด้วยความรัก เธอดีใจที่เหอจิ้งเกาไม่สอนให้ลูกถือตัวว่าร่ำรวยจนไม่เห็นหัวใคร ยิ่งอยู่กับเหอจิ้งเกานานเข้า ฟู่หยุนชิงก็พบแต่ข้อดีของเขามากขึ้นทุก
เหอจิ้งเกาที่ทำอาหารเสร็จแล้วก็เรียกสองแม่ลูกมาทานข้าว ฟู่หยุนชิงจึงได้บอกลาเหล่าผู้ติดตามในเว่ยป๋อว่าเธอต้องไปทานอาหารเย็นแล้ว และฟู่หยุนชิงยังบอกให้พวกเขาไปทานอาหารด้วยเช่นเดียวกันก่อนจะปิดเว่ยป๋อแล้วลุกขึ้นเดินจูงมือลูกชายไปที่ห้องครัว“รีบนั่งกันเร็วเข้า วันนี้ผมทำของชอบคุณกับลูกเยอะแยะเลย”“ขอบคุณมากนะคะ”“ขอบคุณครับพ่อ” สองแม่ลูกรีบนั่งตรงที่ประจำของตัวเอง เหอเสี่ยวหมิงปีนเก้าอี้ขึ้นไปอย่างชำนาญ เหอจิ้งเกาเห็นเช่นนี้ก็ได้แต่ดีใจที่เจ้าตัวเล็กสามารถดูแลตัวเองได้แล้วในอายุเพียงเท่านี้ ระหว่างทานข้าว ฟู่หยุนชิงขออนุญาตเหอจิ้งเกาถ่ายกิจวัตรประจำวันหลังจากย้ายบ้านใหม่ทางเว่ยป๋อ เธออยากอวดพัฒนาการของลูกชายและลูกในท้องให้เหล่าแฟนคลับได้เห็นบ้างหลังจากข่าวออกไปแล้ว“ได้สิ คุณถ่าย
หลังจากทานอาหารกันเสร็จแล้ว ช่วงบ่าย เหอจิ้งเกาก็พาลูกกับภรรยาไปซื้อเสื้อผ้าครอบครัวต่อทันที แน่นอนว่าผู้จัดการแนะนำร้านที่ชั้นสองให้กับเหอจิ้งเกา ซึ่งมีเสื้อผ้าแบรนด์ชั้นนำมากมายจัดจำหน่ายอยู่ เหอจิ้งเอาจึงพาทุกคนเดินลงบันไดเลื่อนไปยังชั้นดังกล่าว เสียงเล็ก ๆ ของเหอเสี่ยวหมิงแสดงออกว่าดีใจที่จะได้เลือกเสื้อผ้าเองสักที หลังจากที่เขาจะต้องสวมเสื้อผ้าที่พ่อเลือกให้เท่านั้น“นี่ลูกไม่ชอบชุดที่พ่อเลือกให้หรือยังไง หืม?”“ก็ผมโตแล้วนี่ครับ พ่อยังจะให้ผมใส่ชุดนอนพวกหมี หมู วัว กระต่าย พวกนั้นอีกเหรอครับ ขอชุดนอนแบบธรรมดาเหมือนที่พ่อใส่บ้างสิครับ” ฟู่หยุนชิงพอฟังลูกชายบอกว่าตัวเองโตแล้วก็ถึงกับหัวเราะเบา ๆ เจ้าตัวเล็กนี่นะที่โตแล้วยังให้พ่ออุ้มอยู่เลย“ถ้าลูกโตแล้วก็ต้องนอนคนเดียวได้แล้วนะเสี่ยวหมิง ลูกยังอยากโตแล้วอยู่หรือเปล่าล่ะ? อีกอย่างแม่ก็เห็นว่าชุดนอนที่พ่อเลือกให้ก็น่ารักสมวัยกับลูกแล้วนะ”“โธ่ แ
ฟู่หยุนชิงปรายตามองคนถามอย่างเย็นชา เธอไม่คิดว่าจะต้องตอบคำถามซ้ำกับสามีเช่นนี้“ฉันเองก็พบกับเขาครั้งแรกในกองถ่ายที่เขาว่านั่นแหละค่ะ และเราก็ได้ร่วมงานกันในรายการแข่งขันการเอาตัวรอดอย่างที่ทุกคนเคยดูรายการนี้ไปแล้ว ฉันเองก็ไม่คิดว่าคนรวย ๆ อย่างเขาจะมีความสามารถมากจนน่าประทับใจอย่างในรายการเช่นกัน แต่ฉันเองก็ไม่คิดว่าเขาจะสนใจนักแสดงตัวเล็ก ๆ อย่างฉันจนถึงกับขอแต่งงานเอาดื้อ ๆ เมื่อห้าปีก่อนเช่นเดียวกัน แต่ในเมื่อฉันเองก็ไม่ได้รังเกียจเขา ฉันที่ตัวคนเดียวในตอนนั้นจึงตอบตกลงอย่างไม่คิดอะไรมากเช่นกัน และฉันก็ไม่ได้คิดผิดที่แต่งงานกับเขา เขาดูแลฉันและลูกดีมากมาตลอดตั้งแต่เริ่มตั้งท้องเสี่ยวหมิงจนกระทั่งถึงทุกวันนี้” จากเสียงที่เย็นชาในตอนแรก แต่พอพูดถึงสามีของตัวเองนั้น น้ำเสียงของฟู่หยุนชิงก็ดูอบอุ่นมากขึ้นเป็นเท่าตัว ทำเอานักข่าวทั้งหลายต่างกลืนน้ำลายไปตาม ๆ กัน ด้วยพวกเขาตามอารมณ์ของเธอไม่ทันนั่นเอง